ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ถาม ทำทานด้วยวัตถุทาน กับทำทานด้วยจิต พอจ ว่าอันไหน ได้กุศลมากน้อยต่างกันครับ  (อ่าน 1414 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ถาม ทำทานด้วยวัตถุทาน กับทำทานด้วยจิต พอจ ว่าอันไหน ได้กุศลมากน้อยต่างกันครับ

ตอบ หลายคนอาจจะมองว่าการทำทานด้วยจิต ดีกว่าทำทานด้วยวัตถุ แล้วก็จะบอกว่า ทำด้วยจิตได้บุญมากกว่า อย่างนี้ใช่ไหม นั่นเป็นเพราะว่า ไม่เข้าใจตัวเนื้อหาของบุญเลย จึงไปสรุปอย่างนั้น

การทำบุญที่ง่ายที่สุด และ หยาบที่สุดคือการทำบุญทางจิต เช่นเห็นเขาตกทุกข์ได้ยาก ขัดสน จิตก็ทำบุญขอให้เขามีความสุข เท่านี้จบไม่ได้เสียอะไรเลย และก็ไม่มีผลอะไรเกิดออกไปข้างนอกเลย

วันนี้มีจิตศรัทธา อยากทำบุญกับ พอจ ใส่บาตรในตอนเช้าตั้งใจจะใส่บาตร ให้ พอจ ได้มีฉัน คิดอย่างนี้ก็เป็นบุญแล้วใช่ไหม พอถึงตอนเข้านอนตื่นสาย ตื่นไม่ทัน ไม่ได้ใส่บาตร แล้วบุญอยู่ตรงไหน

ดังนั้นที่ พอจ จะกล่าวก็คือความจริงของวัตถุทาน ทำได้ยากกว่า บุญทางจิต เพราะวัตถุทานเป็น ผลลัพธ์มาจากการทำบุญทางจิตมาแล้ว 9 อย่างถึงจะทำบุญที่เป็น วัตถุทานได้

การเป็นพระพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญการเป็นพระโพธิสัตว์ มาแล้วมากมายต้องผ่านการทำบารมี 10 แบบ แต่ ทานบารมี เป็นสิ่งที่ต้องทำครั้งสุดท้าย เพราะทานบารมี เป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด

คนดีแต่คิดเรื่องบุญ แต่ไม่เคยทำบุญด้วยวัตถุเลยมีมากมายก่ายกอง แต่คนที่ทำบุญทางจิตได้ สละทานวัตถุได้ด้วย อันนี้เรียกว่าสำเร็จทุกส่วน

ดังนั้นการทำบุญเป็นวัตถุทาน มีธรรมทาน มีวิหารทาน มีปัจจัยทาน มีสังฆทาน เหล่านี้ พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า บุญสูงสุดเลย

ท่านทั้งหลาย ยังมีแต่คิดจะทำ หรือ ทั้งคิดทั้งทำแล้วหรือยัง ถ้าทำสมบูรณ์ ก็ต้องทำทั้งสองอย่าง เพราะว่าการสละวัตถุทาน หรือ ทานมัยได้นั้น ต้องมาจากบุญทางจิตก่อนถึงจะทำได้

เจริญธรรม / เจริญพร

จิตไม่งาม ไม่มีทางที่จะเสียสละทรัพย์ มาได้
ดังนั้น การทำบุญด้วย ทานมัย นั้นเป็น บุญที่ละเอียดไม่ใช่ บุญหยาบ
ในโลกนี้มีแต่คนคิดจะทำ แต่ไม่มีคนทำอย่างที่คิด
คนจริงทางธรรม เป็นพระโสดาปัตติมรรค จึงจะทำทั้งสองประการ
เมื่อทำแล้วจิตก็ผ่องใส่ไม่เป็นเจ้าของ ( อันนี้ถูกต้องเลย ) ไม่ต้องรอให้ ใครชม ใครเชย ใครชิด ใครชอบ แต่ผ่องใสด้วยทานมัย นั่นเอง

พระเวสสันดร เป็นบารมี ของ พระพุทธเจ้าเป็นชาติสุดท้าย
ดังนั้น ทานมัย ไม่ใช่เป็นบุญหยาบ เป็นบุญละเอียด
เฟสนี้เป็นข้อพิสูจน์ ในหนทางการภาวนาที่ก้าวหน้าของพวกท่านหากท่านยังมัวแต่คิดจะทำและไม่ลงมือทำ มาในเฟสนี้ไม่ได้ ต้องค้างอยู่ที่สองเฟสนั้น และสังเกตให้ดีว่า ไม่ได้มีจำนวนมากเลยที่คนจะมาทำบุญ ด้วย บุญละเอียด นี้ ดังนั้นเฟสนี้ มีจำนวนคนไม่มากเลย แต่ จำนวนที่นี่แม้มีน้อย แต่ก็ได้สร้างกุศลใหญ่ รู้ข้อความธรรมสำคัญ
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

wayu

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 162
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เรื่องนี้ผมอ่านแล้ว รู้สึก ถึง ปฏิภาณของ พระอริยะ นั้นต่างจาก ปุถุชน จริง ๆ

 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า