ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คาถาแคล้วคลาดป้องกันอุบัติเหตุ  (อ่าน 1492 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29297
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
คาถาแคล้วคลาดป้องกันอุบัติเหตุ
« เมื่อ: มกราคม 19, 2017, 12:20:13 pm »
0



คาถาแคล้วคลาดป้องกันอุบัติเหตุ

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆ ท่าน ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา หลายครอบครัวได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...

ได้ไปเที่ยว ได้ไปทำบุญ ได้ดูแลคนที่เรารัก นับเป็นของขวัญที่มีค่าสำหรับชีวิต แต่หลายครอบครัวต้องพบกับการพลัดพรากแบบสุดช็อกกับอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่ใหญ่มาก สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เกิดแค่ปีนี้นะโยม หลายๆ ปีที่ผ่านก็เกิดขึ้นบ่อยมาก โดยเฉพาะรถโดยสารที่ให้บริการประชาชนโยมทั้งหลาย อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมาจากหลายสาเหตุ แต่หลักๆ ก็คือ

1. รถที่ให้บริการไม่มีความพร้อม ทางเจ้าของรถไม่ได้เช็กบำรุง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร
2. คนขับขาดวินัยจราจร (ใช้อารมณ์) ขาดหัวใจบริการ
3. ที่สำคัญมากๆ คือ เมาแล้วขับ
4. หน่วยงานที่ดูแลรถโดยสารไม่เข้าไปตรวจสอบความพร้อมของรถ และอบรมคนขับรถสาธารณะอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง
5. สุดท้ายคือ ชีวิตของบุคคลที่ประสบอุบัติเหตุถึงวาระพอดี (เรียกว่าสร้างกรรมร่วมกัน)


 st12 st12 st12 st12

โยมทุกท่าน เรื่องอุบัติเหตุนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากประสบพบเจอ ทุกคนพยายามที่หลีกเลี่ยงไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับตนเอง และคนที่เรารัก อย่างอาตมาก็เป็นกลุ่มเสี่ยงของอุบัติเหตุ เพราะต้องเดินทางเป็นประจำ

วันหนึ่งอาตมาได้รับนิมนต์ไปบรรยายแต่เช้า เราก็รีบ แล้วไปเจอคนขับแท็กซี่อารมณ์ขี้โมโห พอขึ้นรถเสร็จ แกก็ด่าซะสัตว์เลื้อยคลานรถ ด่าเสร็จก็หันมาหาแล้วพูดว่า “ใช่ไหมหลวงพี่”

“ได้ยินกันอยู่สองคนก็น่าจะใช่นะโยม” เพียงแค่นั้นยังไม่พอ คนขับแท็กซี่ ถามเราว่า “หลวงพี่ครับพร้อมที่จะเสี่ยงกับผมหรือยังครับ?”

อาตมาก็ถามว่า “มีอะไรหรือโยม?”

คนขับแท็กซี่ ก็พูดว่า “ไอ้คันข้างหน้ามันขับรถปาดหน้าผมครับ” พูดเสร็จ มันก็เหยียบคันเร่งอย่างแรงแล้วก็ไปปาดหน้าเขาคืน พร้อมพูดว่า “ชนกับกูไหมๆ รถกูมีพระนะโว้ย......” !!! ดูสิโยม ทางก็บอก เงินก็จ่าย มีปัญหายังจะให้ช่วยเคลียร์อีกต่างหาก ไม่มีประโยชน์อันใดกับความโกรธ มีแต่โทษทั้งต่อตนเองและผู้อื่น

โยมทั้งหลาย การขับรถนี่นะ ขับดีนั่งสบาย ขับร้ายตายแน่ ขับแย่รถพัง ขับไม่ระวังลงคู ขับไม่ดูชนเกาะ ขับไม่เหมาะหัวขาด ขับประมาทเป็นผี ขับไม่ดีเจอระเบิด ขับประเสริฐอยู่เย็น ขับไม่เป็นอย่า.....ขับ!

 :96: :96: :96: :96:

ธรรมะสำหรับคนมีรถ ก็คือ “มีวินัยและน้ำใจ” เติมในหัวใจอย่าให้ขาด โยมทั้งหลายถ้าขาดน้ำใจถนนกว้างใหญ่ก็คับแคบ ถ้ามีน้ำใจ ถนนแคบๆ ก็ไม่อึดอัด ต้องมีน้ำใจ มีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทาง

ไม่สำคัญหรอกว่า เราจะมีรถราคาแพงแค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าเรามีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทางหรือไม่ ไม่สำคัญที่ว่าเรามีรถสวยแค่ไหน แต่สำคัญอยู่ที่ว่าแสดงออกถึงกริยาที่สวยงามหรือไม่ ในเวลาที่ใช้รถใช้ถนน สิ่งแสดงออกไปมันอาจไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่มันส่งถึงคนใช้ถนนร่วมกัน

เมื่อพูดถึงเรื่องรถ อาตมานึกคำสอนของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุขึ้นมาทันที โยมคนหนึ่งซื้อรถใหม่ขับจอดที่หน้ากุฏิหลวงพ่อ แล้วขึ้นไปกราบหลวงพ่อ และให้เจิมรถให้เพื่อความเป็นสิริมงคล ท่านก็มีเมตตามาเจิมให้

แทนที่ท่านจะเจิมรถ ท่านกลับเจิมคน และพูดว่า “รถนั้นมันไปเองไม่ได้ คนเท่านั้นเป็นคนขับไปอย่างนี้มันต้องเจิมคนจึงจะถูก” ท่านก็เอาแป้งมาเจิมที่หน้าผากสามจุด แล้วพูดว่า “หนึ่ง ง่วงอย่าขับสอง เมาอย่าขับ สาม ขับรถอย่าประมาท...ปลอดภัยแน่นอน”


 :25: :25: :25: :25:

ดังนั้น รถที่ดีต้องมีเบรก คนดีต้องมีธรรม เป็นเบรกให้กับชีวิต คาถาที่สำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุ ก็คือ

หนึ่ง สติ ถ้าสติดีจะมีรอยยิ้ม สติถูกทิ่มรอยยิ้มจะไม่มี คนที่มีสติสามารถที่ควบคุมอารมณ์ตนเองได้เมื่อมีเรื่องที่ไม่ชอบใจมากระทบ

สอง สัมปชัญญะ ความรู้ตัว พูดง่ายๆ คือ เราต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา รู้เท่าทันอารมณ์ เมื่อเรารู้เท่าทัน เราก็อ่านตนออก บอกตนเป็น เห็นตนชัด จัดตนเองได้ถูกต้อง เรื่องที่หนักก็จะกลายเป็นเบาเรื่องใหญ่ก็จะเป็นเล็ก นะโยม

         เจริญพร
      พระมหาสมปอง


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.thairath.co.th/content/834978
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1076
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คาถาแคล้วคลาดป้องกันอุบัติเหตุ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 19, 2017, 03:53:45 pm »
0
 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ