ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อลังการมาก.! พบ “เมรุ” ใหญ่งดงามที่สุดในไทย สร้างด้วยงบศรัทธา 14 ล้าน  (อ่าน 527 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28362
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

เมรุเผาศพ วัดสังข์มงคล บ.ขยอง ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ใหญ่อลังการวิจิตรงดงามที่สุดในประเทศไทย


อลังการมาก.! พบ “เมรุ” ใหญ่งดงามที่สุดในไทย สร้างด้วยงบศรัทธา 14 ล้าน เจ้าอาวาสออกแบบเอง

สุรินทร์- พบ “เมรุเผาศพ” ใหญ่อลังการและวิจิตรงดงามที่สุดในไทย สร้างด้วยงบศรัทธากว่า 14 ล้าน ฝีมือเจ้าอาวาสพระหนุ่มนักพัฒนาเมืองช้างออกแบบเอง พระ เณร ชาวบ้าน และช่างท้องถิ่นช่วยกันก่อสร้าง หวังเป็นกุศโลบายไม่ให้กลัวความตาย พิจารณามรณานุสติตามหลักธรรมเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ประมาท

วันนี้ (12 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ทราบข่าวจากชาวบ้านว่าพบเมรุเผาศพวัดแห่งหนึ่งก่อสร้างอย่างยิ่งใหญ่อลังการตกแต่งด้วยลวดลายอันวิจิตรงดงาม และสีทองเหลืองอร่ามทั้งเมรุ ซึ่งหาดูได้ยากและแตกต่างจากเมรุเผาศพของวัดทั่วไปจนแทบมองไม่ออกว่าเป็นเมรุเผาศพ โดยชาวบ้านประชาชนจากทั่วสารทิศที่เดินทางมาทำบุญที่วัดแห่งนี้ส่วนใหญ่ให้ความสนใจเดินไปชมความสวยงามของเมรุแห่งนี้ก่อนเป็นอันดับแรก เบื้องต้นทราบว่าเมรุเผาศพดังกล่าวตั้งอยู่ที่วัดสังข์มงคล บ.ขยอง ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์




ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังวัดดังกล่าว พบกับชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังเดินชมความวิจิตรงดงามของเมรุเผาศพ และต่างทึ่งกับลวดลายที่ประดับตกแต่งเมรุอย่างวิจิตรงดงามและเหลืองทองอร่ามไปทั้งเมรุ พร้อมมีปฏิมากรรมปูนปั้นองค์เทวดายืนถือพุ่ม หอกและดาบอย่างสง่างามตั้งอยู่รอบเมรุทั้ง 4 ทิศ รวมทั้งเทวดานั่งเชิญฉัตรเรียงรายอยู่ตามราวบันไดขึ้นสู่เมรุสวยงามทั้ง 4 ทิศ และยังมีสัตว์ป่าหิมพานต์ พญานาค ต่างๆ ประดับรอบตัวเมรุทั้งด้านบนและด้านล่างรอบทั้ง 4 ทิศอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีศาลาธรรมมาศทั้ง 4 ทิศ หลังคาเป็นซุ้มไล่ระดับ 4 ชั้นอย่างสวยงาม เพื่อให้พระสงฆ์ได้ขึ้นประกอบพิธีบนเมรุ ซึ่งทั้งหมดเป็นการออกแบบของ หลวงพ่อญา สีลวัณโณ เจ้าอาวาสวัดสังข์มงคล บ.ขยอง ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่ได้ออกแบบทั้งลวดลายและประยุกต์รูปแบบการก่อสร้างเมรุจากที่ต่างๆ โดยไม่ได้ใช้นักออกแบบมืออาชีพอต่อย่างใด แต่เกิดจากการได้ไปเห็นรูปแบบเมรุจากที่ต่างๆ แล้วนำมาประยุกต์ออกแบบขึ้นใหม่เอง พร้อมใช้แรงงานชาวบ้าน พระ เณร และช่างในท้องถิ่นช่วยกันก่อสร้าง ด้วยงบประมาณก่อสร้างรวมกว่า 14 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้รับการบริจาคสมทบทุนจากญาติโยมพุทธศาสนิกชนที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อ




โดยเริ่มก่อสร้างวันที่ 11 ก.พ. 2560 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2562 รวมระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี และได้ทำบุญฉลองไปวันที่ 29-30 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเมรุแห่งนี้เป็นเมรุที่ใช้ประจุไฟฟ้าและเผาด้วยน้ำมัน ปล่องควันสร้างซ่อนไว้ 2 ปล่อง มองผิวเผินแทบจะไม่เห็น

นายตรี สังข์ลาย ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตาอ็อง ซึ่งเป็นผู้ช่วยสนับสนุนก่อสร้างเมรุและกุฏิวัดสังข์มงคล กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ ทั้งกรมศิลปากร คณะศึกษาดูงานจากหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งประชาชนในจังหวัดและต่างจังหวัดที่เดินทางมาดูต่างบอกว่าเป็นเมรุที่มีขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดในประเทศไทย เพราะมีศิลปะลวดลายที่วิจิตรงดงาม หาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

ส่วนงบประมาณก่อสร้างได้มาจากพุทธศาสนิกชนบริจาคช่วยกันทั้งหมด และหลวงพ่อเป็นพระนักพัฒนาอย่างแท้จริง ได้จตุปัจจัยมาเท่าไรก็นำมาก่อสร้างทั้งหมด ส่วนที่มีคนเชื่อว่าห้ามชมเมรุว่าสวยงาม หากชมจะมีเหตุทำให้เสียชีวิตตามความเชื่อมาแต่โบราณนั้น ปัจจุบันความเชื่อก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา




ด้าน หลวงพ่อญา สีลวัณโณ อายุ 34 ปี เจ้าอาวาสวัดสังข์มงคล บ้านขยอง ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า รูปแบบเมรุเป็นจินตนาการของอาตมาเอง ไม่มีแบบแปลนอะไร เห็นแบบจากหลายแห่งหลายวัด แล้วก็เอามาดัดแปลงประยุกต์ทำเอง โดยพยายามทำเมรุในรูปแบบที่ไม่ให้ผู้คนหวาดกลัว เพราะผู้คนส่วนมากจะกลัวเมรุกันเพราะเมรุส่วนใหญ่มองดูอึมครึมน่ากลัว ไม่กล้าแม้แต่เข้าไปจอดรถใกล้ๆ มองเห็นปล่องควันก็น่ากลัวแล้ว จึงมีแนวคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้คนกลัว

สามารถเข้าไปดูไปชมและพิจารณาถึงมรณานุสติ เหตุที่ต้องตายได้และไม่กลัวความตายกัน คนเข้ามาทำบุญที่วัดจะไปดูเมรุตลอด เด็กไม่กลัว ใครมาก็ไปถ่ายรูปกัน พูดได้ว่าส่วนมากจะเดินมาดูเมรุก่อน ไปกราบหลวงพ่อทีหลัง ซึ่งเป็นกุศโลบายไม่ให้คนกลัวความตาย ไม่ให้ประมาทกับความตายเพราะมันอยู่ใกล้เรา จึงให้มันอยู่ใกล้ชิดได้คลุกคลีกับความตายมากที่สุด คนเราไม่มีความสุขเพราะความกลัว กลัวอด กลัวอยาก กลัวจน กลัวตาย ทั้งที่ตามจริงแล้วมันมีมาแล้วมันก็ผ่านไป ตามหลักธรรมของการเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา

“นอกจากนี้ ปีหน้ากำลังคิดจะสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม บวชพราหมณ์ตลอดทั้งปี ซึ่งกำลังหางบประมาณซื้อที่นาด้านข้างวัดเป็นสถานที่ก่อสร้าง เพราะเราไม่ได้โชว์แค่ของสวยงาม ต้องใช้ธรรมะปฏิบัติ สอนญาติโยมตามหลักพระพุทธศาสนาด้วย” หลวงพ่อญากล่าวในตอนท้าย





หลวงพ่อญา สีลวัณโณ อายุ 34 ปี เจ้าอาวาสวัดสังข์มงคล









ขอบคุณ : https://mgronline.com/local/detail/9620000088042
เผยแพร่ : 12 ก.ย. 2562 22:36 , ปรับปรุง : 13 ก.ย. 2562 08:31 , โดย : ผู้จัดการออนไลน์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 13, 2019, 11:12:38 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ