เมื่อวานตั้งแต่ฉันภัตรเสร็จ 10 โมงกว่า ๆ ถึง ตีสาม โดยประมาณ นั่งอึดอัด หายใจไม่สะดวก มันแน่นหน้าอก จุกเสียด ตลอดเวลา ถ้าไม่มีกรรมฐาน คงไม่ได้มีวันนี้ พยายาม นั่งผ่อน ลมหายใจเข้ายาว ออกยาว และเข้าหยุดลมหายใจเข้า ออก ตอนหยุดลม ก็จะไม่แน่นหน้าอก นี่เป็นปาฏิหาริย์ ของลมหายใจเข้า และออก ที่มีต่อกายมนุษย์ ทุกวัน การทำอย่างนี้เรียกว่า การบังคับปราณ
ในวิชากรรมฐาน เรียกว่า นิสวาตะ หยุดลมหายใจเข้า หยุดลมหายใจออก อัดแน่น นิ่งอยู่ นาน หรือ น้อย ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน และ การเข้าสมาธิ ถ้ามีสมาธิแก่กล้า ลมหายใจเข้าออก ก็จะดับ ไปตามความคล่องแคล่ว ในอารมณ์สมาธิ
ดังนั้น การฝึก สมาธิ ด้วย ลมหายใจเข้า ด้วยลมหายใจ ออก จึงมีความสำคัญต่อ อัตภาพ นี้เป็นอย่างมาก
การหายใจเข้า กำหนด นิพพาน เป็นอารมณ์ เรียกว่า อัสสวาตะ
( อันตัวข้า ที่หายใจเข้าอยู่นี้ เป็นเพียงความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ที่หายใจเข้า แม้นจิตข้า แยกอัตภาพขณะนี้ ก็เป็นตามธรรมนั่นเอง )
การหายใจออก กำหนด นิพพาน เป็นอารมณ์ เรียกว่า ปัสสวาตะ
( อันตัวข้า ที่หายใจออกอยู่นี้ เป็นเพียงความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ที่หายใจออก แม้นจิตข้า แยกอัตภาพขณะนี้ ก็เป็นตามธรรมนั่นเอง )
การกำหนดระยะเปลี่ยนลมหายใจเข้า และ ลมหายใจออก กำหนด นิพพานเป็น อารมณ์ เรียกว่า นิสสวาตะ
( อันตัวข้า ที่หยุดหายใจเข้าออกอยู่นี้ เป็นเพียงความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ที่หยุดหายใจเข้าออก แม้นจิตข้า แยกอัตภาพขณะนี้ ก็เป็นตามธรรมนั่นเอง )
ดังนั้น พุทโธ ไม่ได้เป็นที่สุดของกรรมฐาน แต่พุทโธ เป็นจุดเริ่มต้น และ ท่ามกลาง ของกรรมฐาน ผู้ภาวนาที่มีแก่นสาร ต้องการละจากสังสารวัฏ ต้องมาให้ถึง อานาปานสติ อันมี ฐานะ 4 ด้วยกายานุปัสสนา เวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนา ธรรมานุปัสสนา
การหายใจเข้า และ การหายใจออก ที่เป็น อัสวาตะ ปัสสวาตะ และ นิสสวาตะ คือ ขั้นที่ 16 ของอานาปานสติ
การหายใจเข้า การหายใจ เป็น ปฏินิสสัคคา คือ สละคืน อัตตา ว่านี่เป็นตัวเรา กายเรา ของเรา ทั้งหมดมีแต่ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามธรรม อันมีเหตุปัจจัย เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เช่นกันอย่างนั้น ไม่ผิดไปจากนั้น ไม่เป็นประการอื่นจากความเป็นอย่างนั้น เป็นความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับโดยธรรมชาต เป็นกฏที่เป็นธรรมดา อย่างนั้นนั่นเอง ควรสละคืน จากความหมาย ว่า เป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัว เป็นตนของเรา
เจริญธรรม / เจริญพร