ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น"  (อ่าน 5781 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
"ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น"
« เมื่อ: ธันวาคม 14, 2010, 10:54:59 pm »
0
หนังสือ "ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น"


ทันตแพศย์สม สุจีรา


1.ชีวิตไอน์สไตน์

       ทุกๆหนึ่งปี จะมีมนุษย์ระดับอัจฉริยะ เกิดขึ้นมากมาย  ทุกๆหนึ่งร้อยปี จึงจะมีระดับมหาอัจฉริยะเกิดขึ้น  แต่สำหรับ อภิมหาอัจฉริยะ ต้องรอกันถึงหลักพันปี นับว่าเป็นโชคดีของมนุษยชาติ ที่เมื่อหนึ่งพันปีที่ผ่านมา ได้มีมนุษย์ระดับอภิมหาอัจฉริยะเกิดขึ้นถึงสองคน คือ เซอร์ ไอแซค นิวตัน และ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์  คนแรกเกิดมาเพื่อพลิกโลก ส่วนคนที่สองเกิดมาเพื่อพลิกจักรวาล


          ชีวิตของไอน์สไตน์ค่อนข้างเรียบง่าย  เขาไม่ชอบแต่งตัว ไม่หวีผม (มีคนบรรยายว่าทรงผมของเขาเหมือนถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อต)   ไม่สวมถุงเท้า และใส่เสื้อผ้าชุดเก่าๆ จนวันหนึ่ง คณะของรัฐมนตรีเยอรมนี จะมาเยี่ยมที่บ้าน  เอลซ่า ภรรยาของเขาทนไม่ได้ ขอร้องให้ใส่เสื้อผ้าดีๆ แล้วสวมถุงเท้าสักหน่อย เพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง 

ไอน์สไตน์ทำท่าครุ่นคิดแล้วตอบว่า “ผมหลงเข้าใจผิดคิดว่าเขาจะมาหาผมเสียอีก ที่แท้จะมาดูเสื้อผ้าผม ถ้าอย่างนั้น  เวลาพวกเขามาถึงพาไปที่ห้องเก็บเสื้อผ้าเลยนะ ที่นั่นมีชุดดีๆหลายชุดเลยทีเดียว”


          มีคนเคยถามด้วยความสงสัยว่า ทำไมถึงชอบแต่งตัวแบบนี้ เขาตอบว่า “เป็นเรื่องน่าเศร้า หากกระดาษที่ห่อเนื้อ ดูดีกว่า เนื้อที่ซ่อนอยู่ข้างใน”

          ไอน์สไตน์ มีเพื่อนอันเป็นที่รักมากมายในทุกสาขาอาชีพ  เช่น มหาตมะ คานธี  , เยาวหราลล์ เนห์รู , รพินทรนาถ ฐากูร ,  มาลิรีน มอนโร  ,  ซิกมันด์ ฟรอยด์ , เบอร์แทรนด์  รัสเซล  ,  ชาร์ลี  แชพปลิน  , แฟรงคลิน  รูสเวลต์  ฯลฯ  ยังไม่นับผู้นำและราชวงศ์ประเทศต่างๆอีกมากมาย ส่วนผู้นำทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นเพื่อนเขาทุกคน

          ไอน์สไตน์ เป็นผู้ที่ทำให้โลกรู้จักโมเลกุลของน้ำ และสามารถหาขนาดโมเลกุลได้เป็นครั้งแรก  ทำให้โลกรู้ว่าแสงมีคุณสมบัติเป็นอนุภาค   รู้ว่าในมวลสารมีพลังงานซ่อนอยู่มหาศาล  รู้ว่าแสงโค้งได้  เวลาและ ระยะทางยืดหดได้  อวกาศบิดเบี้ยวได้  รู้จักหลุมดำ แรงโน้มถ่วง ฯลฯ 

           ทฤษฎีของเขาเป็นพื้นฐานที่สำคัญของเทคโนโลยีหลายชนิด เช่น เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ กล้องถ่ายรูป ระบบ GPS  ระบบไฟฟ้าอัตโนมัติ  เครื่องตรวจลมหายใจ  บาร์โค้ท  คอมพิวเตอร์   ดีวีดี  โทรทัศน์  กล้องจุลทรรศน์อิเลกตรอน  โทรศัพท์มือถือ   เครื่องถ่ายเอกสาร  แท่งใยแก้วนำแสง  ตัวเซ็นเซอร์ แสงเลเซอร์  พลังงานนิวเคลียร์  กัมมันตภาพรังสี ฯลฯ 

ส่วนในระดับจักรวาล ทำให้เราเข้าใจว่าดาวฤกษ์ส่องแสงได้อย่างไร  จักรวาลรูปร่างเป็นอย่างไร เกิดมาจากไหน และจะสิ้นสุดอย่างไร   น่าเสียดาย ที่เขาคิดทฤษฎีสนามรวมพลังไม่ได้ มิฉะนั้น เราอาจได้เห็นเครื่องหยุดเวลา  เครื่องร่นระยะทาง  ไฟฉายย่อส่วน  ตัวนำยิ่งยวด  ดาบเลเซอร์  หรือรถเหาะแบบในภาพยนตร์ ฯลฯ   

           ถ้าไม่มีไอน์สไตน์มาเกิด โลกจะย่ำอยู่ที่เทคโนโลยียุคนิวตันไปอีกนับพันปี  เช่นเดียวกับ ยุคกรีก โรมันโบราณ จนถึงยุคบางระจัน ห่างกันหลายพันปี แต่โลกตอนนั้นก็ยังมีแค่กฎของอาร์คิมิดีส  อริสโตเติ้ล ทำให้ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีใดๆเลย  การค้นพบของนิวตัน เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดของโลกในยุคใหม่ 

จนบางคนยกย่องว่า เขาเป็นบุคคลที่พระเจ้าส่งมาเกิด เพื่อเปิดเผยความลับของพระองค์   ไม่มีใครคาดคิดว่า หลังจากนั้น พระเจ้าจะส่งอภิมหาอัจฉริยะอีกคนมาเกิด ซึ่งเปิดเผยความลับของพระเจ้า ลึกล้ำยิ่งกว่า  และคนๆนั้น ก็คือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์


2.ศาสนาแห่งจักรวาล

         ศาสนาพุทธมีอิทธิพล ต่อนักคิด จิตแพทย์ นักจิตวิทยา นักวิทยาศาสตร์ตะวันตกในยุคนั้นมากมาย  ศาสตราจารย์คาร์ล กุสตาฟ จุง  นักจิตวิทยาชาวสวิส ผู้มีชื่อเสียงมากในโลกตะวันตก  กล่าวว่า “ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่สมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา ปรัชญาของพระพุทธเจ้า ยิ่งใหญ่เหนือลัทธิอื่นใดอย่างห่างไกล”       

          ไอน์สไตน์ ศรัทธาในแนวคิดของนักปรัชญาชาวยิว ที่ชื่อ สปิโนซา (Spinoza) มาก   สปิโนซา บอกว่าความรู้ของมนุษย์มี 3 ระดับ 

ขั้นต่ำสุดคือ ความรู้ที่ได้จากการเห็นด้วยตา  ได้ยินด้วยหู  ฯลฯ 
ระดับที่สองเป็นความรู้ที่ได้จากการศึกษาเล่าเรียน
และ ระดับที่สาม คือความรู้ที่ได้จากการหยั่งรู้ 

ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดเหนือกว่าความรู้ใดๆ   ซึ่งแนวความคิดของ สปิโนซา เหมือนกับ การแบ่งระดับความรู้ทางพุทธศาสนา  คือ
 
สุตตมปัญญา  จินตมยปัญญา และ ภาวนมยปัญญา 

ซึ่งเป็นปัญญาญานขั้นสูงสุด  ไอน์สไตน์เกิดปัญญาญานระดับนี้ โดยไม่ได้นับถือพุทธศาสนา และความเข้าใจ ก็ทำให้เขาศรัทธาในศาสนาพุทธมากเช่นเดียวกับศรัทธาในแนวความคิดของสปิโนซา


       นอกจากนั้น ไอน์สไตน์ยังได้ศึกษางานเขียนของ แม็กซ์ มุลเลอร์  นักปรัชญาชาวเยอรมัน ซึ่งมุลเลอร์เคยกล่าวไว้ว่า “ประมวลศีลธรรมของพระพุทธเจ้า สมบูรณ์แบบที่สุด เท่าที่โลกเคยรู้จักมา”

        ไอน์สไตน์  รู้ถึงความยากลำบากต่อการอธิบายสิ่งที่ตนเองค้นพบจากปัญญาญาน ให้บุคคลภายนอกเข้าใจ  และเขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่ง มีใจความว่า ...

“เป็นเรื่องยากมากที่จะอธิบายความเข้าใจในศาสนาแห่งจักรวาลซึ่งไม่ยึดติดกับพระเจ้า ให้กับคนอื่นๆที่ไม่มีความรู้สึกเช่นนี้ รับรู้และเข้าใจ” 

ขนาดสัมผัสทางกายเช่นน้ำตาลมีรสหวาน เมื่อได้ลิ้มรสแล้ว จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจยังไม่ได้ นับประสาอะไร กับการจะอธิบายสัมผัสทางใจ  และด้วยความเป็นห่วง ว่าศาสนาแห่งจักรวาล จะไม่สามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ เขายังได้เขียนไว้ต่อว่า

  “ในทัศนะของข้าพเจ้า เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ ที่จะต้องช่วยกันรักษาศาสนาแห่งจักรวาลนี้ให้คงอยู่”  ประโยคนี้ของไอน์สไตน์ ทำให้ยืนยันได้ว่า ศาสนาแห่งจักรวาล ได้เกิดขึ้นมาบนโลกนี้แล้ว
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ