ต่อไปผมจะขอพูดเรื่อง ฆราวาสธรรม คือธรรมสำหรับฆราวาส
ฆราวาสก็คือผู้ครองเรือน บางทีเรียกว่า คฤหัสถ์ผู้ครองเรือน ก็จะต้องมีธรรมของผู้ครองเรือน และเป็นธรรมะสำหรับครอบครัวที่ทุกคนจะต้องมี คนที่อยู่ในครอบครัวทุกคนจะต้องมีหลักธรรมเหล่านี้
ธรรมสำหรับฆราวาสที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมไว้นั้น จุดประสงค์ก็เพื่อยกระดับฆราวาสให้เป็นฆราวาสที่ดี ไม่ใช่ฆราวาสที่เป็นปุถุชนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ต้องการให้เป็นฆราวาสจนถึงขั้นที่เรียกว่า อริยฆราวาส เป็นฆราวาสที่เป็นอริยะ แล้วก็สามารถจะเป็นได้อยู่ได้ถึงอนาคามี
เป็นอริยะถึงขั้นอนาคามี หรือพระอริยบุคคลในระดับที่ 3 เกือบจะเป็นพระอรหันต์อยู่แล้วสามารถจะอยู่ครองฆราวาสได้ตลอดชีวิต แล้วก็ครองฆราวาสได้อย่างดี มีชีวิตฆราวาสได้อย่าง ดี มีตัวอย่างในสมัยพุทธกาลมากมาย ที่ท่านเหล่านั้นใช้ชีวิตแบบฆราวาส และก็สามารถจะบรรลุธรรมได้จนถึงพระอนาคามี เช่น จิตตคหบดี เป็น พระอนาคามี ที่อยู่ครองเรือน ฆราวาสธรรมมี 4 หัวข้อ ต่อไปนี้
ข้อที่ 1 คือ สัจจะ
หมายถึงความจริง จริงทางกายบ้าง จริงทางวาจาบ้าง จริงทางใจบ้างที่ไม่เป็นโทษ ดำรงมั่นอยู่ในความจริงที่รู้จักด้วยปัญญา
สัจจะ มี 2 อย่าง ดังนี้
1.
สัจจานุรักษ์ คือการรักษาสัจจะ อะไรที่เป็นสัจจะก็รักษาสิ่งนั้นเอาไว้
2. สัจจาภินิเวส คือ รักษาด้วยอุปาทาน ยึดถือด้วยอุปาทานว่าสิ่งนี้จริง สิ่งอื่นไม่จริง รักษาสัจจะอย่างงมงาย เคยถือกันมาอย่างไร ก็ถือกันไปอย่างนั้น โดยไม่คำนึงถึงเหตุการณ์ เหตุผลความเป็นจริงที่เป็นปัจจุบัน นั่นเรียกว่า สัจจาภินิเวส เป็น doctrine magicism ไม่ใช่ protection of the truth ไม่ใช่การรักษาสัจจะแต่เป็น doctrine magicism เป็นการถือกันตามปรัมปราประเพณี คือสัจจะแบบนั้นมันไม่ได้ทดสอบไม่ได้พิสูจน์ความจริง อย่างนี้เรียกว่า สัจจาภินิเวส
แต่ว่าสัจจานุรักษ์ นั้นต้องได้เห็นเหตุผล เป็นความจริงที่มีเหตุผลทดสอบได้ และท่านผู้ที่จะรักษาสัจจะ ต้องเป็นสัจจะตามพระวังคีสะ พุทธสาวกรูปหนึ่งของพระพุทธเจ้าที่ได้กล่าวไว้ต่อหน้าพระพักตร์ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า สจฺเจ อตฺเถ จ ธมฺเม จ อหุ สนฺโต ปติฏฺฐิตา สัตบุรุษทั้งหลายดำรงมั่นอยู่ในสัจจะที่เป็นประโยชน์และ เป็นธรรม อตฺเถ จ ธมฺเม จ อหุ สนฺโต ปติฏฺฐิตา แปลว่าเป็นประโยชน์ธรรมะ นั่นคือเป็นธรรม ดำรงอยู่ในสัจจะที่เป็นประโยชน์ และเป็นธรรมคือยุติธรรม แต่ถ้าเป็นสัจจะที่ไม่เป็นประโยชน์และก็ไม่ยุติธรรมก็ไม่เอา ต้องเป็นประโยชน์และเป็นธรรมหรือยุติธรรม ความจริงบางอย่างมันไม่เป็นประโยชน์กับใคร พูดไปก็เท่านั้น และไม่ยุติธรรม ก็ไม่เอา ไม่พูด มันตั้งอยู่ในสัจจะอย่างนั้น ไม่เป็นประโยชน์แล้วก็ไม่เป็นธรรม ขอให้จำเอาไว้ว่า ขอให้เราประพฤติอยู่ในสัจจะ และต้องเป็นสัจจะที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรมคัดลอกจาก
หนังสือ ชีวิตกับครอบครัว (วศิน อินทสระ )
http://www.ruendham.com/book_detail.php?id=41&content=445&name_content=%A6%C3%D2%C7%D2%CA%B8%C3%C3%C1%20%CA%D1%A8%A8%D0