พิมพ์

[komol]

น่าเสียดาย คำภาม-ตอบ ขั้นสูง ไม่ได้มีการเผยแผ่ ทางเว็บทั่วไป

    ต้องเรียนเพื่อน ๆ สมาชิก ทุกท่าน อย่างนี้ว่า จากที่ผมได้ติดตามเนื้อหาเว็บนี้ ตั้งแต่เริ่มมีเว็บก็หลายปี นะครับ แต่เนื้อหาของเว็บ ขั้นสูง ไม่ได้เป็นเนื้อหาสาธารณะ จึงทำให้ อรรถรส ทางด้าน เนื้อหาการปฏิบัติขั้นสูง ไม่ปรากฏข้อความที่นี่ เนื่องด้วย ระเบียบประเพณี ของสายกรรมฐานเอง เป็นตัวฉุดให้เนื้อหาเหล่านั้น ไม่ปรากฏคงอยู่ สังเกตจาก ผู้สอบถามปัญหากรรมฐาน สองสามปี มานี้ ไม่มีใครสอบถามเพราะว่า เมื่อสอบถามไป เนื้อหาก็ไม่ปรากฏในเว็บ จะเป็นการตอบส่วนตัว หรือ ไม่ตอบเลย ซึ่งเป็นที่น่าเสียดาย

    ผมเอง เวลาจะถามเดี๋ยวนี้ ก็ไม่ใคร่ถามแบบเมื่อก่อน เพราะว่า เข้าใจว่า จะตอบแบบไหน ?
    ส่วนมากคือไม่ได้รับคำตอบ ถ้าไม่ได้ขึ้นกรรมฐาน ด้วย ก็ตัน ด้านการถาม ....

    ซึ่งหลายปีมานี้ การภาวนา มันก็ต้องสูงขึ้น คำถามที่ถาม จึงมีเนื้อหา เข้มข้น

    สุดท้าย กรรมฐาน สายนี้ ที่หมดลง คงเป็นเพราะประเพณี ... ที่สืบกันไว้

    เป็นที่น่าเสียดาย นะครับ

   

[komol]

อีกเหตุหนึ่ง คงเป็นเพราะ สมาชิก หันไปใช้ Facebook กันมากขึ้น
สังเกตจากสมาชิกที่นี่ ไปออนไลน์ ในเฟคบุ๊ค และโต้ตอบสอบถามในนั้นกันเป็นส่วนใหญ่

    เพราะเห็นสมาชิก หลายท่านที่ดูเหมือนจะเป็นสมาชิก ทีมงาน โพสต์เนื้อหาในเฟคบุ๊คกันทุกวัน แต่ที่เว็บไม่มีใครเข้ามาโพสต์ นอกจากคุณ Raponsan กับ พระอาจารย์ เท่านั้น

    น่าจะเป็นเพราะว่า มือถือ เข้าถึงเนื้อหาทาง เฟคบุ๊ค ได้ง่ายกว่า
    ( ผมก็คิดอย่างนั้นนะครับ เพราะว่า มือถือสมัยนี้ ซัพพอร์ท เรื่องนี้ตรงเร็วกว่า เข้าดูเว็บ )

 

[ธัมมะวังโส]

ถูกต้อง กระแส การใช้ มือถือ ในปัจจุบัน ดีกว่า ระบบ พีซีแล้ว
  การเข้าเว็บ มาใช้งานนั้น ยังนิยมเพราะผู้ใช้ พีซี ( PC ) ระบบปฏิบัติการ Window

ส่วนคนส่วนใหญ่ ในปัจจุบัน จะนิยมมือถือ เพราะว่าราคาถูกกว่า พีซี และใช้ระบบ ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน คือ มีมาให้ เลยและฟรี อย่างระบบ Android เป็นต้น

   ดังนั้นคนส่วนใหญ่ ติดตาม เว็บผ่าน เฟค ตอนนี้ยอมรับ เว่าเยอะ ถึงแม้พระอาจารย์ จะดำเนินกลยุทธิ์ คือ คัดเพื่อนออกเพื่อให้มาติดตาม ทาง ระบบ เว็บ แต่ ปัจจุบัน ต้องบอกว่า ตรง ๆ ไม่สำเร็จ

   ส่วนพวกลูกศิษย์ ตอนนี้ เขาก็ชอบความง่าย ตาม สังคม ดังนั้นก็ไปโพสต์ กันอยู่ ในระบบเฟค เพราะว่า จะวางภาพ ก็ไม่หาย โพสต์ข้อความง่ายกว่า หลาย ๆ คนก็โพสต์ อยู่ในนั้น จนเคยชิน ไม่กลับมาโพสต์ ที่เว็บกัน

    ( อันนี้ก็เป็นกลไก ที่ทราบดี อยู่แล้ว ว่า ตัวเว็บ ถึงจุดอิ่มตัว แล้ว คงสถานะ ไว้เป็นห้องสมุด เท่านั้นในปัจจุบัน )

   แต่กระแสข้อความ ถึงแม้ เฟคบุ๊ค ดูจะง่ายแต่การใช้งานหลัก ๆ ด้านเนื้อหา ยังทำระบบ ที่เป็นเนื้อหาตรง ๆ ไม่ได้ ดังนั้นตัวเว็บ จึงต้องมีอยู่

     

[ธัมมะวังโส]

ส่วนเรื่องเนื้อหาขั้นสูง อันที่จริง ก็ไม่ได้ ลึกลับ แต่ที่มัน ลึกลับ ก็เฉพาะคนที่ ไม่สนใจในกรรมฐาน จริง ๆ ไม่พร้อมที่จะเรียน แต่อยากศึกษาหาความรู้ ไว้เป็นเครื่องประดับ มากกว่า

    วิชากรรมฐาน หลัก ๆ แล้ว ถูกถ่ายทอดลงไปแล้ว ที่ห้อง วิชาศิษย์สายตรง ผู้ที่ได้รับอนุญาต ก็พิจารณา บุคคลเข้าไปอ่าน มีทั้งที่ไม่ใช่ศิษย์ด้วย นับว่า เปิดกว้างไปแล้ว นะ ไม่ได้หวง เพียงแต่ให้หัวช้อเป็นส่วนใหญ่ คำอธิบาย ไม่ได้อธฺบายไว้ ซึ่งพิจารณา เหมือนพระไตรปิฏก พระพุทธเจ้า พระองค์ให้หัวข้อไว้ ส่วนอรรถาธิบาย ให้เป็นหน้าที่ ของครูอาจารย์

    เจริญพร

     

[นิรตา ป้อมนาวิน]

 

[saieaw]

คือ อย่างนี้ เจ้าคะ

    เนื้อหา กรรมฐาน ช่วงหลังที่พระอาจารย์ โพสต์นั้น ดู และ อ่านแล้ว เกินปัญญาวิสัย ของหนูไปมากแล้ว เลยอ่านไม่เข้าใจ คะ ยิ่งไม่ได้รับการฝึก กับพระอาจารย์ ด้วย อีก โดยตรง ยิ่งแย่ใหญ่เลย

   บอก ตรง ๆ เลยคะ อ่านช่วงหลัง ๆ มานั้น ไม่ค่อยเข้าใจ ถึงขั้นว่ายาก เลยคะ

 

[fasai]

ที่เฟค นั้น มีความรู้สึกเป็นส่วนตัว มากกว่า ที่เว็บ คะ

   ที่เว็บ เวลาโพสต์อะไร ลงไป ถ้าไม่ถูกใจ สมาชิก เกรง วิบาก ทางคำพูด ด้วยคะ

  แต่ถ้าเป็นทางเฟค มักจะได้รับ คำเตือนอ่านก่อน เลือกไม่ได้ ด้วย คะ แถมลบไปเลยก็ได้คะ

   สรุปคือ ทางเฟค ส่วนตัวมากกว่า โพสต์ ทางเว็บ คะ
    ส่วนตัวชอบอ่านในเฟค คะ

 เหมือนข้อความสั้น ๆ ที่มาให้อ่าน เหมือนพวก เพจลิ้ง สมัยก่อนคะ ชอบแบบนี้ คะ
 ช่วงหลัง ๆ ก็เห็น กลุ่มสมาชิก ที่นี่โพสต์ แต่ในเฟค กัน นะคะ ไม่มีใครมาโพสต์ ที่เว็บ เลย นอกจากคุณ Raponsan คนเดียว ที่ยังมั่นคง โพสต์ทุกวัน

     

 

[raponsan]

ขอใช้สิทธิ์พาดพิง..ขอรับ ทางเฟซบุ้คผมก็โพสต์นะ ข้อธรรมที่โพสต์ส่วนหนึ่งก็ไม่มีในเว็บ เพียงแต่ว่า สมาชิกในเว็บมัชฌิมาส่วนใหญ่ ไม่ได้เป็นเพื่อนในเฟซบุ้คเท่านั้น  อีกอย่างในเว็บมัชฌิมา หากต้องการคุยเป็นส่วนตัว สามารถใช้เมนู "ข้อความส่วนตัว" ได้ (อยู่ด้านบน) จะลบจะแก้ไขอย่างไร ก็ทำได้คล้ายๆ กับเฟซบุ้ค

 

[ธัมมะวังโส]

รับทราบ แต่ คงขวางกระแสโลกไม่ได้
  ส่วนข้อความธรรม ก็ มีทั้งหนัก และ เบา
     ตรงไหน อ่านเข้าใจ ก็อ่านซ้ำ ๆ และกระทำไว้ในใจ ให้แยบคาย
       ตรงไหน ที่มันยาก ก็ข้ามไปก่อน บารมีพอแล้ว ก็มาอ่านทำความเข้าใจ เพื่อทดสอบตนเอง
 ที่ตื่นแล้ว

    ก็ขอให้ทุกท่านใช้ประโยชน์ จากเว็บ ให้สูงที่สุด นะจ๊ะ

  เจริญธรรม / เจริญพร

 

[PRAMOTE(aaaa)]

    สาธุ สาธุ ครับ

[pongsatorn]

ผมว่า เว็บบอร์ดทางด้านกรรมฐาน ของที่นี่ มาถึงขีดจำกัด ทางด้านประเพณี แล้ว ครับ  คือ การไม่บอกธรรมแก่ผู้ที่ไม่ได้ขึ้นกรรมฐาน ถึงแม้ผู้ที่มาเรียนกรรมฐาน จะมีความศรัทธาตรงต่อพระธรรม แต่ถ้าไม่ยอมเข้าสังกัดทางด้าน สายศิษย์แล้ว ก็จะไม่ได้เรียนธรรม ที่สูงขึ้น นี่คือ ขีดจำกัดของกรรมฐานสายนี้ ซึ่งเป็นประเพณี ที่ผูกติดด้วยวัฒนธรรม หลายอย่าง
 
    ส่วนตัว มองว่าเป็นข้อเสีย ทำให้ พระธรรมกรรมฐาน ไม่สามารถ ลุล่วงต่อการเผยแพร่ สู่คนที่มีวาสนา ได้

    ถ้าพระอาจารย์ สามารถ มองข้ามประเพณี ทางด้านนี้ได้ ผมเชื่อว่า กรรมฐาน สายนี้ น่าจะเผยแพร่ ได้กว้างขึ้นนะครับเหมือน สาย วัดป่า ซึ่งก็มาเรียนในสายนี้ แล้วก็ผันวิชชา ออกไปเป็น มุตโตทัย ตามแบบหลวงปู่มั่น ซึ่งทุกวันนี้ มีคนเผยแพร่ มากมีครูกรรมฐาน ด้านนี้มากเลย มีศูนย์กลางอยู่ที่วัดธรรมมงคล

     ไม่ใช่เป็นการเสนอแนะนะครับ แต่ผมเข้าใจดีว่า มันเป็นประเพณี ข้อจำกัด ในการเรียนธรรม ของสายกรรมฐานนี้

   

[นักเดินทาง]

ผมว่า ลองไปอ่าน ที่ผมเคยทำวิเคราะห์ไว้ดีหรือไม่ ครับ

จุดเด่นของกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ครับ
  http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=6200.0

[นักเดินทาง]

ผมว่าปัญหา จริง ๆ ผมลองวิเคราะห์ดู ในฐานะ ศิษย์วัดพลับ เหมือนกันนะครับ

   ว่า ทำไม กรรมฐาน สายนี้ จึงไม่แพร่หลาย

   ผมประเมินจากที่ผมไปร่วมปฏิบัติ ที่วัดราชสิทธาราม หลาย ๆ ต่อหลายครั้งเลยนะครับ ทั้ง ที่ไปนอนและไปทำบุญ และได้สนทนากับ พี่ ๆ เพื่อน ๆ คนเก่า ๆ หลายท่าน ตลอดถึงตัวครูกรรมฐาน ด้วยนะครับ มีข้อสรุปดังนี้

    1. ผู้ปฎิบัติ ไม่ได้เรียนกรรมฐาน ตามขั้นตอนจิต เพียงแต่จำคำตอบแล้วตอบ ก็ได้เลื่อนขั้นกรรมฐาน การเลื่อนกรรมฐานแบบนี้ ผมดูจากเพื่อนผม ที่ไปด้วยกัน ประมาณเกือบ 20 กว่าท่าน ปัจจุบัน 19 ท่านนั้นเปลี่ยนสายกรรมฐานไปสายอื่น แล้ว ส่วนใหญ่ จะไปสายยุบหนอ พองหนอ และ ก็วัดธรรมมงคล ทั้ง ๆ ที่ 19 ท่านนี้ เคยได้เข้าสะกดกรรมฐาน ด้วย ในขณะที่ตัวผมเอง ยึดหลักตามพระอาจารย์ สนธยา ที่นี่ ไม่ตอบตามตำรา แต่ตอบตามจิตที่เห็น ผมจึงไม่ได้เข้าสะกด แต่ผมรู้คำตอบ เพราะ 19 ท่านนั้นผมเป็นคนบอกให้ตอบ และดูว่าผ่านไหม ? ซึ่งก็ผ่านตามที่คาดไว้ แต่สุดท้ายท่านทั้งหลายเหล่านั้น ทำไม จึงเปลี่ยนสายกรรมฐาน

    2. พระที่วัดราชสิทธาราม ไม่มีพระรูปใด สนใจเรื่องกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เลย แม้แต่คณะ 5 ปรึกษากับพระคุณเจ้า ได้เพียง 2 รูปเท่านั้น คือ หลวงพ่อพระครูสิทธิสังวร ( หลวงพ่อจิ๊ว ) และ พระหนุ่ม ( ผมเรียกท่านว่า อาจารย์ สมศักดิ์ ) แต่ ท่านอาจารย์ หลายครั้งที่ตอบไม่ได้

     3. คนที่ว่าปฏิบัติได้ ในสายวัดพลับ ทำไมจึงไม่กลับมาช่วยงาน ส่วนตัว อนุมาน แท้ที่จริง ยังไม่สำเร็จในกรรมฐาน จริง ๆ นะครับ เพราะถ้าสำเร็จจริง ๆ คงไม่ทิ้งครูอาจารย์กัน

     4. สำนักส่วนกลาง ไม่เน้นเรื่องสอน แต่เน้นไปเรื่องปลุกเสก สร้าง และเร่งทำพิพิธภัณฑ์ และการถ่ายทอดเป็นตำรา มากกว่า ผมไปทำบุญหลายครั้ง และก็พัฒนากรรมฐาน

     5. มีพระที่ปฏิบัติในสายนี้ แต่ ไม่ได้รับการส่งเสริม จาก ทางส่วนกลาง
( คิดว่าหลายท่าน คงพอจะเดาได้ นะครับ ไม่ต้องเอ่ยนาม )

     6. แต่ตัววัดพลับเองนั้น ยังคงความน่าเชื่อถืออยู่ด้วย ตัววัด บารมีหลวงปู่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นคนที่ไป ก็จะมีจำนวนประปราย ไปเรียนครั้งเดียวแล้วไม่กลับมาอีก น่าจะมีจำนวนเยอะ มีเพื่อน ๆ ผม นอกจาก 20 ท่านแล้ว ที่พาไปทำบุญแล้ว ได้ขึ้นกรรมฐาน ชวนไปอีกก็จะบ่ายเบี่ยงไม่ไป กัน

     ( ยังมีอีกหลายข้อ นะครับ นี่คือส่วนกลางที่ผมเข้าไปสัมผัสเอง ด้วยตัวเอง สำหรับความเห็นนี้ ถ้ามีประโยชน์ ก็ให้เป็นบุญบารมีที่เพิ่ม เพื่อช่วยเหลือสืบต่อพระกรรมฐาน แต่ถ้าไม่มีประโยชน์ ก็ให้พี่น้องทุกท่านอย่าได้ใส่ใจในสิ่งทีผมแสดงไปเลยนะครับ )


   

[นักเดินทาง]

ขอแสดง ความเห็น กับ ส่วนของสระบุรี บ้างนะครับ
   
    อันที่จริง มีเรื่องที่ประทับใจในส่วนของสระบุรี โดยส่วนตัวกับผม ก็เยอะนะครับ โดยเฉพาะคำปรึกษาทางด้านกรรมฐาน ที่ได้รับคำตอบไวมาก ๆ จนเหนือความคาดหมาย และที่สำคัญ ตัวเว็บเพจ เฟคบุ๊ค ทวิตเตอร์ ของที่นี่มีคนรู้จักมาก แพร่หลาย อาจจะเป็นเพราะว่าผู้จัดทำไม่ได้หวังผลประโยชน์ ชื่อเสียงทำงานปิดทองหลังพระ จึงทำให้เว็บพัฒนา อย่างอิสสระ

    ก็ขอชี้แนะข้อบกพร่อง ของที่นี่บ้างนะครับ ( ควรมิควรแล้วแต่พิจารณานะครับ )

    1. พระอาจารย์ ไม่มีที่อยู่เ้ป็นหลักแหล่ง ติดต่อได้ยาก
     อันที่จริงใช้คำว่า ไม่มีที่อยู่ก็ไม่ถูก เพียงแต่ว่า ท่านสังกัดอยู่วัดแก่งขนุน แต่ตัวไม่อยู่ ไปอยู่ในที่ ๆ ท่านชอบและอนุญาต ศิษย์ไม่กี่ท่านได้เข้าพบสนทนาเพิ่มธรรม อุปัฏฐาก อันนี้นับว่าเป็นเรื่องลำบากมากในการไปหาพระอาจารย์ ที่นี่ แต่ก็ยังพอมีทางออก คือนิมนต์ท่านมา อมรม สนทนา งานต่าง ๆ ได้ ผมได้พบพระอาจารย์ในงานหล่อพระของวัดราชสิทธาราม หลายครั้ง และเคยสนทนากับท่าน ในงานวิสาขบูชา ปีที่แล้ว ยังถามท่านเลยว่า พระอาจารย์ไม่มาออกบูธ ที่สนามหลวงบ้าง ท่านตอบว่า เดี๋ยวจะเกินหน้า เกินตา คณะ 5 วัดราชสิทธาราม มากไป ไม่สวยงาม ท่านพูดเสร็จก็หัวร่อ แต่ที่จริงผมอยากให้ท่าน มาออกบูธ โฆษณา กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ สายวัดพลับบ้างนะครับ ผมมองแล้ว ถ้าจะถามตอบเรื่องกรรมฐาน พระอาจารย์สนธยา ท่านตอบได้ดี เพียงแต่บางครั้งท่านยังตอบแบบเกรงใจ ทางส่วนกลาง อยู่

    2. ศิษย์สายสระบุรี ยังไม่แข็งแรง รวมตัวกันไม่ได้ นะครับ ผมเคยไปร่วมงานที่บ้านคุณจิตตรี หนึ่งครั้งแต่ดูเหมือนสายธรรม ยังไม่ค่อยเข้าขากัน และเห็นว่า ช่วงหลังที่นี่ปิดตัวเพราะว่า คุณจิตตรีเปลี่ยนสายธรรมด้วย ก็น่าเสียดาย แต่พระอาจารย์ท่านเคยพูดอยู่ว่า ทำแบบนี้ไม่ได้นานหรอก ผมเองก็เชื่ออยู่ว่า ถ้าศิษย์สายสระบุรี ที่ไม่ได้เก่งคอมพิวเตอร์ นั้นผมว่ามีหลายท่าน เพียงแต่ไม่ได้มาเล่นเน็ต เล่นเฟค

       เคยทดสอบ ถามธรรม กับ หลายท่าน ที่นี่แต่ เวลาตอบบางท่านตอบไม่ตรงกับที่พระอาจารย์ตอบแสดงว่าความชำนาญในด้านวิชากรรมฐาน นั้นศิษยืสายอุปัฏฐาก น่าจะไม่ได้อ่านข้อความ ในห้องศิษย์สายตรง นะครับเพราะหลักวิชา พระอาจารย์โพสต์ไว้แล้ว

      3. น่าเสียดาย ที่พระอาจารย์ ท่านมักน้อยอยู่ตอนนี้ คือ ท่านทำงานดูเหมือนจะองค์เดียว เท่าที่สังเกตดูนะครับไม่ว่าจะเป็นจัดรายการ ตอบธรรม โพสต์ ดูเว็บ ผมคาดการณ์ว่า พระอาจารย์เป็นผู้ดำเนินงานแต่เพียงผู้เดียว สังเกตเวลาที่ท่านเดินทาง อย่างเช่นช่วงที่ไป กทม สิ้นปี จะเห็นว่า เว็บหยุดหมดทุกอย่าง ยังเว้นแต่เสียงธรรม แต่เสียงธรรม ก็จะมีในช่วง 17.00 น. ถึง 21.00 น. คิดว่าน่าจะมี คนช่วยเปิดดำเนินงานตรงนี้ในเวลานี้ แต่ตัวเว็บ หยุดหมดทุกอย่างทั้งเฟค และ เว็บ แต่ก็ยังมี คุณ raponsan และ คุณ aaaa ยังโพสต์อยู่ แต่ถ้าเป็นอย่างปีก่อน ที่เดินทางไปขอนแก่น จะเห็นว่า ตัวเว็บหยุดหมดทุกอย่าง แต่ก็ยังเหลือเสียงธรรม เวลาเก่า แต่เว็บจะนิ่งนั่นหมายความผู้โพสต์ ดูแลทั้งหมดไม่อยู่ นั่นเอง

      4. เท่าที่สังเกต คือ สระบุรี ยังขาด สถานที่ นะครับ

     ควรมิควรแล้วแต่จะพิจารณา นะครับ
     ขอบคุณที่ยังทำงานเผยแพร่ธรรม แจกความรู้ ไม่ว่าจะเป็นพระอาจารย์ หรือ ศิษย์พี่ ศิษย์น้องทุกท่าน ผมคิดว่า ถ้าจะไปต่อไปได้ก็ต้องมาระดมความคิดกันสักครั้ง แต่ การระดมความคิดก็ต้องอาศัยผู้ที่ปฏิบัติได้ ด้วย ถึงจะเข้มแข็ง ถ้าปฏิบัติไม่ได้ ภาวนาไม่ได้ ก็คงจะต้องหนีกันอย่างเพื่อน ๆ ผม ชวนผมไปวัดธรรมมงคลทุกวัน

      ผมเชื่อมั่นว่า ครูอาจารย์ที่นี่ จะสานงานเผยแพร่พระกรรมฐาน สายนี้ไว้ได้ ครับ

     
   

[kobyamkala]

ให้ความเห็นรวม ได้โดนใจ มากคะ

 

[Admax]

 


    โดยส่วนตัวผมนั้นเห็นว่า กรรมฐานสายนี้ ยังไม่หมดลงไปง่ายๆหรอกครับ

    แต่ในเรื่องเบื้องลึกอาจจะมีผู้รู้น้อย
    หรือบางท่านอาจจะถึงเบื้องลึกนั้นแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเบื้องลึกของกรรมฐานสายนี้
    ด้วยเพราะประเพณีที่ถือตามๆกันมาแต่โบราณ

    แต่ผมเชื่อมั่นว่า หากเมื่อถึงเวลาอันควร..ก็คงมีพระอริยะสงฆ์ผู้รู้ครบเจนจบดีแล้ว ท่านมาเผยแพร่อีกครั้งเองโดยในข้อกรรมฐานนั้นมีเผยแพร่ให้ทั้ง เบื้องต้น ท่ามกลาง และ เบื้องลึก ด้วยปารถนาให้กรรมฐานสายนี้คงอยู่ และ เพื่อให้คนทั้งปวงเข้าถึงและหลุดพ้นจากกองทุกข์ด้วยกรรมฐานสายนี้เองครับ

[sinsae]

 

[pakorn]

 

[นักเดินทาง]

ผมเชื่อมั่นว่า กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับไม่หมดไปหรอกครับ เพราะว่า กรรมฐานนี่แหละที่จะอยู่ จนสิ้นพุทธกาล เพียงแต่ว่า ผู้เข้าใจจะมีน้อยลง ครับ

 และก็เชื่อว่า ตราบใดที่พระพุทธศาสนา ยังไม่สิ้นสายกรรมฐาน สายนี้ก็มีผู้สืบทอด แน่นอน

  คำว่า ผู้สืบทอด ไม่ใช่การแต่งตั้งจากสำนักส่วนกลาง อย่าง วัดราชสิทธาราม เพราะพระอริยะเถราจารย์ ท่านก็ไม่ได้อยู่ประจำวัดราชสิทธาราม นะครับ ให้มองตามความเป็นจริง ด้วยนะครับ และการถ่ายทอดธรรม ที่บรรดาพระอริยะเถราจารย์ ที่ท่านไม่ค่อยเข้ามายุ่งกับโลกนั้น ผมเชื่อว่ายังมีอีกมาก ทั้งพระ และ ฆราวาส ที่มีวาสนา ครับ

   
     

  ขอบคุณทุกความเห็น

   แต่ที่สำคัญ ผู้ที่ไม่ได้แสดงความเห็นอย่างครูอาจารย์ ท่านก็ยังไม่ได้หยุดทำงาน เหมือนพวกเราที่หยุดโพสต์ หยุดอ่าน ที่นี่ครูท่านยังทำงานอยู่ทั้งวัน ทั้งคืน วันก่อนเห็นโปรแกรมสถานีออนไลน์ ทางมือถือ เขียนเองเลย

    ถ้าจะพิจารณากันจริง ๆ แล้ว ครูกรรมฐาน ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เชี่ยวชาญชำนาญการเผยแพร่ธรรม และ ทรงปัญญาความรู้ทางโลกอีก เป็นระดับโปรแกรมเมอร์ด้วย ผมว่า หายากนะครับ

     

[suchin_tum]

 
      สาธุ  ก็ยังดีใจ นะที่ยังมีผู้ที่เข้าใจ

             ใครเข้าใจ ใครรู้ ใครอยากได้ ก็ควรฝักไฝ่เอาไปได้..ครูก็คงไม่ได้หวง

       ถ้าท่านได้ธรรม และภูมิธรรมท่านมีจริง......เดี๋ยวสีมันก็ออก...ครูเค้าเห็นเค้าคงไม่หวง (วงเล็บต้องขึ้นกรรมฐานแล้ว)

                 ส่วนไอ้ที่ไม่มีสีขี้คุย ว่าได้โน่น ได้นี่  ได้จริงไม่จริง เดี๋ยวก็ฟุ้งซ่านเข้าตัวเอง

                   เรื่องศิลไม่เต็มมันไม่ใช่กรรมเรา


        เรื่อง   สมาธิพื้นฐาน
 ครูเคยเล่าให้ฟัง.....ว่าแค่กายสุขจิตสุขเนี่ย....เงียบ  ไม่คุย ไม่ถอย ไม่หนีไปไหนเพราะเชื่อเพราะศรัทธาครู

   และไม่ต้องการจะโฆษณาบอกใคร...เรียกง่ายๆว่าไม่อยากจะให้ใครรู้ด้วย

     ไม่มีคำว่าเปลี่ยนค่าย   หรือเปลี่ยนย้ายสังกัด

    ศรัทธารักใคร่ในพระกรรมฐาน ศรัทธาครูไม่หนีไปไหน



         ส่วนไอ้ที่หนีนี่  นี่มันยังไม่ได้อะไร

      ใครที่ได้บอกตามตรงเลย ว่าเค้าเมิน และไม่บอกอะไรด้วย

       เพราะมันบอกไม่ได้ ไม่อยากไปยุ่งกับความมีตัวมีตน

         จึงไม่มีคำอธิบายอันใด


  สรุปสุดท้าย......คือ........มันขึ้นอยู่กับบุญวาสนาที่ทำมาร่วมกัน


       ใครตาดีก็ได้....ตาไม่ดี(ก็เวียนว่ายตายเกิดต่อไป)


               เพราะที่นี่...กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ(กรรมฐานโบราณของพระพุทธเจ้า)


                             อย่าให้ใครมาปรามาสวิชาตำรา ที่นี่ไม่มีฝ่ายขาย ไม่มีโชร์ออฟ

                            ใครอยากเรียน เรียน เพราะมีครูผู้สอน

                         ใครไม่ชอบ ไม่ต้องเรียน   มันเสียเวลาครูท่าน



         คุยเป็นเพื่อนยามเช้า.......ขออนุโมทนาสาธุในธรรมของท่านทั้งหลาย ผู้รักการภาวนา มานะที่นี้