ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10
 11 
 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2025, 02:19:09 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 12 
 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2025, 12:16:26 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 13 
 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2025, 10:53:47 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.



ยถากรรม (บาลีวันละคำ 503)

ยถากรรม อ่านว่า ยะ-ถา-กำ

บาลีเขียน “ยถากมฺม” อ่านว่า ยะ-ถา-กำ-มะ (มักใช้รูปเต็มว่า “ยถากมฺมํ” ยะ-ถา-กำ-มัง)

ประกอบด้วย ยถา + กมฺม

“ยถา” เป็นคำจำพวกนิบาต แปลว่า ฉันใด, เหมือน, ตาม

หลักการใช้ “ยถา” :

– ถ้าใช้โดดๆ จะต้องมีข้อความที่มีคำว่า “เอวํ” หรือ “ตถา” มาคู่กัน เหมือนภาษาไทยว่า “ฉันใด” ต้องมี “ฉันนั้น” มารับ
– ถ้าสมาสกับคำอื่น นิยมแปลว่า “ตาม-” เช่น ยถาพลํ (ยะ-ถา-พะ-ลัง) = ตามกำลัง

ในที่นี้ ยถา สมาสกับ กมฺม = ยถากมฺม > ยถากมฺมํ > ยถากรรม จึงแปลว่า “ตามกรรม”

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บอกความหมายไว้ว่า –

“ยถากรรม : ตามบุญตามกรรม, ตามแต่จะเป็นไป”

@@@@@@@

เรามักเข้าใจกันว่า ยถากรรม หมายถึงอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด แล้วแต่จะเป็นไป, เรื่อยเปื่อย, เลื่อนลอยไร้จุดหมาย, ตามลมตามแล้ง

ยถากมฺม–ยถากรรม ตามความหมายเดิม มักใช้ในข้อความที่กล่าวถึงคติหลังสิ้นชีวิต เป็นการสอนให้คำนึงถึงความสำคัญของการทำกรรม เช่นว่า

  “กุลบุตรนั้น เมื่อเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว ก็ได้ตำแหน่งเศรษฐีในเมืองนั้น ดำรงอยู่ตลอดอายุแล้ว ก็ไปตามยถากรรม” = ไปเกิดตามกรรมดีและชั่วที่ตัวได้ทำไว้

   “พระราชาดำรงอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์ ทำบุญทั้งหลายแล้วไปตามยถากรรม” = ไปเกิดตามกรรมดีที่ได้ทำ

(หลักความจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับประมวลศัพท์)

@@@@@@@

ยถากรรม จึงไม่ใช่ “ตามแต่จะเป็นไป” แต่หมายถึง “ตามแต่เราจะทำให้เป็นไป”

ยถากรรมไทย : เรื่อยเปื่อยลอยไปตามบุญตามกรรม
ยถากรรมบาลี : ได้ดีได้ชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ

(เก็บตกฉกฉวยมาจากคำของพระคุณท่าน อาทิตฺตเมธี ภิกฺขุ ๑๖ ก.ย.๕๖)



ขอบคุณ : https://dhamtara.com/?p=2532
30 กันยายน 2013 | tppattaya2343@gmail.com


 st12 st12 st12

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

ยถากรรม “ตามกรรม” ตามปกติใช้ในข้อความที่กล่าวถึงคติหลังสิ้นชีวิต เมื่อเล่าเรื่องอย่างรวบรัด ทำนองเป็นสำนวนแบบในการสอนให้คำนึงถึงการทำกรรม
       
ส่วนมากใช้ในคัมภีร์ชั้นอรรถกถาลงมา เช่นว่า
       
    “กุลบุตรนั้น เมื่อเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว ก็ได้ตำแหน่งเศรษฐีในเมืองนั้น ดำรงอยู่ตลอดอายุแล้ว ก็ไปตามยถากรรม” (คือ ไปเกิดตามกรรมดีและชั่วที่ตัวได้ทำไว้),
     
    “พระราชาตั้งอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์ ทำบุญทั้งหลายแล้วไปตามยถากรรม” (คือไปเกิดตามกรรมดีที่ได้ทำ),
       
ข้อความว่า “ไปตามยถากรรม” นี้ เฉพาะในอรรถกถาชาดกอย่างเดียวก็มีเกือบร้อยแห่ง,
       
ในพระไตรปิฎก คำนี้แทบไม่ปรากฏที่ใช้ แต่ก็พบบ้างสัก ๒ แห่ง คือในรัฐปาลสูตร (ม.ม. ๑๓/๔๔๙/๔๐๙) และเฉพาะอย่างยิ่งในอัยยิกาสูตร (สํ.ส. ๑๕/๔๐๑/๑๔๒) ที่ว่า
       
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าและกราบทูลว่า พระอัยยิกาซึ่งเป็นที่รักมากของพระองค์ มีพระชนม์ได้ ๑๒๐ พรรษา ได้ทิวงคตเสียแล้ว ถ้าสามารถเอาสิ่งมีค่าสูงใดๆ แลกเอาพระชนม์คืนมาได้ ก็จะทรงทำ
       
พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนเกี่ยวกับความจริงของชีวิต และทรงสรุปว่า

      “สรรพสัตว์จักม้วยมรณ์ เพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด ทุกคนจักไปตามกรรม (ยถากรรม) เข้าถึงผลแห่งบุญและบาป คนมีกรรมชั่วไปนรก คนมีกรรมดีไปสุคติ เพราะฉะนั้น พึงทำกรรมดี …” ;

       มีบ้างน้อยแห่งที่ใช้ยถากรรมในความหมายอื่น เช่นในข้อความว่า “ได้เงินค่าจ้างทุกวันตามยถากรรม” (คือตามงานที่ตนทำ) ;

       ในภาษาไทย ยถากรรม ได้มีความหมายเพี้ยนไปมาก กลายเป็นว่า “แล้วแต่จะเป็นไป, เรื่อยเปื่อย, เลื่อนลอยไร้จุดหมาย, ตามลมตามแล้ง” ซึ่งตรงข้ามกับความหมายที่แท้จริง

 14 
 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2025, 10:27:22 am 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 15 
 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2025, 09:56:10 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.

เด็กนักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติตอน 8.00 น


10 ธันวาคม 2482 ประกาศใช้เพลงชาติไทย เนื้อร้องเพลงใหม่

นอกจากวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันรัฐธรรมนูญ วันที่ 10 ธันวาคม ยังมีเหตุการณ์สำคัญอื่นอีกด้วย วันที่ 10 ธันวาคม 2482 รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ประกาศใช้เพลงชาติไทย เนื้อร้องเพลงใหม่ซึ่งใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน

แม้ว่าในปี 2482 จะมีการประกาศใช้เพลงชาติไทยแต่ไม่ได้หมายความว่าก่อนหน้านั้นประเทศไทยไม่ได้มีเพลงชาติ ในทางกลับกันก่อนที่จะมีเพลงชาติไทยเพลงปัจจุบันได้มีการประพันธ์และแก้ไขเพลงชาติกันอยู่หลายครั้ง

ก่อนที่ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 ครั้งยังเป็นประเทศสยาม เพลงชาติยังไม่ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ประเทศสยามจึงใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีแทนเพลงชาติ ซึ่งจะใช้ในการถวายความเคารพพระมหากษัตริย์ต่างชาติที่เสด็จเยือนประเทศสยาม

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 คณะราษฎรมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วงชิงบทบาทนำประเทศจากอำนาจการปกครองเดิม จึงต้องอาศัยเครื่องมือทุกรูปแบบ ทั้งนี้ “เพลงชาติ” เป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญของคณะราษฎรเพื่อใช้ประกาศว่า ชาติเป็นของประชาชนชาวสยาม ทำให้เพลงชาติถือกำเนิดขึ้นอย่างเร่งรีบหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองได้สองสามวัน



เคารพธงชาติ ภาพจาก “ความเปลี่ยนแปลงในการสร้างชาติไทยและความเป็นไทย โดย หลวงวิจิตรวาทการ”


โดยเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณอยุธยา) ใช้ทำนองมหาชัย ซึ่งมีเนื้อหาที่สะท้อนให้เห็นว่านับแต่นี้ไปประเทศสยามจะนำโดยชาวสยาม ทั้งนี้ ปกติทำนองมหาชัยจะใช้สำหรับรับเสด็จเจ้านายเชื้อพระวงศ์ทำให้ไม่เป็นที่ถูกใจคณะราษฎรที่อยากได้ทำนองอย่างสากล เพลงชาติทำนองมหาชัยจึงถูกใช้ได้ไม่นาน จนกระทั่งเพลงชาติทำนองแบบสากลถูกแต่งขึ้นโดยพระเจนดุริยางค์

ย้อนไปเมื่อปี 2474 ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง พระเจนดุริยางค์ได้ถูกร้องขอจากหลวงนิเทศกลกิจ (กลาง โรจนเสนา) เพื่อนสนิท ให้แต่งเพลงบทหนึ่งให้มีทำนองเป็นเพลงที่มีความรู้สึกคล้ายกับเพลงชาติฝรั่งเศสที่มีชื่อ ลา มาร์เซยเยส์ (La Marseillaise) แต่พระเจนดุริยงค์ก็ได้ปฏิเสธไปเพราะมีเพลงสรรเสริญพระบารมีอยู่แล้ว อีกทั้งไม่ได้มีคำสั่งทางการมาจึงแต่งให้ไม่ได้

หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 หลวงนิเทศกลกิจมาขอให้พระเจนดุริยางค์แต่งทำนองเพลงชาติให้อีกครั้ง ครั้งนี้พระเจนดุริยางค์ปฏิเสธไม่ได้ ถึงแม้ไม่มีคำสั่งจากทางการ แต่ก็ดูเหมือนว่าเป็นคำสั่ง เพราะหลวงนิเทศกลกิจเป็นผู้ร่วมในคณะราษฎรด้วย

ทำนองเพลงชาติสยามอย่างสากลจึงถือกำเนิดขึ้นโดยพระเจนดุริยางค์ด้วยความหนักใจ เพราะตลอดชีวิตของพระเจนดุริยางค์รับใช้แต่เพียงเจ้านายเชื้อพระวงศ์ หลังจากทำนองเพลงชาติถูกเผยแพร่ไป แม้ว่าพระเจนดุริยางค์จะขอให้ไม่เปิดเผยชื่อผู้แต่ง แต่หนังสือพิมพ์ศรีกรุงได้ออกข่าวว่าเมืองไทยกำลังมีเพลงชาติใหม่ และระบุชื่อผู้แต่งคือพระเจนดุริยางค์

@@@@@@@

หลังจากนั้นพระเจนดุริยางค์ถูกเสนาบดีกระทรวงวังตวาดว่า “ไปทำอะไรไว้ในเรื่องเพลงชาติ รู้หรือไม่ว่าพระเจ้าแผ่นดินเรายังอยู่ จะทำอะไรไว้ในเรื่องรี้ทำไมไม่ปรึกษาขออนุญาตเสียก่อน” เมื่อมีทำนองเพลงชาติแล้วจำเป็นต้องมีเนื้อร้อง ดังนั้น เนื้อร้องจึงถูกประพันธ์ขึ้นโดย ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์) มีทั้งหมด 2 บท มีเนื้อร้องว่า

แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง
ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตต์แดนสง่า
สืบชาติไทยดึกดำบรรพ์โบราณลงมา
ร่วมรักษาเอกราชชนชาติไทย
บางสมัยศัตรูจู่มารบ
ไทยสมทบสวนทัพเข้าขับไล่
ตลุยเลือดหมายมุ่งผดุงไผท
สยามสมัยบุราณรอดตลอดมา
อันดินสยามคือว่าเนื้อของเชื้อไทย
น้ำรินไหลคือว่าเลือดของเชื้อข้า
เอกราชคือกระดูกที่เราบูชา
เราจะสามัคคีร่วมมีใจ
ยึดอำนาจกุมสิทธิ์อิสระเสรี
ใครย่ำยีเราจะไม่ละให้
เอาเลือดล้างให้สิ้นแผ่นดินของไทย
สถาปนาสยามให้เชิดชัย ชโย


เนื้อร้องเพลงชาตินี้ใช้ได้ 2 ปี จนถึงปี 2477 ก็ยังไม่เป็นที่พอใจคณะราษฎรนัก จึงได้มีการแก้ไขเนื้อร้องบางตอนของขุนวิจิตรมาตรา และจัดให้มีการประกวดเนื้อร้องขึ้นใหม่อีก โดยยึดทำนองเดิมของพระเจนดุริยางค์ไว้ จนได้เนื้อร้องของนายฉันท์ ขำวิไล 2 บท โดยให้รวมกับเนื้อรองของขุนวิจิตรมาตรา รวมเป็น 4 บท ประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2477 เนื้อร้องที่เพิ่มมามีว่า

เหล่าเราทั้งหลายขอน้อมกายถวายชีวิต
รักษาสิทธิ์อิสระ ณ แดนสยาม
ที่พ่อแม่สู้ยอมม้วยด้วยพยายาม
ปราบเสี้ยนหนามให้พินาศสืบชาติมา
ถึงแม้ไทย ไทยด้อยจนย่อยยับ
ยังกู้กลับคงคืนได้ชื่นหน้า
ควรแก่นามงามสุดอยุธยา
นั้นมิใช่ว่า จะขัดสนหมดคนดี
เหล่าเราทั้งหลายเลือดและเนื้อเชื้อชาติไทย
มิให้ใครเข้าเหยียบย่ำขยำขยี้
ประคับประคองป้องสิทธิ์อิสรเสรี
เมื่อภัยมีช่วยกันจนวันตาย
จะสิ้นชีพไว้ชื่อให้ลือลั่น
ว่าไทยมันรักชาติไม่ขาดสาย
มีไมตรีดียิ่งทั้งหญิงชาย
สยามมิวายผู้มุ่งหมายเชิดชัยไชโย

แต่เนื้อร้องนี้ก็ใช้ได้ไม่นานเพราะมีควายาวมากเกินไป ในปี 2478 รัฐบาลของพระยาพหลพลพยุหเสนาได้ออกระเบียบการบรรเลงเพลงชาติ บังคับใช้เมื่อ 15 กุมภาพันธ์ปีเดียวกัน ระเบียบดังกล่าวได้แบ่งการบรรเลงเพลงชาติออกเป็น 2 แบบ คือ แบบพิศดารหรือเต็มเพลงให้บรรเลงในงานพิธีใหญ่ ๆ เท่านั้น และแบบสังเขปหรือการตัดบางท่อนออกให้สั้นลง ให้บรรเลงในพิธีที่เกี่ยวข้องกับประชาชนหรือในพิธีปกติ



เด็กนักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติตอน 8.00 น.


ต่อมาสมัยรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นช่วงของการสร้างชาติโดยอุดมการณ์ชาตินิยม ธงชาติและเพลงชาติถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างชาติของจอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยมีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางวิทยุสำหรับสัญญาณในการเคารพธงชาติในเวลา 08.00 น. และเวลา 18.00 น.

ในปี 2482 รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ เปลี่ยนชื่อประเทศ “สยาม” เป็นประเทศ “ไทย” เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ทำให้เกิดปัญหากับเนื้อร้องเพลงชาติเก่าที่ใช้กันมา และมีการกล่าวหากันว่า เนื้อร้องเพลงชาติของขุนวิจิตรมาตราเอาชื่อภรรยามาแต่งในคำว่า “ประเทือง” และเอาชื่อตนเองมาแต่งในคำว่า “สง่า” เดิมขุนวิจิตรมาตรามีชื่อว่า “สง่า กาญจนาคพันธ์” แต่จริงๆ แล้วชื่อภรรยาของขุนวิจิตรมาตรานั้นชื่อ “วิเชียร” ไม่ใช่ “ประเทือง”

ด้วยเหตุดังกล่าวรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงประกาศให้มีการประกวดเนื้อร้องเพลงชาติขึ้นใหม่แต่ยังคงทำนองของพระเจนดุริยงค์ไว้ ผลของการตัดสินปรากฏว่าเนื้อร้อง พ.ต.หลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปราจิณพยัคฆ์) ส่งในนามของกองทัพบกได้รับการคัดเลือกให้ใช้เป็นเนื้อเพลงชาติ เพราะสั้นกระทัดรัด ให้ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2482 มาจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 86 ปีมาแล้ว เนื้อเพลงดังนี้

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชารัฐไผทของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย


@@@@@@@

ดังนั้น เหตุผลที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงเนื้อร้องเพลงชาติในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่เปลี่ยนเนื้อร้องใหม่ทั้งหมดแต่ยังคงทำนองของพระเจนดุริยางค์ไว้ ซึ่งใช้มาจนถึงปัจจุบันนั้น เนื่องจากมีการเปลี่ยนชื่อประเทศจาก “สยาม” เป็น “ไทย” ซึ่งเนื้อร้องแบบเก่าไม่สอดคล้องกับชื่อใหม่ของประเทศ อีกทั้งเนื้อร้องเก่าคงมีความยาวเกินไป นอกจากนี้ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องการใช้เพลงชาติเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายอุดมการณ์ชาตินิยม

อ่านเพิ่มเติม :-

    • 8 กันยายน 2482: รัฐบาลออกประกาศให้คนเคารพธงชาติ
    • เหตุผลที่ “ขุนวิจิตรมาตรา” เขียนเนื้อเพลงชาติฉบับสยาม ไม่ยอมแต่งฉบับชื่อประเทศไทย





ขอขอบคุณ :-
ผู้เขียน : กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม
เผยแพร่ : วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2568
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 10 ธันวาคม 2562
website : https://www.silpa-mag.com/this-day-in-history/article_42574
อ้างอิง :-
- เพลงชาติไทย ร้องเพี้ยน ร้องผิด มานานแล้ว โดย ล้อม เพ็งแก้ว ใน ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 14 ฉบับที่ 9 กรกฎาคม 2536
- ธงชาติ เพลงชาติ สร้าง (รัฐ) ชาติไทย เรียกร้องดินแดนคืนจากฝรั่งเศส และ – และแผ่ขยายมหาอาณาจักรไทย โดย ชนิดา พรหมพยัคฆ์ – เผือกสม ใน ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 24 ฉบับที่ 5 มีนาคม 2546
- กว่าจะเป็นเพลงชาติไทย โดย สมเกียรติ เขียวสอาด แผนกวิชาศิลปะ ส่วนการศึกษา โรงเรียนเตรียมทหาร

 16 
 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2025, 08:55:55 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 17 
 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2025, 08:29:55 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 18 
 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2025, 08:00:09 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 19 
 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2025, 06:02:26 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 20 
 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2025, 04:08:53 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10