ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ความเป็นพระอริยะบุคคล ไม่กลับไปกลับมา  (อ่าน 5609 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
การเรียน สังโยชน์ 10 ประการ มีความสำคัญ

เพราะสังโยชน์ 10 ประการเปรียน เหมือนข้อสอบที่เราต้องตอบตัวเองว่า

เรามีคุณธรรมอยู่ในระดับไหน


เมื่อพระอริยะบุคคล สิ้นสังโยชน์ ตามฐานะแล้ว ก็ย่อมไม่กลับไปเป็นเช่นเดิมอีก

ดังนั้น ผู้ที่ละสังโยชน์ แล้ว ละแล้ว ก็ละ ได้เลย ไม่ใช่ เดี๋ยวละ ได้ เดี๋ยวละ ไม่ได้

ดังนั้น ท่านก็ตอบตัวเองได้ว่า ท่านละได้สิ้นหรือยัง


กรุณาไปอ่านเรื่อง สังโยชน์ ในหมวดกระทู้ ได้

 ;)




บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ความเป็นพระอริยะบุคคล ไม่กลับไปกลับมา
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 03:41:22 pm »
0
เคยแต่อ่าน หนังสือ พุทธธรรม ของพระอาจารย์ประยุทธ และ หลัีกธรรมของหลวงพ่อพุทธทาส

ว่าด้วยเรื่อง พระอริยะบุคคล ก็จะละสังโยชน์ ได้ ตามลำดับ แต่การบรรลุธรรมเป็น พระอริยะบุคคลนั้น

ฆราวาส ก็เป็นได้ แต่ผู้บรรลุจะรู้ตัวหรือป่าว คะว่าบรรลุธรรมได้

 :25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ความเป็นพระอริยะบุคคล ไม่กลับไปกลับมา
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 09:03:13 am »
0
อ้างถึง
แต่ผู้บรรลุจะรู้ตัวหรือป่าว คะว่าบรรลุธรรมได้

ต้องรู้ตัว สิจ๊ะ

การบรรลุธรรม ก็คือการสอบ สังโยชน์ 10 ประการ

ผู้ปฏิบัติภาวนา ต้องมี ญาณ เรียกว่า ปัจจเวกขณญาณ

ซึ่งมีตั้งแต่ ระดับ พระโสดาบัน ขึ้นไป

ปัจจะเวกขะณะญาณ ของพระโสดาบัน มี 2
1.มรรค 2.ผล ( 3.กิเลสที่ละได้แล้ว 4.กิเลสที่เหลืออยู่ 5.นิพพาน  3 ข้อท้ายไม่ชัดเจน )

พระโสดาบันมี 3 ประเภท
1.เอกพีชี เกิดชาติเดียวเป็นพระอรหันต์
2.โกลังโกละ เกิดอีก 2-3 ชาติ เป็นพระอรหันต์
3.สัตตักขัตตุงปรมะ เกิดอีก 7 ชาติเป็นพระอรหันต์

ผู้ที่เป็นพระโสดาบันแล้ว กำลังเริ่มละ สังโยชน์ข้อที่ 4 – 5 แบบเบาบาง
ชื่อว่าได้บรรลุเป็น พระสกิทาคามิมรรค ( ผู้ทรงอารมณ์แห่งพระสกิทาคามีอย่างต่อเนื่อง )
ผู้ที่เป็นพระโสดาบันแล้ว ละสังโยชน์ ข้อที่ 4 – 5 ได้อย่างเบาบางแล้ว
ชื่อว่าได้บรรลุเป็น พระสกิทาคามิผล หรือ พระสกิทาคามี ( ผู้เสวยอารมณ์แห่งพระสกิทาคามีอย่างถาวร )
พระสกิทาคามี นั้นจะมีอารมณ์ เพียรเผากิเลสอย่างแรงกล้า พยายามที่จะละออกจากกามคุณ และ พยายามละอารมณ์พยาปาทะ อันขุ่นเคือง ในใจ ไม่ให้กำเริบ

ปัจจะเวกขะณะญาณ ของพระสกิทาคามี มี 5
1.มรรค 2.ผล 3.กิเลสที่ละได้แล้ว 4.กิเลสที่เหลืออยู่ 5.นิพพาน จิตเหนี่ยวนิพพานเป็นอารมณ์

สมดังคำสรรเสริญสังฆคุณ ว่า “อุชุปะฎิปันโน สาวะกะสังโฆ  เป็นพระสงฆ์ผู้ประพฤติตรงต่อ พระนิพพาน”

พระสกิทาคามี มี 5 ประเภท
1.บรรลุเป็นพระสกิทาคามีแล้วในโลกนี้ และนิพพานในโลกนี้ ชาติปัจจุบัน
2.บรรลุเป็นพระสกิทาคามีแล้วในโลกนี้ นิพพานในเทวะโลก
3.บรรลุเป็นพระสกิทาคามีแล้วในเทวะโลก และนิพพานในเทวะโลก
4.บรรลุเป็นพระสกิทาคามีแล้วในเทวะโลก หมดอายุในเทวะโลก มาเกิดอีกครั้งในโลก จึงนิพพาน
5.บรรลุเป็นพระสกิทาคามีแล้วในโลกนี้ จุติในเทวะโลก แล้วหมดอายุในเทวะโลก มาเกิดอีกครั้งในโลก จึงนิพพาน
ผู้ที่เป็นพระสกิทาคามี แล้ว กำลังละ สังโยชน์ข้อที่ 4 – 5 อย่างสิ้นเชิง
ชื่อว่าได้บรรลุเป็น พระอนาคามิมรรค ( ผู้ทรงอารมณ์แห่งพระอนาคามีอย่างต่อเนื่อง )

ผู้ที่เป็นพระสกิทาคามี แล้วละสังโยชน์ ข้อที่ 4- 5 ได้สิ้นเชิง
ชื่อว่าได้บรรลุเป็น พระอนาคามิผล หรือ พระอนาคามี ( ผู้เสวยอารมณ์แห่งพระอนาคามีอย่างถาวร )
พระอนาคามี เป็นผู้มีอารมณ์ ละ กามราคะ และ ปฏิฆะ ได้อย่างสิ้นเชิง แต่ยังมีอารมณ์  ติดอยู่ในสุทธาวาส 5
 คือ ชอบทำบุญ เลยติดบุญ รูปราคะและอรูปราคะ ชอบแจกธรรมสอนธรรม เลยติดมานะ ชอบค้นคว้าศึกษาเรื่องธรรม เลยติดอุทธัจจะ บ้างเพียงเล็กน้อย แต่ก็มีนิพพานแน่นอน อย่างน้อยอีก 1 ชาติ

ปัจจะเวกขะณะญาณ ของพระอนาคามี มี 5
1.มรรค 2.ผล 3.กิเลสที่ละได้แล้ว 4.กิเลสที่เหลืออยู่ 5.นิพพาน ทบทวนกลับไป กลับมาอย่างยิ่งยวด เริ่มเหือด
สมดังคำสรรเสริญสังฆคุณ ว่า “ญายะปะฎิปันโน สาวะกะสังโฆ  เป็นพระสงฆ์ ผู้รู้ดีแล้ว”

พระอนาคามี มี 5 ประเภท
1.อันตราปรินิพพายี เมื่อเกิดในภพใดภพหนึ่ง อายุไม่ถึงกึ่งแห่งภพนั้นก็เข้า นิพพาน
2.อุปหัจจปรินิพพายี เมื่อเกิดในภพใดภพหนึ่ง อายุพ้นกึ่งแห่งภพนั้นก็เข้า นิพพาน
3.อสังขารปรินิพพายี  เมื่อเกิดในภพใดภพหนึ่ง อายุใกล้จะหมด ก็เข้านิพพาน
4.สสังขารปรินิพพายี เข้าถึงนิพพานด้วยความเพียรมาก ๆในชาติปัจจุบัน
5.อุทธังโสโต อกนิฏฐคามี เมื่อเกิดในภพใดภพหนึ่ง สิ้นอายุแห่งภพนั้นเลื่อนขึ้นไป สู่ อกนิฏฐภพ  จึงเข้า นิพพาน

ผู้ที่เป็นพระอนาคามี แล้วกำลังละสังโยชน์ ข้อที่ 6 -10
ชื่อว่าได้บรรลุเป็น พระอรหัตมรรค ( ผู้ทรงอารมณ์แห่งพระอรหันต์อย่างต่อเนื่อง )
ผู้ที่เป็นพระอนาคามี แล้วละสังโยชน์ข้อที่ 6 – 10
ได้ชื่อว่า พระอรหัตผล หรือ พระอรหันต์ ( ผู้เสวยอารมณ์แห่งพระอรหันต์ อย่างถาวร )
สำหรับพระอรหันต์ไม่มีการเกิดอีกต่อไป ซึ่งที่ผมได้แจกแจงลงไว้เพราะ  หลวงพ่อพระเถระหลายท่านให้ช่วยแจกแจงให้เพื่อให้ทราบว่า การเวียนว่ายตายเกิดหลังจากสิ้นชีพแล้วมีจริง ไม่ได้เป็นด้วยอรรถแห่งนิพพานที่อยู่บนโลกด้วยอารมณ์ใจเท่านั้น

ปัจจะเวกขะณะญาณ ของพระอรหันต์ มี 1
1.นิพพาน เท่านั้น

ส่วนพระอรหันต์ นั้นมี  นิพพาน เป็นอารมณ์ แต่ท่านก็ยังไม่ได้นิพพาน

คำตอบอยู่ที่ธรรม เรียกว่า นวโลกุตรธรรม 9 ประการ ก็เป็นการบอกได้ว่า พระอรหันต์ ยังไม่ได้ นิพพาน

  จึงแบ่งออก มรรค 4 ผล 4  และ นิพพาน 1

     อันนี้หมายความว่า นิพพาน จักมีได้ต้องกำหนด นิพพาน เป็นอารมณ์

ใน พระอภิธรรม ก็แยกเป็นหมวด ต่างหาก

    รูป จิต  เจตสิก  และ นิพพาน

 คำตอบ ใน มหาสติปัฏฐาน สันโดด ของ หลวงปู่ นั้นค่อนข้างจะชัดเจนมาก ให้อ่านกันหลาย ๆ รอบ

วิสัชชนาไว้เพียงเท่านี้ ก่อน

เจริญพร

 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ความเป็นพระอริยะบุคคล ไม่กลับไปกลับมา
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 18, 2015, 01:48:20 pm »
0


     ความเป็น พระอริยะบุคคลอันไม่มีทางกลับมาเกิด :035: :035: :035:
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา