ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - raponsan
หน้า: 1 ... 326 327 [328] 329 330 ... 707
13081  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิศวกร เผย โบสถ์วัดต้นเชือก มีการยกไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดการถล่ม เมื่อ: สิงหาคม 27, 2015, 09:00:24 pm



วิศวกร เผย โบสถ์วัดต้นเชือก มีการยกไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดการถล่ม

ผู้รับเหมายกโบสถ์ เข้าพบพนักงานสอบสวนให้ปากคำขั้นตอนในการยกโบสถ์ ด้าน ตร. รอปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาผู้รับเหมา รองเลขาธิการสภาวิศวกร ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบไม่ได้มาตราฐาน ไม่มีคานรอง รับน้ำหนักไม่ไหว...

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 58 บรรยากาศการประชุมขั้นตอนการรื้อถอนที่วัดต้นเชือก ม.4 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พระครูเกษม จริยคุณ เจ้าอาวาสวัดต้นเชือก, นายประเสริฐ วัดผลัด นายกเทศบาลตำบลบางใหญ่, พ.ต.ท.บรรเทิง รุ่งมณี สวป.บางแม่นาง จ.นนทบุรี, นายวิชิต อรุณมานะกุล นายช่างใหญ่กรมโยธาธิการและผังเมือง, นายบรรเจิด เพชรรัตน์ วิศวกรโยธา เทศบาลตำบลบางใหญ่, นายจีระศักดิ์ วัฒนะสุวรรณ อดีตกำนัน ต.บางใหญ่ และคณะกรรมการวัดร่วม 30 คน ได้ร่วมประชุมหาทางออกในขั้นตอนการรื้อถอน โครงสร้างพระอุโบสถวัดต้นเชือกให้ปลอดภัย และมีระบบระเบียบ ตามแบบแผน โดยทางคณะกรรมการวัดลงความเห็นว่า ควรให้ทางเทศบาลบางใหญ่ พิจารณาเป็นแม่งานในการรื้อถอน ผ่านทางหน่วยงานโยธาของทางเทศบาล จะถูกขั้นตอนและปลอดภัยกว่าทางวัดที่จะรื้อถอนเอง เพราะตอนนี้ทางเทศบาลออกคำสั่งห้ามรื้อถอน ฉะนั้นจะต้องยื่นขอการรื้อถอนก่อน โดยมีบริษัทผู้รับเหมาที่ถูกต้องตามขั้นตอนในการรื้อถอน


การประชุมขั้นตอนการรื้อถอนที่วัดต้นเชือก

ด้าน นายประเสริฐ วัดผลัด นายกเทศบาลตำบลบางใหญ่ หลังจากที่ได้ประชุมกัน ได้ความว่า จะทำการล้อมรั้วด้วยสังกะสี เพื่อที่จะไม่ให้เกิดอันตรายแก่ผู้ที่สัญจรไปมาหรือเดินทางมาดูที่เกิดเหตุ โดยที่ประชุมให้นายจีระศักดิ์ วัฒนะสุวรรณ อดีตกำนัน ต.บางใหญ่ ยื่นเรื่องขอรื้อถอนโบสถ์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

ขณะที่ พ.ต.อ.กองสรร ควรระงับกมน ผกก.สภ.บางแม่นาง กล่าวว่า เมื่อเวลา 11.00 น. นายณรงค์ฤิทธิ์ หลักทอง อายุ 31 ปี ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำขั้นตอนการปฏิบัติงานยกโบสถ์ โดยจะนำขั้นตอนการทำงานมาเปรียบเทียบกับวิศวกร ว่าขั้นตอนการทำงานถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องตามขั้นตอนก็จะแจ้งข้อหาต่อไป


ศ.ดร.อมร พิมานมาศ ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างอาคารคอนกรีต เดินทางมาดูซากโบสถ์ถล่ม

ต่อมา เมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ศ.ดร.อมร พิมานมาศ อายุ 43 ปี นักวิจัย สกว.รองเลขาธิการสภาวิศวกร ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างอาคารคอนกรีต เดินทางมาดูซากโบสถ์ถล่มที่ วัดต้นเชือก ม.4 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี กล่าวว่าจากการตรวจสอบพบว่า อุปกรณ์การยกไม่ได้มาตรฐาน รับน้ำหนักตัวโบสถ์ไม่ไหว และไม่มีอะไรรองรับน้ำหนักตัวโบสถ์ จากการตรวจสอบพบว่า ใช้เพียงดึงขึ้นไว้ลอยๆ อย่างเดียว ทำให้รับน้ำหนักไม่ไหว และไม่มีคานคอยรองจึงทำให้โบสถ์หล่นลงมาทั้งหลัง ต่อไปนี้ถ้ามีการยกโบสถ์ต้องมีวิศวกรควบคุมการยกโบสถ์ คำนวณน้ำหนักและมีขั้นตอนอย่างถูกต้อง

ส่วน ฝั่งชาวบ้านต่างเดินทางมานำอัฐิของบรรพบุรุษ และญาติ ที่อยู่บริเวณรอบโบสถ์ ไปบรรจุในสถานที่แห่งใหม่กันอย่างต่อเนื่อง.


ผู้เชี่ยวชาญชี้ การยกทำโดยมีอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน รับน้ำหนักตัวโบสถ์ไม่ไหว จนเป็นเหตุให้ถล่มลงมา

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/521242
13082  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วัดบวรฯสร้างพระกริ่ง 3 รุ่นตั้งทุนการศึกษา เมื่อ: สิงหาคม 27, 2015, 08:57:07 pm


วัดบวรฯสร้างพระกริ่ง 3 รุ่นตั้งทุนการศึกษา

วัดบวรนิเวศวิหาร จัดพีธีพุทธาภิเษก พระกริ่ง 3 รุ่น ที่ระลึกงาน 80 ปี สมเด็จพระวันรัต 29 ส.ค.นี้ ที่พระอุโบสถ พร้อมร่วมบูชานำรายได้ตั้งกองทุนการศึกษาวัดคีรีวิหาร โครงการสาธารณะประโยชน์

วันนี้(27 ส.ค.)พระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์การจัดพิธีพุทธาภิเษก พระกริ่งพุทธอุดมสมบูรณ์ 80 ปี สมเด็จพระวันรัต เปิดเผยว่า วัดบวรนิเวศวิหาร เตรียมจัดพิธีพุทธาภิเษก พระกริ่งนิรันตราย 13 รอบ พระนักษัตร สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระกริ่งบัวรอบ 12 รอบ พระนักษัตร สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ และพระกริ่งพุทธอุดมสมบูรณ์ 80 ปี สมเด็จพระวันรัต ในวันที่ 29 สิงหาคม 2558 ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร

เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสอายุวัฒนมงคลสมเด็จพระวันรัต(จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร รักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ครบ 80 ปี ในปี 2559 พร้อมทั้งเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมบูชา เพื่อนำรายได้ไปสมทบทุนบำเพ็ญกุศลวัดบวรนิเวศวิหาร สำหรับใช้ในกิจกรรมของวัดบวรนิเวศวิหาร เช่น ถวายเป็นพระกุศลถวายอดีตเจ้าอาวาส จัดตั้งกองทุนการศึกษาโรงเรียนวัดคีรีวิหาร โครงการสาธารณประโยชน์ เป็นต้น


 :25: :25: :25: :25:

พระครูสังฆสิทธิกร กล่าวต่อไปว่า สำหรับกำหนดการพิธีพุทธาภิเษกจะเริ่มในเวลา 15.20 น. ณ มณฑลพิธีหน้าพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร โดยสมเด็จพระมหามุนีวงศ์(อัมพร อมฺพโร) เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นประธานสงฆ์ จากนั้นเวลา 16.00 น.สมเด็จพระวันรัต จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พร้อมจุดธูปเทียนบูชาพระรูปเหมือน สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ และเข้าถวายสักการะ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์

จากนั้นประธานสงฆ์ให้ศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ เจริญคาถาจุดเทียนชัย พระมหานาคสวดคาถาพุทธาภิเษก พระสงฆ์อนุโมทนา เป็นอันเสร็จพิธี อย่างไรก็ตาม พุทธศาสนิกชนที่จะร่วมบุญสร้างพระกริ่งและร่วมบูชาในการนำรายได้ไปสร้างสาธารณะประโยชน์ดังกล่าว สามารถสอบถามเพิ่มเติม โทร.06-1394-2404


ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/344389
13083  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ไล่ชมรมนักประวัติศาสตร์ 'จันท์' ต้านย้าย 'พระเจ้าตาก' เมื่อ: สิงหาคม 27, 2015, 08:54:10 pm


ไล่ชมรมนักประวัติศาสตร์ 'จันท์' ต้านย้าย 'พระเจ้าตาก'

ชาวบางกะจะ เมืองจันท์กว่า 1,500 คน ลุกฮือชุมนุมคัดค้านย้ายพระบรมรูป "สมเด็จพระเจ้าตากสิน" ออกจากศาลหลักเมืองเก่า พร้อมจุดประทัดหมื่นนัดไล่ส่งชมรมนักประวัติศาสตร์

เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 27 ส.ค. ที่ศาลหลักเมืองจันทบูรณ์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ค่ายเนินวง ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี ชาวบ้านในพื้นที่ตลอดจนชาวจันทบุรีที่ติดตามข่าวสารในโลกโซเชียลกว่า 1,5000 คน ต่างพร้อมใจกันเดินทางมาร่วมชุมนุม และลงชื่อคัดค้านการย้ายพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 130 ปี ประดิษฐานภายในศาลหลักเมืองจันทบูรณ์ ซึ่งเป็นศาลหลักเมืองหลังเก่า พร้อมกันนี้ได้ถือป้ายข้อความต่อต้านและคัดค้าน ประณามสาปแช่งชมรมนักประวัติศาสตร์จันทบุรี ที่เสนอเรื่องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดในการขอย้ายพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินไปประดิษฐานยังพิพิธภัณฑ์หลังใหม่ โดยไม่สอบถามความคิดเห็นของชาวบ้าน





นายมงคล ศรีคำแหง อดีต สว.จันทบุรี ตัวแทนกลุ่มชาวบ้าน ซึ่งเป็นคนพื้นเพใน ต.บางกะจะ กล่าวว่า การมาชุมนุมของกลุ่มชาวบ้านในครั้งนี้ สืบเนื่องจากชมรมนักประวัติศาสตร์จันทบุรีได้ทำเรื่องเสนอต่อนายสามารถ ลอยฟ้า ผวจ.จันทบุรี เรื่องขอย้ายพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ไปประดิษฐานยังพิพิธภัณฑ์หลังใหม่ที่จัดสร้างขึ้นภายในค่ายตากสิน โดยให้ความคิดเห็นว่าเนื่องจากศาลหลักเมืองจันทบูรณ์ค่ายเนินวงมีสภาพเก่าทรุดโทรมและเสียหายบางส่วน เนื่องจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ และต้องได้รับการบูรณะใหม่ จึงเห็นว่าควรจะย้ายพระบรมรูปพระเจ้าตากฯ ไปประดิษฐานยังพิพิธภัณฑ์หลังใหม่ เพื่อให้สมพระเกียรติพระองค์ท่าน ที่ได้ใช้เมืองจันทบุรีเป็นที่รวบรวมไพร่พล กอบกู้เอกราชชาติไทยได้สำเร็จ

ขณะเดียวกันนายสามารถ ผวจ.จันทบุรี ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ เตรียมยื่นเสนอต่อกรมศิลปากร และล่าสุดหลังจากที่ผู้ว่าราชการได้ทราบเรื่องจากการชุมนุมของชาวบ้าน จึงได้มีการพูดคุยกับนายมงคล ทางโทรศัพท์ว่าจะยังไม่มีการดำเนินการย้ายพระบรมรูปพระเจ้าตากอย่างแน่นอน ทั้งนี้ต้องทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านในพื้นที่ก่อน






นายมงคล กล่าวต่อว่า แม้ว่าทางผวจ.จันทบุรี จะได้มีการยืนยันว่าจะไม่มีการย้ายพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แต่เพื่อความชัดเจน ในวันอังคารที่ 1 ก.ย. 58 กลุ่มชาวบ้านที่ลงชื่อคัดค้านไว้ทั้งหมดกว่า 1,500 คน จะเดินทางเข้าพบกับนายสามารถ ที่ศาลากลางจังหวัดเพื่อขอคำยืนยันจากปากพ่อเมือง ว่าจะไม่มีการย้ายพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสิน และถึงแม้ว่าจะมีคำสั่งให้ย้าย กลุ่มชาวบ้านก็จะเดินหน้าต่อสู้จนถึงที่สุด

จากนั้นได้มีการจุดประทัด10,000 นัด ทำการสาปส่งชมรมนักประวัติศาสตร์ ต้นเหตุความคิดย้ายพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินเก่าแก่ออกจากบ้านบางกะจะ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ.

ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/regional/344455
13084  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มารไม่มี บารมีไม่เกิด เมื่อ: สิงหาคม 27, 2015, 11:08:43 am


กองทัพที่ ๗  ความลังเลสงสัย

ความซึมเซาหดหู่ เป็นเพียงสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติเกิดความลังเลสงสัยขีดความสามารถของตนเอง ความสงสัยนี้ เป็นกองทัพที่เจ็ดอันน่าสะพรึงกลัวของมาร เมื่อเริ่มย่อหย่อนในการปฏิบัติ ผู้ปฏิบัติก็อาจเริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นในตนเอง โดยปกติการครุ่นคิดคำนึงย่อมไม่สามารถช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ในทางตรงข้าม ความสงสัยจะเกิดขึ้น แล้วขยายตัวออกไปช้าๆ ตอนแรกอาจเป็นความสงสัยตนเองแล้วเปลี่ยนเป็นความสงสัยในวิธีปฏิบัติ บางทีอาจเลยไปสงสัยวิปัสสนาจารย์ว่า ท่านมีความรู้พอที่จะเข้าใจสภาวะของตนหรือไม่ หรือว่าตนเองเป็นผู้ปฏิบัติรายพิเศษ ที่ต้องอาศัยคำสั่งสอนพิเศษโดยเฉพาะ ประสบการณ์ที่ผู้ปฏิบัติคนอื่นรายงานคงจะคิดขึ้นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับการปฏิบัติกลายเป็นข้อสงสัยไปหมด

กองทัพที่เจ็ดของมารนี้ ภาษาบาลีเรียกว่า วิจิกิจฉา ซึ่งวิจิกิจฉา หรือความลังเลสงสัยมีความหมายลึกซึ้งกว่าความสงสัยธรรมดา เป็นอาการที่จิตหมดพลังจากการซัดส่ายของจิตเอง ยกตัวอย่างเช่น ผู้ปฏิบัติที่ถูกความหดหู่ซึมเซาเล่นงานจะไม่สามารถประคองการระลึกรู้อันจะเป็นปัจจัยให้วิปัสสนาญาณเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แต่หากมีสติอยู่ก็อาจกำหนดรู้รูปและนามได้ จนประจักษ์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างปรมัตถธรรมทั้งสองว่า เป็นเหตุปัจจัยซึ่งกันและกันได้ แต่หากผู้ปฏิบัติไม่สามารถเฝ้ากำหนดดูโดยตรง ลักษณะที่แท้จริงของรูปและนามก็จะไม่ปรากฏชัด ไม่มีใครสามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่ไม่ได้ประจักษ์ด้วยตนเองได้ ผู้ปฏิบัติที่ขาดสติ ก็อาจใช้ความคิดพิจารณาหาเหตุผลเอาเอง “สงสัยนักว่ารูปกับนามนี้ประกอบด้วยอะไร และมีความสัมพันธ์กันอย่างไร”

 :25: :25: :25: :25:

อย่างไรก็ตาม ผู้ปฏิบัติคนนั้นจะทำได้เพียงแค่การตีความจากประสบการณ์ผสมผสานกับจินตนาการของตนเอง ซึ่งเป็นอันตรายมาก เนื่องจากจิตไม่สามารถแทงทะลุสภาวธรรมต่างๆตามความเป็นจริง จิตจะเกิดความกระสับกระส่าย แล้วเปลี่ยนเป็นฉงนฉงาย ลังเลสงสัย ซึ่งเป็นอีกลักษณะหนึ่งของ วิจิกิจฉาการใช้ความคิดหาเหตุผลมากเกินไป จึงทำให้เหนื่อยล้า

เนื่องจากผู้ปฏิบัติยังไม่เห็นสภาวธรรมได้ถ่องแท้จนจิตเกิดความเชื่อมั่นและตั้งมั่น ในทางตรงข้าม จิตของผู้ปฏิบัติจะเป็นเหมือนถูกสาปให้ซัดส่ายอยู่กับทางเลือกต่างๆ อาศัยที่ได้จำวิธีเจริญกรรมฐานต่างๆไว้มาก ผู้ปฏิบัติอาจทดลองวิธีนั้นวิธีนี้ และในที่สุดอาจตกลงไปจมอยู่ใน “หม้อจับฉ่าย” ของการปฏิบัติธรรม

วิจิกิจฉาอาจเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงในการปฏิบัติ เหตุใกล้ของความซัดส่ายของจิตที่ลังเลสงสัยก็คือ การขาดความใส่ใจในอารมณ์ อันเป็นการปรับจิตใจที่ไม่ถูกต้องในการแสวงหาสัจจธรรม การกำหนดจิตให้ตรงกับอารมณ์ที่ปรากฏในปัจจุบันขณะ จึงเป็นวิธีรักษาความลังเลสงสัยที่ดีที่สุด หากเฝ้ากำหนดดูอย่างถูกวิธี และในอารมณ์ที่ถูกต้องแล้ว ก็จะประจักษ์ในสิ่งที่แสวงหา กล่าวคือ ลักษณะที่แท้จริงของสิ่งทั้งปวง เมื่อใดเห็นสิ่งเหล่านี้ตามที่เป็นจริงด้วยตนเองแล้ว ผู้ปฏิบัติก็จะหมดความสงสัยไปเอง

 :96: :96: :96: :96: :96:

การสร้างเหตุปัจจัยให้เกิดการระลึกรู้อย่างถูกต้องนั้นผู้ปฏิบัติจำเป็นต้องมีวิปัสสนาจารย์ที่สามารถแนะนำเพื่อให้สามารถดำเนินตามหนทางแห่งสัจจธรรมและปัญญา พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ผู้ตั้งใจแสวงหาสัจจธรรมพึงเข้าหาวิปัสสนาจารย์ที่มีความสามารถและเป็นที่พึ่งได้ ถ้าหากผู้ปฏิบัติไม่สามารถแสวงหาวิปัสสนาจารย์เช่นนี้ ก็อาจหันไปหาตำรับตำราการเจริญวิปัสสนาที่มีอยู่มากมายในปัจจุบัน แต่พึงระวังโดยเฉพาะผู้ปฏิบัติที่ชอบอ่านหนังสือ หากมีความรู้วิธีการต่างๆในระดับพื้นๆ และพยายามนำความรู้เหล่านั้นมาผนวกเข้าด้วยกัน ลงท้ายก็อาจผิดหวัง และเกิดความสงสัยมากยิ่งขึ้นกว่าตอนเริ่มต้น

วิธีปฏิบัติบางอย่างอาจเป็นวิธีที่ดี แต่หากไม่ได้ปฏิบัติตามวิธีนั้นอย่างถี่ถ้วน ก็อาจไม่ได้ผลและเกิดความสงสัยในวิธีการปฏิบัติเหล่านั้นซึ่งก็เท่ากับว่าผู้ปฏิบัติได้ปิดกั้นตนเองจากโอกาสที่จะได้รับประโยชน์ที่แท้จริงจากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน หากไม่เจริญกรรมฐานตามวิธีที่ถูกต้องผู้ปฏิบัติย่อมไม่อาจเข้าถึงสภาวธรรมที่แท้จริงได้ นอกจากจะทำให้เกิดความสงสัยมากขึ้นแล้ว จิตจะแข็งกระด้าง ไม่ควรแก่การงาน ผู้ปฏิบัติจะตกเป็นทาสของความโกรธ ความคับข้องใจหรือถึงกับต่อต้านการปฏิบัติเลยก็เป็นได้




จิตใจที่เสียดแทง

ความโกรธทำให้จิตแข็งกระด้างเหมือนกับหนามเมื่อความโกรธเข้าครอบงำ ผู้ปฏิบัติจะรู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทงราวกับคนเดินป่าที่ลุยผ่านพงหนาม ต้องได้รับความเจ็บปวดไปทุกๆ ย่างก้าว เนื่องจากความโกรธเป็นอุปสรรคใหญ่ของผู้ปฏิบัติจำนวนมาก

อาตมาจะขอกล่าวถึงความโกรธนี้ค่อนข้างละเอียดสักหน่อย ด้วยหวังว่าจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติสามารถเรียนรูที้่จะเอาชนะมันได ้โดยทั่วๆไป ความโกรธเกิดจากสภาวจิตสองอย่าง คือหนึ่งความสงสัย และสองคือสิ่งที่เรียกว่า “คันถะ” ซึ่งหมายถึงโซ่ตรวนหรือกิเลสอันร้อยรัดสัตว์ทั้งหลายให้ติดอยู่กับทุกข์

     ask1 ask1 ans1 ans1

    ความลังเลสงสัยมีอยู่ ๕ ประเภท ซึ่งทิ่มแทงให้จิตเป็นทุกข์
    ผู้ปฏิบัติอาจลังเลสงสัยเกี่ยวกับพระพุทธองค์พระบรมศาสดาผู้แสดงหนทางไปสู่พระนิพพาน
    ผู้ปฏิบัติอาจสงสัยในพระธรรมซึ่งเป็นหนทางที่นำไปสู่ความหลุดพ้น และ
    ในพระสงฆซึ่งได้แก่พระอริยบุคคลผู้ได้กำจัดกิเลสให้หมดไปได้แล้วบางส่วนหรือโดยสิ้นเชิง
    ต่อไปอาจสงสัยในศีลและวิธีปฏิบัติของตนเอง
    ประการสุดท้าย อาจสงสัยในเพื่อนสหธรรมิกรวมถึงวิปัสสนาจารย์
    เมื่อเกิดความสงสัยมากๆ ผู้ปฏิบัติอาจรู้สึกโกรธและต่อต้าน ทำให้จิตถูกทิ่มแทงอย่างแท้จริง จนรู้สึกไม่อยากปฏิบัติวิปัสสนาตอไป เนื่องจากขาดความเชื่อมั่นในวิธีและผลการปฏิบัตินั้น

     st12 st12 st12 st12

อย่างไรก็ตาม ยังไม่สิ้นหนทางเสียทีเดียว ปัญญาเป็นยารักษาวิจิกิจฉาระดับนี้ ปัญญาจากการใคร่ครวญเหตุผลเป็นปัญญาประเภทหนึ่ง บ่อยครั้งคำพูดที่น่าเชื่อถือ เช่น คำอธิบายของวิปัสสนาจารย์หรือเทศนาธรรมที่จับใจ อาจฉุดจิตของผู้ปฏิบัติที่ตกอยู่ในความลังเลสงสัยให้พ้นจากพงหนามได้ เมื่อจิตสามารถกลับคืนสู่การกำหนดระลึกรู้อ ารมณ์ได้อย่างถูกต้อง ผู้ปฏิบัติจะรู้สึกโล่งอกและสำนึกถึงบุญคุณของครูบาอาจารย์ เมื่อเป็นดังนี้ ผู้ปฏิบัติมีโอกาสที่จะบรรลุญาณทัสสนะได้เห็นความเป็นจริงของสภาวธรรมต่างๆ ด้วยตัวเอง หากผู้ปฏิบัติเข้าถึงวิปัสสนาญาณ ปัญญาญาณนี้จะเป็นยารักษาความรู้สึกที่เสียดแทงของจิตได้

อย่างไรก็ตาม หากผู้ปฏิบัติไม่สามารถกลับเข้าสู้หนทางของวิปัสสนา ความสงสัยอาจจะพอกพูน จนเกินระดับที่จะแก้ไขได้




โซ่ตรวนทั้งห้าที่ร้อยรัดจิต

ความสงสัยมิใช่สิ่งที่เสียดแทงจิตเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก ๕ ประการที่เป็นดังโซ่ตรวนร้อยรัดจิต เมื่อความรู้สึกบีบรัดเช่นนี้ปรากฏขึ้น จิตใจก็จะเป็นทุกข์เร่าร้อน จากความรู้สึกอึดอัดขัดใจ ผลักไส และต่อต้าน แต่ผู้ปฏิบัติสามารถหลุดพ้นจากเครื่องร้อยรัดเหล่านี้ได้ ด้วยการเจริญวิปัสสนาอันจะทำให้อุปสรรคเหล่านี้หมดไปเอง หากอุปสรรคเหล่านี้ยังหลุดรอดเข้ามากระทบการปฏิบัติได้ การกำหนดระลึกรู้สภาวธรรมตามความเป็นจริง เป็นข้อพึงปฏิบัติข้อแรก เพื่อใหจิ้ตกลับคืนสู่สภาวะที่เบิกบานและควรแก่การงาน

โซ่ตรวนเส้นที่หนึ่ง ได้แก่ความผูกพันกับอารมณ์ทางทวารต่างๆ ที่จิตที่ปรารถนาแต่อารมณ์อันน่าพอใจ ย่อมจะพบแต่ความไม่พอใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันขณะ อารมณ์หลักได้แก่ อาการพองยุบของท้อง ฟังดูอาจไม่เพียงพอและไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับจินตนาการของผู้ปฏิบัติเอง หากความไม่พอใจเช่นนี้เกิดขึ้น การปฏิบัติก็จะไม่ก้าวหน้า

โซ่ตรวนเส้นที่สอง ได้แก่ความผูกพันยึดมั่นกับร่างกายของตนเองมากเกินไป บางทีเรียกว่ามีความรักความเป็นห่วงตัวเองมากเกินไป หรือบางทีอาจเป็นความผูกพันยึดมั่นและความรูสึ้กเป็นเจ้าเข้าเจ้าของต่อบุคคลอื่น

 :25: :25: :25: :25:

และร่างกายของเขานี่คือ โซ่ตรวนเส้นที่สาม อาตมาคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมเพราะเป็นสภาพที่เห็นกันอยู่โดยทั่วไปการเป็นห่วงตนเองมากเกินไป สามารถเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงของการปฏิบัติได้ เวลานั่งนานๆความรูสึ้กไ่มสบายย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความรู้สึกนั้นอาจรุนแรงจนผู้ปฏิบัติเริ่มรู้สึกเป็นห่วงขาของตนเองว่า นี่ต่อไปจะเดินได้ไหมผู้ปฏิบัติอาจตัดสินใจลืมตาและยืดขาทำให้ความต่อเนื่องของการกำหนดขาดลง กำลังของการปฏิบัติที่สะสมมาก็จะหายไปความพยายามในการทะนุถนอมร่างกายของตนเองมากเกินไปบางครั้งก็อาจไปลดความกล้าหาญ ที่จำเป็นต้องใช้ในการเฝ้าตามกำหนดดูลักษณะที่แท้จริงของความเจ็บปวดรูปลักษณ์ก็อาจเป็นอีกส่วนหนึ่งของโซ่ตรวนเส้นที่สองนี้

บุคคลบางคนอาจต้องใส่เสื้อผ้าสวยๆ และใช้เครื่องสำอางเพื่อทำให้ตนเองมีความสุข หากพวกเขาไม่สามารถอาศัยปัจจัยภายนอกเหล่านี้ เช่นในการเข้าอบรมวิปัสสนากรรมฐานที่มีข้อห้ามการใช้เครื่องสำอางและเครื่องแต่งกายหรูหรา บุคคลเหล่านี้อาจรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป และความวิตกกังวลก็อาจทำให้การปฏิบัติไม่ก้าวหน้า

 st12 st12 st12 st12

โซ่ตรวนเส้นที่สี่ ได้แก่ จิตที่หมกมุ่นกับอาหาร บางคนทานอาหารจุ บางคนเลือกแต่อาหารที่ถูกปาก คนที่เป็นห่วงปากท้องมาก มักจะชอบนอนมากกว่าการเจริญสติ ผู้ปฏิบัติบางคนมีปัญหาตรงกันข้าม คือ กลัวอ้วนอยู่ตลอดเวลา พวกนี้ก็ถูกโซ่ตรวนของการกินผูกมัดอยู่เช่นกัน

โซ่ตรวนเส้นที่ห้าของจิตใจ ได้แก่ การปฏิบัติโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้ไปเกิดเป็นเทวดา นอกจากจะทำให้การปฏิบัติตั้งอยู่บนพื้นฐานของตัณหาคือ ความอยากได้อิฏฐารมณ์แล้ว การปฏิบัติแบบนี้ยังเป็นการตั้งเป้าที่ตํ่าเกินไป สำหรับข้อเสียของการเกิดเป็นเทวดา ขอให้อ่านหนังสือเล่มที่ชื่อว่า “ราชรถสู่พระนิพพาน”

 st11 st11 st11 st11

ด้วยการปฏิบัติอย่างขยันหมั่นเพียร ผู้ปฏิบัติจึงจะสามารถปลดโซ่ตรวนทั้งห้าได้ และด้วยความเพียรนี้ ผู้ปฏิบัติจะสามารถเอาชนะความสงสัยและความไม่พอใจที่ตามมา เมื่อหลุด พ้นจากความเสียดแทงทางจิตแล้ว จิตใจจะมีความผ่องแผ้ว จิตใจที่ใสสว่างจะมีฉันทะในการปลูกความเพียรเบื้องตน้ ซึ่งนำเข้าสู่หนทางแห่งการปฏิบัติ ลำดับต่อมาจะพัฒนาเป็นนความเพียรที่แน่วแน่ซึ่งจะทำให้การเจริญวิปัสสนาก้าวหน้าขึ้น

และสุดท้ายจะเป็นความเพียรที่สะสมกำลังมาอย่างเต็มที่จนนำไปสู่ความหลุดพ้นในการปฏิบัติขั้นสูงยิ่งๆ ขึ้นไป ความเพียรทั้ง ๓ ระดับ ซึ่งแท้จริงคือ ความพยายามที่จะทำให้จิตตื่นตัวและเฝ้าตามกำหนดดูอารมณ์อยู่เสมอนั้น จะเป็นปราการธรรมชาติที่ดีที่สุดในการป้องกันกองทัพที่เจ็ดของมาร อันได้แก่ความ ลังเลสงสัย เมื่อใดที่มีความเพียรย่อหย่อน จิตจะหลุดจากการกำหนดรู้อารมณ์ และก็จะเปิดโอกาสให้ความสับสนและความลังเลสงสัยครอบงำจิตได้



ศรัทธาทำให้จิตแจ่มใส

ศรัทธา หรือความเชื่อ มีคุณสมบัติพิเศษที่เป็นพลังในการขจัดเมฆหมอกของความสงสัยและรำคาญใจให้หมดไปเปรียบได้กับถังใส่นํ้าขุ่นๆ จากแม่นํ้าที่เต็มไปด้วยตะกอน หากใส่สารเคมีบางชนิดลงไป เช่น สารส้มก็จะทำให้ตะกอนนอนก้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้นํ้าใสขึ้น ศรัทธาก็เช่นกัน ทำให้สิ่งไม่บริสุทธิ์ตกตะกอน เหลือไว้แต่จิตที่ผ่องใส

ผู้ปฏิบัติที่เข้าไม่ถึงคุณของ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ จะเกิดความสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย ตลอดถึงประโยชน์ของการเจริญวิปัสสนา และมักจะพ่ายแพ้แก่กองทัพที่เจ็ดของมาร จิตใจของผู้ปฏิบัติเปรียบได้กับถังใส่นํ้าขุ่นๆจากแม่นํ้า แต่เมื่อได้ตระหนักถึงคุณของพระรัตนตรัยจากการอ่าน การสนทนาธรรม และจากการฟังธรรมเทศนาแล้วผู้ปฏิบัติก็จะสามารถกำจัดความสงสัยให้หมดไปได้อย่างช้าๆและเกิดความศรัทธาขึ้น

 :25: :25: :25: :25:

เมื่อมีศรัทธาก็จะมีความปรารถนาในการปฏิบัติและยินดีที่จะทุม่ เทพลังใหถึ้งจุดหมาย ศรัทธาที่เข้มแข็งเป็นรากฐานของความจริงใจและปฏิปทาที่มั่นคงในการปฏิบัติธรรม ซึ่งจะทำให้ความเพียรสติและสมาธิแก่กล้าขึ้นตามลำดับ แล้วปัญญาก็จะปรากฏขึ้นในลักษณะของวิปัสสนาญาณขั้นต่างๆ

เมื่อมีเหตุปัจจัยในการปฏิบัติที่เหมาะสม ปัญญาก็จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ปัญญาหรือญาณทัสสนะจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ปฏิบัติกำหนดรู้ทันปัจจุบันอารมณ์จนสามารถมองเห็นสภาวลักษณะและสามัญลักษณะของสภาวธรรมทางกายและทางจิต

สภาวลักษณะ หมายถึง ลักษณะเฉพาะของกายและจิตที่ผู้ปฏิบัติสามารถประสบได้โดยตรงด้วยตัวเอง ได้แก่ สี เสียงกลิ่น รส ความเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ความเคลื่อนไหว เคร่งตึงและสภาวจิตที่แตกต่างกัน

สามัญลักษณะเป็นลักษณะที่เป็นสามัญในสภาวธรรมที่ปรากฏของรูปและนามทั้งปวง สรรพสิ่งย่อมแตกต่างกันไปตามลักษณะเฉพาะของตน ทว่าทุกๆ สิ่งก็มีอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นลักษณะพื้นฐานเหมือนกัน

 st12 st12 st12 st12

ลักษณะทั้งสองนี้ กล่าวคือ สภาวลักษณะและสามัญลักษณะ จะสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนและหมดข้อสงสัยด้วยปัญญาญาณที่เกิดขึ้นเองจากการเฝ้ากำหนดดูเฉยๆ ลักษณะประการหนึ่งของปัญญาหรือญาณนี้ก็คือความสว่างไสว ซึ่งจะทำให้การรับรู้ของผู้ปฏิบัติแจ่มใสขึ้น ปัญญาเปรียบเสมือนแสงไฟที่ฉายลงไปสู่บริเวณที่มืดมิด เปิดเผยสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นได้ในอดีต กล่าวคือ สภาวลักษณะและสามัญลักษณะของรูปและนาม ด้วยแสงแห่งปัญญา ผู้ปฏิบัติจะสามารถกำหนดรู้เห็นลักษณะทั้งสองนี้ได้ในทุกๆ อาการที่ปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัส รู้สึกทางร่างกายหรือทางความคิด

ปัญญามีคุณสมบัติพิเศษคือ ทำให้ไม่สับสนเมื่อญาณทัสสนะเกิดขึ้น จิตจะไมสั่บสนเพราะความคิดที่ผิดๆ หรือความเข้าใจผิดๆ ที่เกี่ยวกับกายและจิต

เมื่อเห็นแจ้งสภาวธรรมอย่างชัดเจน แจ่มใสและไม่สับสน จิตจะเริ่มต้นเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาแบบใหม่ อันเป็นศรัทธาที่เกิดจากการพิสูจน์แล้ว มิใช่ศรัทธาแบบมืดบอดหรือขาดเหตุผล ศรัทธาชนิดนี้เกิดขึ้นมาเองจากประสบการณ์ส่วนบุคคล เราอาจเปรียบเทียบความศรัทธานี้กับความเชื่อที่ว่าฝนตกทำให้เราตัวเปียก พระไตรปิฎกกล่าวถึงศรัทธาประเภทนี้ ว่าเป็นการปลงใจเชื่อ เพราะได้ประสบด้วยตนเองดังนั้น เราจึงอาจเห็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างความศรัทธาและปัญญาได้

 st11 st11 st11 st11

ศรัทธาที่เกิดจากการพิสูจน์ด้วยตนเองนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงเพราะเราได้ยินคำพูดที่น่าเชื่อถือ ไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบ การวิจัยทางวิชาการ หรือการให้เหตุผลแบบใดที่จะทำให้เกิดศรัทธาชนิดนี้ขึ้นได้ และไม่มีวิปัสสนาจารย์ ดาบส นักบวชหรือนักบุญผู้ใดจะบังคับให้เรามีศรัทธาประเภทนี้ได ้ มีเพียงการได้ประสบสภาวธรรมโดยตรงด้วยตนเองเท่านั้น ที่จะทำให้ศรัทธาอันมั่นคงและยั่งยืนชนิดนี้เกิดขึ้น

วิธีที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาให้ศรัทธาชนิดนี้เกิดขึ้นก็คือ การปฏิบัติตามแนวทางคำสอนในพระไตรปิฎก คำสอนเรื่องวิธีการเจริญสติปัฏฐาน บางครั้งหากมองอย่างผิวเผินอาจดูว่าคับแคบและเรียบง่ายเกินไป แต่เมื่อปัญญาเริ่มปรากฏ ขณะที่การปฏิบัติก้าวหน้าและลึกซึ้งมากขึ้น ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ปฏิบัติจะทำลายความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับความคับแคบของสติปัฏฐานเอง วิปัสสนากรรมฐานทำให้เกิดปัญญาที่ยิ่งใหญ่ไพศาล มิใช่คับแคบอย่างที่คิด

เมื่อศรัทธาปรากฏขึ้น ผู้ปฏิบัติจะรู้ได้เองวา่ จิตมีความผ่องใส ปราศจากสิ่งรบกวนและความขุ่นข้องใดๆ ในขณะนั้นจิตจะเต็มไปด้วยความสงบสุขและแจ่มใส หน้าที่ของศรัทธาที่เกิดขึ้นจากการพิสูจน์ด้วยตนเองนี้ คือทำให้อินทรีย์ทั้งห้าที่ได้กล่าวถึงในบทที่แล้ว กล่าวคือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญามาประชุมกันและมีความเข้มแข็งขึ้น เมื่ออินทรีย์ห้าแก่กล้าขึ้นจิตจะมีความสงบ มีพลังและแม่นยำ ทำให้ผู้ปฏิบัติสามารถเอาชนะไม่เฉพาะกองทัพที่เจ็ดของมารเท่านั้น แต่รวมถึงกองทัพที่เหลือของมารอื่นๆ ทั้งหมดด้วย


    ยังมีต่อ...



ขอบคุณภาพจาก
http://1.bp.blogspot.com/
http://4.bp.blogspot.com/
http://download.buddha-thushaveiheard.com/
13085  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / งัดกุฏิเจ้าคณะอำเภอท้ายเหมือง ยกตู้เซฟได้เงินกว่า 700,000 บาท เมื่อ: สิงหาคม 26, 2015, 08:39:54 pm


งัดกุฏิเจ้าคณะอำเภอท้ายเหมือง ยกตู้เซฟได้เงินกว่า 700,000 บาท

พ.ต.อ.สมยศ สีหาบัว ผกก.สภ.ท้ายเหมือง ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อมาตรวจสอบเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายเข้างัดแงะ พร้อมยกตู้เซฟที่มีทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินสดจำนวนกว่า 700,000 บาท จากวัดนิคมสโมสร บ้านบางคลี ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา จากภาพในกล้องวงจรปิดพบมีคนร้ายไม่ต่ำกว่าสองคนเป็นวัยรุ่นชายเข้างัดแงะกุฏิของพระครูวิสิฐศาสนการ เจ้าอาวาสวัดนิคมสโมสร และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา จากการตรวจสอบภายในกุฏิเจ้าอาวาส คนร้ายได้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี โดยอาศัยช่วงเวลาที่เจ้าอาวาสและพระส่วนหนึ่งติดกิจนิมนต์ต่างพื้นที่ จึงถือโอกาสเข้าไปงัดแงะยกเอาตู้เซฟไป

ทางด้านพระครูวิสิฐศาสนการ เจ้าอาวาสวัดนิคมสโมสร และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เปิดเผยว่า อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งติดตามคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะปัจจัยที่ถูกขโมยไปนั้น ได้เบิกมาจากธนาคารเพื่อต้องนำมาใช้ในการปรับปรุงก่อสร้างห้องน้ำห้องส้วม และพัฒนาภายในวัด จึงขอฝากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ที่พบเห็นคนร้ายตามภาพจากกล้องวงจรด้วย


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.banmuang.co.th/news/crime/24938
13086  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สื่อตะวันตกอึ้ง.! บังกลาเทศบังคับเด็ก 15 จับคลุมถุงชน อ้างเด็กดูสิ้นหวัง เมื่อ: สิงหาคม 26, 2015, 08:27:03 pm


Girl aged just 15 prepares for her wedding... to a 32-year-old man: Forlorn child bride prepares to marry groom in Bangladesh where two-thirds of girls are wed by 18













ขอบคุณภาพจาก
http://www.dailymail.co.uk/news/article-3208786/Girl-aged-just-15-prepares-wedding-32-year-old-man-Forlorn-child-bride-prepares-marry-groom-Bangladesh-two-thirds-girls-wed-18.html
13087  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สื่อตะวันตกอึ้ง.! บังกลาเทศบังคับเด็ก 15 จับคลุมถุงชน อ้างเด็กดูสิ้นหวัง เมื่อ: สิงหาคม 26, 2015, 08:22:07 pm


สื่อตะวันตกอึ้ง! บังกลาเทศบังคับเด็ก 15 จับคลุมถุงชน อ้างเด็กดูสิ้นหวังอย่างชัดเจน

สำนักข่าวเดลิเมล์รายงานว่า นาโซอิน อัคห์เตอร์ เด็กหญิงชาวบังกลาเทศวัยเพียง 15 ปี ที่ควรจะใช้ช่วงเวลาสนุกสนานเหมือนกับเด็กทั่วไป แต่น่าเศร้าเมื่อเธอถูกบังคับให้แต่งงานกับชายคนหนึ่งที่มีอายุ 32 ปี โดยพิธีแต่งงานมีขึ้นในเมืองมามานิกกานจ์ ใกล้กับกรุงธากาเมืองหลวงของประเทศ ซึ่งตลอดช่วงเวลาในงานเด็กหญิงคนดังกล่าวมีใบหน้าซึมเศร้าและสิ้นหวัง

บังกลาเทศ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการแต่งงานของเด็กสูงที่สุดในโลก อ้างอิงจากรายงานขององค์การฮิวแมนไรท์วอทช์เผยว่า ในปีที่ผ่านมาเด็กหญิงชาวบังกลาเทศจำนวนร้อยละ 29 ถูกบังคับให้แต่งงานก่อนอายุ 15 ปี และร้อยละ 65 ถูกบังคับแต่งงานก่อนอายุ 18 ปี


 :91: :91: :91: :91:

ขณะที่ผลวิจัยของหน่วยงาน ′Girl Not Brides′ ระบุว่า เด็กหญิงทั้งหมดที่ถูกบังคับแต่งงานต้องลาออกจากโรงเรียนและต้องตั้งครรภ์เมื่ออายุเพียง 15-20 ปี ซึ่งมีความเสี่ยงเสียชีวิตจากการคลอดบุตรมากกว่าหญิงสาวอายุ 20 ปีขึ้นไปมากถึง 2 เท่า และเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปีจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสูงถึง 5 เท่า

นอกจากนี้ความแตกต่างของอายุระหว่างคู่สมรสทั้ง 2 คนยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาการใช้ความรุนแรงและการล่วงละเมิดทางเพศ

ทั้งนี้ เหตุผลสำคัญที่เด็กหญิงบังกลาเทศถูกบังคับให้แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะความเชื่อตามประเพณีวัฒนธรรม ปัญหาความยากจน และผู้ปกครองเชื่อว่าการแต่งงานจะช่วยปกป้องเด็กจากการถูกข่มขืนและการล่วงละเมิดทางเพศ







ขอบคุณข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1440577466
ขอบคุณภาพจาก
http://www.dailymail.co.uk/news/article-3208786/Girl-aged-just-15-prepares-wedding-32-year-old-man-Forlorn-child-bride-prepares-marry-groom-Bangladesh-two-thirds-girls-wed-18.html
13088  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ′กรมศิลป์-วัดกัลยาฯ′ ยอมถอยคนละก้าว ปมรื้อถอนศาลาราย เมื่อ: สิงหาคม 26, 2015, 08:13:53 pm


′กรมศิลป์-วัดกัลยาฯ′ ยอมถอยคนละก้าว ปมรื้อถอนศาลาราย

นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า กรณีวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารขอให้ พศ.เป็นคนกลางเจรจากรมศิลปากร ให้ยุติการรื้อถอนศาลารายที่วัดสร้างขึ้นแทนโบราณสถานอายุกว่า 100 ปี ที่วัดทุบทำลายไปก่อนหน้านี้โดยไม่ได้ขออนุญาตกรมศิลปากรนั้น

จากการหารือกับกรมศิลปากรเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ข้อสรุปว่า กรมศิลปากรจะชะลอการรื้อถอนออกไปก่อน เพื่อหาทางออกในแง่กฎหมายร่วมกับ พศ.ว่ามีข้อกฎหมายใดบ้างที่ดำเนินการได้โดยไม่ต้องรื้ออาคารที่สร้างแล้ว
 
"ล่าสุด พศ.นำข้อสรุปเรียนพระพรหมกวี (ประกอบ ธมฺมเสฎโฐ) เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ท่านพอใจกับข้อสรุปนี้ และเปรยว่าทางวัดจะไม่รื้อถอนอาคารเพิ่มอีก โดยจากนี้จะทำการใดเกี่ยวกับโบราณสถานภายในวัดจะต้องทำให้ถูกต้อง นักกฎหมาย พศ.และกรมศิลปากร ต้องเริ่มศึกษาจากข้อมูลเดิมไปพร้อมกัน และอาจต้องใช้เวลาพอสมควร เพื่อหารือเกี่ยวกับช่องของกฎหมายในการหาทางออกของเรื่องดังกล่าว"


ขอบคุณข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1440570194
13089  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / “ในหลวง” พระราชทานเครื่องสักการะ สมเด็จวัดปากน้ำ 90 ปี เมื่อ: สิงหาคม 26, 2015, 08:06:05 pm


“ในหลวง” พระราชทาน เครื่องสักการะ สมเด็จวัดปากน้ำ 90 ปี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์อัญเชิญเครื่องสักการะถวาย สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในโอกาสอายุวัฒนมงคล 90 ปี 26 สิงหาคม 2558 ขณะที่บุคคลสำคัญ พุทธศาสนิกชนเข้าถวายสักการะอย่างเนืองแน่น

วันนี้(26 ส.ค.) เวลา 10.30 น.ที่พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์อัญเชิญเครื่องสักการะ ประกอบด้วย น้ำสรง ผ้าไตร แจกันดอกไม้ พระราชทานแด่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในโอกาสอายุวัฒนมงคล 90 ปี พรรษา 70 ในการนี้ผู้แทนพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ อัญเชิญเครื่องสักการะถวายสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ จากนั้นพระเถระกรรมการมหาเถรสมาคม 17 รูป และพระสงฆ์ 300 รูป เจริญพระพุทธมนต์ ฉันฉันภัตตาหารเพล





เวลา 09.00 น. สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธานมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนวิทยาลัยพยาบาลตำรวจ จำนวน 20 ทุน ทุนละ 10,000 บาท โดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าวสัมโมทนียกถาแก่นักเรียนวิทยาลัยพยาบาลตำรวจที่เข้ารับทุนว่า ทุนนี้ได้มอบให้ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว ขอให้นำทุนนี้ไปใช้ประโยชน์แก่การศึกษา การศึกษานั้นต้องใช้เงินทองมาก ทุนที่มอบให้นี้ได้มาจากความศรัทธาของบุคคลต่าง ๆ ได้มอบให้เป็นกำลังใจในการศึกษาขอให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและเป็นตำรวจ เป็นพลเมืองและเป็นเยาวชนที่ดีของประเทศ เพื่อตอบแทนบุญคุณผู้ให้ทุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามีพระสงฆ์ บุคคลสำคัญ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพุทธศาสนิกชน เข้าถวายสักการะ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์อย่างเนื่องแน่น โดยทางวัดปากน้ำ ได้จัดทำหนังสือที่ระลึก 8 เล่มถวายพระสงฆ์ บุคคลสำคัญ พุทธศาสนิกชน จำนวน 5,000 ชุด ประกอบด้วย
    1.หนังสือวรปุญโญวาท
    2.การพระศาสนาด้านสาธารณูปการ
    3.ศีลในชาดก เก็บเพชร ตามรอยธรรม 7
    4.โอวาท 20 ปี แม่กองบาลีสนามหลวง 5.ศีล
    5 คุณค่าชีวิตและสังคม
    6.ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
    7.อนุสรณ์ 20 ปี ใต้ร่มบารมีวิถีธรรม และ
    8.อนุสรณ์ 20 ปีแม่กองบาลีสนามหลวง
    พร้อมกับวีดิทัศน์ อายุวัฒนมงคล 90 ปี พระอิ่มตลอดกาล
    นอกจากนี้ ทางสมัชชาสงฆ์ประเทศสิงค์โป ได้ทำพวงกุญแจที่ระลึกงานครบรอบ 90 ปี จำนวน 10,000 ชิ้นแจกแจกให้แก่พุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงานดังกล่าวด้วย


ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/344132
13090  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อย่าเชื่อใช้เลข 13 หลักหมู่บ้านศีล5 ช่วยธรรมกาย เมื่อ: สิงหาคม 26, 2015, 08:00:14 pm


อย่าเชื่อใช้เลข 13 หลักหมู่บ้านศีล5 ช่วยธรรมกาย

“พระพรหมเสนาบดี” ชี้โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 เป็นมติมหาเถรสมาคม เป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลหนุน ไม่ได้ใช้ช่วยธรรมกายพ้นผิด เตือนชาวพุทธอย่าหลงเชื่อ ย้ำเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักใช้แค่ยืนยันตัวตนเท่านั้น

วันนี้(26 ส.ค.) พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร) เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หมู่บ้านรักษาศีล 5 กล่าวถึงโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ซึ่งเป็นมติมหาเถรสมาคม(มส.) และเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลให้การสนับสนุน เพื่อส่งเสริมให้เกิดศีลธรรมในสังคมว่า โครงการกำลังจะสิ้นสุดระยะที่ 2 ในวันที่ 30 กันยายนนี้ ซึ่งจากการเปิดรับสมัครประชาชนเข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการจนถึงขณะนี้มีสมาชิกแล้วกว่า 20 ล้านคน และก็ยังคงเปิดรับสมัครไปเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามเวลานี้มีประชาชนบางส่วนเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการสมัครเป็นสมาชิก ซึ่งจะต้องมีการกรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักว่า อาจมีการนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมนั้น ขอยืนยันว่าไม่สามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมอะไรได้ เนื่องจากทางวัดและโครงการให้ประชาชนกรอกเลข 13หลัก เพื่อป้องกันการยืนยันซ้ำซ้อน และข้อมูลที่กรอกก็บ่งชี้ชัดว่า ใช้ในโครงการหมู่บ้านรักษาศีล5 เท่านั้น รวมทั้งการกรอกข้อมูลก็ไม่ได้ใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมาประกอบจึงขอให้ประชาชนสบายใจได้ในการกรอกข้อมูลเข้าร่วมโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5


 :96: :96: :96: :96: :96: :96:

"นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวด้วยว่า มีการล่ารายชื่อโดยอ้างโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 เพื่อใช้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ไม่มีการใช้ข้อมูลที่ประชาชนกรอกเป็นสมาชิกหมู่บ้านรักษาศีล 5 ไปทำอย่างเช่นนั้นแน่นอน“พระพรหมเสนาบดีกล่าวและว่า ขณะนี้โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 กำลังจะเข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งจะใช้เวลาอีก 2 ปี ในการสร้างสังคมแห่งความสุขด้วยชุมชนศีล 5 มีการวัดผลโครงการด้วยสถิติปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ ซึ่งโครงการนี้จะสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติเป็นอย่างมาก

ด้านนายพนม ศรศิลป์ ผอ. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า พศ.ขอยืนยันว่า โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ดำเนินการตามมติ มส. ไม่ได้เกี่ยวกับการสนับสนุนการล่ารายชื่อเพื่อให้ใครพ้นผิดตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด จึงอยากให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากคณะสงฆ์ และ พศ.อย่างใกล้ชิด อย่าหลงเชื่อผู้ที่ต้องการสร้างความปั่นป่วนให้แก่ชาวพุทธ


ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/344189
13091  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ตำรวจแจ้งข้อหาผู้รับเหมา ทำอุโบสถวัดต้นเชือกถล่ม เมื่อ: สิงหาคม 26, 2015, 07:55:46 pm



ตำรวจแจ้งข้อหาผู้รับเหมา ทำอุโบสถวัดต้นเชือกถล่ม

โปลิศบางแม่นาง เตรียมเรียกตัวช่างรับเหมาแจ้งข้อหา หลังทำการประมาท รับงานยกพื้นอุโบสถวัดต้นเชือกให้สูงเพื่อหนีน้ำท่วม แต่เกิดผิดพลาดอุโบสถพังถล่มทับคนงานดับ เผยเจ้าตัวไปรับงานต่อที่ชลบุรีแล้ว

จากกรณีอุโบสถวัดต้นเชือก ซอยกันตนา หมู่ 4 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พังถล่มลงมาทับนายณัฐวุฒิ สุวรรณชัย อายุ 22 ปี คนงานก่อสร้างจนเสียชีวิต หลังจากทางวัดได้ว่าจ้างนายณรงค์ศักดิ์ หลักทอง อายุ 32 ปี ผู้รับเหมาก่อสร้างให้มายกพื้นอุโบสถให้สูงขึ้นเพื่อหนีน้ำท่วม




ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 26 ส.ค. นายสกุลเกียรติ ศรีสกุลเมฆี โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนนทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่และคณะกรรมการวัดลงพื้นที่วัดต้นเชือกอีกครั้ง เพื่อร่วมกันประชุมหาข้อสรุปในการนำองค์พระประธานขนาดใหญ่สมัยกรุงศรีอยุธยาออกมาจากอุโบสถที่พังเสียหาย เนื่องจากหวั่นเกรงว่าหลังคา และผนังส่วนที่เหลือจะพังลงมา โดยได้นำเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ รวมทั้งอุปกรณ์ในการรื้อสิ่งก่อสร้างมาเตรียมพร้อมไว้แล้ว ขณะที่เมื่อช่วงเช้ามืดพระภิกษุสงฆ์ของวัดต้องไปทำวัตรที่วิหารหลังเก่าชั่วคราวก่อน

ส่วนด้านคดีนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแม่นาง เตรียมเรียกนายณรงค์ศักดิ์ ผู้รับเหมาในการยกพื้นอุโบสถให้สูงมารับทราบข้อกล่าวหา ทำการประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หากไม่มาพบก็จะออกหมายเรียกและหมายจับต่อไป เบื้องต้นพบว่าผู้รับเหมารายนี้ได้ไปรับงานอยู่ที่ จ.ชลบุรี แล้วด้วย.





ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/regional/344131
13092  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / "หลวงพ่อคูณ" ครบ 100 วัน ยันผิวไม่ได้กลายเป็นสีชมพู เมื่อ: สิงหาคม 26, 2015, 07:49:49 pm


"หลวงพ่อคูณ"ครบ 100 วัน ยันผิวไม่ได้กลายเป็นสีชมพู

อธิการบดี ม.ขอนแก่น เร่งเตรียมพิธีบำเพ็ญกุศล อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ "หลวงพ่อคูณ" ครบกำหนดเก็บสรีระสังขาร 100 วัน ยันชัด ร่างกายไม่ได่้เปลี่ยนเป็นชมพูตามข่าวลือ

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดการประชุมเพื่อเตรียมพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานสตมวาร (100 วัน) พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา

รศ.ดร.กิตติชัย กล่าวว่าในโอกาสครบ 100 วัน การละสังขารของหลวงพ่อคูณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เตรียมจัดการประกอบพิธีดังกล่าวที่อาคารเรียนรวมชั้น 3 คณะแพทยศาสตร์ เพื่อบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานสตมวาร 100 วัน ถวายหลวงพ่อคูณระหว่างวันที่ 29-30 ส.ค.นี้



โดยบริเวณปะรำพิธีกลางด้านบนเวที จะมีการนำภาพของหลวงพ่อคูณและรูปปั้นมาจัดวางไว้ พร้อมทั้งเครื่องบูชาต่างๆรวมทั้งการถ่ายทอดสัญญาณอ่างดองสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ จากชั้น 7 ลงมาบริเวณงานตลอดทั้งช่วงของการประกอบพิธี นอกจากนี้ยังคงโยงสายสิญจน์จากอาคารเรียนรวมชั้น 7 สถานที่ของการเก็บสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณในช่วงของการดองสรีระสังขารตามขั้นตอนของการเป็นครูใหญ่ มายังจุดที่ประกอบพิธีกรรมและโดยรอบของสถานที่จัดพิธีบำเพ็ญกุศล เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและญาติธรรมที่เดินทางมาจากจังหวัดต่างๆได้ร่วมอนุโมทนา ตั้งจิตอธิษฐานตลอดทั้งช่วงของพิธีกรรมทางศาสนา คาดว่าจะมีผู้มาร่วมอนุโทนาบุญและร่วมในการประกอบพิธี

ซึ่งปกติแล้วถ้าเป็นครูใหญ่ทั่ว ๆไป เมื่อฉีดน้ำยารักษาสภาพร่างกายและผิวเนื้อผิวหนังจะเป็นสีคล้ำหรือสีเขียว แต่หากสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ หลังจากที่ฉีดน้ำยาตามขั้นตอนแล้วผิวหนังจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูก็นับเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ และอาจเป็นความเชื่อที่ว่าเป็นบุญบารมีของหลวงพ่อคูณ อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะสรีระสังขารของท่านยังอยู่ในอ่างดองไม่ครบ 1 ปี ตามที่คณะแพทย์กำหนดไว้จึงไม่มีใครทราบว่าสรีระสังขารของท่านออกเป็นโทนสีชมพูหรือไม่.


ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/regional/344185
13093  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ทุบหลุมศพช่วยเมียในโลง ผัวได้ยินเสียงร้องขอให้ช่วย เมื่อ: สิงหาคม 26, 2015, 07:40:47 pm


ทุบหลุมศพช่วยเมียในโลง ผัวได้ยินเสียงร้องขอให้ช่วย

แห่ทุบหลุมศพ หลังได้ยินเสียงร้องให้ช่วย ไม่ทันการเอาศพออกมาปรากฏว่าสายไปเสียแล้ว ญาติตั้งข้อสังเกตุไม่ได้เสียชีวิตอย่างที่แพทย์คนแรกบอกไว้ แต่ตายอีกครั้งจริง ๆ เนื่องจากขาดอากาศหายใจในโลงศพ

เว็บไซต์ข่าวอังกฤษ “เดอะ มิรเรอร์”รายงานจากเมืองลา เอ็นตราดา ประเทศฮอนดูรัส เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ว่า ญาติ ๆ แห่ใช้ค้อนทุบหลุมฝังศพของนางเนย์ซี เปเรซ วัย 16 ปี ที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน แต่เกิดอาการช็อคหัวใจหยุดเต้นกระทันหัน เมื่อเธอเดินไปเข้าห้องสุขานอกตัวบ้านซึ่งตั้งอยู่ในเมืองลา เอ็นตราดา ทางตะวันตกของประเทศฮอนดูรัส กลางดึกและได้ยินเสียงปืนที่ยิงต่อสู้กัน



แม้ครอบครัวพยายามช่วยเธอด้วยการนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่ก็ไม่ทันการ แพทย์เผยว่า เธอเสียชีวิตแล้ว ทำให้ญาติพากันทำพิธีศพ และฝังศพเธอที่แต่งตัวสวยงามในชุดเจ้าสาวไว้ที่สุสานของเมืองดังกล่าว หลังจากนั้นหนึ่งวันนายรูดี กอนซาเลซ ผู้เป็นสามีได้มาเยี่ยมร่างของภรรยาที่สุสาน เมื่อเขาเอามือวางบนหลุมศพเธอก็ได้ยินเสียงร้องเรียกให้ช่วย และเสียงทุบโลงศพ เขากับสัปเหร่อ และญาติ ๆ จึงช่วยกันทุบหลุมศพเพื่อนำนางเปเรซออกมา

ทั้งหมดได้นำตัวเธอส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่แพทย์ก็ได้ยืนยันอีกครั้งว่า เธอเสียชีวิตไปแล้ว บริเวณมือ และหน้าผากของเธอมีรอยฟกช้ำ และบาดแผล ทำให้ญาติตั้งข้อสังเกตุว่า นางเปเรซไม่ได้เสียชีวิตอย่างที่แพทย์คนแรกได้กล่าวไว้ แต่เธอเสียชีวิตอีกครั้งจริง ๆ เนื่องจากขาดอากาศหายใจในโลงศพ.





ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/foreign/344188
13094  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มารไม่มี บารมีไม่เกิด เมื่อ: สิงหาคม 26, 2015, 11:03:24 am



กองทัพที่ ๔ ตัณหา(ความทะยานอยาก)

ตัณหาเป็นกองทัพที่สี่ของมาร ยกตัวอย่างพระภิกษุรูปหนึ่ง หลังจากบิณฑบาต บางครั้งบาตรของท่านอาจจะยังไม่เต็ม หรือยังไม่มีใครใส่อาหารที่เหมาะกับความต้องการทางโภชนาการมาให้ แทนที่จะเดินกลับวัด ท่านอาจพยายามเดินบิณฑบาตต่อไปบนเส้นทางใหม่ที่ยังไม่เคยไป ซึ่งบางทีก็อาจได้อาหารสมประสงค์ เส้นทางใหม่ๆ แบบนี้ อาจยาวขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าผู้ปฏิบัติจะเป็นพระภิกษุสงฆ์หรือไม่ก็ตาม ผู้ปฏิบัติก็อาจคุ้นเคยกับพฤติกรรมแบบนี้ เริ่มด้วยอาการอยากตามด้วยการวางแผน แล้วก็ลงมือทำเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ กระบวนการทั้งหมดอาจทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก




กองทัพที่ ๕ ถีนมิทธะ(ความหดหู่และเซื่องซึม)

จากนั้นกองทัพที่ห้าของมารก็เริ่มรุกเข้ามา กองทัพนี้ได้แก่ความหดหู่ เซื่องซึม และง่วงเหงา ความยากลำบากในการปฏิบัติที่เกิดจากความหดหู่ เซื่องซึมนี้ นับว่าเป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว ควรที่จะขยายความต่อไป

   ความหดหู่ แปลมา จากคำบาลีว่า ถีนะ ซึ่งความจริงหมายถึง จิตใจที่อ่อนแอท้อถอย เหี่ยวเฉา เหนียวหนืด และอืดอาด ไม่สามารถจับอารมณ์กรรมฐานได้มั่นคง

     เมื่อ ถีนะ ทำให้จิตใจอ่อนแอ มันก็จะทำให้ร่างกายอ่อนแอไปด้วยโดยอัตโนมัติ จิตที่ซึมเซาย่อมไม่อาจประคองร่างกายใหนั้่งตัวตรงและมั่นคงอยู่ได้ การเดินจงกรมกลายเป็นอิริยาบถที่ยากเย็น

     เมื่อ ถีนะ ปรากฏอยู่ อาตาปี ความเพียรเพ่งอารมณ์ก็หายไป จิตจะมีความแข็งกระด้าง ขาดความเฉียบคมและว่องไว แม้ผู้ปฏิบัติอาจมีความเพียรตอนเริ่มปฏิบัติ ความเฉื่อยชาอาจคืบคลานเข้ามาครอบงำจนต้องเร่งความเพียรเพื่อแผดเผาความง่วงให้หมดไป
     เมื่อความเซื่องซึมครอบงำจิต พลังทางบวกของจิตส่วนหนึ่งย่อมถูกปิดกั้น ความอ่อนแอจะห่อหุ้มองค์ธรรมที่เป็นกุศล กล่าวคือ วิริยะ สติ วิตกและวิจาร จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนได้

    สภาวะเช่นนี้เรียกโดยรวมว่า ถีนมิทธะ คือ จิตที่หดหู่เซื่องซึม
    ถีนะ หมายถึง สภาพที่ทำให้จิตหดหู่ เซื่องซึม ท้อถอยจากอารมณ์ และ
    มิทธะ หมายถึง สภาพที่ทำให้เจตสิก หดหู่ เซื่องซึม ท้อถอยจากอารมณ์
    กล่าวคือ สภาวจิตที่ถูกความหดหู่ เซื่องซึม ครอบงำ


      ask1 ask1 ask1 ask1

    ในการปฏิบัติไม่มีประโยชน์อะไรที่จะแยกแยะสภาวะของ “ถีนะ” และ “มิทธะ” ออกจากกัน กล่าวโดยรวมๆ ก็นับว่าใช้ได้ เช่นเดียวกับการถูกคุมขังอยู่ในที่แคบๆ ความหดหู่เซื่องซึม เปรียบเหมือนภาวะที่ปิดกั้นกุศลธรรมให้ขาดอิสระในการแสดงธรรมชาติแท้จริงออกมา การกีดขวางกุศลธรรมนี้แหละ เป็นสาเหตุให้เกิดความหดหู่ เซื่องซึม ซึ่งเป็น นิวรณ์หรือเครื่องปิดกั้น(กุศลธรรม) อย่างหนึ่ง

    ในที่สุดกองทัพที่ห้าของมารก็สามารถทำให้การปฏิบัติหยุดชะงักลงได้ ตาของผู้ปฏิบัติจะค่อยๆหรี่ลง และทันใดนั้นศีรษะก็ค้อมมาข้างหน้า ผู้ปฏิบัติจะเอาชนะภาวะที่ถดถอยเช่นนี้ได้อย่างไร
    ครั้งหนึ่งเมื่อพระมหาโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้ายกำลังเจริญวิปัสสนาอยู่ในป่า และถูกถีนมิทธะเข้าครอบงำ จิตของท่านหดหู่และเซื่องซึมไร้ประโยชน์เหมือนกับเนยที่แข็งตัวเมื่อถูกความเย็น ในขณะนั้นพระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นสภาวจิตของพระโมคคัลลานะ จึงเสด็จมาโปรดและตรัสว่า
    “ดูก่อนโมคคัลลานะ เธอกำลังโงนเงน ง่วงนอน และสัปหงกอยู่หรือ”
     พระอัครสาวกตอบว่า
     “ขอรับพระพุทธเจ้าข้า ข้าพระองค์กำลังสัปหงกอยู” ท่านตอบตรงไปตรงมาอย่างเปิดเผย
     พระพุทธองค์ตรัสว่า
     “ดูก่อนโมคคัลลานะ ตถาคตจะสอนวิธีในการเอาชนะความหดหู่เซื่องซึม ให้ ๘ ประการ”


 ans1 ans1 ans1 ans1

วิธีเอาชนะความง่วง ๘ ประการ

วิธีแรกได้แก่ การเปลี่ยนทัศนคติของตนเอง เมื่อความเซื่องซึมเข้าครอบงำ ผู้ปฏิบัติอาจถูกลวงให้ยอมแพ้ ด้วยความคิดว่า
     “ง่วงเหลือเกิน ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมานั่งอยู่อย่างนี้ฉันน่าจะนอนลงสักประเดี๋ยว เพื่อรวบรวมกำลังดีกว่า”
     ตราบใดที่ผู้ปฏิบัติยังมีความคิดเช่นนี้ สภาวจิตที่ง่วงเหงาซึมเซาก็จะคงอยู่
     แต่ในทางตรงกันข้าม หากผู้ปฏิบัติตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่า
     “ฉันจะนั่งกำหนดดูความเซื่องซึมง่วงเหงานี้ และถ้ามันยังกลับมาอีก ฉันจะไม่ยอมแพ้”
     นี่คือ การเปลี่ยนทัศนคติที่พระพุทธองค์ทรงหมายถึงความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเอาชนะกองทัพที่ห้าของมาร

     อีกโอกาสหนึ่งที่จะต้องมีการปรับทัศนคติก็คือ เมื่อการปฏิบัติวิปัสสนามีความสะดวกราบรื่นพอถึงจุดที่ผู้ปฏิบัติมีความชำนาญในการกำหนดอาการพองยุบของท้องได้ โดยไม่ต้องอาศัยความพยายามแล้ว ผู้ปฏิบัติจะเริ่มผ่อนคลาย นั่งสบายๆ และเฝ้ากำหนดดูควาเคลื่อนไหวอย่างสงบ ด้วยอาการผ่อนคลายนี้ ความง่วงเหงาหาวนอนจะคืบคลานเข้ามาได้ง่ายๆ
     หากมีอาการเช่นนี้ ผู้ปฏิบัติพึงเร่งสติ กำหนดรู้อาการพองยุบด้วยความระมัดระวัง หรือมิฉะนั้นก็ให้เพิ่มจุดในการกำหนดอารมณ์โดยใช้คำบริกรรมภาวนาการเพิ่มจุดในการกำหนดอารมณ์นี้ ต้องอาศัยเทคนิคเฉพาะ เนื่องจากต้องใช้ความพยายามสูงกว่าการกำหนดพองยุบเฉยๆ วิธีการนี้ จะทำให้ผู้ปฏิบัติตื่นตัวขึ้น

     ผู้ปฏิบัติอาจบริกรรม “พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ ถูกหนอ”
     เมื่อกำหนด “นั่งหนอ” ให้ระลึกรู้ความรู้สึกที่ร่างกายอยู่ในอาการที่นั่ง
     เมื่อกำหนด “ถูกหนอ” ให้ระลึกรู้จุดกระทบสัมผัสจุดใดจุดหนึ่งหรือหลายจุด ขนาดเท่ากับเหรียญสิบบาทในระหว่างการกำหนด “ถูกหนอ” นี้ ผู้ปฏิบัติพึงระลึกรู้กลับมาที่เดิมเสมอ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้สึกว่าถูกอะไรอยู่ทุกครั้ง ยิ่งความง่วงรุนแรงเท่าไหร่ ก็ควรเพิ่มจุดระลึกรู้การกระทบสัมผัสมากขึ้นเท่านั้น โดยอาจมากประมาณ ๖ จุด
     เมื่อกำหนด “ถูกหนอ” ครบแต่ละรอบ ให้ระลึกรู้ย้อนกลับไปที่ท้องแล้วเริ่มต้นใหม่ วิธีการนี้มักจะได้ผลพอสมควร แต่ก็มิใช่ว่าจะไม่มีโอกาสผิดพลาด

วิธีแก้อาการง่วงนอนวิธีที่สอง ให้นึกถึงข้อธรรมที่ให้แรงบันดาลใจที่จำได้หรือท่องจำไว้จนขึ้นใจ แล้วพยายามทำความเข้าใจความหมายของข้อธรรมนั้นให้ลึกซึ้งที่สุด บางทีผู้ปฏิบัติอาจเคยนอนลืมตาโพลงอยูทั่้งคืน เพราะเฝ้าคิดถึงคำนึงถึงความหมายของเรื่องราวบางอย่าง
    หากเคยเป็นเช่นนี้ ผู้ปฏิบัติย่อมเข้าใจถึงวิธีการแก้ง่วงประการที่สองของพระพุทธองค์
    ตามหลักอภิธรรม อาการคิดมีองค์ธรรมได้แก่ วิตก หรือการยกจิตขึ้นสู่อารม ์ องค์ธรรมนี้ สามารถช่วยให้จิตเบิกบานและมีความสดชื่นขึ้นได้ นับเป็นยารักษาความหดหู่และเซื่องซึมโดยตรง

กลยุทธ์ที่สาม ในการต่อสู้กับความง่วงก็คือการท่องข้อธรรมต่างๆนั้นดังๆ ถ้าหากผู้ปฏิบัติอยู่กันเป็นกลุ่ม ก็คงไม่ต้องบอกว่า ให้ผู้ปฏิบัติบริกรรมข้อธรรมนั้นๆ ดังเพียงให้ตัวเองได้ยินก็พอ

ถ้าหากยังไม่รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ให้ใช้วิธีที่แรงขึ้น เช่น ดึงหรือไชหูตัวเอง เอามือสีกันเองหรือลูบแขน ขา และใบหน้า ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และทำให้ตื่นตัวขึ้นบ้าง

หากความง่วงยังคงอยู่ ให้ลุกขึ้นอย่างมีสติแล้วไปล้างหน้า ผู้ปฏิบัติอาจใช้นํ้าหยอดตาเพื่อให้สดชื่นขึ้น

ถ้ายังไม่หายให้มองไปยังวัตถุที่มีแสงสว่าง เช่น พระจันทร์ แสงแดด หรือหลอดไฟ ซึ่งจะช่วยให้จิตสว่างไสวขึ้น ความผ่องแผ้วของจิตก็เป็นแสงชนิดหนึ่ง ด้วยแสงนี้ ผู้ปฏิบัติจะสามารถตั้งความพยายามที่จะเฝ้ากำหนดดูพองยุบอย่างชัดเจน ตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุดอีกครั้ง

หากไม่มีวิธีไหนใช้ได้เลย ก็ให้เดินจงกรมเร็วๆแบบมีสติ

สุดท้ายหากไม่หายง่วง ก็ให้นอนเสีย หากมีอาการง่วงเหงาหาวนอนเรื้อรัง อาจเกิดจากอาการท้องผูกก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้น ผู้ปฏิบัติควรหาวิธีระบายท้องที่เหมาะสม





กองทัพที่ ๖ ความกลัว

กองทัพที่หกของมาร คือ ความกลัวหรือความขลาด ความกลัวสามารถก่อกวนผู้ปฏิบัติที่อยู่ในท้องถิ่นห่างไกลได้ง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อความเพียรเริ่มอ่อนกำลังลง ภายหลังจากที่หดหู่และเซื่องซึมเข้าครอบงำ ความพยายามอย่างกล้าหาญเท่านั้นที่จะขับไล่ความกลัวให้หมดไปได้ เช่นเดียวกับความเข้าใจธรรมะอย่างถ่องแท้ ซึ่งเป็นผลอันเกิดจากความเพียร สติและสมาธิ

พระธรรมเป็นเครื่องป้องกันอันตรายที่ประเสริฐที่สุดที่หาได้ในโลกนี้ ความศรัทธาและการปฏิบัติธรรมเป็นยาขนานเลิศที่จะขจัดความกลัว การรักษาศีล มีอานิสงส์ที่ทำให้ผู้ปฏิบัติประสบกับสิ่งที่ดีงาม และมีความสุข การเจริญสมาธิทำให้คลายทุกข์ จากจิตที่ถูกกระทบด้วยอารมณ์ และความคิดน้อยลง และการเจริญปัญญานำผู้ปฏิบัติเข้าสู่พระนิพพาน ที่ซึ่งความกลัวและภยันตรายทั้งหลายปลาสนาการไปด้วยการปฏิบัติธรรม

      :25: :25: :25: :25:

     ผู้ปฏิบัตินับได้ว่า เป็นผู้ที่ดูแลปกป้อง และเป็นกัลยาณมิตรที่ดีที่สุดของตนเอง
     พื้นฐานของความกลัวมาจากโทสะซึ่งเป็นธรรมชาติที่ประทุษร้ายในอารมณ์ เนื่องจากไม่สามารถเผชิญหน้ากับปัญหาบุคคลผู้นั้น จึงไม่แสดงอาการออกมาภายนอก แต่รอโอกาสที่จะวิ่งหนี แต่หากผู้ปฏิบัติสามารถเผชิญกับปัญหาได้ตรงๆ ด้วยจิตที่เบิกบานและผ่อนคลาย
     ความกลัวก็จะไม่เกิดขึ้นในระหว่างการอบรมวิปัสสนากรรมฐาน ผู้ปฏิบัติที่ห่างเหินจากธรรม จะรู้สึกกลัวและขาดความเชื่อมั่น เมื่อคิดถึงผู้ปฏิบัติคนอื่นๆ และวิปัสสนาจารย์

     ยกตัวอย่างเช่น เมื่อถูกความง่วงเหงารบกวนอย่างหนัก ผู้ปฏิบัติอาจหลับติดต่อได้ถึง ๕ ชั่วโมง ในระหว่างการนั่งสมาธิ และอาจมีสติแจ่มใสได้เพียงไม่กี่นาทีต่อวันผูป้ ฏิบัติเหลา่ นี้มักจะรู้สึกต่ำต้อย เขินอาย และกระอักกระอ่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเริ่มคิดเปรียบเทียบประสบการณ์ของตนกับผู้ปฏิบัติคนอื่น ที่ดูเหมือนจะมีสมาธิอยู่ตลอดเวลา
     บางครั้งในประเทศสหภาพพม่า ผู้ปฏิบัติที่ย่อหย่อนมากๆ อาจหายตัวไป ๒-๓ วัน โดยไม่มาสอบอารมณ์ บางคนก็หนีกลับบ้านไปเลย เหมือนกับเด็กนักเรียนที่ไม่ได้ทำการบ้าน ถ้าหากผู้ปฏิบัติเหล่านี้จะใช้ความพยายามอย่างกล้าหาญ สติก็จะสว่างไสวราวกับแสงอาทิตย์ สามารถเผาผลาญเมฆหมอกแห่งความง่วงเหงาให้สิ้นไป

      st12 st12 st12 st12

     หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะสามารถเผชิญหน้ากับวิปัสสนาจารย์ได้อย่างเชื่อมั่น และพร้อมที่จะรายงานสิ่งที่ตนได้พบเห็นในแสงเห็นพระธรรม ไม่ว่าจะประสบกับอะไรในระหว่างการปฏิบัติธรรม ขอให้ผู้ปฏิบัติพึงมีความกล้าหาญและซื่อสัตย์ในการรายงานให้วิปัสสนาจารย์ทราบ
     บางครั้งผู้ปฏิบัติอาจเข้าใจผิดว่า การปฏิบัติกำลังพังทลายลง ในขณะที่ความจริงกำลังก้าวหน้าอยู่วิปัสสนาจารย์ที่ดี จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติสามารถเอาชนะความรู้สึกไม่มั่นคงเหล่านี้ และช่วยให้การปฏิบัติก้าวหน้าต่อไปได้ตามหนทางของพระธรรม ด้วยความเพียร ศรัทธา และความเชื่อมั่น


     ยังมีต่อ......


ขอบคุณภาพจาก
http://www.dhammajak.net/
http://0.static-atcloud.com/
http://phattuvietnam.net/
13095  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / "วาจาน่าเอ็นดู" ของมาร เป็นเช่นไร.? เมื่อ: สิงหาคม 26, 2015, 09:57:25 am

เสนามาร ๑๐ เหล่า
ปธานสูตรที่ ๒

       [๓๕๕] มารได้เข้ามาหาเราผู้มีตนส่งไปแล้วเพื่อความเพียร บากบั่นอย่างยิ่ง เพ่งอยู่ ที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เพื่อบรรลุนิพพานอันเกษมจากโยคะ กล่าววาจาน่าเอ็นดูว่า
      "ท่านผู้ซูบผอม มีผิวพรรณเศร้าหมอง ความตายของท่านอยู่ในที่ใกล้ เหตุแห่งความตายของท่านมีตั้งพันส่วน ความเป็นอยู่ของท่านมีส่วนเดียว ชีวิตของท่านผู้ยังเป็นอยู่ประเสริฐกว่า
      เพราะว่าท่านเป็นอยู่จักกระทำบุญได้ ท่านประพฤติพรหมจรรย์ และบูชาไฟอยู่ ย่อมสั่งสมบุญได้มาก
      ท่านจักทำประโยชน์อะไรด้วยความเพียร ทางเพื่อความเพียรพึงดำเนินไปได้ยาก กระทำได้ยาก ให้เกิดความยินดีได้ยาก"

       มารได้ยืนกล่าวคาถาเหล่านี้ในสำนักของพระพุทธเจ้า

       พระผู้มีพระภาคตรัสคาถาประพันธ์นี้กะมารผู้กล่าวอย่างนั้นว่า
       "แน่ะมารผู้มีบาป ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของคนประมาท ท่านมาในที่นี้ด้วยความต้องการอันใด ความต้องการอันนั้นด้วยบุญ แม้มีประมาณน้อย ก็ไม่มีแก่เรา ส่วนผู้ใดมีความต้องการบุญ มารควรจะกล่าวกะผู้นั้น เรามีศรัทธา ตบะ วิริยะ และปัญญา
        ท่านถามเราแม้ผู้มีตนส่งไปแล้วผู้เป็นอยู่อย่างนี้เพราะเหตุไร ลมนี้พึงพัดกระแสแม่น้ำทั้งหลายให้เหือดแห้งไปได้ เลือดน้อยหนึ่งของเราผู้มีใจเด็ดเดี่ยวไม่พึงเหือดแห้ง เมื่อโลหิตเหือดแห้งไปอยู่ ดีและเสลษม์ย่อมเหือดแห้งไป เมื่อเนื้อสิ้นไปอยู่ จิตย่อมเลื่อมใสโดยยิ่ง สติปัญญาและสมาธิของเราย่อมตั้งมั่นโดยยิ่ง
        เรานั้นถึงจะได้รับเวทนาอันแรงกล้าอยู่อย่างนี้ จิตย่อมไม่เพ่งเล็งกามทั้งหลาย
        ท่านจงดูความที่สัตว์เป็นผู้บริสุทธิ์


         :96: :96: :96: :96: :96:

        กามทั้งหลายเรากล่าวว่า เป็นเสนาที่ ๑ ของท่าน
          ความไม่ยินดีเรากล่าวว่า เป็นเสนาที่ ๒ ของท่าน
           ความหิวและความระหาย เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๓ ของท่าน
            ตัณหา เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๔ ของท่าน
             ถีนมิทธะ เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๕ ของท่าน
              ความขลาดกลัว เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๖ ของท่าน
               ความสงสัย เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๗ ของท่าน
                ความลบหลู่ความหัวดื้อ เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๘ ของท่าน
                 ลาภ สรรเสริญ สักการะ เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๙ ของท่าน และยศที่ได้มาผิด ซึ่งเป็นเหตุให้
                  บุคคลยกตนและดูหมิ่นผู้อื่น เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๑๐ ของท่าน



       แน่ะมาร เสนาของท่านนี้มีปกติกำจัดซึ่งคนผู้มีธรรมดำ คนผู้ไม่กล้าย่อมไม่ชนะซึ่งเสนาของท่านนั้น ส่วนคนผู้กล้าย่อมชนะได้ ครั้นชนะแล้วย่อมได้ความสุข ก็เพราะเหตุที่ได้ความสุขนั้น แม้เรานี้ก็พึงรักษาหญ้ามุงกระต่ายไว้ น่าติเตียนชีวิตของเรา เราตายเสียในสงครามประเสริฐกว่า แพ้แล้วเป็นอยู่จะประเสริฐอะไร
       สมณพราหมณ์บางพวกหยั่งลงแล้วในเสนาของท่านนี้ ย่อมไม่ปรากฏ ส่วนผู้ที่มีวัตรงามย่อมไปโดยหนทางที่ชนทั้งหลายไม่รู้
       เราเห็นมารพร้อมด้วยพาหนะยกออกแล้วโดยรอบ จึงมุ่งหน้าไปเพื่อรบ มารอย่าได้ยังเราให้เคลื่อนจากที่ โลกพร้อมด้วยเทวโลกย่อมครอบงำเสนาของท่านไม่ได้
       เราจะทำลายเสนาของท่านเสียด้วยปัญญา เหมือนบุคคลทำลายภาชนะดินทั้งดิบทั้งสุก ด้วยก้อนหิน ฉะนั้น
       เราจักกระทำสัมมาสังกัปปะให้ชำนาญและดำรงสติให้ตั้งมั่นเป็นอันดี
       แล้วจักเที่ยวจากแคว้นนี้ไปยังแคว้นโน้น แนะนำสาวกเป็นอันมาก
       สาวกผู้ไม่ประมาทเหล่านั้นมีใจเด็ดเดี่ยว กระทำตามคำสั่งสอนของเราจักถึงที่ซึ่งไม่มีความใคร่ ที่ชนทั้งหลายไปถึงแล้วย่อมไม่เศร้าโศก"


        :41: :41: :41: :41:

      มารกล่าวคาถาว่า
      "เราได้ติดตามรอยพระบาทของพระผู้มีพระภาคสิ้น ๗ ปี ไม่ได้ประสบช่องของพระสัมพุทธเจ้าผู้มีศิริ"
      มารได้ไปตามลมรอบๆก้อนหิน ซึ่งมีสีคล้ายก้อนมันข้น ด้วยคิดว่า
      "เราจะประสบความอ่อนโยนในพระโคดมนี้บ้าง ความสำเร็จประโยชน์พึงมีบ้าง"
      มารไม่ได้ความพอใจในพระสัมพุทธเจ้าได้ กลายเป็นลมหลีกไป ด้วยคิดว่า
      "เราถึงพระโคดมแล้ว จะทำให้ทรงเบื่อพระทัยหลีกไป เหมือนกาถึงไสลบรรพตแล้วบินหลีกไป ฉะนั้น"
      พิณของมารผู้ถูกความโศกครอบงำแล้ว ได้ตกจากรักแร้ ลำดับนั้น มารนั้นเสียใจ ได้หายไปในที่นั้นนั่นแลฯ


      จบปธานสูตรที่ ๒


อ้างอิง :- พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕  พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๘๔๓๖-๘๔๙๘. หน้าที่ ๓๖๙-๓๗๑.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=8436&Z=8498&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=355
ขอบคุณข่าวจาก
http://3.bp.blogspot.com/
http://1.bp.blogspot.com/
http://0.static-atcloud.com/





ว่าด้วยมารเสนา

      [๑๓๔] คำว่า บุคคลผู้มีปัญญากว้างขวางดังแผ่นดินนั้น เป็นผู้กำจัดเสนาในธรรมทั้งปวงคือ ในรูปที่เห็น เสียงที่ได้ยิน หรืออารมณ์ที่ทราบอย่างใดอย่างหนึ่ง มีความว่า มารเสนาเรียกว่าเสนา กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ราคะ โทสะ โมหะ โกธะ อุปนาหะ ฯลฯ อภิสังขาร คือ อกุศลกรรมทั้งปวง ชื่อว่า มารเสนา.
 
     สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
     กิเลสกาม เรากล่าวว่าเป็นมารเสนาที่ ๑ ของท่าน
     ความไม่ยินดี เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๒ ของท่าน
     ความหิวกระหาย เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๓ ของท่าน
     ตัณหา เรากล่าวเป็นเสนาที่ ๔ ของท่าน
     ความง่วงเพราะหาวนอน เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๕ ของท่าน
     ความขลาด เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๖ ของท่าน
     ความลังเลใจ เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๗ ของท่าน
     ความลบหลู่และความกระด้าง เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๘ ของท่าน
     ลาภ ความสรรเสริญ สักการะ และยศที่ได้โดยทางผิด เรากล่าวว่าเป็นเสนาที่ ๙ ของท่าน
     ความยกตนและข่มผู้อื่น เรากล่าวว่า เป็นเสนาที่ ๑๐ ของท่าน

     ดูกรพระยามาร เสนาของท่านเหล่านี้ เป็นผู้มีปกติกำจัดผู้มีธรรมดำ คนไม่กล้าย่อมไม่ชนะเสนานั้นได้ ส่วนคนกล้าย่อมชนะได้ ครั้นชนะแล้วย่อมได้สุข ดังนี้.

     เมื่อใด มารเสนาทั้งหมดและกิเลสอันทำความเป็นปฏิปักษ์ทั้งหมด อันบุคคลผู้มีปัญญากว้างขวางดังแผ่นดินนั้นชนะแล้ว ให้แพ้แล้ว ทำลายเสีย กำจัดเสีย ทำให้ไม่สู้หน้าแล้วด้วยอริยมรรค ๔ เมื่อนั้นบุคคลผู้มีปัญญากว้างขวางดังแผ่นดินนั้น เรียกว่า เป็นผู้กำจัดเสนา.
     บุคคลนั้นเป็นผู้กำจัดเสนาในรูปที่เห็น เสียงที่ได้ยิน อารมณ์ที่ทราบ อารมณ์ที่รู้แจ้ง เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า บุคคลผู้มีปัญญากว้างขวางดังแผ่นดินนั้น เป็นผู้กำจัดเสนาในธรรมทั้งปวง คือ ในรูปที่เห็น เสียงที่ได้ยิน หรืออารมณ์ที่ทราบอย่างใดอย่างหนึ่ง.


อ้างอิง :- พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๙ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๑ ขุททกนิกาย มหานิทเทส
เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๙ บรรทัดที่ ๑๘๒๒-๒๒๓๙. หน้าที่ ๗๗-๙๔.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=29&A=1822&Z=2239&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=29&i=109
13096  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ยาอะไรเอ่ย!! พระชอบ ดื่มแล้วเมา ท้าชกกันลั่นวัด เมื่อ: สิงหาคม 25, 2015, 10:26:11 pm


ยาอะไรเอ่ย!! พระชอบ ดื่มแล้วเมา ท้าชกกันลั่นวัด

กำลังเป็นที่นิยมในหมู่พระ ‘น้ำจัณฑ์’ ที่แอบแฝงมาในรูปของยาบำรุงร่างกายดื่มเข้าไปมากๆ ก็เมาได้ หลวงพี่ที่อุดรฯ ให้เด็กวัดซื้อมาไว้ครั้งละโหล เมาแล้วเหลวไหลไม่ออกบิณฑบาต สุดท้ายคว้าขวานออกมาท้าตีท้าต่อย ชาวบ้านเลยแจ้ง ตร.จับตัวไปสึก... 
 

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 ส.ค. 58 ร.ต.ท.สุทโธ โมรา รอง สวป.สภ.ย่อยนาข่า อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจาก นายเสกศิริ บุตรพิลา ส.อบต.บ้านขาว ต.บ้านขาว อ.เมืองอุดรธานี มีเหตุพระเมาอาละวาด ภายในวัดป่าสวนหงษ์ บ้านขาว จึงนำกำลังออกไปตรวจสอบ พบพระสายัญ ธีรวโร อายุ 37 ปี พระลูกวัด ลักษณะมึนเมาสุราอาละวาดยู่บนกุฏิถือขวาน ด่าทอและท้าต่อยกับพระภายในวัด ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัว และตรวจค้นกุฏิพบขวดเปล่ายาบำรุงร่างกายยี่ห้อหนึ่งที่มีส่วนผสมของสุรา ซุกซ่อนอยู่ภายในกุฏิถึง 24 ขวด จึงนำตัวไปให้เจ้าคณะตำบลนาข่าทำการสึก และควบคุมตัวไปโรงพักเพื่อสอบสวน

ทั้งนี้ อดีตพระสายัญ หรือนายสายัญ เคนชัยวงศ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/1 หมู่ 4 ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ให้การรับสารภาพหลังสร่างเมาว่า บวชมา 8 พรรษา ที่วัดอรัญบรรพต อ.เมือง จ.หนองคาย ก่อนเข้าพรรษา ได้เดินทางมาขอจำพรรษาที่วัดป่าสวนหงษ์ ซึ่งมีพระจำพรรษา 6 รูป เจ้าอาวาสอาพาธ จึงไม่ได้บิณฑบาต ตนจึงออกบิณฑบาตนำอาหารมาให้เจ้าอาวาสทุกเช้า ทำให้พระในวัดไม่ชอบตน และจะไม่เคารพตน ถึงแม้ว่าตนจะบวชก่อน และมีพรรษามากกว่าก็ตาม


 :41: :41: :41: :41:

อย่างไรก็ตาม ก่อนเกิดเหตุ เช้าวันนี้ตนไม่ได้ออกไปบิณฑบาต เพราะตนจะไม่ฉันอาหาร แต่ได้ดื่มยาบำรุงร่างกายยี่ห้อหนึ่งไป 2 ขวด จนทำให้มีอาการมึนเมา มีพระภิกษุภายในวัดที่ไม่ชอบตนอยู่แล้วจึงเดินมาต่อว่า ทำให้ตนโกรธร้องตะโกนด่าทอกลับไป พร้อมท้าต่อยกับพระที่มาต่อว่า ซึ่งตนอยากจะเคลียร์เรื่องนี้มานานแล้ว ถ้าจะกล่าวหาว่าตนดื่มยาบำรุงร่างกายที่มีส่วนผสมของสุรา ทำให้ผิดศีล พระภิกษุในวัดก็ดื่มกันหมดทุกรูป ยกเว้นเจ้าอาวาส

หลังสอบสวนตำรวจได้แจ้งข้อหา ‘เมาสุราประพฤติตนวุ่นวาย พยายามทำร้ายร่างกาย ถืออาวุธ (ขวาน) ในทางสาธารณะ หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร’ ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี

ขณะที่นายเสกศิริ บุตรพิลา ส.อบต.บ้านขาว ต.บ้านขาว อ.เมืองอุดรธานี กล่าวว่า ก่อนเข้าพรรษาปีนี้ พระสายัญ หรือนายสายัญ เดินธุดงค์มาขอจำพรรษาที่วัดป่าสวนหงษ์ เจ้าอาวาส มัคนายกและกรรมการวัดได้ขอตรวจดูใบสุทธิว่าเป็นพระจริงหรือพระปลอม แต่พระสายัญอ้างว่าลืมไว้ที่บ้าน วันหลังจะให้ญาตินำมาให้ กรรมการวัดจึงให้จำพรรษาอยู่ด้วย ระยะแรกก็ปฏิบัติตัวดี แต่ระยะหลังจะให้เด็กวัดไปซื้อยาบำรุงร่างกายที่มีส่วนผสมของสุรามาไว้ในกุฏิครั้งละ 1 โหล โดยอ้างว่าจะเอาไว้ดื่มเป็นยา จนสุดท้ายไม่ยอมออกบิณฑบาต เพราะเมา และจะอาละวาดท้าชกต่อยกับพระรูปอื่นประจำ จนเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้าน มาครั้งนี้กรรมการวัดสุดทน จึงได้แจ้งตำรวจมาจับสึก และดำเนินคดีดังกล่าว
.


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/520770
13097  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: นั่งกรรมฐาน แล้ว ง่วง ทำอย่างไร ดีครับ ที่จะแก้ง่วงได้ครับ เมื่อ: สิงหาคม 25, 2015, 10:03:35 pm


ดูกรโมคคัลลานะ เธอง่วงหรือ.?

      ดูกรโมคคัลลานะ เธอง่วงหรือ.?
      ท่านพระมหาโมคคัลลานะกราบทูลว่า อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ

      ดูกรโมคคัลลานะ เพราะเหตุนั้นแหละ เมื่อเธอมีสัญญาอย่างไร อยู่ความง่วงนั้นย่อมครอบงำได้ เธอพึงทำไว้ในใจซึ่งสัญญานั้นให้มาก ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้าเธอยังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงตรึกตรองพิจารณาถึงธรรมตามที่ตนได้สดับแล้ว ได้เรียนมาแล้วด้วยใจ ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงสาธยายธรรมตามที่ตนได้สดับมาแล้วได้เรียนมาแล้วโดยพิสดาร ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงยอนช่องหูทั้งสองข้าง เอามือลูบตัว ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงลุกขึ้นยืน เอาน้ำล้างตา เหลียวดูทิศทั้งหลาย แหงนดูดาวนักษัตรฤกษ์ ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงทำในใจถึงอาโลกสัญญา ตั้งความสำคัญในกลางวันว่า กลางวันอย่างไร กลางคืนอย่างนั้น กลางคืนอย่างไร กลางวันอย่างนั้น มีใจเปิดเผยอยู่ฉะนี้ ไม่มีอะไรหุ้มห่อ ทำจิตอันมีแสงสว่างให้เกิด ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงอธิษฐานจงกรม กำหนดหมายเดินกลับไปกลับมา สำรวมอินทรีย์ มีใจไม่คิดไปในภายนอก ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงสำเร็จสีหไสยา คือนอนตะแคงเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ ทำความหมายในอันจะลุกขึ้น พอตื่นแล้วพึงรีบลุกขึ้นด้วยตั้งใจว่า เราจักไม่ประกอบความสุขในการนอน ความสุขในการเอนข้าง ความสุขในการเคลิ้มหลับ

      ดูกรโมคคัลลานะเธอพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ


อ้างอิง :- โมคคัลลานสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ 
พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=1873&Z=1938
ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=58
ขอบคุณภาพจาก
http://statics.atcloud.com/f
http://i.ytimg.com/





ทรงแสดงอุบายแก้ง่วงแก่พระโมคคัลลานะ

พระมหาโมคคัลลานะ เมื่ออุปสมบทได้ ๗ วัน ได้ไปทำความเพียรอยู่ที่ป่าใกล้บ้านกัลป์ลาวาลมุตตาคาม แขวงมคธ ถูกถีนมิทธารมณ์ คือ ความง่วงเหงาเข้าครอบงำ ไม่สามารถจะทำความเพียรได้ ขณะนั้น พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ ณ สวนเภสกลาวัน ซึ่งเป็นสถานที่ให้เหยื่อแก่เนื้อ ใกล้เมืองสุงสุมารคิรี อันเป็นเมืองหลวงของแคว้นภัคคะ ทรงทราบด้วยพระญาณว่าพระโมคคัลลานะ โงกง่วงอยู่ จึงทรงทำปาฏิหาริย์ให้เห็นปรากฏ ประหนึ่งว่าเสด็จประทับอยู่ตรงหน้าทรงแสดงอุบายสำหรับระงับความง่วงแก่เธอตามลำดับ ดังนี้ :-

     ๑. โมคคัลลานะ เมื่อเธอมีสัญญาอย่างใดแล้ว เกิดความง่วงขึ้น เธอจงทำไว้ในใจซึ่งสัญญาอย่างนั้นให้มาก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๒. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรตรึกตรองถึงธรรมที่ได้เรียนมาแล้วได้ฟังมาแล้วให้มาก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๓. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรสาธยายธรรมที่ได้เรียนได้ฟังมาแล้วให้มาก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๔. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรยอนช่วงหูทั้งสองข้าง และลูบตัวด้วยฝ่ายมือ จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๕. ถ้ายังละไม่ได้ เธอจงลุกขึ้นแล้วลูบนัยน์ตา ลูบหน้าด้วยน้ำ เหลียวดูทิศทั้งหลายแหงนดูดาว จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๖. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรทำไว้ในใจถึงอาโลกสัญญา ถือกำหนดความสว่างไว้ในใจเหมือนกัน ทั้งกลางวันและกลางคืน ทำใจให้เปิดให้สว่าง จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๗. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรเดินจงกรมสำรวมอินทรีย์ มีจิตใจไม่คิดไปภายนอก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๘. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรสำเร็จสีหไสยาสน์ นอนตะแคงขวา ซ้อนเท้าให้เลื่อมกัน มีสติสัมปชัญญะ หมายใจว่าจะลุกขึ้นเป็นนิตย์ เมื่อตื่นแล้วควรรีบลุกขึ้นด้วยตั้งใจว่า เราจะไม่ประกอบความสุขในการนอนและการเคลิ้มหลับอีก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้


     พระพุทธองค์ตรัสสอนอุบายเพื่อบรรเทาความง่วงโดยลำดับจนที่สุด ถ้ายังไม่หายง่วงก็ให้นอน แต่ให้นอนอย่างมีสติ


ที่มา http://www.84000.org/one/1/04.html
13098  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: นั่งกรรมฐาน แล้ว ง่วง ทำอย่างไร ดีครับ ที่จะแก้ง่วงได้ครับ เมื่อ: สิงหาคม 25, 2015, 09:42:56 pm

 ask1 ask1 ask1 ask1

อ้างถึง
อาโลกสัญญา มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ครับ

ถามโดยคุณ komol

ผมอ่าน เรื่องอานาปานสติ แล้วถึง อาโลกสัญญา นั้นเป็น ธรรมฝ่ายตรงข้าม กับ ถีนมิทธะ

ผมจึงอยากเรียนถามว่า อาโลกสัญญา มีวิธีแนวปฏิบัติอย่างไรก่อน อานาปานสติครับ


 ans1 ans1 ans1 ans1

อ้างถึง
Re: อาโลกสัญญา มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ครับ

ตอบโดย ธัมมะวังโส

เป็นคำถามที่ดีมาก ๆ สำหรับผู้ภาวนาที่ยังไม่ได้ อุปจาระฌาน ขึ้นไป

สิ่งที่เป็นศัตรูร้าย ในองค์กรรมฐาน ตัวหนึ่งก็คือ ความง่วง

   เราอยากภาวนา แต่ มันง่วง จะทำอย่างไร ?

   พอภาวนาไป ก็นั่งหลับเหมือนตกภวังค์ มารู้อีกทีกว่าหลับแล้ว ก็ตอนตื่น ?

ในองค์กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นั้น ก็คือ กำหนด นิมิต ไม่ครบ 3 อย่าง

   คือ 1.ปัคคาหะ นิมิต การกำหนดฐานจิต

       2.บริกรรมนิมิต การกำหนดองค์ภาวนา

       3.อุเบกขานิมิต คือการกำหนดจิตให้วางต่อนามธรรม

 อันนี้เป็นไปในองค์ ภาวนาของพระพุทธานุสสติ ศิษย์กรรมฐานจักมีความเข้าใจ



ที่นี้สำหรับบุคคล ที่ไม่ได้ฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

คือฝึกกรรมฐาน สันโดด กองใดกองหนี่งนั้น ก็ต้องประสพปัญหาอย่างนี้เช่นเดียวกัน

ดังนั้นเมื่อความง่วง ย่างกราบ เข้ามาหา วิธีการแก้ความง่วงของพระพุทธเจ้าที่ตรัสสอนพระโมคคัลลานะ

นั้นมี 8 ประการ ตั้งแต่ยอนหู ซ้าย ขวา จนกระทั่งไปจบที่ การนอนเสีย


ดังนั้นขอแนะนำผู้ฝึกภาวนามือใหม่ ( มือเก่า )นั้นเมื่อความง่วงเข้ามา วิธีดีที่สุดก็คือ การนอน

  นอนเสียเถิดกำหนดสติในการนอนว่า เมื่อมีสติตื่นขึ้น ข้าพเจ้าจะไม่นอนต่ออีก แล้วลุกไปเดินจงกรมออก

  กำลังกายให้กระชับก่อน

  จากนั้นมากำหนด ลมหายใจเข้า้ออก อัดนิ่ง ไว้

  เมื่อสภาพจิตพร้อมแล้วก็กำหนดในกรรมฐาน ต่อไป

  วิธีนี้เป็นวิีธีที่ได้ผลมากที่สุด



  ส่วนการกำหนด อาโลกสัญญา นั้นต้องมีพลังจิตแล้วจึงจักทำได้ บุคคลธรรมดานั้นไม่สามารถกำหนด

 อาโลกสัญญาได้ อาโลกสัญญา นั้น เป็นแสงสว่าง เป็นนิมิต เป็นรัศมี เป็นโอภาส

  ดังนั้นคนที่ง่วงอยู่ แล้วกำหนดว่า นี้คือกลางวัน ๆ ๆ ๆ อยู่แล้วภาวนาต่อนั้น ผลก็คือ ง่วงเหมือนเดิม


เจริญพรแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะ


ที่มา :-
อาโลกสัญญา มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1278.0#quickreply
13099  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มารไม่มี บารมีไม่เกิด เมื่อ: สิงหาคม 25, 2015, 08:25:11 pm


กองทัพทั้ง ๑๐ ของมาร
โดย พระกัมมัฎฐานาจริยะ อู ปัณฑิตาภิวังสะ เจ้าอาวาสวัดปัณฑิตาราม ประเทศเมียนมาร์

     การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน อาจเปรียบได้กับการทำสงครามระหว่างสภาวจิตที่เป็นกุศลและอกุศลกองทัพฝ่ายอกุศลได้แก่ กิเลส หรือที่รู้จักกันในนามว่า “กองทัพทั้ง ๑๐ ของมาร”

     ในภาษาบาลี คำว่า “มาร” หมายถึงผู้ทำลายหรือผูสังหาร ซึ่งเป็นบุคลาธิษฐานของพลังที่ทำลายล้างคุณธรรม ตลอดจนสรรพชีวิต กองทัพของมารพร้อมที่จะโจมตีผู้ปฏิบัติได้ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่พระพุทธองค์ในคืนที่จะตรัสรู้

       :25: :25: :25: :25:

      คัมภีร์สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปธานสูตร ได้แสดงถึงพระดำรัสของพระผูมี้พระภาค ที่ตรัสไว้กับมาร ดังนี้

      “กิเลสกามทั้งหลาย เรากล่าวว่า เป็นกองทัพที่ ๑. ของท่าน
         ความไม่ยินดี เป็นกองทัพที่ ๒.
          ความหิวกระหาย เป็นกองทัพที่ ๓.
           ตัณหา(ความทะยานอยาก) เป็นกองทัพที่ ๔.
            ถีนมิทธะ(ความหดหู่ เชื่องซึม) เป็นกองทัพที่ ๕.
             ความกลัว เป็นกองทัพที่ ๖.
              วิจิกิจฉา(ความลังเลสงสัย) เป็นกองทัพที่ ๗.
               มักขะ(ความลบหลู่คุณท่าน) และถัมภะ(ความหัวดื้อ) เป็นกองทัพที่ ๘.
                ลาภ สรรเสริญ สักการะและยศที่ได้มาผิดๆ เป็นกองทัพที่ ๙.
                 การยกตนข่มผู้อื่น เป็นกองทัพที่ ๑๐.
       ดูก่อนมาร เสนาของท่านมีปกติมีธรรมดำ(อกุศลธรรม) คนขลาดเอาชนะเสนามารไม่ได้ ส่วนคนกล้าเท่านั้น ย่อมเอาชนะกองทัพของมารแล้วได้รับความสุข”


       st12 st12 st12 st12

      พลังมืด(ธรรมดำ) อันเป็นอกุศลในจิตของเรานี้ จะถูกกำจัดได้ด้วยกำลังของกุศลจากการเจริญสติปัฏฐานวิปัสสนาซึ่งมีสติเป็นศาตราวุธ พร้อมทั้งศรัทธา วิริยะ สมาธิและปัญญา ที่เป็นกลยุทธ์ในการจู่โจมและป้องกัน เมื่อมารมาท้าทายพระพุทธองค์ เราทราบดีว่าฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ แต่ในการปฏิบัติของเรา ฝ่ายไหนเล่าจะเป็นฝ่ายชนะ





         กองทัพที่ ๑ กิเลสกาม

      กิเลสกามเป็นกองทัพแรกของมาร เนื่องจากกุศลกรรมที่เราเคยทำไว้ในอดีต (ไม่ว่าทางกาย ทางวาจา หรือทางใจ)ทำให้มาเกิดในโลกนี้ในมนุสสภูมิ ซึ่งเป็นภูมิหนึ่งในกามสุคติภูมิทั้งหลาย แต่ละบุคคลย่อมต้องเผชิญกับสิ่งยั่วยวนต่างๆ รูป สวย เสียงไพเราะ กลิ่นหอม ความคิดอันบรรเจิด และอารมณ์ที่น่ายินดีพอใจเข้ามากระทบทวารทั้งหกอยู่ตลอดเวลา ตัณหาจึงเป็นผลที่เกิดจากการกระทบกับอารมณ์เหล่านั้น

      อิฏฐารมณ์และตัณหาเป็นรากฐานที่สำคัญสองประการของกิเลสกาม ความผูกพันยึดมั่นที่เรามีต่อครอบครัวทรัพย์สมบัติการงาน และเพื่อนฝูง ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพแรกนี้ ซึ่งยากนักที่จะต่อกรด้วย บางคนต่อสูด้วยการบวชเป็นพระเป็นชี ทิ้งครอบครัวและสิ่งร้อยรัดไว้เบื้องหลัง

      โยคีที่อยู่ระหว่างการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ก็ต้องละทิ้งครอบครัวและการงานของตนไว้ชั่วคราว เพื่อที่จะต่อสู้กับพลังของความยึดมั่นถือมั่น ที่ร้อยรัดเราไว้กับอารมณ์ทางทวารทั้งหก ทุกครั้งที่ปฏิบัติวิปัสสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเข้าอบรมกรรมฐาน ผู้ปฏิบัติต้องทิ้งสิ่งที่เพลินใจหลายๆอย่าง แต่ถึงแม้จะจำกัดสภาพแวดล้อมลงมาขนาดนี้ ผู้ปฏิบัติก็ยังพบว่า สภาพแวดล้อมบางอย่างน่าพอใจ และบางอย่างก็ไม่น่าพอใจ ในภาวะเช่นนี้อาจเป็นประโยชน์ที่ผู้ปฏิบัติจะคิดว่า กำลังต่อสู้กับมาร ซึ่งเป็นศัตรูของความหลุดพ้น





           กองทัพที่ ๒ ความไม่ยินดี

         กองทัพที่สองของมาร คือความไม่ยินดีในพรหมจรรย์ โดยเฉพาะต่อการปฏิบัติวิปัสสนาในระหว่างการปฏิบัติ ผู้ปฏิบัติอาจรู้สึกไม่ถูกใจกับเบาะอาสนะที่แข็งหรือสูงเกินไป หรือเบื่ออาหารที่ไม่ถูกปาก หรือสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวันในระหว่างการปฏิบัติ
       การที่เรื่องโน้นเรื่องนี้โผล่ขึ้นมา ทำให้ผู้ปฏิบัติไม่อาจเข้าถึงความสุขของการปฏิบัติได้ บางทีผู้ปฏิบัติอาจคิดว่าเป็นความผิดของวิธีการปฏิบัติก็เป็นไปไดั เพื่อเอาชนะความไม่พอใจเหล่านี้ ผู้ปฏิบัติพึงกระทำตนเป็นอภิรติบุคคลผู้มีความยินดี และอุทิศตนให้แก่พระธรรม

       หลังจากที่พบและปฏิบัติตามวิธีการที่ถูกต้องแล้ว ผู้ปฏิบัติจะเริ่มเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ ปีติ ความสุข และความสบายก็จะเกิดขึ้นเอง ตามธรรมชาติของจิตที่เป็นสมาธิ ณ เวลานี้ ผู้ปฏิบัติจะรู้ได้ว่า ความสุขจากพระธรรมนั้น เหนือกว่าความสุขทางโลกยิ่งนัก นี่คือ ทัศนคติของอภิรติ

        :96: :96: :96: :96:

       อย่างไรก็ตาม หากไม่ปฏิบัติด้วยความระมัดระวังแล้ว ผู้ปฏิบัติก็ไม่อาจพบกับรสของพระธรรมที่ลํ้าลึกเป็นเลิศนี้ และความลำบากจากการปฏิบัติจะก่อให้เกิดความไม่พอใจ แล้วมารจะเป็นผู้ชนะการเอาชนะความยากลำบากในการปฏิบัติวิปัสสนานี้เปรียบเสมือนการเข้าสู่สงคราม ผู้ปฏิบัติอาจใช้กลยุทธ์แบบจู่โจม ตั้งรับ หรือแบบกองโจรก็ได ้ แล้วแต่ความสามารถเฉพาะตน

       หากผู้ปฏิบัติเป็นนักต่อสู้ที่เข้มแข็งก็จะก้าวหน้า หากผู้ปฏิบัติไม่เข้มแข็งพอ ก็อาจถอยทัพเป็นการชั่วคราว แต่ไม่ถึงกับแตกทัพล้มลุกคลุกคลาน และวิ่งหนีอย่างไม่เป็นกระบวน ในทางตรงข้ามเป็นการถอยทัพอย่างมีกลยุทธ์ มีการวางแผนและการดำเนินการเพื่อรวบรวมกำลังเอาไว้ ต่อสู้ให้ได้ชัยชนะในที่สุด

         :03: :03: :03: :03: :03:

        บางครั้งความไม่พอใจกับสภาพแวดล้อมหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการปฏิบัติมิได้เกิดจากมารเสมอไปกล่าวคือ ความไม่ได้ดั่งใจของจิตที่มีความโลภ อย่างไรก็ตามความไม่พึงพอใจที่เกิดขึ้นบ่อยๆ จะกระทบกระเทือนต่อความก้าวหน้าของการปฏิบัติ ดังนั้นควรมีสิ่งจำเป็นที่เป็นพื้นฐาน

        สำหรับความเป็นอยู่ที่เอื้อต่อการปฏิบัติ ผู้ปฏิบัติต้องมีที่พักพิงอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เมื่อมีสิ่งเหล่านี้ครบถ้วน ผู้ปฏิบัติก็จะสามารถทุ่มเทชีวิตจิตใจให้แก่การปฏิบัติวิปัสสนาได้ ความจำเป็นที่จะต้องมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเป็นองค์ประกอบที่สี่ของการอบรมอินทรีย์ ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทที่แล้ว หากผู้ปฏิบัติพบว่ามีสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติก็อาจพยายามแก้ไขอุปสรรคเหล่านั้นได้ แต่แน่นอนว่าจะต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น โดยให้แน่ใจว่าผู้ปฏิบัติมิได้ยอมจำนนต่อกองทัพที่สองของมาร





       กองทัพที่ ๓ ความหิวกระหาย

        อาหารเป็นปัญหาหรือไม่ บางครั้งผู้ปฏิบัติอาจสามารถเอาชนะกิเลสกามและความไม่พอใจได้ แต่กลับพ่ายแพ้ต่อกองทัพที่สามของมารคือความหิวกระหาย ในอดีตหรือแม้แต่ในปัจจุบัน พระภิกษุสงฆ์และแม่ชีต้องอาศัยอาหารจากความเอื้อเฟื้อของชาวบ้าน ปกติแล้วพระสงฆ์ต้องออกบิณฑบาตตามชุมชนหรือหมู่บ้านที่อุปถัมภ์อุปฏัฐากท่าน

        บางครั้งพระสงฆ์อาจอยู่ในที่ที่ห่างไกล และอาศัยอาหารจากผู้ศรัทธาเพียงไม่กี่บ้านบางวันอาจได้รับอาหารเพียงพอ แต่บางวันก็ไม่ได้อาหารที่พอเพียง ในทำนองเดียวกันกับผู้ปฏิบัติที่อยู่ในวัดหรือสถานที่อบรมวิปัสสนากรรมฐาน อาหารอาจไม่เหมือนที่บ้าน ผู้ปฏิบัติอาจไม่ได้ของหวานที่ตนชอบ หรือได้ลิ้มรสเปรี้ยว เค็ม มันอย่างที่ตนคุ้นเคย เมื่อไม่ได้อาหารอย่างที่ต้องการ ผู้ปฏิบัติอาจรู้สึกหิวจนไม่อาจรวบรวมสมาธิเข้าถึงพระธรรมได้เป็นธรรมดาที่บางครั้ง

         ans1 ans1 ans1 ans1

        เราอาจจ่ายค่าอาหารราคาแพงในภัตตาคาร แต่แล้วกลับไม่ชอบอาหารจานนั้นเลย ความจริงมีโอกาสน้อยมากที่เราจะได้อะไรอย่างใจไปทุกอย่าง ไม่เพียงอาหารเท่านั้น แต่รวมไปถึงเครื่องนุ่งห่ม เครื่องบันเทิง และกิจกรรมอื่นๆ ที่ให้ความอุ่นใจ หรือความตื่นเต้นเร้าใจ ความหิวกระหายนี้ ครอบคลุมถึงสิ่งที่น่าพึงพอใจและสิ่งจำเป็นอื่นๆ อีกมากมาย

        หากผู้ปฏิบัติมีความสันโดษ มีความพอใจกับทุกสิ่งที่ตนได้รับ กองทัพที่สามของมารก็ไม่อาจรบกวนผู้ปฏิบัติได้มากนัก ไม่มีใครได้อะไรอย่างใจตนเองทุกอย่าง แต่ก็อาจพยายามจำกัดความต้องการให้อยู่ในกรอบที่เป็นประโยชน์และเหมาะสมได้

         st12 st12 st12 st12

        หากผู้ปฏิบัติรวบรวมกำลังในการปฏิบัติให้ก้าวหน้าก็จะสามารถลิ้มรสที่แท้จริงของพระธรรม ซึ่งไม่มีรสใดเทียมได้ หากเป็นเช่นนี้กองทัพที่สามของมารก็จะดูเหมือนของเด็กเล่นสำหรับผู้ปฏิบัติ มิฉะนั้น ก็เป็นการยากที่จะต่อสู้กับความหิวกระหายมันเป็น ความรูสึ้กที่ไม่สบาย ไม่มีใครชอบ เมื่อความหิวกระหายปรากฏขึ้น สติก็ไม่อาจตั้งอยู่ได้ จิตใจจะเริ่มวางแผนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ปฏิบัติอาจแสวงหาข้ออ้างที่ฟังดูแยบคายมาสนับสนุนเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ เช่นเพื่อประโยชน์ของการปฏิบัติ เพื่อสุขภาพจิต เพื่อช่วยระบบย่อยอาหารแล้วก็เริ่มขวนขวายหาอาหารที่ตนต้องการมา ร่างกายก็เกิดความไม่สงบ เพื่อสนองตัณหาดังกล่าว


         ยังมีต่อ....


ขอบคุณภาพจาก
http://www.blogodisea.com/
https://dhammaweekly.files.wordpress.com/
https://i.ytimg.com/
http://watbotjang.myreadyweb.com/
13100  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สืบชะตาหลวง ถวายสมเด็จวัดปากน้ำ ครบ 90 ปี เมื่อ: สิงหาคม 25, 2015, 07:30:51 pm


สืบชะตาหลวง ถวายสมเด็จวัดปากน้ำ ครบ 90 ปี

คณะสงฆ์จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สืบชะตาหลวง ตามประเพณีล้านนา ถวายสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ครบรอบอายุวัฒนมงคล 90 ปี ขณะที่พุทธศาสนิกชน เข้ากราบสักการะและร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

วันนี้( 25 ส.ค.)ที่พระอุโบสถวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนจัดพิธีสืบชะตาหลวง ตามประเพณีล้านนา ถวายสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วงวรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เนื่องในงานอายุวัฒนมงคล 90 ปี พรรษา 70 วันที่ 26 สิงหาคม2558 โดยตั้งแต่เวลา 09.00 น.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ประกอบพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พร้อมจุดธูปเทียนบูชานพเคราะห์พิธีสืบชะตาหลวงตามประเพณีล้านนา โดยมีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนาแผ่เมตตาจากนั้นในเวลา 14.00 น.คณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร จำนวน 800 รูป เจริญพระพุทธมนต์ ณ พระอุโบสถ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในเวลา 17.00น. คณะสงฆ์วัดปากน้ำ ประกอบพิธีสวดมาติกา บังสุกุล บริเวณหอสังเวชนียมงคลเทพนิรมิต



สำหรับในวันที่ 26 ส.ค. ซึ่งครบรอบอายุวัฒนมงคล สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ 90 ปี พรรษา 70 ในเวลา 09.00 น.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธานมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนวิทยาลัยตำรวจบริเวณพระอุโบสถ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จากนั้นในเวลา10.30 น.ที่พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล ผู้แทนพระองค์อัญเชิญเครื่องสักการะ น้ำสรงถวายแด่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ จากนั้นพระมหาเถระ กรรมการมส. 17 รูป และพระสงฆ์ 300 รูป เจริญพระพุทธมนต์ ฉันภัตตาหารเพลในเวลา 17.00 น.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธานในพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปณ โรงหล่อสัตตบงกช พุทธมณฑลสาย 4



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางวัดปากน้ำ ได้จัดทำหนังสือจำนวน 8 เล่มงานที่ระลึกครบรอบ 90 ปีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ประกอบด้วย หนังสือวรปุญโญวาท การพระศาสนาด้านสาธารณูปการ ศีลในชาดก เก็บเพชรตามรอยธรรม 7 โอวาท 20 ปี แม่กองบาลีสนามหลวง ศีล 5คุณค่าชีวิตและสังคม ธัมมจักกัปปวัตนสูตร อนุสรณ์ 20 ปี ใต้ร่มบารมีวิถีธรรม พร้อมกับวีดิทัศน์ อายุวัฒนมงคล 90ปี พระอิ่มตลอดกาล จำนวน 5,000 ชุดแจกพระสงฆ์และญาติโยมที่มาร่วมพิธี นอกจากนี้ ทางสมัชชาสงฆ์ประเทศสิงค์โปได้ทำพวงกุญแจที่ระลึกงานครบรอบ 90 ปี จำนวน 10,000 ชิ้นแจกแจกให้แก่พุทธศาสนิกชนด้วย

ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/343860
13101  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ระดมกูรู ให้ความรู้ กฎหมายโบราณสถาน เมื่อ: สิงหาคม 25, 2015, 07:26:25 pm



ระดมกูรู ให้ความรู้ กฎหมายโบราณสถาน

สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา ระดมนักวิชาการ วัด กรมศิลปากร พศ. ให้ความรู้กฎหมายโบราณสถาน ใช้กรณีวัดกัลยาณมิตรเป็นตัวอย่าง หวังลดปัญหาขัดแย้ง ย้ำไม่อยากให้มีการทุบวัด-ศาสนสถานอีก เพราะกระทบจิตใจชาวพุทธ

วันนี้(25 ส.ค.)ผศ.ดร.เสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ.) กล่าวว่า จากการที่นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ได้หารือกับนายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร เกี่ยวกับกรณีวัดกัลยาณมิตร โดยได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ให้ชะลอการทุบอาคารภายในวัดกัลยาณมิตรออกไปก่อน พร้อมกับหาทางออกร่วมกันทางข้อกฎหมายนั้น ถือเป็นทางออกที่ดี ซึ่ง สนพ.ยังคงติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน สนพ.และองค์กรพุทธฯจะรณรงค์ให้วัดตื่นตัวเกี่ยวกับ พ.ร.บ.โบราณสถานโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 แก้ไขเพิ่มเติม2535 โดยจะมีการจัดสัมมนาทางวิชาการเกี่ยวกับกฎหมายโบราณสถานที่เกี่ยวเนื่องกับวัดในวันที่ 20 กันยายน นี้ที่โรงแรมเอสดี อเวนิว กรุงเทพฯ


 :25: :25: :25: :25:

ผศ.ดร.เสถียร กล่าวต่อไปว่า สนพ.เห็นว่าควรจะให้ความรู้วัดเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายโบราณสถาน โดยจะเชิญพระสังฆาธิการวัด 28 วัดที่กรมศิลปากรได้ประกาศรายชื่อไว้ว่า มีปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายโบราณสถาน รวมถึงวัดที่มีโบราณสถานทั่วประเทศ มารับฟังความรู้จากวิทยากรของกรมศิลปากร กรมการศาสนา(ศน.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) พระเถรานุเถระใน มส.และนักวิชาการ เกี่ยวกับกฎหมายโบราณสถานที่วัดจะต้องรู้และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง เพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้นโดยใช้กรณีของวัดกัลยาณมิตรเป็นตัวอย่าง

“การหาทางออกร่วมกันถือเป็นสิ่งที่ดีที่ สนพ.ขอชื่นชมและอยากให้กรมศิลปากร วัด และพศ. ใช้เป็นบรรทัดฐานก่อนที่จะดำเนินการใด ๆ ต่อวัด เพื่อไม่ให้กระทบต่อจิตใจของทุกฝ่ายและถือเป็นโอกาสที่ สนพ.จะร่วมกับทุกภาคส่วนราชการจะรณรงค์ให้ความรู้แก่วัดและพุทธศาสนิกชน เพื่อจะได้ตื่นตัวในการดูแลโบราณสถานภายในวัดร่วมกับกรมศิลปากร และเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งจนเกิดผลกระทบอีก”นายก สนพ.กล่าว


ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/343899
13102  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หนุ่มฝันเห็น 'วิญญาณสาว' เช้ามาขุดเจอ 'กรุพระเครื่อง' เมื่อ: สิงหาคม 25, 2015, 07:22:16 pm


หนุ่มฝันเห็น 'วิญญาณสาว' เช้ามาขุดเจอ 'กรุพระเครื่อง'

หนุ่มสุราษฎร์ฯฝันเห็นหญิงสาวนุ่งห่มสไบแดงมายืนข้างศาลาการเปรียญวัด ตกใจตื่นเช้ามาลงมือขุดดินบริเวณที่พบวิญญาณ ถึงกับตะลึงพบทั้งกรุพระเครื่อง และท่อนซุงโบราณ

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ชาวบ้านชุมชนวัดไทร ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานีว่า มีคนขุดท่อนซุงเก่า และพระเครื่องเก่าได้หลายองค์ บริเวณศาลาการเปรียญวัดไทร จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบชาวบ้านที่พักอาศัยในละแวกใกล้เคียงทราบข่าวต่างมายืนรุมล้อมวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยนายสมชาย เตชะภิวัฒน์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 273/1 ถนนหน้าเมือง ต.ตลาด ซึ่งเป็นผู้ขุดพบพระ และเป็นเลขาธิการของชุมชนวัดไทร เปิดเผยว่า เมื่อ 2 วันก่อน จู่ ๆ ตนฝันเห็นผู้หญิงสาวห่มสไบสีแดงมายืนบริเวณข้างศาลาการเปรียญวัดไทร หลังตื่นก็มานั่งทบทวนความฝัน และคิดได้ว่าทางวัดกำลังจะมีโครงการปรับปรุงพื้นที่บริเวณดังกล่าว จึงลงมือขุดตรงจุดที่เห็นวิญญาณสาวยืนมองมาที่ตนทันที โดยขุดลึกลงไปประมาณ 2 เมตร กระทั่งพบห่อผ้าสีขาวฝังดินอยู่ เมื่อคลี่ออกดูก็ถึงกับตะลึงเมื่อพบพระเครื่องรุ่นต่าง ๆ 28 องค์ คาดว่าสร้างขึ้นในสมัย พ.ศ.2491-2498 เป็นปีเดียวกับที่สร้างศาลาการเปรียญ นอกจากพระเครื่องดังกล่าวแล้ว ตนยังขุดพบท่อนซุงเก่ายาวกว่า 3 เมตร บริเวณใกล้เคียงกันด้วย ชาวบ้านจึงช่วยกันขุดขี้นมาเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานในชุมชนได้ชม และบูชาต่อไป.






ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/regional/343869
13103  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ม.ขอนแก่น เชิญร่วมบุญ ทักษิณานุประทานสตมวาร 100 วัน 'หลวงพ่อคูณ' เมื่อ: สิงหาคม 25, 2015, 07:15:52 pm

มข.เชิญร่วมบุญ ทักษิณานุประทานสตมวาร 100 วัน 'หลวงพ่อคูณ'

คณะแพทย์ศาสตร์ ม.ขอนแก่น เตรียมทำบุญ 100 วัน ‘หลวงพ่อคูณ’ จัดพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานสตมวาร ในวันที่ 29-30 ส.ค.นี้ เผยจัดเตรียมทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว กำหนดจุดจอดรถรับ-ส่ง 5 จุด คาดคนทะลักร่วมบุญกว่า 3 หมื่นคน...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ส.ค. 58 ที่ห้องประชุมชั้น 5 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล ประชุมคณะผู้บริหารโรงพยาบาลศรีนครินทร์ และคณะแพทยศาสตร์ เพื่อตรวจสอบความพร้อมและการเตรียมการจัดพิธีบำเพ็ญทักษิณานุประทานสตมวาร 100 วัน พระเทพวิยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ

รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มข.และคณะแพทยศาสตร์ กำหนดจัดการประกอบพิธีดังกล่าวขึ้นที่ ห้องประชุมมิตรภาพ อาคารเรียนรวม ชั้น 3 คณะแพทยศาสตร์ มข. โดยพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานสตมวาร 100 วัน เพื่อถวายแด่หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ นั้น จะจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 29-30 ส.ค. กำหนดใช้สถานที่ภายในห้องประชุมมิตรภาพ อาคารเรียนรวมชั้น 3 ของคณะแพทยศาสตร์เป็นสถานที่ในการประกอบพิธีทั้งหมด โดยบริเวณปะรำพิธีกลางด้านบนเวที จะมีการนำภาพของหลวงพ่อคูณ และรูปปั้นมาจัดวางไว้พร้อมทั้งเครื่องบูชาต่างๆ รวมทั้งการถ่ายทอดสัญญาณอ่างดองสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ จากชั้น 7 ลงมาบริเวณงานตลอดทั้งช่วงของการประกอบพิธี

นอกจากนี้ ยังคงโยงสายสิญจน์จากอาคารเรียนรวมชั้น 7 สถานที่ของการเก็บสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ ในช่วงของการดองสรีระสังขารตามขั้นตอนของการเป็นครูใหญ่ มายังจุดที่ประกอบพิธีกรรม และโดยรอบของสถานที่จัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อให้พุทธศาสนิกชนและญาติธรรมที่เดินทางมาจากจังหวัดต่างๆ ได้ร่วมอนุโมทนา ตั้งจิตอธิษฐานตลอดทั้งช่วงของพิธีกรรมทางศาสนาโดยวันที่ 29 ส.ค. จะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.30 น. ส่วนวันที่ 30 ส.ค. จะเริ่มพิธีตั้งแต่เวลา 09.45 น.


อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น แถลงเตรียมจัดพิธีบำเพ็ญทักษิณานุประทานสตมวาร 100 วัน หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ

ด้าน รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มข. กล่าวว่า การประกอบพิธีตลอดทั้ง 2 วันนั้น มีการจัดเตรียมสถานที่ออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย อาคารเรียนรวม เป็นสถานที่หลักของการจัดพิธีบำเพ็ญกุศล สถานที่สำหรับการจัดทำโรงทานของญาติธรรม และสถานที่จอดรถที่สามารถรองรับรถยนต์ของญาติโยมได้มากกว่า 1,000 คัน ซึ่งจากการประมาณการ คาดว่าตลอดทั้ง 2 วันของการจัดพิธีจะมีผู้มาร่วมอนุโทนาบุญและร่วมในการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลไม่น้อยกว่า 30,000 คน การจัดเตรียมสถานที่ และป้ายบอกเส้นทางขณะนี้พร้อมแล้วทั้งหมด

ขณะเดียวกัน คณะศิษยานุศิษย์จาก วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ก็จะเดินทางมาร่วมในการประกอบพิธีทางศาสนา ตามวันและเวลาดังกล่าวด้วย รวมทั้งพระภิกษุ สามเณรที่ได้มีการบรรพชาเพื่ออุทิศส่วนกุศลถวายแด่หลวงพ่อคูณ ก็จะเดินทางมาร่วมในการถวายภัตตาหารเพลและถวายผ้าอาบน้ำฝนเนื่องในวันเข้าพรรษา แด่หลวงพ่อคูณด้วยเช่นกัน

สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการจะร่วมจัดทำโรงทาน หรือการร่วมเป็นเจ้าภาพในงานบุญครั้งนี้สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดต่างๆ กับฝ่ายเลขานุการฯ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 4336 3173 ในวันและเวลาราชการ นอกจากนี้ทางคณะแพทยศาสตร์ฯ ยังได้จัดเตรียมรถรับ-ส่ง ให้กับญาติธรรมที่จะเดินทางมาร่วมในงานตามวันและเวลาดังกล่าวไว้ทั้งหมด 5 จุด โดยเฉพาะจุดจอดรถหลักที่อุทยานเทคโนโลยีเกษตร และลานจอดรถหนองแวง 1 และ 2 ที่ได้เตรียมรถบัสไว้สำหรับการรับส่งญาติธรรม ตลอดทั้งช่วงพิธีกรรมเช่นกัน.


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/520678
13104  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / โจรใจบาป ก้อนอิฐทุบตู้บริจาค-ลักเงิน วัดดังเชียงใหม่ เมื่อ: สิงหาคม 25, 2015, 07:12:29 pm


โจรใจบาป ก้อนอิฐทุบตู้บริจาค-ลักเงิน วัดดังเชียงใหม่

โจรใจบาปบุกขโมยของในวัดดังกลางเชียงใหม่ถึง 2 ครั้ง ล่าสุดทุบตู้บริจาคฉกเงิน ก่อนหน้านั้นขโมยพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน ยังหนีลอยนวล ตร.เร่งล่าดำเนินคดี ...

เมื่อวันที่ 25 ส.ค.58 ร.ต.อ.จีระศักดิ์ นาคำ พงส. สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ เข้าไปจอดในวัดหม้อคำตวง ถนนศรีภูมิ ต.ศรีภูมิ ริมคูเมืองเชียงใหม่ แล้วใช้ก้อนอิฐทุบกระจกตู้บริจาคเงินของทางวัด 2 ตู้ จนกระจกแตก ขโมยเอาเงินในตู้บริจาคหลบหนีไป จึงนำกำลังไปตรวจสอบ

 :96: :96: :96: :96: :96:

ที่เกิดเหตุพบ พระณรงค์ กัลยาธัมโม อายุ 30 ปี พระเลขาเจ้าอาวาส ให้การว่า ตอนเช้าวันนี้ทางวัดได้นำตู้บริจาค 3 ตู้ มาวางไว้ในเต็นท์ที่หน้าศาลาพระเจ้าทันใจภายในวัด เพื่อขอรับบริจาคเงินจากญาติโยมช่วยบำรุงค่าน้ำค่าไฟวัด และซื้ออิฐถวายการก่อสร้างกุฏิสงฆ์ภายในวัดที่กำลังก่อสร้าง โดยคนร้ายอาศัยช่วงที่พระเณรที่เฝ้าอยู่ไปเข้าห้องน้ำ ใช้อิฐที่ทางวัดนำมาเป็นตัวอย่างวางไว้ ทุบกระจกตู้บริจาค 2 ตู้ ก่อนที่จะล้วงเอาธนบัตรในตู้บริจาคไป มีเงินประมาณ 1 พันบาท ส่วนเงินเหรียญไม่ได้แตะต้องแต่อย่างใดแล้วหลบหนีไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อ 2 วันก่อน ได้มีคนร้ายเข้าไปขโมยเอาพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนหน้าตักกว้าง 5 นิ้ว ที่อยู่บนโต๊ะหมู่บูชาภายในวิหารของวัด หลบหนีไปมาแล้วครั้งหนึ่ง วันนี้เป็นครั้งที่ 2 คาดว่า คนร้ายเป็นคนเดียวกัน ซึ่งทางวัดอยู่ระหว่างติดตั้งกล้องวงจรปิด ช่วงเกิดเหตุ จึงไม่มีพยานเห็นคนร้าย มีพระเณรได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ของคนร้ายขี่เข้ามาจอดยังจุดที่เกิดเหตุสักครู่แล้วก็ขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/520659
13105  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / โบสถ์วัดดังเมืองนนท์ถล่ม ทับร่างคนงานเคราะห์ร้าย ดับ 1 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2015, 07:09:27 pm


โบสถ์วัดดังเมืองนนท์ถล่ม ทับร่างคนงานเคราะห์ร้าย ดับ 1

โบสถ์วัดดังเมืองนนท์โบสถ์วัดต้นเชือก ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เกิดถล่ม ขณะกำลังดีดตัวอาคาร คนงานถูกทับเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บเล็กน้อยอีก 1 รายจนท.เร่งตรวจสอบ...

เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 25 ส.ค. 58 พ.ต.ต.สัญญา อุทุมพร สว.สส.สภ.บางแม่นาง เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์ว่า รับแจ้งมีเหตุโบสถ์พังถล่มทับคนงานเสียชีวิต เหตุเกิดภายในวัดต้นเชือก ต.บ้านใหม่ จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยแพทย์เวร และเจ้าหน้าที่กู้ภัย





ในที่เกิดเหตุพบว่า พระอุโบสถซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างได้พังถล่ม ทับร่างของคนงาน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างช่วยนำศพถูกที่ทับอยู่ใต้ซากปูนออกมา ทราบชื่อคือ นายณัฐวุธ สุวรรณชัยรบ อายุ 22 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี ตรวจสอบพบมีคนงานชายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย เจ้าหน้าที่เร่งนำส่งโรงพยาบาล



จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุที่วัดดังกล่าวกำลังทำการดีดโบสถ์ คนงานทั้ง 9 คน ซึ่งเป็นช่างปูนทำงานอยู่รอบบริเวณ แต่ปรากฏว่าระหว่างนั้นหลังคาเกิดการยุบตัว ทำให้โบสถ์พังถล่มลงมาทับร่างคนงานเคราะห์ร้ายจนเสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว

สำหรับวัดต้นเชือก สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2324 แต่เพิ่งจะมาเจริญรุ่งเรืองประมาณ พ.ศ. 2490 มีหลวงพ่อวิหาร พระประธานในวิหาร ซึ่งสร้างในสมัยอยุธยาเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านนับถือสักการะกันเป็นประจำ และอยู่ในระหว่างบูรณะศาสนสถาน แต่มาเกิดเหตุสลดดังกล่าว



ล่่าลุด ผู้สุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชมน์ชื่น บุญญานุสาสน์ ผวจ.นนทบุรี ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงพื้นที่เพื่อตรวจโบสถ์ที่เกิดเหตุ พบบริเวณหลังคายุบตัวลงมาด้านล่าง และจากการดูสัญญาว่าจ้าง พบว่าผู้ว่าจ้างคือนายมานิตย์ บุญเขียว อายุ 50 ปี กรรมการวัดต้นเชือก ส่วนผู้รับจ้างชื่อนายฤรงค์ฤทธิ์ หลักทอง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 ม. 2 ต.ช้างมิ่ง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ทำการยกหรือดีดโบสถ์วัดต้นเชือก ในราคา3,200,00 บาท ตั้งแต่ว้ันที่27 พ.ย.57 กำหนดแล้วเสร็จ วันที่ 30 ส.ค. 58 รวมเวลา 240 วัน

แต่วันนี้ ขณะที่คนงานกำลังทำงานอยู่ที่บริเวณโบสถ์ ปรากฏว่าหลังคาได้ทรุดลงมา คนงานหนีออกมาได้ 8 คน ส่วนคนตายหนีออมาไม่ทัน จึงถูกซากโบสถ์ทับจนเสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บชื่อนายวีรพล แก้วลืมไพร อายุ 43 ปี ศีรษะแตก ถูกนำส่งรพ.บางใหญ่.ถล่ม ทับร่างคนงานเคราะห์ร้าย ดับ 1


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/520736
13106  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แฮกเกอร์ป่วนเว็บไซต์ สพป.4 อุบลฯแพร่เนื้อหาสู้รบ สังหารคนบริสุทธิ์ เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 09:58:52 pm


แฮกเกอร์ป่วนเว็บไซต์ สพป.4 อุบลฯแพร่เนื้อหาสู้รบ สังหารคนบริสุทธิ์

อุบลราชธานี - มือดีแฮกข้อมูลเว็บไซต์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 4 อุบลราชธานี เผยเปิดเว็บไซต์กลายเป็นเว็บของกลุ่มไอเอสให้รายละเอียดการสู้รบและสังหารผู้บริสุทธิ์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไอซีทีแก้ไขให้ใช้งานได้ แต่ยังไม่ 100% ขณะที่เว็บไซต์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีซึ่งตกเป็นเป้าหมายด้วยแต่ไม่ได้รับผลกระทบ เหตุเตรียมป้องกันล่วงหน้า
       
       วันนี้ (24 ส.ค.) รายงานข่าวจากจังหวัดอุบลราชธานีแจ้งว่ามีแฮกเกอร์เข้าเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 4 อุบลราชธานี เมื่อเปิดเข้าไปแทนจะเป็นหน้าเว็บปกติที่มีการเขียนเป็นภาษาไทย ขึ้นภาพและรายงานข้อมูลงานประชาสัมพันธ์ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 4 อุบลราชธานี แต่กลับเขียนเป็นภาษาอารบิกและอังกฤษ มีภาพการสู้รบและการสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เป็นตัวประกันของกลุ่มนักรบไอเอสในตะวันออกกลางแทน สำหรับจุดประสงค์ที่คนร้ายทำการแฮกเกอร์เปลี่ยนแปลงข้อมูลครั้งนี้ ยังไม่ทราบจุดประสงค์ที่ชัดเจน

       


       นายชัยวัฒน์ ผูกมั่น เจ้าหน้าที่ไอซีที สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 4 อุบลราชธานี กล่าวว่า ตรวจพบเว็บไซต์ของสำนักงานเขตถูกแฮกเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา จึงพยายามแก้ไขให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ เบื้องต้นผู้ที่เข้าใช้บริการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ต้องพิมพ์ข้อมูลเพิ่มจากปกติ http://www.ubn4.go.th เป็นสแลชเมน(/main) ต่อท้ายก็สามารถเข้าได้ตามปกติ การแก้ไขให้เว็บไซต์กลับมาเป็นปกติคาดอาจต้องใช้เวลานานเป็นสัปดาห์
       
       ด้าน ผศ.ดร.มงคล ปุษยตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักคอมพิวเตอร์และเครือข่ายมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวว่า มีข่าวเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีตกเป็นเป้าหมายอาจถูกแฮกเกอร์สร้างความปั่นป่วนมาตั้งแต่ปลายเดือนที่ผ่านมาจึงได้เตรียมป้องกันระบบไม่ให้ถูกแฮกเกอร์เข้ามาทำความเสียหายกับเว็บไซต์ ขณะนี้เว็บไซต์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานียังทำงานเป็นปกติ ทั้งฐานข้อมูลและทะเบียนของนักศึกษายังสามารถใช้การได้ จึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์ถึงนักศึกษาและประชาชนทั่วไปยังคงเข้าไปใช้บริการผ่านเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยได้ตากปกติเช่นเดิม


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000096046
13107  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คลิป น้องสาวหลวงพ่อคูณเล่าความฝัน หลวงพ่อคูณสดใส บอกให้อยู่ทำบุญไปก่อนเด้อ เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 09:49:29 pm


คลิป น้องสาวหลวงพ่อคูณเล่าความฝัน หลวงพ่อคูณสดใส บอกให้อยู่ทำบุญไปก่อนเด้อ

เมื่อเช้าวันที่ 24 สิงหาคม ที่วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา คณะสงฆ์วัดบ้านไร่ นำโดย พระภาวนาประชานาถ หรือหลวงพ่อนุช รตนวิชโย เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา ชาวอำเภอด่านขุนทด และศิษยานุศิษย์ ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลครบ 100 วัน แห่งการมรณภาพ พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ และที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 ซึ่งมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และพระพรหมเสนาบดี เจ้าคณะภาค 7 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อคูณ ที่เดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้เวลา 10.30 น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จำนวน 10 รูป ได้ประกอบพิธีสวดพระพุทธมนต์อุทิศถวายแด่หลวงพ่อคูณ หลังจากนั้นได้ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์จำนวน 300 รูป ขณะเดียวกันทางวัดบ้านไร่ ก็ได้มีการแจกรูปภาพหลวงพ่อคูณ ซึ่งมีลายเซ็นและคำสอนของท่าน ให้กับผู้ร่วมงานทุกคนด้วย ส่วนบรรยากาศโดยรอบวัด ได้มีการจัดโรงทานกว่า 30 ซุ้ม เพื่อให้บริการฟรีผู้ร่วมงานตลอดทั้งวัน


 :96: :96: :96: :96: :96:

ด้าน นางคำมั่น ฉัตรพลกรัง อายุ 90 ปี น้องสาวแท้ๆ ของหลวงพ่อคูณ ได้มาร่วมในพิธีด้วย พร้อมกล่าวว่า ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี เดินทางมาตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อร่วมทำบุญตักบาตร ได้ซื้อข้าวสารอาหารแห้งมาใส่บาตรพระสงฆ์ จำนวน 10 รูป พร้อมกับนำเงินใส่ซอง ซองละ 20 บาท ถวายพระสงฆ์ด้วย เนื่องจากไม่มีเงินมากนัก จึงทำบุญเท่าที่มี

นางคำมั่น ยังบอกว่า ก่อนหน้านั้นก็ฝันเห็นหลวงพ่อคูณมาโดยตลอด เห็นท่านมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส และได้พูดในฝันว่า “กูสบายดี มึงไม่ต้องห่วงกูดอก ขอแค่ทำบุญให้ก็ดีใจแล้ว อยู่ทำบุญไปก่อนเด้อ” ทำให้รู้สึกสบายใจ เพราะท่านสอนมาตลอดว่า อย่าคดโกงใคร ให้มีคนซื่อสัตย์ ทำดีได้ดี วันนี้จึงมาทำบุญถวายท่านตามกำลังทรัพย์ที่มี


ชมคลิปข่าวได้ที่
https://youtu.be/N6vDFE1i564
ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1440411004
13108  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 28วัดกทม.ติดป้ายคัดค้านกรมศิลป์รื้อถอนศาลารายวัดกัลยาณมิตร เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 09:46:05 pm


28 วัด กทม. ติดป้ายคัดค้าน กรมศิลป์รื้อถอนศาลารายวัดกัลยาณมิตร

นายประกิจ ประชาศรัทธาชาติ ผู้ประสานงานองค์กรเครือข่ายชาวพุทธแห่งประเทศไทย (อพท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้วัด 28 แห่งในกรุงเทพฯ ที่ขึ้นทะเบียนโบราณสถานกับกรมศิลปากร สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) ที่วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร รวมถึงหน่วยงานเจ้าคณะพระสังฆาธิการในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ได้ขึ้นป้ายผ้าข้อความต่างๆ เพื่อเตือนสติสังคมให้หันหน้ามาพูดคุยกัน

ภายหลังจากที่นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร นำช่างไปรื้อถอนศาลาราย 2 หลังภายในวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ภายหลังจากวัดทุบทำลายโบราณสถานอายุกว่า 100 ปีภายในวัด 22 รายการ ชาวพุทธก็ได้เริ่มทำป้ายผ้าดังกล่าว 300-400 ชุด แต่ยืนยันว่าที่ทำป้ายไม่ได้เป็นการกล่าวโทษอธิบดีกรมศิลปากร แต่อยากให้สังคมมีสติและหันมาพูดคุยกัน
 
"ไม่อยากให้ใช้แค่หลักกฎหมาย แต่อยากให้ใช้หลักรัฐศาสตร์ด้วย ซึ่งเมื่อมีการสร้างสิ่งก่อสร้างมาทดแทนของเก่าที่เก่าทรุดโทรมแล้วจะมีวิธีการไหนที่จะทำให้สิ่งที่สร้างมาแล้วทำให้ถูกต้องโดยไม่ต้องทุบทำลายบ้างอยากให้หันมาแก้ไขและเยียวยาร่วมกัน"

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1440307955
13109  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / โจรเท้าเปล่าย่องงัดกุฏิพระวัดป่า ฉกทรัพย์สิน คาด คนคุ้นเคย เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 09:37:52 pm


โจรเท้าเปล่าย่องงัดกุฏิพระวัดป่า ฉกทรัพย์สิน คาด คนคุ้นเคย

ล่าโจรเท้าเปล่าย่องงัดกุฏิพระวัดป่า ขณะออกบิณฑบาต ฉกเงิน มือถือ พระเครื่อง และรองเท้าแตะ 1 คู่ คาด เป็นคนในพื้นที่ ตำรวจเร่งสืบสวนเก็บลายนิ้วมือแฝง เพื่อดำเนินคดี...

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ร.ต.ท.นิวัฒน์ แจงกระโทก พงส.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายงัดกุฏิพระลูกวัดป่าบ้านคำกลิ้ง ม.3 ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่เกิดเหตุพบ พระฉัตรชัย ถิระวิริโย อายุ 44 ปี พระผู้เสียหาย นำตำรวจเข้าตรวจสอบบนกุฏิ พบร่องรอยคนร้ายใช้ของแข็งทุบกุญแจที่คล้องล็อกกับประตูห้องนอน ตรวจสอบทรัพย์สินภายในห้อง ข้าวของถูกรื้อค้น เงินสดในย่ามจำนวน 6,000 บาท โทรศัพท์สามารท์โฟนยี่ห้อซัมซุงกาแล็คซี่ รุ่นอี 7 สีขาว ราคา 11,500 บาท พระเครื่อง 2 เหรียญ และรองเท้าแตะยี่ห้อแอดด้า สีน้ำตาล หายไป ตรวจสอบบริเวณหลังกุฏิ พบรอยเท้าเปล่า คาดว่าเป็นของคนร้ายที่มานั่งรอจังหวะเวลาก่อนลงมือ ขณะพระออกไปบิณฑบาตแต่เช้ามืด


 :96: :96: :96: :96: :96:

สอบสวนพระฉัตรชัย ถิระวิริโย ให้การว่า บวชมา 2 พรรษา เมื่อช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมาเคยถูกคนร้ายปีนหลังคาห้องน้ำหลังกุฏิงัดหน้าต่างจนพังเสียหาย แต่ไม่สามารถเข้าไปขโมยทรัพย์สินได้ เพราะหน้าต่างติดเหล็กดัด กระทั่งวันนี้อาตมาออกไปบิณฑบาตแต่เช้ามืด โดยปิดล็อกกุญแจประตูไว้เรียบร้อย ก่อนเก็บลูกกุญแจไว้ในกระเป๋าอังสะที่ผึ่งตากไว้หน้าประตูห้องนอน หลังจากฉันที่ศาลาเสร็จ กลับมาพบประตูเปิดออก ทรัพย์สินถูกรื้อค้น ตรวจสอบลูกกุญแจในกระเป๋าผ้าอังสะยังอยู่ แต่ไม่พบตัวแม่กุญแจที่คล้องล็อกประตู จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

ด้าน ร.ต.ท.นิวัฒน์ แจงกระโทก เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น คนร้ายที่ก่อเหตุคาดเป็นคนในพื้นที่หรืออาจเป็นคนคุ้นเคยเข้านอกออกในได้อย่างสบาย โดยไม่มีใครสนใจและสงสัย แม้แต่สุนัขที่เลี้ยงไว้เฝ้ากุฏิถึง 3 ตัว ก็ไม่มีเสียงเห่า หรือเข้าขัดขวางโจรขณะลงมืองัดประตูแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามตำรวจสืบสวนและตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้เก็บลายนิ้วมือแฝงไว้เป็นหลักฐาน ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/520418
13110  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ศิษยานุศิษย์เรือนหมื่น แห่ทำบุญครบ 100 วัน 'หลวงพ่อคูณ' เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 09:35:19 pm


ศิษยานุศิษย์เรือนหมื่น แห่ทำบุญครบ 100 วัน 'หลวงพ่อคูณ'

ศิษยานุศิษย์แห่ทำบุญบำเพ็ญกุศลครบ 100 วัน "หลวงพ่อคูณ" นับหมื่นคน เจ้าคณะภาค 7 วัดปทุมคงคา เป็น ปธ.ฝ่ายสงฆ์ ขณะน้องสาวดีใจ เห็นคนร่วมงานจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 58 ที่ศาลาการเปรียญวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมานอ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้มีการจัดพิธีแสดงมุทิตา การทำบุญทักษิณานุประทาน แสดงความอาลัยแด่พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 และอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ในโอกาสครบ 100 วัน การมรณภาพ โดยมี พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ญาณวีโร ป.ธ.7) เจ้าคณะภาค 7 วัดปทุมคงคา กรุงเทพมหานคร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส


พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ญาณวีโร ป.ธ.7) เจ้าคณะภาค 7 วัดปทุมคงคา กรุงเทพมหานคร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

ทั้งนี้ มีพระเถระชั้นผู้ใหญ่มาร่วมงาน อาทิ พระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา พระเทพปริยัติเมธี เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ พระราชสีมาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา พระราชปริยัติวิธาน รองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ หลวงปู่ฤๅษีเกตุแก้ว จาก จ.บึงกาฬ พระศรีปริยัติวิสุทธิ์ เจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาสวัด พระสงฆ์สามเณร กว่า 400 รูป รวมถึงผู้มีชื่อเสียง เช่น นายธงชัย ลืออดุลย์ ผวจ.นครราชสีมา นายวินัย วิทยานุกูล รอง ผวจ.นครราชสีมา ร.ท.วสันต์ สุขสมบูรณ์ นอภ.ด่านขุนทด อีกทั้งอดีตนักการเมือง อาทิ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ นายจำลอง ครุฑขุนทด นายวิสิทธิ์ พิทยาภรณ์ นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายวัชรพล โตมรศักดิ์ พร้อมด้วยข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำชุมชน พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ร่วมหมื่นคน เข้าร่วมพิธีอย่างคับคั่ง


ศิษยานุศิษย์แห่ทำบุญบำเพ็ญกุศลครบ 100 วัน "หลวงพ่อคูณ" นับหมื่นคน

ขณะที่ นางคำมั่น วงศ์กาญจนรัตน์ น้องสาวที่เหลือเพียงคนเดียวของ หลวงพ่อคูณ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นคณะศิษยานุศิษย์เดินทางมาร่วมในพิธีครั้งนี้เป็นจำนวนมาก มีทั้งในและต่างประเทศที่ให้ความเคารพหลวงพ่อคูณ ซึ่ง นางคำมั่น เผยอีกว่า คงจะเดินทางมาร่วมในพิธีได้แค่นี้ เพราะอายุมากแล้ว ส่วนที่ จ.ขอนแก่น ที่จะมีสามเณรบวชใหม่ 152 รูป และชาวบ้านไร่เหมารถบัสไปร่วมพิธีวันที่ 25 ส.ค. นี้ จะให้ลูกหลานไปร่วมในพิธี

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/520490
13111  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เสนอ มส.พิจารณา พ.ร.บ.การศึกษาสงฆ์ เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 09:31:57 pm


เสนอ มส.พิจารณาพ.ร.บ.การศึกษาสงฆ์

พศ.เผย ร่างพ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม แบ่ง 3 หมวดบาลี-ธรรม-สามัญ เร่งดำเนินการให้เสร็จก่อนออกพรรษา เสนอ มส.พิจารณาดันเข้าสู่ครม.

วันนี้(24 ส.ค.)นายประสงค์ จักรคำ ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมจัดทำร่างพ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม ซึ่งมีพระพรหมมุนี รองแม่กองธรรมสนามหลวง พระพรหมโมลี แม่กองบาลีสนามหลวง ผู้แทนประธานกลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา นายตวง อันทะไชย ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) น.ส.ประนอม คงพิกุล รองผอ.พศ. ผู้แทนคณะกรรมการกฤษฎีกา เข้าร่วม เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมมีมติตั้งคณะอนุกรรมการยกร่างประกอบ พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม จำนวน 2 ชุด

ได้แก่ คณะอนุกรรมการยกร่างฯแผนกธรรม โดยมีพระพรหมมุนี เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการยกร่างฯแผนกบาลี โดยมีพระพรหมโมลี เป็นประธาน เพื่อดำเนินการยกร่างกฎหมายการศึกษาแผนกธรรม และ บาลี มาประกอบเข้าในร่างพ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม โดยแยกเป็น 3 หมวดใหญ่ ได้แก่ หมวดแผนกบาลี หมวดแผนกธรรม และหมวดแผนกสามัญศึกษา


 :25: :25: :25: :25:

นายประสงค์ กล่าวด้วยว่า คณะอนุกรรมการ ทั้ง 2 ชุด จะยกร่างให้เสร็จภายในวันที่ 15 ก.ย. 2558 เพื่อนำมาประกอบรวมในร่าง พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม และเสนอให้มหาเถรสมาคม (มส.) พิจารณาเห็นชอบ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี โดยคาดว่ากระบวนทั้งหมดจะเสร็จภายในเดือน ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระวันรัต แม่กองธรรมสนามหลวง ได้เสนอแนะต่อ พศ.ว่า

เมื่อมี พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม แล้ว จะทำอย่างไรถึงจะมีผู้เรียนเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งต้องให้รัฐบาลสนับสนุน รวมถึงความชัดเจนในการเทียบโอนผู้สอบผ่านประโยคเปรียญธรรม(ป.ธ.)กับวุฒิการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เช่น ป.ธ.3 เทียบโอนได้วุฒิ ม.3 เป็นต้น.


ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/343618
13112  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ได้ข้อสรุปชะลอทุบอาคารในวัดกัลยาฯ เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 09:28:24 pm


ได้ข้อสรุปชะลอทุบอาคารในวัดกัลยาฯ

ผอ.พศ. หารือ อธิบดีกรมศิลปากร กรณีวัดกัลยาณมิตร สรุปชะลอทุบ ให้ปรับแบบให้ใกล้เคียงโบราณสถานเดิมมากที่สุด และต่อไปจะดำเนินการอะไรต้องส่งแบบมาให้กรมศิลปากรตรวจก่อน


วันนี้( 24 ส.ค.) นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยทีมผู้บริหาร พศ.ได้หารือร่วมกับนายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร เกี่ยวกับกรณีวัดกัลยาณมิตร ซึ่งถือว่า มีความคืบหน้าในทางที่ดี โดยตนได้สอบถามกรมศิลปากร เกี่ยวกับรายชื่อวัดจำนวน 28 วัด ที่มีการกระทำผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 แก้ไขเพิ่มเติม2535 ที่มีการแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย รวมถึงทางสื่อมวลชนว่าเป็นความจริงหรือไม่ ซึ่งอธิบดีกรมศิลปากร ก็บอกว่าจริง ส่วนจะเข้าไปดำเนินการรื้อหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ยังไม่มี แต่จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป


 :25: :25: :25: :25:

นายพนม กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีของวัดกัลยาณมิตรนั้น เนื่องจากเป็นไปตามคำสั่งศาลปกครอง ทางกรมศิลปากรจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย มิฉะนั้นจะถือว่า ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จะมีความผิดตามมาตรา 157 ได้ ส่วนที่จะมีการทุบอาคารหลังอื่นๆต่อหรือไม่นั้น จากการหารือร่วมกันได้ข้อสรุปว่า ยังไม่ทุบและจะหาทางออกร่วมกันอีกครั้ง โดย พศ.จะคุยกับคณะทำงานฝ่ายกฎหมายและฝ่ายทะเบียนโบราณสถานว่า มีช่องทางทางกฎหมายร่วมกันอย่างไรได้ อย่างไรก็ตามต้องถือว่า การหารือครั้งนี้ว่าเป็นไปในทางที่ดี ซึ่งตนได้รายงานความคืบหน้าดังกล่าวให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลพศ.ได้รับทราบแล้ว

นายพนม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนยังได้รับเอกสารใหม่เกี่ยวกับวัดกัลยาณมิตร โดยเป็นหนังสือของปี 2511 ที่อธิบดีกรมศิลปากร อนุญาตให้วัดกัลยาณมิตร ดำเนินการบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถานได้ไปพลางก่อนที่กรมศิลปากรจะกำหนดเขตโบราณสถานภายในวัด ตามมาตรา 7 แห่งพ.ร.บ.โบราณสถาน ฯ ซึ่งก็ต้องมีการตรวจสอบว่า เป็นเอกสารจริงหรือไม่ แต่ถึงแม้จะเป็นเอกสารจริง หากอธิบดีกรมศิลปากรคนใหม่เข้ามา ก็อาจจะสั่งระงับยับยั้งการอนุญาตดังกล่าวได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการพิจารณาอย่างให้รอบคอบ

 st12 st12 st12 st12

นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า หลังจากกรมศิลปากรดำเนินการทางกฎหมายกับวัดกัลยาณมิตร โดยทุบอาคารที่ทางวัดได้ก่อสร้างขึ้นใหม่ซึ่งผิดกฎหมายไปแล้ว 2 หลัง นั้น ซึ่งจากการหารือร่วมกับ ผอ.พศ.และนิติกรของทั้ง 2 ฝ่าย ได้ข้อสรุปว่า กรมศิลปากร จะชะลอการทุบอาคารหลังอื่น ๆ ภายในวัดกัลยาณมิตรออกไป โดยให้ทางวัดไปหาทางปรับปรุงแก้ไขแบบอาคารที่สร้างขึ้นมาใหม่ ให้กลับไปสู่รูปแบบโบราณสถานเดิมที่ถูกทางวัดทุบไป หรือให้ใกล้เคียงแบบเดิมมากที่สุด ซึ่งจะให้นิติกรลงพื้นที่ไปตรวจสอบว่าส่วนไหนทำได้หรือไม่ได้อย่างไร โดยยึดข้อกฎหมายโบราณสถานเป็นหลัก และได้มีการย้ำว่า การดำเนินการใด ๆ ต่อจากนี้จะต้องส่งแบบมาให้กรมศิลปากรพิจารณาก่อนด้วย


ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/343714
13113  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / "พระธาตุ" วัดเสนาสน์ ไม่ไหม้ไฟแถมเพิ่มขึ้น! เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 09:22:45 pm


"พระธาตุ" วัดเสนาสน์ ไม่ไหม้ไฟแถมเพิ่มขึ้น!

ชาวบ้านเมืองสองแคว ต่างดีใจแห่กราบไหว้ "พระธาตุ" วัดเสนาสน์ หลังพบว่าไม่ถูกไฟไหม้ ตามบุษบกไม้สักทองที่บรรจุ กลับเพิ่มขึ้นเป็น 42 องค์ ในกองเถ้าถ่าน

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบ ที่วัดเสนาสน์ หมู่ 1 ต.ท่างาม อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจาก นายอาทิตย์ สุขแจ่ม ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ว่า หลังจากที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ภายในมณฑปพระบรมสารีริกธาตุ จนลุกลามไหม้บุษบกที่ทำด้วยไม้สักทอง บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 39 องค์ ที่อันเชิญมาจากประเทศอินเดีย อายุเก่าแก่กว่า 1,120 ปี และภาพวาดจิตรกรรมเพดาน ฝาพนัง ที่เพิ่งบูรณะซ่อมแซม ได้รับความเสียหายไปเมื่อวานนี้ ( 23 ส.ค.) นั้น ทางคณะกรรมการวัด และชาวบ้านในพื้นที่ ได้ร่วมกันตรวจสอบบริเวณดังกล่าว แล้วพบว่า พระบรมสารีริกธาตุทั้ง 39 องค์ ยังอยู่รวมกันเป็นกลุ่มปะปน รวมกับกองขี้เถ้า และไม่ถูกเปลวไฟลุกไหม้เสียหายแต่อย่างใด มีเพียงสีของพระธาตุ ที่เปลี่ยนจากสีขาวขุ่นเป็นสีดำเข้ม และเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ เมื่อมีพระธาตุเพิ่มขึ้นมาอีก 3 องค์ รวมเป็น 42 องค์ ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างดีใจแห่มากราบไหว้




นายอาทิตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ทางคณะกรรมการวัดยังได้นำไหบรรจุวัตถุมงคล และพระเครื่องรุ่นต่างๆ จำนวน 6 ไห ที่ทางวัดเคยบรรจุไว้ใต้ฐานบุษบก ที่ถูกไฟไหม้ไปเก็บรักษาไว้ภายในโบสถ์ เพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาขโมย ซึ่งทางวัดยังไม่ได้เปิดให้ประชาชนเช่าบูชา โดยอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือ ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ก่อน เพราะคาดว่าน่าจะต้องใช้เงินในการบูรณะซ่อมแซมมณฑปไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท

ด้านพระสมศักดิ์ กตสาโร รักษาการเจ้าอาวาสวัดเสนาสน์ เปิดเผยว่า พระบรมสารีริกธาตุที่พบทั้งหมด 42 องค์ ในกองเถ้าถ่านนั้น ค่อยๆ กลับกลายจากสีดำเป็นสีขาวขุ่นอย่างน่าอัศจรรย์ โดยทางวัดจะได้ทำพิธีขอขมา พระบรมสารีริกธาตุ เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ทางวัดได้นำพระบรมสารีริกธาตุ ไปเก็บรักษาไว้ที่หอพระธาตุหลังเก่า พร้อมเก็บไว้ในตู้นิรภัยโบราณ อย่างแน่นหนาอย่างดี ถ้าหากถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ของทุกๆ ปี ทางวัดจะนำออกมาให้ประชาชนได้สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลอีกครั้งหนึ่ง..




ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/regional/343778
13114  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / มส. เลื่อนสวดมนต์ แยกราชประสงค์ ยันไม่ยกเลิก เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 11:41:10 am


มส. เลื่อนสวดมนต์ แยกราชประสงค์ ยันไม่ยกเลิก

โฆษกมหาเถรสมาคม แจงเลื่อนสวดมนต์ แยกราชประสงค์ 24 ส.ค. ระบุ ผบ.ตร. หวั่นดูแลความปลอดภัยไม่ทั่วถึง ยันไม่ยกเลิก จัดขึ้นเมื่อใดจะแจ้งให้ทราบ ...

จากกรณีที่ มหาเถรสมาคม (มส.) ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กรมการศาสนา (ศน.) และมูลนิธิไทยพึ่งไทย จะมีการจัดงาน “รวมพลังคนไทย รวมหัวใจเพื่อประเทศไทย” โดยจะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตภาวนา อุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ และสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนชาวไทย โดยงานนี้ จะจัดขึ้นบริเวณหน้า อัมรินทร์พลาซ่า และบริเวณศาลพระพรหมเอราวัณ ตั้งแต่เวลา 17.30 น. ในวันที่ 24 ส.ค.นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ในฐานะกรรมการและโฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้เข้ากราบนมัสการสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ขอให้เลื่อนการจัดงานไปก่อน เนื่องจากเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัย เกรงจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง เพราะคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการหารือกับคณะผู้จัดงานและเห็นตรงกัน จะเลื่อนการจัดงานออกไปก่อน แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิก ส่วนจะจัดขึ้นเมื่อใดนั้นจะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง.


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/520359
13115  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / มือมืดอ้างตัวเป็นแฮกเกอร์มุสลิม แฮกเว็บจังหวัดลำพูน ต้องสั่งปิดตั้งแต่ตี 3 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 10:08:17 am

เว็บไซต์จังหวัดลำพูนยังไม่สามารถเข้าชมได้


มือมืดอ้างตัวเป็นแฮกเกอร์มุสลิม แฮกเว็บจังหวัดลำพูน ต้องสั่งปิดตั้งแต่ตี 3

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เมืองเจ้าแม่จามเทวีสั่งปิดเว็บไซต์จังหวัดกะทันหันตั้งแต่ตี 3 เป็นต้นมาจนถึงขณะนี้ หลังถูกมือมืดแฮกกลางดึก สะพัดคนลงมืออ้างตัวเป็นแฮกเกอร์มุสลิม โพสต์ภาพโรฮิงญาถูกทารุณหรา พร้อมคำขู่
       
       วันนี้ (24 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.เศษที่ผ่านมา นายณรงค์ อ่อนสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ต้องสั่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปิดระบบเว็บไซต์ http://www.lamphun.go.th ทั้งหมดจนถึงขณะนี้ หลังจากถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีแฮกเว็บไซต์ของจังหวัด
       
       เบื้องต้นมีรายงานว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ลงมือแฮกเว็บไซต์ของจังหวัดลำพูนครั้งนี้ อ้างว่าเป็นกลุ่มมุสลิม ที่ชื่อว่า Fallag Gassrini จากตูนิเซีย โดยมีการโพสต์ภาพชาวโรฮิงญา ที่ถูกกระทำโดยรัฐบาลพม่า, ภาพชาวโรฮิงญาที่พยายามจะหนีมาทางเรือ เเละเด็กชาวมุสลิมที่โดนระเบิด พร้อมข้อความว่า “เพจคุณถูกเเฮ็คหน่วยรบ Cyber Fallag Gassrini เเละ DR Lamochi จากตูนิเซีย, ให้เกียรติคนของเรา ไม่งั้นจะเจอการต่อต้านจากเรา, พวกเราคือ Fallaga พวกเราคือชาวมุสลิม, พวกเรารักสันติ”
       
       ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า นอกจากเว็บไซต์ของจังหวัดลำพูนแล้ว ยังมีเว็บไซต์ของหน่วยราชการอีกหลายจังหวัด เช่น เว็บไซต์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เว็บไซต์โรงพยาบาลลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เว็บไซต์จังหวัดตาก เว็บไซต์สิงห์บุรี และเว็บไซต์จังหวัดสระแก้ว เป็นต้น ที่ถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีลงมือแฮกในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000095762
13116  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ไม่สนอาถรรพ์! มอดไม้ลำปางตัดเหี้ยนไม่เว้น “ตะเคียนทอง 200 ปี” กลางป่าฯ แม่งาว เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 10:04:25 am


ไม่สนอาถรรพ์! มอดไม้ลำปางตัดเหี้ยนไม่เว้น “ตะเคียนทอง 200 ปี” กลางป่าฯ แม่งาว

ลำปาง - มอดไม้ลำปางไม่สนอาถรรพ์ โค่น “ตะเคียนทอง 200 ปี” กลางป่าสงวนฯ แม่งาวฝั่งขวา พร้อมแปรรูปเสร็จสรรพ คาดมีออเดอร์จากนายทุนนอกพื้นที่
       
       วันนี้ (24 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามว่าด้วยการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ สายที่ 1 สำนักจัดการฯ ที่ 3 (ลำปาง), หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลป.28 บ้านทาน, ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษภูธรจังหวัดลำปาง, ตำรวจ กก.4 บก.ปทส., เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปทส.ภ.5, กก.ตชด.33 เชียงใหม่, กอ.รมน.ลำปาง ได้เข้าตรวจวัดและตรวจสอบไม้ตะเคียนทองที่แปรรูปเป็นแผ่นหลี่ยม ขนาดเส้นรอบวง 80 เซนติเมตร หนา 20 เซนติเมตร ยาว 3.50 เมตร รวม 12 แผ่น/เหลี่ยม ที่บริเวณสำนักงานหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลป.28 (บ้านทาน) ต.จางเหนือ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง เพื่อหาทางขยายผลติดตามจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป



        หลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยหลวง จ.แพร่ พร้อมด้วยกำลังป่าไม้ จ.ลำปาง ออกลาดตระเวนปกป้องผืนป่าในพื้นที่เขตรอยต่อ จ.แพร่-ลำปาง จนกระทั่งเข้ามาในป่าห้วยน้ำขุ่น เขตป่าสงวนแห่งชาติแม่งาว ฝั่งขวา บ้านทาน หมู่ 4 ต.จางเหนือ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ก็พบว่ามีการลักลอบแปรรูปไม้ตะเคียนทองไว้กลางป่า จึงเฝ้าคอยกลุ่มมอดไม้จะมาลักลอบขนย้ายนานกว่า 2 วันแต่ก็ไม่พบการเคลื่อนไหว จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่เมาะ เพื่อสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป
       
       เบื้องต้นได้แจ้งดำเนินคดีว่าด้วยการกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 ข้อหา “มีไม้กระยาเลยแปรรูปไว้ในครอบครองปริมาณเกิน 0.02 ลูกบาศก์เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีความผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ข้อหา “ทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต”
       
       สำหรับไม้ตะเคียนทองที่ถูกตัดนี้คาดว่าจะมีอายุมากกว่าสองร้อยปี และน่าจะมีออเดอร์มาจากนอกพื้นที่เพื่อนำไปตกแต่งหรือทำอย่างอื่น เนื่องจากปกติชาวบ้านทั่วไปจะไม่นิยมนำไม้ตะเคียนทองมาสร้างบ้านอยู่อาศัยเพราะหวั่นเกรงอาถรรพ์ที่จะเกิดขึ้น


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000095767
13117  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระ-เณรเชียงใหม่สอบเปรียญธรรม 1-8 ผ่าน 170 รูป แต่ปีนี้ไม่มีเปรียญ 9 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 10:01:51 am


พระ-เณรเชียงใหม่สอบเปรียญธรรม 1-8 ผ่าน 170 รูป แต่ปีนี้ไม่มีเปรียญ 9

เชียงใหม่ - พระภิกษุ สามเณรเชียงใหม่สอบผ่านได้เปรียญธรรม 1- 8 ได้มากถึง 170 รูป แต่ไม่มีรูปใดสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค พระวิสุทธิวงศาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ สัมโมทนียกถาย้ำ “ภาษาบาลี เป็นกุญแจเปิดตู้พระไตรปิฎก”
       
       วันนี้ (24 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พระวิหารหลวง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก อ.เมืองเชียงใหม่ พระวิสุทธิวงศาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ รองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร กรรมการมหาเถรสมาคม ได้เป็นประธานมอบทุนการศึกษาแก่พระภิกษุ สามเณรในจังหวัดเชียงใหม่ ที่สอบผ่านเปรียญธรรม เป็นเงินกว่า 5 แสนบาท
       
       โดยปีนี้มีพระภิกษุ สามเณร สอบผ่านภาษาบาลี หรือเปรียญธรรม 1-8 จำนวน 170 รูป ในจำนวนนี้สอบผ่านเปรียญธรรม 8 เพียง 6 รูป, เปรียญธรรม 7 สอบได้จำนวน 5 รูป, เปรียญธรรม 6 สอบผ่านจำนวน 11 รูป, เปรียญธรรม 5 สอบได้จำนวน 15 รูป, เปรียญธรรม 4 สอบผ่าน 16 รูป, เปรียญธรรม 1-3 อีกจำนวน 117 รูป แต่ไม่มีรูปใดสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ขณะที่มีแม่ชีสอบผ่านบาลีศึกษาจำนวน 10 รูป
       
       ทั้งนี้ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุ 88 พรรษา และเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสเจริญพระชนมพรรษา 83 พรรษา

       


       พระวิสุทธิวงศาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ กล่าวสัมโมทนียกถาว่า ภาษาบาลีเป็นภาษาที่ใช้จารึกพระพุทธพจน์ คือหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลักธรรมคำสอนทั้งมวลจึงถูกบันทึกไว้ด้วยภาษาบาลี การนำหลักคำสอนมาใช้ประโยชน์ได้จึงต้องผ่านบุคคลที่มีความรู้ในภาษาบาลีอย่างแตกฉาน หากไม่เข้าใจภาษาบาลีแล้ว หลักพุทธธรรม แม้จะมีคุณค่าสามารถสร้างประโยชน์สุขแก่ชาวโลกได้ก็จริง แต่ก็ยากที่จะนำมาใช้ประโยชน์ตามพุทธปณิธานได้
       
       “ภาษาบาลีจึงเป็นเหมือนวิธีการค้นหารหัส หรือกุญแจเปิดตู้พระไตรปิฎก เพื่อจะได้นำคำสอน อันล้ำค่า มาชี้แจงแก่ชาวโลก และนำไปปฏิบัติจนเกิดผลแก่ตนเองและสังคม จึงนับว่าภาษาบาลีเป็นความมั่นคงของพระพุทธศาสนา จึงต้องมีการศึกษาแผนกนี้”




ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000095773
13118  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วัดท่าการ้อง "ทุบกำแพงสร้างสะพาน" สานสัมพันธ์พี่น้องไทยพุทธ-มุสลิม เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 09:48:49 am

วัดท่าการ้อง "ทุบกำแพงสร้างสะพาน" สานสัมพันธ์พี่น้องไทยพุทธ-มุสลิม
สำราญ สมพงษ์ นิสิตปริญญาโทสาขาสันติศึกษา มจร รายงาน

       หากพูดถึงวัดท่าการ้อง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คนทั่วไปจะนึกถึงส้วมติดแอร์เพราะแนวคิดของพระพิพัฒนศาสนกิจวิธาน รองเจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาส ต้องการให้บริการกับประชาชนอย่างมีความสุข เพราะเห็นคนที่เข้ามาใช้บริการโดยเฉพาะผู้หญิงใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อต้องแต่งหน้ากันใหม่ ถ้าถามว่าคุ้มหรือไม่ก็ต้องตอบว่า "คุ้ม" แม้ว่าเงินบริจาคจะน้อยกว่าจุดอื่นก็ตาม หรือไม่ก็ตลาดน้ำ

      เมื่อเข้ามาที่วัดแห่งนี้จะรู้สึกเหมือนกับมาเที่ยวงานประจำปีที่มีทุกวัน เพราะมีห้องหรือเต็นท์ที่ประกอบด้วยกิจกรรมบุญต่างๆมากมายอย่างเช่นห้องบรรจุพระเกจิชื่อดังในประเทศไทย  ห้องบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ ที่โบสถ์ประดิษฐานด้วยหลวงพ่อยิ้ม ศาลาหอฉันก็ประดิษฐานสมเด็จฯโต พรหมรังษี ทำให้รู้ศึกว่าที่วัดแห่งนี้คือเป็น  "เนื้อนาบุญ" ที่ชาวพุทธทั้งหลายมีความเชื่อด้านใดก็สามารถมาฉลองศรัทธาได้ไม่ต้องไปไหนอีก เนื่องจากว่าเจ้าอาวาสเป็นพระนักพัฒนาที่มีวิศัยทัศน์ที่ต้องการพัฒนาคนมากกว่าวัตถุ รู้จักใช้คน มีการบริหารจัดการที่มีแบบแผน และนำเอาองค์ความรู้ต่างๆมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม



       วัดท่าการ้องตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชนเล็กๆ นอกเกาะกรุงศรีอยุธยาที่มีประชากรหลากหลายศาสนาอาศัอยู่โดยเฉพาะชาวไทยพุทธและมุสลิมทำให้มีคนเรียกชุมชนแห่งนี้ว่า "มัสยิดวัดท่าการ้อง" มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยชาวมุสลิมนั้นมีเชื้อสายมาจากมาลายู เปอร์เซีย ซึ่งเป็นต้นตระกูลบุนนาค ขณะที่เจ้าอาวาสก็เป็นคนพื้นที่โดยกำเนิด และที่เรียกว่าท่าการ้องนั้นก็เนื่องจากเป็นย่านค้าขายและเลี้ยงวัว คงจะมีการทำเนื้อแดดเดียวทำให้กาซุกซุมคอยกินเนื้อ

       ชาวไทยพุทธและมุสลิมชุมชนแห่งนี้มีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างดีตั้งแต่ในอดีตได้มีกิจกรรมร่วมกันทำอย่างต่อเนื่องเช่นการลงแขกทำนานำอาหารมาร่วมกันรับประทาน วางศิลาฤกษ์ของแต่ละศาสนา น้ำท่วมก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยชาวมุสลิมนำวัวมาพักไว้ที่วัดเพราะเป็นที่สูง พอน้ำลดชาวมุสลิมก็มาช่วยทำความสะอาด ร่วมถึงการร่วมกันพัฒนาชุมชนในด้านต่างๆโดยไม่มีกำแพงขวางกั้นหากมีเหตุการณ์ไม่ดีก็จะค่อยช่วยเป็นหูเป็นตา ทางวัดทำตลาดน้ำค้าขายร่วมกัน ตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งภายในวัดโดยมีเจ้าอาวาสและโต๊ะอีหม่านทำให้หน้าที่ ตั้งโรงเรียนฝึกอาชีพร่วมกัน



       จากกิจกรรมดังกล่าวทำให้ชาวไทยพุทธและมุสลิมที่นี้ลบภาพที่ถูกปลูกฝังให้เกลียดกัน ได้ปรับความคิดเปิดใจกว้างว่า "เขาก็คือเพื่อนมนุษย์เหมือนกัน" หรือ "โลกทั้งผองคือพี่น้องกัน" โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของ "ขันติธรรม" ของการอยู่ร่วมกัน และยึดหลัก "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกันนี้จะไม่ก้าวก่ายกันในเรื่องของคำสอนแต่ละศาสนา

       พร้อมกันนี้มีแผนในการสร้างสันติสุขแบบยั่งยืน โดยอันดับแรกคือสร้างความเข้าใจในคำสอนของตัวเองและคำสอนของเพื่อน ซึ่งศาสนาอิสลามนั้นหมายถึงศาสนาแห่งสันติสุข แต่ที่มีปัญหาทุกวันนี้เพราะนำศาสนาไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองและผลประโยชน พร้อมกันนี้จะจัดกิจกรรมร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้สานสัมพันธ์กันให้แน่นยึ่งขึ้น

       เหล่านี้คือข้อมูลที่นิสิตปริญญาโทสาขาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงานและปฏิบัติการสันติสานเสวนา ตามรายวิชาสันติสนทนา ในหัวข้อ "สานสัมพันธ์พุทธ-อิสลาม สร้างสันติภาพท่องเที่ยวชุมชน"  เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2558 ที่ผ่านมาในช่วงเช้า  โดยได้รับความอนุเคราะห์เมตตาเอื้อเฟื้อจากเจ้าอาวาสวัดท่าการ้องและโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดชุมชนท่าการ้องเป็นอย่างดียิ่ง



      ขณะที่ช่วงบ่ายเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยสานเสวนาเรื่อง "ความเชื่อที่ต่าง"เพื่อร่วม"สร้างสะพานสันติภาพ"ในสังคมได้อย่างไร.? โดยสรุปง่ายๆ คือ "หาวิธีการนำไปสู่สันติภาพร่วมกัน" ยึดแนวทาง "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา"  ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

       ได้วิธีการจากการแบ่งกลุ่มระดมความเห็นสร้างเป็นโมเดลคือ "สะพานสันติภาพ" ไปมาหาสู่กันระหว่างไทยพุทธ-มุสลิม ได้ดังนี้

       เข้าใจ คือ เปิดใจ ทำความเข้าใจ เรียนรู้วิถีชีวิตให้เกียรติให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ปิดกั้นความเชื่อและความเชื่อแตกต่าง  เปิดโอกาสรับฟังมุมมองที่แตกต่าง เห็นผู้อื่นเปรียบเสมือญาติอยู่กันอย่างสามัคคีเป็นพี่เป็นน้องกันเห็นอกเห็นใจกัน  มีความจริงใจต่อกัน การศึกษาความเชื่อและให้ความรู้ที่ถูกต้องในแต่ละศาสนา ไม่นำศาสนามาเปรียบเทียบ และเชื่อมโยงผสมผสานวัฒนธรรมท้องถิ่นด้วย

       เข้าถึง คือ  ตั้งศูนย์กลางที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทำหน้าที่สื่อสารระหว่างศาสนา เป็นแหล่งเรียนรู้ ฝึกอาชีพและพัฒนาเยาวชน  เปิดพื้นที่ในการประกอบสัมมาชีพร่วมกัน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนนำสินค้ามาจำหน่ายร่วมกัน

       และพัฒนา คือ  ทำจัดกิจกรรมร่วมกันเช่น การสัมมนา ศึกษาดูงาน เเลกเปลี่ยนเรียนรู้ พูดคุยกัน แบ่งปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างกิจกรรมร่วมกันบ่อยครั้งขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยขยายเป็นระดับจังหวัดระดับประเทศ รวมถึงสร้างผู้นำและพัฒนาเยาวชนเพื่อให้มีบทบาทในด้านต่างๆอย่างเช่นสมัครเป็นผู้แทนท้องถิ่น



       พระครูพิพิธสุตาทร  ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ อาจารย์ผู้สอนได้สรุปว่า มีความจำเป็นต้องรื้นกำแพงเพื่อสร้างสะพาน เพราะถ้าไม่รื้นกำแพง กำแพงอาจจะสูงขึ้นเรื่อยๆ คือความขัดแย้งจะสูงไปเรื่อยๆ  ชุมชนวัดท่าการ้องมีความเชื่อที่มีความแตกต่างแต่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข สิ่งสำคัญคือ เราต้องรู้จักความเชื่อของอิสลามให้มาก แล้วเราจะได้วิเคราะห์ว่าความเชื่ออะไรที่เหมือนกัน ความเชื่ออะไรที่มีความแตกต่างกัน เราจะได้ใจกว้างทางศาสนาเพื่อการสันติสนทนาต่อไป

      ทั้งนี้พระพิพัฒนศาสนกิจวิธาน กล่าวว่า  วัดท่าการ้องอยู่ท่ามกลางพี่น้องมุสลิมที่มีทั้งใหม่และเก่า เคร่งและยืดหยุ่น แต่ทุกวันนี้มีการปรับประยุกต์ตามบ้านเมือง อาตมามาอยู่ที่นี่ 15 ปี มีความเข้าใจคนอิสลามโดยยึดหลักมัชฌิมาปฏิปทาพบกันคนละครึ่งทาง เมื่อมัสยิดวางศิลาฤกษ์อาตมาก็ไปร่วม

      เจ้าอาวาสวัดท่าการ้องกล่าวต่อว่า คำสอนจากพระคัมภีร์ทั้งพุทธและอิสลามไม่มีแตกต่างกันมากนัก การทำงานร่วมกับพี่น้องมุสลิมต้องมีความเข้าใจ เพราะหลักปฏิบัติบางอย่างมีความแตกต่างกัน เรื่องความเชื่อและพิธีกรรมที่มีการปลูกฝังตั้งแต่เด็ก  อย่างไรก็ตามเราต้องมีรากอย่าลืมรากของตนเอง และพิธีกรรมบางอย่างที่ทำให้เกิดความขัดแย้งก็ควรละทิ้ง

      อย่างเช่น มจร  มีการพัฒนามาจากรากจึงมีความมั่นคงมาตลอด  ต่อไป มจร จะมีนิสิตมากที่สุดในโลก เพราะมีวิทยาเขตมากมายทั่วไทยและทั่วโลก และต่อไปต้องมี "มหาวิทยาลัยเตรียมเจ้าอาวาส" เรียนจบพร้อมบรรจุเป็นเจ้าอาวาสทันที  ฉะนั้น เราต้องสร้างฐาน สร้างราก ที่วัดท่าการ้องใช้เวลาเป็น 10 ปีขึ้นไปจึงมีวันนี้



      "อาตมานั้นเป็นเพื่อนกับโต๊ะอิหม่ามกับคนปัจจุบัน จึงมีความสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ  ทำให้เราอยู่แบบเข้าใจกัน โดยใช้คำว่า "ช่องว่าง" ของกฎหมายมาประยุกต์ใช้ในงานด้านสังคม งานชุมชน และงานจิตอาสา โดยนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นตัวเชื่อมกิจกรรมร่วมกันระหว่างคนศาสนาในชุมชน เช่น วันแม่ วันพ่อ วันสงกรานต์ วันเด็ก ถือว่าไม่มีหลักศาสนามาเกี่ยวข้อง เป็นการใช้ช่องว่างมาทำกิจกรรมร่วมกัน จนเกิด "ความไว้วางใจ" ต่อกัน  สิ่งที่สอดแทรกคือ ความสามัคคี การมีน้ำใจ การอยู่ร่วมกัน และใช้วิธีการนำเสนอให้เป็นกลางๆ" พระพิพัฒนศาสนกิจวิธาน กล่าวและว่า

     และทำ "ศูนย์ยุติธรรมชุมชน" เมื่อมีข้อพิพาทระหว่างศาสนาเราจะไม่ใช้ตำรวจมาตัดสิน แต่เราจะใช้ผู้นำศาสนาหรือบุคคลที่ชุมชนยอมรับมาไกล่เกลี่ยกัน ถือว่ามีความสำคัญ ทั้งโดยใช้หลัก "บริหารชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน"  และสร้างตลาดน้ำขึ้นมาก็ด้วยแนวคิดว่า "จะทำอย่างไรให้พี่น้องชาวพุทธและมุสลิมอยู่ร่วมกันได้"  ปัจจุบันนี้มีผู้นำอิสลามมาดูงานที่วัดท่าการ้องประมาณ 26 ประเทศ มาดูว่าเราอยู่ร่วมกันได้อย่างไร?

    "สิ่งสำคัญ คือ ไม่ทะเลาะกับคนในชุมชน แต่ต้องทำความเข้าใจระหว่างกัน อยู่ร่วมกันอย่างผสมผสาน ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน ทำให้ชุมชนเกื้อกูลกันและกัน คนท้องที่เท่านั้นที่รู้ดีที่สุด"  เจ้าอาวาสวัดท่าการ้องกล่าว


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20150824/212144.html
13119  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คนหลายพัน สุดทึ่ง! แห่ทำพิธีไหว้ครู "ของขึ้น" ที่ปทุมฯ เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 09:28:25 am


คนหลายพัน สุดทึ่ง! แห่ทำพิธีไหว้ครู "ของขึ้น" ที่ปทุมฯ

คนหลายพัน เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ แห่ร่วมพิธีไหว้ครู"วัดสุทธาวาส"ปทุมธานี ของขึ้น จำนวนมาก จนพระสงฆ์ต้องนำน้ำมนต์มาปะพรมสร้างความแตกตื่นให้ผู้มาร่วมงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 23 ส.ค. 58 ที่วัดสุทธาวาส ตั้งอยู่เลขที่ 56 หมู่ 4 ต.ลาดหลุมแก้ว อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี พระครูสุทธาภิรมณ์ (พระอาจารย์สุนทร ฐานวโร) เจ้าอาวาสวัดสุทธาวาส ได้มีการจัดงานพิธีไหว้ครู ครอบเศียรบรมครู ประจำปี2558 พร้อมกับทำพิธีเป่าพระยันต์มหาโสฬสมงคล ตามตำราหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง เป่ายันต์เกาะเพชร และพุทธาภิเษก พระมเหศวร รุ่น“มหาเพชรกลับ” และจัดสร้าง“พระชัยวัฒน์อะระหัง”มอบเป็นที่ระลึกให้แก่ผู้มาร่วมงานฟรี โดยมีประชาชนและบรรดาศิษย์ยานุศิษย์ มาร่วมงานจำนวนหลายพันคน เพื่อความเป็นมหาสิริมงคลแก่ชีวิต


ประชาชนจำนวนมาก แห่ร่วมพิธีไหว้ครู"วัดสุทธาวาส"ปทุมธานี

พระสงฆ์ ที่ทำพิธีที่วัด

โดยหลังจากที่ในช่วงเช้า ได้มีพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพิธีเททองหล่อหลวงพ่อเสริม หลวงพ่อสุข หลวงพ่อใส แล้ว พระสงฆ์ทรงสมณะศักดิ์เจริญพระพุทธมนต์ และพระอาจารย์สุนทร นั่งอธิฐานจิต จากนั้นในช่วงบ่าย ก็เริ่มเข้าพิธีสวดเป่ายันต์ โดยพระอาจารย์สุนทร ฯ เป็นผู้ทำพิธี และในขณะที่ทำพิธีท่องพระคาถา ปรากฏว่า ผู้ที่เข้าร่วมพิธีทั้งชายและหญิงจำนวนมาก ต่างมีองค์ได้แสดงอาการออกมา ตามที่เชื่อกันว่า “ของขึ้น” จำนวนมาก สร้างความตื่นตกใจให้กับผู้ที่มาร่วมงานครั้งแรก ทำให้พระอาจารย์ที่มานั่งอธิฐานจิตต้องนำน้ำมนต์มาปะพรม จนทุกคนที่ของขึ้นสงบเป็นเป็นปกติ จากนั้น ก็ได้มอบวัตถุมงคลให้กับผู้ร่วมงานทุกคน

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/520289
13120  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระตัดไม้พะยูง ร้องขอเป็นธรรม ถูกจับเข้าคุก ตร. ยันทำตามหน้าที่ เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 09:24:31 am


พระตัดไม้พะยูง ร้องขอเป็นธรรม ถูกจับเข้าคุก ตร. ยันทำตามหน้าที่

พระวัดถ้ำพระคำเม็ก ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกคุมตัวเข้าซังเต เหตุตัดโค่นไม้พะยูงในวัด ด้าน ตร. ยันทำตามหน้าที่ ไม่มีกลั่นแกล้ง เพราะมีผู้แจ้งความ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 23 ส.ค. 58 พระกมล กะมะโร หรือ นายกมล อายุ 35 ปี พระลูกวัด วัดถ้ำพระคำเม็ก บ้านพระพุทธบาท ม.11 ต.นาคำ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ได้เขียนหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน จากห้องขัง สภ.อุบลรัตน์ โดยขอให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ ภายหลังเมื่อวันที่ 21 ส.ค. มีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายประชุมหารือเรื่องการออกโฉนดที่ดินของวัดถ้ำพระคำเม็ก และมาสำรวจภายในวัด

จากนั้นเช้าวันที่ 22 ส.ค. เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้ามาวัด และขนไม้พะยูง ตัดไม้พะยูงที่ล้มอยู่ภายในวัดขึ้นรถ และแจ้งตำรวจ สภ.อุบลรัตน์ ให้มาจับ โดยแจ้งข้อหาว่ามีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครอง ซึ่งได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ไม้อยู่ในเขตวัดแต่หักทับทางเดินของพระสงฆ์ มีการโค่นล้มเมื่อเดือนพฤษภาคม จำนวน 1 ต้น เดือนกรกฎาคม 1 ต้น ขวางทางเดินในวัด จึงได้ตัดเป็นท่อนและกองไว้ในวัด แต่ไม่มีใครฟัง เมื่อถึงโรงพักยังถูกบังคับให้ถอดจีวร แล้วให้สวมชุดธรรมดา ก่อนคุมตัวเข้าห้องขัง


พระกมล กะมะโร พระลูกวัด วัดถ้ำพระคำเม็ก ถูกร้องเรียนตัดไม้พะยูง ถูกตร.จับ ตร.ยันทำตามหน้าที่

ทั้งนี้ เมื่อสอบถามไปยัง พ.ต.ท.รุ่งศักดิ์ จงกลรัตน์ รอง ผกก.สส.สภ.อุบลรัตน์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนทำตามหน้าที่ เมื่อมีผู้เสียหายแจ้งความ ก็ต้องควบคุมผู้ต้องหาไว้ และหากมีความผิดตามกฎหมาย ก็ต้องควบคุมตัวไว้ในห้องขังเพื่อทำการสอบสวน ก่อนนำตัวส่งฟ้องศาลตามขั้นตอนของกฎหมาย ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำตามหน้าที่ และให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ไม่มีกลั่นแกล้ง มีพยานหลักฐานไปว่ากันที่ศาล หากจะขอความเป็นธรรม ก็ไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมได้

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/520262
หน้า: 1 ... 326 327 [328] 329 330 ... 707