แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - หมิว
|
หน้า: [1] 2 3 ... 10
|
9
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ฟรี นิทรรศการVernadoc ศาลเจ้าโรงเกือกและเสวนาตลาดน้อย จากอดีต-ปัจจุบัน สู่อนาคต
|
เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 11:14:41 am
|
ย่านจีนถิ่นบางกอก-Bangkok Chinatown ขอเชิญร่วมงาน นิทรรศการVernadocศาลเจ้าฮ้อนหว่องกุง (ศาลเจ้าโรงเกือก) ณ ห้อง Sila-Sai Convention Hall ชั้น ๔ ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖
 กำหนดการ
วันเสาร์ที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖: เวทีสรุปการเรียนรู้และนำเสนอผลงานVernadoc
๑๒.๓๐-๑๓.๐๐ น. ลงทะเบียน ๑๓.๐๐-๑๓.๑๕ น. : กล่าวรายงาน โดย อาจารย์ ศรินพร พุ่มมณี หัวหน้านักวิจัยโครงการย่านจีนถิ่นบางกอก ๑๓.๑๕-๑๓.๔๕ น. : อธิบายวัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อสร้างความร่วมมือในการปรับปรุงศาลเจ้าโรงเกือก ๑๓.๔๕-๑๔.๐๐ น. : กล่าวเปิดงาน โดย คุณสุวัฒน์ รัตนปริคณน์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคดุสิต ๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น.: เวทีแลกเปลี่ยนสรุปความรู้จากการทำ Vernadoc ศาลเจ้าฮ้อนหว่องกุง(ศาลเจ้าโรงเกือก) ๑๖.๐๐-๑๖.๓๐ น. : สรุปและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ๑๖.๓๐-๑๗.๐๐ น. : มอบประกาศนียบัตรแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม Vernadocและกล่าวขอบคุณโดย คุณ พจน์ กาญจนปลั่ง นายกสมาคมฮากกาแห่งประเทศไทย
วันอาทิตย์ที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ : วงเสวนาตลาดน้อย จากอดีต-ปัจจุบัน...สู่อนาคต
๑๐.๐๐-๑๐.๓๐ น. ลงทะเบียน ๑๐.๓๐-๑๒.๐๐ น. : เวทีบรรยาย “เรื่องเล่าตลาดน้อย...จากอดีตสู่ปัจจุบัน” โดยอาจารย์ เจริญ ตันมหาพราน นักวิชาการท้องถิ่น ๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. : รับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย ๑๓.๐๐-๑๓.๓๐ น. : ลงทะเบียน ๑๓.๓๐-๑๕.๐๐ น. : วงเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นชาวชุมชนย่านตลาดน้อย หัวข้อ “ตลาดน้อยกับการพัฒนา” ๑๕.๐๐-๑๖.๐๐ น. : สรุปและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ๑๖.๐๐-๑๖.๓๐ น. : กล่าวปิดงาน โดย คุณ นพดล อินท์ชยะนันท์ ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์
นิทรรศการ Vernadoc ศาลเจ้าฮ้อนหว่องกุง (ศาลเจ้าโรงเกือก) โดย River City Shopping Center วันที่ 19 เมษายน เวลา 10:00 จนถึง วันที่ 21 เมษายน เวลา 19:00 Charoen Krung 24, Bangkok, Thailand 10100 ศาลเจ้าฮ้อนหว่องกุงหรือศาลโรงเกือก ศาสนสถานสำคัญของชาวจีนฮากกา (จีนแคะ) ที่มีอายุกว่า 120 ปี เป็นศาลเจ้าเก่าแก่แห่งหนึ่งของย่านตลาดน้อย ปัจจุบันศาลเจ้าฮ้อนหว่องกุง ยังเป็นที่เคารพสักการะของผู้คนในย่านตลาดน้อยและผู้คนที่นับถือ แต่ด้วยความเก่าแก่ของศาลเจ้าทำให้ศาลเจ้าทรุดโทรมขาดการบูรณะอย่างถูกวิธี ทำให้ผู้ดูแลศาลเจ้ามีความคิดริเริ่มบูรณะศาลเจ้าอย่างถูกวิธีโดยอาศัยความร่วมมือจากกลุ่มผู้มีจิตศรัทธา ระดมทุนเพื่อบูรณะศาลเจ้า
จากความคิดริเริ่มในการบูรณะศาลเจ้าฮ้อนหว่องกุงของผู้ดูแลศาลเจ้า ทำให้ต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และกายภาพ เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลในการถ่ายทอดให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความสำคัญที่ต้องบูรณะศาลเจ้าโรงเกือกให้อยู่คู่กับพื้นที่ย่านตลาดน้อย
โครงการย่านจีนถิ่นบางกอก จึงเห็นความสำคัญในการเก็บข้อมูลเชิงสถาปัตยกรรมในสภาพปัจจุบันทำเป็นเอกสารข้อมูลเบื้องต้นเพื่อเป็นต้นฉบับ ก่อนบูรณะศาลเจ้าโรงเกือกเพื่อใช้ในการสนับสนุนการะดมทุนของศาลเจ้าและใช้เป็นต้นฉบับในการบูรณะศาลเจ้าฮ้อนหว่องกุงในลำดับต่อไป โดยได้รับการสนับสนุนจาก สถาบันอาศรมศิลป์, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) สมาคมฮากกาแห่งประเทศไทย และวิทยาลัยเทคนิคดุสิต
กิจกรรมในงาน 1. จัดแสดงนิทรรศการภาพ Vernadoc ของศาลเจ้าฮ้องหว่องกุง โดย วิทยาลัยเทคนิคดุสิต : 19-21 เม.ย. 2556 2. 20 เม.ย.56 เวลา 13.30 น.เป็นต้นไป บรรยายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสรุปบทเรียนการทำ Vernadoc ศาลเจ้า 3. 21 เม.ย. 56 เวลา 10.30 น. การบรรยาย เรื่องเล่าตลาดน้อย จากอดีตสู่ปัจจุบัน โดย เจริญ ตันมหาพราน นักวิชาการท่องถิ่น 4. 21 เม.ย. 56 เวลา 13.30 น. เสวนาเวทีชาวบ้าน “ตลาดน้อยกับการพัฒนา”
|
|
|
25
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / จุดโชคลาภในบ้านตามหลักฮวงจุ้ย
|
เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2012, 09:02:42 am
|
จุดโชคลาภในบ้านตามหลักฮวงจุ้ย
 ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.jongha108.com
จุดโชคลาภตามหลัก ฮวงจุ้ย ใน บ้านดูได้ 2 วิธี คือ ดูจากทิศทาง กับดูจากชัยภูมิในบ้าน ซึ่งวิธีหลังนี้จะอยู่ตำแหน่งที่ทแยงมุมกับประตูบ้านนั่นเอง ถ้าประตูบ้านอยู่ตรงกลาง ตำแหน่งโชคลาภก็จะอยู่ มุมทแยงทั้งซ้ายขวา ถ้าประตูอยู่ทางขวา จุดโชคลาภก็จะอยู่ทางซ้ายของมุมบ้าน ส่วนประตูอยู่ทางซ้าย จุด โชคลาภก็อยู่มุมขวา ส่วนวิธีแรกค่อนข้างยุ่งยากเพราะต้องคำนวณการเดินของดาวทั้ง 9 ดวง แต่สรุปได้ ว่าจะพิจารณาจากทิศ หลังบ้านเป็นหลัก คือ บ้านทิศเหนือ จุดโชคลาภอยู่ทางทิศเหนือ จุดสนับสนุนทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือมุมขวาของหน้าบ้าน
บ้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จุดโชคลาภอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จุดสนับสนุนอยู่ทางทิศใต้ หรือมุมซ้ายของหน้าบ้าน บ้านทิศตะวันออก จุดโชคลาภอยู่ทิศตะวันตก หรือตรงกลางของหน้าบ้าน จุดสนับสนุน อยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หรือขวามือหน้าบ้าน บ้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ จุดโชคลาภอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ จุดสนับสนุน อยู่บริเวณหน้าบ้าน บ้านทิศใต้ จุดโชคลาภอยู่ทิศใต้ หรือหน้าบ้าน จุดสนับสนุนอยู่ทิศเหนือ บ้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ จุดโชคลาภอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือหน้าบ้าน จุดโชคลาภอยู่ทิศตะวันออก หรือมุมซ้ายของหลังบ้าน บ้านทิศตะวันตก จุดโชคลาภอยู่ทิศตะวันออก หรือหน้าบ้าน จุดสนับสนุนอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือมุมขวาของหลังบ้าน บ้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จุดโชคลาภอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หรือหลังบ้าน จุดสนับสนุนอยู่ทิศตะวันตก หรือหลังบ้านด้านขวา
|
|
|
28
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ตามปกติแล้วลมหายใจจะไม่มีเฉพาะแต่กับบุคคล ๗ จำพวก
|
เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 11:30:13 am
|
ตามปกติแล้วลมหายใจจะไม่มีเฉพาะแต่กับบุคคล ๗ จำพวกต่อไปนี้คือ
ทารกที่อยู่ภายในท้องของมารดา, คนที่กำลังดำน้ำ, อสัญญีสัตว์พรหม, คนที่ตายแล้ว, ผู้เข้าจตุตถฌาน รูปพรหม, อรูปพรหม ท่านผู้เข้านิโรธสมาบัติ -----------------------------------------------------------------
ดังนั้น ในกรณีของบุคคลทั่วไปนอกเหนือจากนี้ ย่อมมีลมหายใจอยู่เสมอ
เพียงแต่บางครั้งเมื่อจิตและกายสงบระงับ ลมหายใจก็อาจจะละเอียดขึ้นเป็นธรรมดา
เมื่อ สติ สมาธิ ปัญญา ยังมีกำลังไม่พอ ก็ย่อมไม่สามารถตามกำหนดรู้ในลมหายใจที่ละเอียดนั้นได้
จึงรู้สึกเหมือนว่า ลมหายใจนั้นหายไป
ท่านจึงได้กล่าวว่า อาณาปานสตินี้เป็นกรรมฐานที่ต้องใช้ สติและปัญญาอันมีกำลัง
ในช่วงเวลาขณะนั้น ควรตั้งจิต มีสติระลึกกำหนดรู้ในบริเวณที่ลมกระทบนั้น ตั้งมนสิการให้ถูกต้อง
และลมหายใจเข้าและหายใจออกละเอียดนั้นก็จะปรากฏแก่ผู้เจริญภาวนาต่อไป
-----------------------------------------------------------------------------------------------
คำอธิบายในส่วนนี้ โดยละเอียดขอให้ดูได้ที่ link นี้นะครับ
1. อรรถกถา มหาวิภังค์ ปฐมภาค [อุบายเป็นเหตุนำอานาปานัสสติกรรมฐานมา]
หรือ ดูได้ที่
2. วิสุทธิมรรค เล่ม ๒ ภาคสมาธิ ปริเฉทที่ ๘ อนุสสติกัมมัฏฐานนิเทศ หน้าที่ ๖๖ - ๗๐ (ดูตรง วิธีปฏิบัติเพื่อนำคืน)
จากคุณ : ชาวมหาวิหาร ขอบคุณภาพประกอบจาก http://2.bp.blogspot.com
|
|
|
29
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / หลักธรรมของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
|
เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2012, 08:28:24 am
|
 ขอบุคณภาพประกอบจาก http://i.ytimg.comหลักธรรมของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
จิตคิด จิตเกิด. จิตไม่คิด จิตไม่เกิด จิตคิด จิตถูกทำลาย. จิตไม่คิด จิตไม่ถูกทำลาย จิตปรุงแต่ง จิตถูกทำลาย. จิตไม่ปรุงแต่ง จิตไม่ถูกทำลาย จิตแสวงหา จิตถูกทำลาย. จิตไม่แสวงหา จิตไม่ถูกทำลาย จิตปรารถนา จิตถูกทำลาย. จิตไม่มีความกำหนัด จิตไม่ถูกทำลาย ทิ้งหมด รู้หมด. ทิ้งหมด ได้หมด ไม่ทิ้งเลย ไม่รู้เลย. ไม่ทิ้งเลย ไม่ได้เลย ทรงจิตเข้ามรรคจิต. แล้วจิตพิจารณาจิต รู้ธรรมในจิต. แล้วถนอมมรรคจิต จงทำให้ชำนิชำนาญ จิตอบรมจิตรู้ธรรมภายในจิต. แล้วอบรมธรรมในธรรมภายในจิต ผู้รู้ไม่คิด ผู้คิดยังไม่รู้. รู้แล้วไม่ต้องคิดก็เกิดปัญญา เอาธรรมมาอบรมธรรม. รู้ธรรมในธรรม เอาธรรมชาติมาปฏิบัติธรรมชาติ ให้รู้ธรรมชาติในธรรมชาติ เอาธาตุมาปฏิบัติธาตุ ให้รู้ธาตุในธาตุ เอาธรรมอบรมในธรรม เอาจิตอบรมจิต ให้รู้ธรรมภายในจิต รู้แล้วละวาง ปล่อยทิ้ง และไม่อาลัย และไม่ยึดมั่นธรรมต่างๆ ธรรมที่เกิดขึ้นภายในจิต ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว บาปบุญเปรียบเหมือนมายา เกิดขึ้นแล้วดับ ปล่อยทิ้งทั้งสอง มีแต่ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน สิ้นแห่งความรู้ หุบปากเงียบ อิ่มในธรรม ธรรมเติมธรรม ไม่มีธรรมนั่นคือธรรม
จากหนังสือ หลวงปู่ฝากไว้
จากคุณ : January Friend
|
|
|
31
|
เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / Re: RSS คืออะไร?
|
เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 02:32:28 pm
|
วิธีการใช้งาน RSS FEED เบื้องต้น สำหรับสมาชิกเว็บบอร์ดทุกท่าน ก็คงจะสังเกตุเห็นสัญญลักษณ์ของ RSS FEED อยู่ที่ด้านล่างของเว็บบอร์ดของตัวเองแล้ว คราวนี้เราก็มาว่ากันเรื่องของการใช้งานกันเลย ก่อนอื่นมาอธิบายกันก่อนครับ ว่าอัพเดตกระทู้ อัพเดตความคิดเห็นนั้น มันต่างกันอย่างไร อัพเดตกระทู้ คือ RSS FEED ที่จะดึงกระทู้อัพเดตล่าสุดของเว็บบอร์ดมาแสดงผล อัพเดตความคิดเห็น คือ RSS FEED ที่จะดึงกระทู้ที่มีการแสดงผลล่าสุดมาแสดงผล ตอนนี้ก็พอจะเข้าใจแล้วว่ามันคืออะไร ต่อไปเรามาดูสิ่งที่เราต้องมีในการใช้งานกันเลย การใช้งาน RSS FEED นั้น เราจะต้องมี Browser ที่สนัยสนุนการอ่าน RSS FEED ได้แก่ Internet Exploler และ Firefox เป็นต้น ให้คลิกที่ URL ของ RSS FEED เพื่อแสดงผล ยกตัวอย่างเว็บบอร์ดของผมก็จะเป็น http://www.ichat.in.th/feed/board/topic --> สำหรับกกระทู้อัพเดต http://www.ichat.in.th/feed/board/comment --> สำหรับคอมเม้นอัพเดต โปรดทราบว่า การแสดงผลของ Browser แต่ละประเภทจะแตกต่างกันออกไป เช่น Internet Explorer 8 Firefox 3.6.8 ในกรณีที่เป็น Internet Exploler ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี่ ถ้าอยากอ่านหัวข้อไหน ก็สามารถคลิกเข้าไปอ่านได้ทันทีครับ ถ้าเป็น Firefox ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพียงแค่นี้เราก็จะได้ RSS FEED ไว้ใช้งาน และทันต่อข่าวสารการอัพเดต โดยที่ไม่ต้องเข้าเว็บเลยครับ Note : สังเหตุนิดนึงนะครับ ในส่วนที่หลังจากคลิก เพื่อให้โชว์กระทู้ หรืออัพเดตต่าง ๆ นั้น จะมีรูป icon อยู่ข้างหน้า 2 แบบ ถ้าเป็นแบบ รูปสี่นำเงิน ๆ แสดงว่าเราเปิดอ่านแล้ว แต่ถ้าเป็น icon สี่เหลี่ยมผืนผ้า มีลาย ๆ แสดงว่ายังไม่ได้อ่านนั่นเองครับ ลองเอาไปใช้งานกันนะครับ คิดว่ามีประโยชน์มากจริง ๆ ครับ คราวหน้า จะมาอัพเดตการใช้งานแบบอื่น ๆ ให้อีกครับ ขอบคุณข้อความจาก เว็บนี้คะ ไปอ่านต่อเอาเองนะคะ http://www.ichat.in.th/serviceweb/topic-readid3312-page1
|
|
|
33
|
เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / Re: RSS คืออะไร?
|
เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 02:15:33 pm
|
RSS ย่อมาจากคำว่า Really Simple Syndication หรือ Rich Site Summary เป็นรูปแบบในการนำเสนอข่าวหรือบทความ ให้อยู่ในรูปแบบมาตราฐาน xml เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารใหม่ๆได้ทันที
พอจะเข้าใจใหมครับ ถ้าไม่เข้าใจ ไม่เป็นไร ผมจะอธิบายต่ออีกที ว่า RSS คืออะไร ครับ
ในความคิด และเท่าที่ผมเองก็ได้สัมผัสมานะครับ และเป็นการอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ RSS คือ การดึงข่าว หรือ ข้อมูล หรือบางอย่าง ที่ทางผู้พัฒนา (ต้นฉบับ) เค้าเปลี่ยนแปลง โดยที่ ทางเรา(ผู้เสนอ หรือ แสดง) ก็เปลี่ยนในทันทีโดยอัตโนมัต เช่น ผม ทำเว็บ RSS-A(ชื่อสมมุติ) ซึ่ง ในเว็บมีบริการ RSS ด้วย แล้วเพื่อนผม เค้าทำเว็บ RSS-B เค้าก็มาเอา RSS จากเว็บผมไปใช้ ในเว็บตัวเอง และเมื่อผม Update เนื้อหา RSS ในเว็บผม ในส่วนของ RSS ที่เว็บเพื่อนผม ก็จะถูก Update ไปด้วยในทันที โดยที่เพื่อนผมไม่ต้องทำอะไรเลย แค่เอามาติดครั้งแรก แล้วก็จบเลย ที่เหลือ รอให้ผม หรือเว็บ RSS-A เป็นคนเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในส่วน RSS ต่อไปนั้นเอง
copy เขามานะคะ จำไม่ได้เว็บไหน แล้ว ขออภัยหากใครเป็นเจ้าของข้อความ ก็ขอโทษไว้ล่วงหน้า และแสดงตัวเพื่อใส่ ลิงก์ให้นะคะ
|
|
|
36
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงพ่อสด ศึกษาขึ้นกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ด้วยนะคะ
|
เมื่อ: ตุลาคม 22, 2012, 10:43:46 am
|
หลวงพ่อสด ศึกษาขึ้นกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ด้วยนะคะ
 เรื่องการศึกษา เมื่อท่านเล่าเรียนศึกษาอยู่สำนักวัดพระเชตุพนฯ นั้น ท่านได้เรียนมูลกัจจายะนะถึงสามจบ พระธรรมบท ๘ ภาค และพระคัมภีร์มังคลัตถทีปนี กับสารสงเคราะห์แต่ไม่ทันจบ แปลออกพอสมควรแล้วท่านได้เข้าสอบสนามหลวงหนึ่งครั้งก็บังเอิญตก ท่านก็ไม่สอบอีกต่อไป ท่านเล่าว่าถ้าสอบเป็นเปรียญได้แล้ว จะถูกทางคณะสงฆ์ใช้งานจะเสียการศึกษาด้านวิปัสสนาธุระ เพราะเมื่อขณะท่านเรียนหนังสืออยู่นั้น
ท่านได้ปฏิบัติตามแบบพระอาจารย์โหน่งตลอดมา วันใดหยุดการเล่าเรียนคันถธุระ ท่านมักจะแสวงหาความรู้ในด้านวิปัสสนาธุระจากพระอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในด้าน วิปัสสนาในสำนักต่าง ๆ ทำคู่กันไปด้วย
ปรากฏว่าท่านได้ไปศึกษากับท่านเจ้าคุณสังวรานุวงศ์เถร (เอี่ยม) วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) เป็นครั้งที่สาม
และท่านได้ศึกษาจากท่านพระครูฌาณภิรัติ ในวัดพระเชตุพนฯ นั้นอีก ทำเป็นครั้งที่สี่
และครั้งที่ห้าท่านได้ไปศึกษาในสำนักของพระอาจารย์สิงห์วัดละครทำหลังวัด ระฆังโฆสิตาราม
ท่านเคยเล่าว่า ท่านได้ดวงใสประมาณเท่าฟองไข่แดงของไก่ติดอยู่ศูนย์กลางกายของท่านเป็นอัน ได้ผลตามแบบของพระอาจารย์สิงห์ ท่านรับรองว่าได้ตามแบบของท่านแล้ว และมอบให้ท่านเป็นอาจารย์สอนคนอื่นต่อไปได้ ท่านเห็นว่า ธรรมที่ได้มานี้ไม่เป็นที่พอใจ ท่านว่ามีความรู้แค่หางอึ่งเท่านี้ จะสอนเขาได้อย่างไร ท่านจึงไม่ยอมสอนใคร ต่อมาว่างการศึกษาคันถธุระ ท่านเห็นว่าเวลาสมควร ท่านปรารถนาออกเดินธุดงค์ ท่านได้ให้คุณป้าดา สีกาพี่ของท่านสร้างกลดถวาย ผู้อื่นจะสร้างถวายก็ไม่เอา ชรอยว่าท่านจะสงเคราะห์สีกาพี่ผู้มีอุปการคุณ เมื่อได้กลดสมความประสงค์แล้ว พระคุณท่านได้ออกธุดงค์ การธุดงค์มีเวลาประมาณเท่าใดท่านเองก็จำไม่ได้ ครั้นกลับจากธุดงค์แล้ว ก็เอากลดถวายพระภิกษุองค์อื่นไป ต่อมาพระคุณท่านปรารถนาจะธุดงค์อีกเป็นครั้งที่สอง ก็ได้ให้คุณป้าดาสร้างกลดถวายอีก ในครั้งหลังนี้ปรากฏว่าได้เดินทางไปถึงสุพรรณบุรี ปักกลดที่วัดร้าง ข้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ท่านได้เห็นเด็กนำวัวเข้าไปในบริเวณนั้น ท่านจึงกล่าวห้ามว่า อย่าปล่อยให้วัวเดินเหยียบย่ำพระซึ่งอยู่ใต้พื้นดิน จะมีบาปมาก บรรดาเด็กและคนเลี้ยงวัวทั้งหลาย ไม่เชื่อว่าจะมีพระอยู่ใต้แผ่นดิน ถึงกับมีการประณามท่านต่าง ๆ ในที่สุดท่านได้บอกให้เขาลองขุุดดูก็ได้พระพุทธรูปขึ้นมาหลายองค์ นับว่าเป็นมหัศจรรย์อันหนึ่งที่ท่านสามารถทราบได้ นั่นแหละจึงเป็นที่เชื่อถือของบุคคลเหล่านั้น ต่อมาท่านกลับมายังวัดพระเชตุพนฯ ดังเดิม
ขอขอบคุณที่มาเนื้อหาจากเว็บ http://khunsamatha.com/blog/dhammakaya-C6.htmlจะสังเกตุได้ว่า ครูอาจารย์ที่ปรากฏนั้นป็นศิษย์วัดพลับ ( วัดราชสิทธาราม ) ทั้งหมดเลย
|
|
|
37
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงพ่อสด ศึกษาขึ้นกรรมฐาน มัช มูลกัจจายน์
|
เมื่อ: ตุลาคม 22, 2012, 10:39:30 am
|
เรื่องการศึกษา
เมื่อท่านเล่าเรียนศึกษาอยู่สำนักวัดพระเชตุพนฯ นั้น ท่านได้เรียนมูลกัจจายะนะถึงสามจบ พระธรรมบท ๘ ภาค และพระคัมภีร์มังคลัตถทีปนี กับสารสงเคราะห์แต่ไม่ทันจบ แปลออกพอสมควรแล้วท่านได้เข้าสอบสนามหลวงหนึ่งครั้งก็บังเอิญตก ท่านก็ไม่สอบอีกต่อไป ท่านเล่าว่าถ้าสอบเป็นเปรียญได้แล้ว จะถูกทางคณะสงฆ์ใช้งานจะเสียการศึกษาด้านวิปัสสนาธุระ เพราะเมื่อขณะท่านเรียนหนังสืออยู่นั้น ท่านได้ปฏิบัติตามแบบพระอาจารย์โหน่งตลอดมา วันใดหยุดการเล่าเรียนคันถธุระ ท่านมักจะแสวงหาความรู้ในด้านวิปัสสนาธุระจากพระอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในด้าน วิปัสสนาในสำนักต่าง ๆ ทำคู่กันไปด้วย ปรากฏว่าท่านได้ไปศึกษากับท่านเจ้าคุณสังวรานุวงศ์เถร (เอี่ยม) วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) เป็นครั้งที่สามและท่านได้ศึกษาจากท่านพระครูฌาณภิรัติ ในวัดพระเชตุพนฯ นั้นอีก ทำเป็นครั้งที่สี่ และครั้งที่ห้าท่านได้ไปศึกษาในสำนักของพระอาจารย์สิงห์วัดละครทำหลังวัด ระฆังโฆสิตาราม ท่านเคยเล่าว่า ท่านได้ดวงใสประมาณเท่าฟองไข่แดงของไก่ติดอยู่ศูนย์กลางกายของท่านเป็นอัน ได้ผลตามแบบของพระอาจารย์สิงห์ ท่านรับรองว่าได้ตามแบบของท่านแล้ว และมอบให้ท่านเป็นอาจารย์สอนคนอื่นต่อไปได้ ท่านเห็นว่า ธรรมที่ได้มานี้ไม่เป็นที่พอใจ ท่านว่ามีความรู้แค่หางอึ่งเท่านี้ จะสอนเขาได้อย่างไร ท่านจึงไม่ยอมสอนใคร ต่อมาว่างการศึกษาคันถธุระ ท่านเห็นว่าเวลาสมควร ท่านปรารถนาออกเดินธุดงค์ ท่านได้ให้คุณป้าดา สีกาพี่ของท่านสร้างกลดถวาย ผู้อื่นจะสร้างถวายก็ไม่เอา ชรอยว่าท่านจะสงเคราะห์สีกาพี่ผู้มีอุปการคุณ เมื่อได้กลดสมความประสงค์แล้ว พระคุณท่านได้ออกธุดงค์ การธุดงค์มีเวลาประมาณเท่าใดท่านเองก็จำไม่ได้ ครั้นกลับจากธุดงค์แล้ว ก็เอากลดถวายพระภิกษุองค์อื่นไป ต่อมาพระคุณท่านปรารถนาจะธุดงค์อีกเป็นครั้งที่สอง ก็ได้ให้คุณป้าดาสร้างกลดถวายอีก ในครั้งหลังนี้ปรากฏว่าได้เดินทางไปถึงสุพรรณบุรี ปักกลดที่วัดร้าง ข้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ท่านได้เห็นเด็กนำวัวเข้าไปในบริเวณนั้น ท่านจึงกล่าวห้ามว่า อย่าปล่อยให้วัวเดินเหยียบย่ำพระซึ่งอยู่ใต้พื้นดิน จะมีบาปมาก บรรดาเด็กและคนเลี้ยงวัวทั้งหลาย ไม่เชื่อว่าจะมีพระอยู่ใต้แผ่นดิน ถึงกับมีการประณามท่านต่าง ๆ ในที่สุดท่านได้บอกให้เขาลองขุุดดูก็ได้พระพุทธรูปขึ้นมาหลายองค์ นับว่าเป็นมหัศจรรย์อันหนึ่งที่ท่านสามารถทราบได้ นั่นแหละจึงเป็นที่เชื่อถือของบุคคลเหล่านั้น ต่อมาท่านกลับมายังวัดพระเชตุพนฯ ดังเดิม
|
|
|
|