. รู้จัก “แรร์เอิร์ธ” หมากสำคัญเกมการเมืองโลก หลัง "ไทย-สหรัฐฯ" เซ็น MOU รู้จัก “แรร์เอิร์ธ” แร่หายากที่ถูกใช้เป็นหมากสำคัญในเกมการเมืองโลก ที่ล่าสุดไทยและสหรัฐฯ ได้ร่วมลงนาม MOU ขยายห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญ-ส่งเสริมการลงทุน
เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังการลงนามถ้อยแถลงเพื่อนำไปสู่สันติภาพไทย-กัมพูชา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้ร่วมลงนาม MOU แร่แรร์เอิร์ธ ซึ่งมีชื่อเต็มว่า “บันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลก และการส่งเสริมการลงทุน”
MOU ฉบับดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาและขยายห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญ ส่งเสริมการค้าและการลงทุนในด้านการสำรวจ การสกัด การแปรรูป การกลั่น การรีไซเคิล และการนำกลับมาใช้ประโยชน์ของแร่ธาตุสำคัญ (อ่าน : เผยรายละเอียดฉบับเต็ม MOU ไทย-สหรัฐฯ "กระจายแร่ธาตุสำคัญ-ส่งเสริมการลงทุน”)
@@@@@@@
“แรร์เอิร์ธ” คืออะไร.?
แรร์เอิร์ธ หรือ แร่หายาก (Rare Earth Elements : REEs) คือกลุ่มโลหะ 17 ชนิด ประกอบด้วย ธาตุในหมู่แลนทาไนด์ (Lanthanides) จำนวน 15 ธาตุ คือ แลนทานัม (La), ซีเรียม (Ce), เพรซีโอดิเมียม (Pr), นีโอดิเมียม (Nd), โพรมีเทียม (Pm), ซาแมเรียม (Sm), ยูโรเพียม (Eu), แกโดลิเนียม (Gd), เทอร์เบียม (Tb), ดิสโพรเซียม (Dy), โฮลเมียม (Ho), เออร์เบียม (Er), ทูเลียม (Tm), อิตเตอร์เบียม (Yb), และ ลูทีเชียม (Lu) และธาตุในหมู่โลหะทรานซิชัน 2 ธาตุ คือ สแกนเดียม (Sc) และ อิตเทรียม (Y)
แม้จะถูกเรียกว่า “แร่หายาก” แต่แท้จริงแล้ว แรร์เอิร์ธสามารถพบได้ในเนื้อหินเกือบทุกชนิดที่เป็นส่วนประกอบของเปลือกโลก แต่หาในรูปแบบบริสุทธิ์ได้ยากมาก ต้องมีกระบวนการขุดและกลั่นหลายขั้นตอน ใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและต้นทุนสูง อีกทั้งในกระบวนการเหล่านี้ยังสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมสูง ทำให้หลายประเทศไม่ต้องการที่จะผลิตแร่เหล่านี้เอง “แรร์เอิร์ธ” ใช้ทำอะไร.?
แรร์เอิร์ธ เป็นวัตถุดิบต้นน้ำที่มีความสำคัญมากในการผลิตอุตสาหกรรมไฮเทค ตั้งแต่สมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีการแพทย์ ไปจนถึงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และเทคโนโลยีอวกาศ
แรร์เอิร์ธ ถูกใช้ในการผลิตโลหะผสม (metal alloy) ตัวเร่งปฏิกิริยาในอุตสาหกรรมยานยนต์และปิโตรเคมี (catalyst&chemical process) อุตสาหกรรมเซรามิก/แก้ว (ceramics&glass) สารเรืองแสง (phosphors) เช่น หลอดแอลอีดี, หลอดฟลูออเรสเซนต์, การแสดงผลจอแบน, เลเซอร์ แบตเตอรี่โซลิดสเตตแบบชาร์จไฟได้ (Ni-MH) ไฟเบอร์ออปติก และอื่น ๆ
เป็นองค์ประกอบสำคัญในเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่าง ๆ เช่น เซลล์เชื้อเพลิงโซลิดสเตต (solid state fuel) ตัวนำยิ่งยวด (superconductors) การระบายความร้อนด้วยแม่เหล็ก (magnetic cooling) การกักเก็บไฮโดรเจน (hydrogen storage)
แม่เหล็กถาวรประสิทธิภาพสูง (high performance permanent magnets) ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากสำหรับเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น กังหันลม (wind turbines) รถยนต์ไฮบริด (hybrid cars) ไปจนถึงไดรฟ์บันทึกข้อมูล (HD drives) ลำโพง และไมโครโฟนโทรศัพท์มือถือ
@@@@@@@
แรร์เอิร์ธไทย อยู่ตรงไหนของโลก.?
แหล่งแร่แรร์เอิร์ธในไทย พบกระจายตัวทางด้านตะวันตกของประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคใต้ เช่น จังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ อุทัยธานี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และสุราษฎร์ธานี
สำหรับในระดับโลก “ประเทศจีน” ถือเป็นเจ้าตลาดแรร์เอิร์ธในระดับ เกือบผูกขาด (near monopoly) โดยองค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ประเมินว่า จีนครองสัดส่วนการผลิตแรร์เอิร์ธราว 61% ของทั้งโลก และ 92% ของการแปรรูป
ข้อมูลจาก สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) ระบุว่า ในปี 2024 มีการผลิตแร่แรร์เอิร์ธราว 390,000 ตัน REO (Tons of Rare Earth Oxides) ดังนี้
อันดับประเทศผลิตแรร์เอิร์ธ (Mine production) ปี 2024
1.จีน 270,000 ตัน REO 2. สหรัฐฯ 45,000 ตัน REO 3. เมียนมา 31,000 ตัน REO 4. ไทย, ออสเตรเลีย, ไนจีเรีย เท่ากันที่ 13,000 ตัน REO 5. อินเดีย 2,900 ตัน REO
ขณะที่ปริมาณแร่แรร์เอิร์ธสำรองของทั้งโลก อยู่ที่มากกว่า 90 ล้านตัน REO โดยประเทศไทยอยู่อันดับ 12 ที่ 4,500 ตัน REO ขณะที่ 5 อันดับแรกคือ
1. จีน 44,000,000 ตัน REO 2. บราซิล 21,000,000 ตัน REO 3. อินเดีย 6,900,000 ตัน REO 4. ออสเตรเลีย 5,700,000 ตัน REO 5. รัสเซีย 3,800,000 ตัน REO “แรร์เอิร์ธ” หนึ่งในไพ่ตายของจีน
เนื่องจากจีนเป็นเจ้าตลาด ทำให้ควบคุมห่วงโซ่อุปทานแรร์เอิร์ธได้ มีอำนาจตัดสินใจว่าจะส่งหรือไม่ส่งแร่ให้บริษัทไหน และใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการค้าที่สำคัญ โดยเฉพาะกับอีกชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ที่ในการนำเข้าแรร์เอิร์ธในช่วงปี 2020-2023 กว่า 70% มาจากประเทศจีน
สหรัฐฯ และชาติอื่นๆ มีความพยายามจะกระจายการนำเข้าแรร์เอิร์ธจากประเทศอื่นๆ มากขึ้น โดยในปี 2024 สหภาพยุโรป (EU) ได้ออกกฎหมายวัตถุดิบที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของสหภาพยุโรป (Critical Raw Materials Act) กำหนดเป้าหมายลดการพึ่งพาการนำเข้า สำหรับการสกัด, การแปรรูป และการรีไซเคิลแร่ธาตุภายในปี 2030 เน้นการรีไซเคิลแร่หายากที่มีอยู่แล้วในยุโรป และกระจายการนำเข้าไปยังประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล ออสเตรเลีย
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน พ.ค. 2568 ประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้ลงนามในข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Economic Partnership Agreement) กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้สหรัฐฯ เข้าถึงแร่แรร์เอิร์ธของยูเครน แลกกับการที่สหรัฐฯ จะคุ้มครองความมั่นคงในสงคราม
ล่าสุดเมื่อ 20 ต.ค. 2568 ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังได้ลงนามข้อตกลงเรื่องแร่แรร์เอิร์ธและแร่ธาตุสำคัญ กับนายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกฯ ออสเตรเลีย หลังเมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ประเทศจีนเริ่มออกมาตรการจำกัดการส่งออกแรร์เอิร์ธ ก่อนมาถึงการลงนามระหว่างสหรัฐฯ และประเทศไทยในการประชุมอาเซียนครั้งนี้อ้างอิง : usgs, bbc, investingnews, กรมทรัพยากรธรณี บทความโดย ทีมข่าวเฉพาะกิจ | ไทยรัฐออนไลน์ Thank to : https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/289166427 ต.ค. 2568 ,16:15 น. | สกู๊ปไทยรัฐ > THE ISSUE > ไทยรัฐออนไลน์
|