ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10
 11 
 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2025, 08:34:04 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.

น้ำท่วมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ่ายจากด้านถนนราชดำเนินหน้าอาคารสี่แยกคอกวัว เมื่อ 12 ตุลาคม 2485 (ภาพจากหนังสือ บทประพันธ์นิราศน้ำท่วม กับลิลิตพระบรมอัฐิ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและอื่นๆ


“น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง” คารมจอมพล ป. ที่ครูไพบูลย์ใช้แต่งเพลง “น้ำท่วม” จนดังระเบิด



 :49: :49: :49:

“น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง” คารมจอมพล ป. ที่ครูไพบูลย์ใช้แต่งเพลง “น้ำท่วม” จนดังระเบิด

ทุกครั้งที่เกิด “น้ำท่วม” ขึ้นในประเทศไทย เพลงดังที่สถานีวิทยุและโทรทัศน์ “ต้อง” ใช้เป็นเพลงประกอบเสมอก็คือ “เพลงน้ำท่วม” ที่ร้องว่า “น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง” ซึ่งเป็นเพลงที่ ครูไพบูลย์ บุตรขัน เป็นผู้แต่ง

เนื้อเพลงตอนต้นที่ร้องว่า “น้ำท่วม น้องว่าดีกว่าฝนแล้ง” นั้น ครูไพบูลย์ บุตรขัน (4 กันยายน 2461 – 29 สิงหาคม 2515) นำมาจากเหตุการณ์จริงเมื่อน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ ปี 2485 จนบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าสามารถใช้เป็นที่แข่งเรือได้

จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในเวลานั้นจึงพูดแก้เกี้ยวว่า “น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง”



ครูไพบูลย์ บุตรขัน และคนในครอบครัว (ภาพจาก ราชานักแต่งเพลงลูกทุ่งไทย ไพบูลย์ บุตรขัน)


น้ำท่วมปี 2485 สร้างความเดือดร้อนไปทั่วพระนคร พระยาอรรถศาสตร์โสภณ (สว่าง จุลวิธูร) บันทึกเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเขียนกลอนสุภาพ ชื่อ “นิราศน้ำท่วม” ดังความความตอนหนึ่งว่า

สนามหลวง เหมือนทะเล สาบน้อยๆ   

ถาวรวัตถุ เหมือนลอย อยู่กลางหาว

มีละลอก คลื่นซัด สะบัดวาว   

มองดูขาว เป็นน้ำหมด จดสะพาน

เชิงสะพาน ผ่านฟ้า ทั้งสองข้าง   

น้ำสล้าง ท่วมสิ้น ทุกถิ่นฐาน

เรือใหญ่น้อย พายแจว แถวอาคาร   

คล้ายกับบ้าน ริมคลอง มองไม่วาง

……………..

ราชดำเนิน นอกลางใน ใช่หนองคลอง

แต่ก็นอง ไปด้วยน้ำ เกิดทำเข็ญ

พระบรม รูปทรงม้า ถ้าจะเย็น

เพราะดูเด่น อยู่ในน้ำ หน้าอนันต์



น้ำท่วมปี 2485 บริเวณ ลานพระบรมรูปทรงม้า จนประชาชนนำเรือมาใช้แทน (ภาพจาก หนังสือบทประพันธ์นิราศน้ำท่วม กับลิลิตพระบรมอัฐิ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและอื่นๆ)


ส่วนพื้นที่น้ำท่วมได้แก่ พื้นที่ริมน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง, เชิงสะพานพุทธ, กระทรวงสาธารณสุข (เดิมที่อยู่เทเวศร์), บ้านหม้อ, เจริญกรุง, เฉลิมกรุง, โรงพยาบาลกลาง, ถนนวรจักร, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ลานพระบรมรูปทรงม้า, สนามหลวง, กระทรวงมหาดไทย, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, นางเลิ้ง, ถนนราชดำเนิน, อุณากรรณ, ถนนเพชรบุรี ฯลฯ

เมื่อพิจารณาพื้นที่น้ำท่วมก็จะเห็นว่ากินบริเวณกว้าง ระยะเวลาที่น้ำท่วมประมาณ 35 วัน (ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน ถึงวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2485) ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องสำคัญอย่างอาหารการกิน ดังที่มีการบันทึกในนิราศตอนหนึ่งว่า “ของสดสด ปลาผัก ชักแพงมาก ทั้งก็ยาก ที่จะใฝ่ ไปซื้อหา”

จอมพล ป. จึงสั่งให้ทางการชักชวนประชาชน “เพาะถั่วงอก” โดยเริ่มจากเพื่อรับประทานในครอบครัว เพราะถั่วงอกไม่ต้องอาศัยพื้นดินซึ่งนับว่าเหมาะกับสถานการณ์น้ำท่วมอย่างยิ่ง

“น้ำท่วม ดีกว่าฝนแล้ง” ที่จอมพล ป. กล่าวนั้น คงต้องการให้กำลังใจประชาชน เจ้าหน้าที่ รวมทั้งตนเอง

@@@@@@@

กลับมาที่เพลง “น้ำท่วม” ของครูไพบูลย์ นอกจากคำพูดของจอมพล ป. แล้ว ครูไพบูลย์ยังรวมเอาประสบการณ์จริงของศรคีรี ศรีประจวบ ผู้ขับร้องเพลงดังกล่าวมาผนวกเข้าไปในเนื้อเพลงอีกด้วย

ศรคีรี ศรีประจวบ ชื่อจริงว่า “สงอม ทองประสงค์” ชื่อเล่นว่า “น้อย” ส่วนชื่อ “ศรคีรี ศรีประจวบ” นั้นนายประหยัด สมานมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ขณะนั้นเป็นผู้ตั้งให้ ศรคีรีพื้นเพครอบครัวเป็นคนอำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม

ภายหลังเขาได้ย้ายมาอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำไร่สับปะรด ก่อนเข้าวงการเมื่อประมาณปี 2511-2512 อายุประมาณ 31-32 ปี เมื่อศรคีรีฝากตัวเป็นศิษย์ครูไพบูลย์ ได้เล่าประสบการณ์ของตนเองที่ต้องเผชิญกับน้ำท่วมไร่สับปะรดที่ประจวบเสียหายให้ครูไพบูลย์ฟัง

ครูเพลงอัจฉริยะก็แต่งเป็นเพลง “น้ำท่วม” ที่ขึ้นต้นด้วยคำพูดของผู้นำประเทศ และเรื่องราวประสบการณ์ของผู้ร้องไว้ในเพลงเดียวกัน จนทำให้ชื่อของศรคีรีเป็นที่รู้จักของแฟนเพลง และเพลงก็ดังระเบิดจนถึงทุกวันนี้

@@@@@@@

เพลงน้ำท่วม

น้ำท่วม น้องว่าดีกว่าฝนแล้ง

พี่ว่าน้ำแห้ง ให้ฝนแล้งเสียยังดีกว่า

น้ำท่วมปีนี้ทุกบ้านล้วนมีแต่คราบน้ำตา         

พี่หนีน้ำขึ้นบนหลังคา น้ำตาไหลคลอสายชล

น้ำท่วม ใต้ฝุ่นกระหน่ำซ้ำสอง             

เสียงพายุก้อง เหมือนเสียงของมัจจุราชบ่น

น้ำท่วมที่ไหน ก็ต้องเสียใจด้วยกันทุกคน         

เพราะต้องพบกับความยากจน เหมือนคนหมดเนื้อสิ้นตัว

บ้านพี่ ก็ถูกน้ำท่วมเหมือนกัน             

ที่ประจวบคีรีขันธ์ เหมือนกันไปทุกครอบครัว

ผืนนาก็ล่ม ไร่แตงก็จมเสียหายไปทั่ว             

พี่จึงเหมือนคนหมดตัว หมดตัวแล้วนะแก้วตา

น้ำท่วม พี่ต้องผิดหวังชอกช้ำ               

พี่คิดเช้าค่ำ ปล่อยให้น้ำท่วมตายดีกว่า

น้องอยู่บ้านดอน ช่างไม่อาทรถึงพี่สักครา       

ไม่มาช่วยพี่ซับน้ำตา ไม่มามองพี่บ้างเลย


อ่านเพิ่มเติม :-

    • กำเนิด “เพลงค่าน้ำนม” ครูไพบูลย์แต่งให้แม่ที่ดูแล ไม่รังเกียจโรคร้ายของลูก
    • “กลิ่นโคลนสาบควาย” เพลงดังขายดีที่สุดแห่งยุค โดนใครสั่ง “แบน” ?






ขอขอบคุณ :-
ผู้เขียน : เสมียนนารี
เผยแพร่ : วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2568
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 3 สิงหาคม 2562
website : https://www.silpa-mag.com/history/article_38197

อ้างอิง :-
- พระยาอรรถศาสตร์ไพศาลโสภณ (สว่าง จุลวิธูร). บทประพันธ์นิราศน้ำท่วม กับลิลิตพระบรมอัฐิ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและอื่นๆ , พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ อำมาตรย์เอก พระยาอรรถศาสตร์ไพศาลโสภณ (สว่าง จุลวิธูร) ณ วัดมกุฏกษัตริยาราม วันที่ 12 กรกฎาคม 2501, โรงพิมพ์อักษรประเสริฐ
- วัฒน์ วรรลยางกูร.คีตกวีลูกทุ่ง ไพบูลย์ บุตรขัน, พิมพ์ครั้งที่ 4, สำนักพิมพ์ฟรีฟอร์ม มิถุนายน 2555

 12 
 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2025, 06:37:43 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.

พระยม (ภาพ : Wikimedia Commons)


“พระยม” เทพประจำทิศทักษิณ เจ้าแห่งนรกและความตาย ผู้ทรง “กระบือ” เป็นพาหนะ



 :25: :25: :25:

“พระยม” เทพประจำทิศทักษิณ เจ้าแห่งนรกและความตาย ผู้ทรง “กระบือ” เป็นพาหนะ

พระยม (Yama) เทพประจำทิศ “ทักษิณ” (ทิศใต้) เป็นที่รู้จักในหลายพระนาม ทั้งพญายม พระยมราช มัจจุราช และธรรมเทพ

พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 อธิบายความหมายของ “ยม” ว่า “เทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ประจำโลกของคนตาย” และอธิบายความหมายของ “มัจจุราช” ไว้ว่า “เจ้าแห่งความตาย คือ พญายม”

ส่วนคำว่า “ยมทูต” หมายถึง “ผู้นำคนตายไปยังบัลลังก์พระยมเพื่อรอคำตัดสิน” ว่าง่าย ๆ คือเป็นบริวารของพระยมนั่นเอง

ในคติพราหมณ์-ฮินดู พระยมเป็นหนึ่งในเทพประจำทิศทั้ง 8 ซึ่งจะต่างจากพุทธศาสนาที่มีท้าวมหาราชทั้ง 4 หรือจตุโลกบาล โดยทิศใต้มีท้าววิรุฬหกเป็นผู้ปกครอง ขณะที่ฝ่ายฮินดูเป็นพระยม ทั้งนี้ พระยมเป็น “เทพแห่งความตาย” และ “เจ้าแห่งนรก” ดำรงอยู่ฐานะผู้ตัดสินคดีคนที่สิ้นชีพไปแล้ว



พระยม (ภาพ : Wikimedia Commons)


ตำนานประวัติของพระยมมีหลายกระแส บ้างว่าเป็นกษัตริย์ครองเมืองเวศาลี ผู้ตั้งจิตอธิษฐานอย่างแน่วแน่ว่า หากตายแล้วขอไปจุติเป็นเจ้าแห่งนรกภูมิ ปรากฏว่าสิ้นชีพแล้วได้เป็นพระยมเจ้าแห่งนรกจริงอย่างที่ตั้งใจไว้ ทั้งมีข้าทาสบริวารแวดล้อมในแดนนรกเป็นจำนวนมาก

อีกตำนานระบุว่า พระยมเป็นโอรสของพระวิวัสวัต หรือสุริยาทิตย์ (พระอาทิตย์) กับพระนางสัญญา (บางเอกสารเรียกว่านางศรันยา) มีฝาแฝดนามว่า ยมุนา

พระยมครองเมืองยมปุระ (ยมโลก) ซึ่งอยู่ขอบจักรวาลด้านทิศทักษิณ เป็นเทพเจ้าผู้มีรูปร่างใหญ่โต มี 4 กร พระพักตร์ดุร้าย ผิวพรรณเลื่อมประภัสสรเหมือนแก้ว พระวรกายสีดำ บางตำราว่ามีพระวรกายสีเขียวเข้ม ทรงพระภูษาสีแดง ทรงถือยมทัณฑ์ (คทาใหญ่) ชื่อ “กาลทัณฑ์” และยมบาส (บ่วงบาศ) เป็นเชือกสำหรับมัดจับสัตว์บาปทั้งหลาย มีชายา 13 นาง ทั้งหมดเป็นธิดาของพระทักษะประชาบดี

พระยมมีกระบือเป็นพาหนะ นามว่า “ทุณพี” พร้อมสัตว์เลี้ยงเป็นสุนัข 2 ตัวชื่อ “สามะ” (ดำ) และ “สวละ” (ด่าง) เป็นสุนัข 4 ตา รูจมูกกว้างผิดแผกไปจากสุนัขทั่วไป มีบริวารคือ “ยมทูต” ทำหน้าที่เป็นคนเดินสาร นำดวงวิญญาณคนตายมายังยมโลก มี “ยมบาล” เป็นผู้คุมนักโทษในนรก มี “จิตรคุปต์” เป็นผู้ทำหน้าที่นายทะเบียนและที่ปรึกษา คอยบันทึกกรรมดีกรรมชั่วไว้ในสมุดอัครสันธานี มี “ฉันทะ” กับ “กาลบุรุษ” เป็นผู้รับใช้ใกล้ชิด และมี “ไวธยต” เป็นคนเฝ้าประตูปราสาทแห่งยมโลก



พระยม ในคติอินเดีย ทรงกระบองยมทัณฑ์ บ่วงยมบาศ ทรงกระบือเป็นพาหนะ มียมทูตเป็นบริวาร (ภาพจาก British Museum)


วรรณคดีของอินเดียกล่าวถึงพระยมในเชิงเทพเจ้าผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรม อย่างใน มหาภารตะ พระยมคือ “ธรรมเทพ” หรือธรรมราช ผู้ประทานโอรสแก่พระนางกุนตี พระมเหสีของท้าวปาณฑุ นามว่า “ยุธิษฐิระ” บุตรคนแรกของกลุ่มพี่น้องปาณฑพ

ยุธิษฐิระมีอุปนิสัยสำคัญคือ เป็นผู้รักคุณธรรมและรู้หลักธรรม ตอนวณบรรพ เมื่อพี่น้องปาณฑพถูกเนรเทศไปอยู่ในป่า มีพระฤๅษีเล่าเรื่อง สาวิตรี ให้เหล่าปาณฑพฟัง โดยเป็นเรื่องราวของนางสาวิตรี ชายาของพระสัตยวาน ผู้สามารถเอาชนะใจพระธรรมเทพด้วยหลักธรรม นางจึงขอพรพระธรรมเทพให้ช่วยพระสัตยวานฟื้นคืนพระชนม์ชีพ

ตอนสวรรคโรหณบรรพ ภายหลังมหาสงครามทุ่งราบกุรุเกษตรระหว่างฝ่ายปาณฑพกับเการพสิ้นสุด พี่น้องปาณฑพพากันเดินทางไปสู่เขาหิมาลัย ระหว่างทางน้อง ๆ ของยุธิษฐิระทยอยสิ้นชีพไปทีละพระองค์  นี้เอง พระธรรมเทพแปลงเป็นสุนัขมาทดสอบคุณธรรมของพระโอรส ปรากฏว่ายุธิษฐิระผ่านบททดสอบทั้งหมด จึงสามารถเดินทางไปถึงสวรรค์เป็นผลสำเร็จ

พระยมยังมีอีกนามหนึ่งว่า “ศิรณบาท” แปลว่า “ผู้มีเท้าเน่า” เรื่องเล่าเบื้องหลังพระนามนี้มีอยู่ว่า ครั้งหนึ่งพระยมใช้พระบาทเตะนางฉายา ผู้ที่นางสัญญา (มารดา) ให้อยู่แทนตนเมื่อคราวพระนางหนีไปจากพระสุริยาทิตย์ เพระทนรัศมีอันร้อนแรงของพระสวามี (พระอาทิตย์) ไม่ไหว การกระทำดังกล่าวของพระยมทำให้นางฉายาพิโรธ จึงสาปให้พระยมมีแผลและหนอนกัดกินขา ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส พระสุริยาทิตย์นึกสงสารพระโอรส จึงประทานไก่ตัวผู้ให้ 1 ตัว คอยจิกหนอนบนแผลจนหายเป็นปกติ


@@@@@@@

แม้พระยมจะเป็นเทพฮินดู แต่หลักฐานการเคารพนับถือเทพองค์นี้ในพื้นที่ต่าง ๆ ของไทยและภูมิภาคอุษาคเนย์ ทั้งในฐานะเทพเจ้าประจำทิศใต้ และเจ้าแห่งโลกหลังความตาย ดังจะพบโบราณวัตถุที่เกี่ยวกับพระยมในศาสนาพราหมณ์หลายแห่ง เช่น กลีบขนุนสลักภาพพระยมทรงกระบือ ที่ปราสาทพนมรุ้ง บุรีรัมย์, ปราสาทหินพิมาย นครราชสีมา, ปราสาทศรีขรภูมิ สุรินทร์ และพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ทุกชิ้นมีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17 ตรงกับศิลปะเขมร แบบนครวัด

นอกจากนี้ ศานสถานที่เรียกว่า “สุคตาลัย” (ส่วนหนึ่งของอโรคยศาล) ตามคติพุทธนิกายมหายาน ยังพบประติมากรรมลอยตัวรูปพระยมทรงกระบือ เช่น กู่พันนา สกลนคร กู่แก้ว ขอนแก่น อายุช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 ตรงกับศิลปะบายน สะท้อนคติการนับถือพระยมในฐานะเทพเจ้าแห่งความตายและนรกภูมิ มากกว่าการเป็นเทพเจ้าประจำทิศใต้ เพราะไม่พบเทพประจำทิศองค์อื่น ๆ

ในจารึกปราสาทพระขรรค์ เมืองพระนคร ยังมีข้อความกล่าวถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์เขมรโบราณว่า ทรงส่งรูปประติมากรรม “พระยม” ไปทั่วราชอาณาจักรของพระองค์

อ่านเพิ่มเติม :-

    • “พระพิฆเนศ” มหาเทพที่เก่าแก่กว่าพระอิศวร? จากเทพพื้นเมือง ปรุงแต่งเป็นเทพฮินดู
    • “พระตรีมูรติ” ภาวะรวมร่าง 3 มหาเทพ กับเทวรูปหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่คนไปขอพรความรัก
    • ทำไม “มาร” ของคนอินเดียคือ “กามเทพ” ผู้พลีชีพเพื่อความสุข-ความรักแห่งทวยเทพ





ขอขอบคุณ :-
ผู้เขียน : กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม
เผยแพร่ : วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2568
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 21 สิงหาคม 2566
website : https://www.silpa-mag.com/culture/article_115517

อ้างอิง :-
- มาลัย (จุฆารัตน์). (2562). กำเนิดเทวดา. กรุงเทพฯ : สถาพรบุ๊ค.
- สุรศักดิ์ ทอง. (2553). สยามเทวะ . กรุงเทพฯ : มติชน.
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์. บันแถลงพระยมทรงกระบือ. สืบค้นเมื่อ 22 สิงหาคม 2566. (ออนไลน์)
- พิพิธภัณสถานแห่งชาติ พระนคร, กรมศิลปากร. พระยม’เทพประจำทิศใต้ ที่ปรากฏบนทับหลังปราสาทหนองหงส์. สืบค้นเมื่อ 22 สิงหาคม 2566. (ออนไลน์)
- สำรวย นักการเรียน, สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. พระยม. 4 กรกฎาคม 2551. (ออนไลน์)
- เสฐียรโกเศศ. (2497). เรื่องเมืองสวรรค์. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร. พิมพ์อุทิศในงานฌาปนกิจศพ นางล้วน คุ้มรอด. (ออนไลน์)

 13 
 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2025, 11:08:01 pm 
เริ่มโดย aventure1 - กระทู้ล่าสุด โดย aventure1
ดันกระทู้

 14 
 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2025, 10:37:24 pm 
เริ่มโดย aventure1 - กระทู้ล่าสุด โดย aventure1
ดันกระทู้

 15 
 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2025, 09:49:00 pm 
เริ่มโดย aventure1 - กระทู้ล่าสุด โดย aventure1
ดันกระทู้

 16 
 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2025, 08:35:56 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 17 
 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2025, 07:32:10 pm 
เริ่มโดย aventure1 - กระทู้ล่าสุด โดย aventure1
ดันกระทู้

 18 
 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2025, 06:30:12 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 19 
 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2025, 05:17:48 pm 
เริ่มโดย aventure1 - กระทู้ล่าสุด โดย aventure1
ดันกระทู้

 20 
 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2025, 04:19:33 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10