ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้สอนธรรมที่ดี พึงต้องรู้ระดับผู้เรียนธรรม  (อ่าน 898 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ผู้สอนธรรมที่ดี พึงต้องรู้ระดับผู้เรียนธรรม

1. ผู้มีศรัทธา แบบ เทวดา
หมายถึง ผู้นับถือศาสนา เพียงเพื่อมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ตั้งมั่นในกุศลความดี ละเว้นจากความชั่ว สร้างบารมี เพื่อเป้าหมายหลากหลาย เช่น สร้างเพื่อให้ตนได้มีชาติที่ดี ตระกูลที่ดี มีอัตภาพที่ดี มีหมู่มิตรที่ดี มีโภคะทรัพย์สมบัติที่ดี อย่างนี้เป็นต้น

คนพวกนี้ ย่อมไม่สนใจ ในคำว่า นิพพาน เป็นเบื้องต้น แต่จะสนใจในคำว่า สุข อยู่ดีมีสุข เป็นเบื้องต้น
ถามว่า คนกลุ่มนี้ ควรกล่าวสอนเรื่องอะไร ?

ตอบ ทานกถา สีลกถา สัคคกถา
แม้นี้ก็ควรอนุโมทนา ไม่ควรรังเกียจ หรือ ตำหนิติติงในกุศลที่เขากระทำ แต่ควรชี้นำให้เขาเลิก ละ จาก อกุศล

2.ผู้มีศรัทธา แบบ โพธิสัตว์
หมายถึง ผู้นับถือศาสนา เพียงเพือสร้างบารมี เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า บุคคลประเภทนี้ไม่ได้ สน นิพพาน ใด ๆ เลย สนแค่เพียงว่า ให้สัตว์ทั้งหลาย ที่มีอยู่ในโลก มีแต่ ความสุข เขาย่อมบำเพ็ญ พรหมวิหาร 4 เป็นหลัก และชี้นำคนด้วยการไม่เบียดเบียน ซึ่งกันและกัน การที่มีบุคคลดำเนินอย่างนี้ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยาก เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่า ชาตินี้ เขาบำเพ็ญบารมี อะไร เพื่ออะไร

ถามว่า คนกลุ่มนี้ ควรกล่าวสอนเรื่องอะไร ?

ตอบ ควรสอน เรื่อง เนกขัมมะกถา

3.ผู้มีศรัทธา แบบ พระสาวก ผู้ปรารถนา พระพุทธเจ้า องค์ต่อไป
หมายถึง ผู้นับถือศาสนา ต้องการพ้นทุกข์ แต่ยังต้องการสร้างบารมี ในพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน แต่ไม่ปรารถนา บรรลุ คุณธรรม ในพระพุทธเจ้า องค์ปัจจุบัน

ถามว่า คนกลุ่มนี้ ควรกล่าวสอนเรื่องอะไร ?

ตอบ ควรสอน เรื่อง เนกขัมมะกถา

4.ผู้มีศรัทธา แบบ พระสาวก ในพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน

ถามว่า คนกลุ่มนี้ ควรกล่าวสอนเรื่องอะไร ?

ตอบ ควรสอน เรื่อง ทานกถา สีลกถา สัคคกถา อาทีนวกถา เนกขัมมะกถา

ดังนั้นในคน 4 แบบนี้ แบบที่ 4 นั้นจึงเป็นแบบที่ สอนส่วนใดก็ได้ ใน ธรรมวินัย ของพระพุทธเจ้า องค์ปัจจุบัน

ในแบบที่ 1 คงสอนให้เลิกงมงายไม่ได้
ในแบบที่ 2 ก็เช่นกันสอนให้เลิกงมงายไม่ได้

ในสองประเภทนี้ ถือ ศรัทธา เป็นใหญ่
ในแบบที่ 3 ถือ ปัญญา เป็นใหญ่ การสอนนั้นสอน มรรค ผล นิพพาน ไม่ได้ เพราะว่า จิตยังข้องสังโยชน์ ทั้ง 10 ประการอยู่ จะสอนอะไรไป ก็ไม่ค่อยเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ หรือ เชื่อยากอย่างยิ่ง และก็จะไม่ค่อยทำตาม มรรค ที่สอนด้วย ชอบครุ่นคิดวิธีการของตนเอง แต่ครุ่นคิดวิธีการของตนเอง ก็ใช่ว่าจะทำตามในสิ่งที่ตนเอง ครุ่นคิด แต่กลับเอาวิธีการที่คิด ไปสอนให้คนอื่นทำ ประเภทนี้ เป็นประเภทที่สอนได้ยากที่สุด เพราะว่า อัสมิมานะ ของเขา ย่อมมีสูงที่สุด

ในแบบที่ 4 เป็นสาวกบารมี ที่เต็มแล้ว สอนเพียงนิดหน่อย ชี้นำเพียงไม่มากก็ตั้งมั่นในคุณธรรม ได้ไว

ในคนทั้ง 4 จำพวกนี้ พระอาจารย์ ต้องการมากที่สุด คือ พวกที่ 4 รองลงมาคือ พวกที่ 1 ส่วนพวกที่ 2 และ 3 ขอให้เดินคนละทางกัน ไม่อยากเจอ ไม่อยากพบ

เจริญธรรม / เจริญพร
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ