เรื่องทั่วไป > forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน

ฮือฮา! ภาพโผล่ว่อนเน็ต อดีตพระดัง "ยันตระ" โผล่สร้างลัทธิใหม่

(1/1)

lamai54:


ฮือฮา! ภาพโผล่ว่อนเน็ต อดีตพระดัง "ยันตระ" โผล่สร้างลัทธิใหม่ ไว้หนวดเคราสีขาวรุงรัง แต่ห่มจีวรสวมกางเกง เดินนำพระสงฆ์บิณฑบาตในงานบุญของคนไทย

วันนี้ (2 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบรรณาธิการเดลินิวส์ ได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์ (ส่งต่อ) เกี่ยวกับนายวินัย ละอองสุวรรณ หรือ อดีตพระยันตระ อมรโรภิกขุ (พระวินัย อมโร) ที่แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์และมีการทำกิจวัตรคล้ายพระสงฆ์ รวม 3 รูป โดยรูปทั้งหมดไม่ทราบวันและเวลาในการบันทึกไว้ ทราบเพียงว่าเป็นภาพในงานหนึ่ง ในชุมนุมของคนไทยหรืออาจจะเป็นวัดไทยวัดใดวัดหนึ่ง ในเมืองเอสคอนดิโด้ แซนดิเอโก้  รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีการจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรพระภิกษุ โดยนายวินัย หรือ อดีตพระยันตระ แต่งกายที่แปลกออกไปจากพระสงฆ์ไทย มีการไว้หนวดไว้ผมยาว สวมผ้าคลุมสีคล้ายจีวรแต่สวมกางเกงทับอีกชั้น แล้วนำพระภิกษุออกบิณฑบาต โดยมีคนสนิทเป็นชาวต่างชาติเดินประกบอยู่ตลอดเวลา และประชาชนคาดเป็นคนไทยนั่งคุกเข่าอยู่ตลอดเส้นทางที่เดิน

ทั้งนี้ ยังมีภาพที่นายวินัย หรือ อดีตพระยันตระ นั่งอยู่ในบริเวณพิธีที่มีการตกแต่งคล้ายที่นั่งพระสงฆ์ หรืออาจจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม หรือวัดใดวัดหนึ่ง โดยนั่งอยู่ด้านบน ซึ่งมีอาสนะ ตาลปัตร และเครื่องบริขารของพระสงฆ์วางอยู่ แล้วมีพระภิกษุรูปหนึ่ง นั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่าง ซึ่งเมื่อดูภาพทั้งหมดแล้วรู้สึกถึงความไม่เหมาะสมที่นายวินัย หรืออดีตพระยันตระ ยังปฏิบัติตนเช่นนี้ เพราะมีความพยายามที่จะสร้างลัทธิใหม่หรือนิกายทางพระพุทธศาสนาใหม่ขึ้นมา ทั้งๆที่มหาเถรสมาคมมีมติให้พ้นจากพระภิกษุแล้ว จากกรณีเรื่องฟ้องร้องหลายคดีตั้งแต่ปี 2537-2541 หรือประมาณ 17 ปีที่แล้ว

นาย นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวถึงกรณีนายวินัย หรืออดีตพระยันตระ แต่งกายคล้ายพระสงฆ์ ถือบาตรรับอาหารจากประชาชน โดยไว้หนวดเคราและผมยาวในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า ตนได้รับทราบข้อมูลว่า ขณะนี้อดีตพระยันตระ ได้ไปจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนายังประเทศสหรัฐฯ แล้วนำพระสงฆ์ออกบิณฑบาตจากพุทธศาสนิกชนในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเรื่องนี้ตนจะประสานไปยัง พระเทพกิตติโสภณ วัดวชิรธรรมปทีป นครนิวยอร์ค สหรัฐฯ ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในประเทศสหรัฐฯาว่า ท่านทราบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายของคณะสงฆ์ไทยไม่สามารถที่จะไปดำเนินการกับอดีตพระยันตระได้ แต่จะประสานให้พระที่มีอำนาจในพื้นที่ช่วยดูแล

สำหรับนายวินัย หรือ อดีตพระยันตระ เป็นชาวนครศรีธรรมราช เป็นพระสงฆ์นักปฏิบัติธรรมชื่อดังที่มีผู้เคารพศรัทธามากของเมืองไทยและต่าง ประเทศ ในช่วงแรกปฏิบัติตนเป็นนักพรตฤๅษีอยู่หลายปีจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระสงฆ์ในธรรมยุติกนิกายเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2517 ณ พัทธสีมาวัดรัตนาราม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และมักใช้คำแทนตัวว่า พระยันตระ ซึ่งแปลว่าผู้ไกลจากกิเลส เมื่อบวชแล้วเป็นที่รู้จักดีทำให้มีผู้ศรัทธาบวชเพื่อเข้าเป็นลูกศิษย์มาก มาย นอกจากนี้ยังมีผู้ศรัทธาสร้างสำนักวัดถวายหลายแห่ง โดยทุกวัดที่สร้างในสำนักท่านจะใช้คำว่า "สุญญตาราม" ประกอบด้วยเสมอ สำนักที่เป็นที่รู้จักดีคือ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี และยังมีสำนักวัดป่าสุญญตารามในต่างประเทศอีกหลายแห่ง เช่นที่ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น

อย่าง ไรก็ดีในปี 2537 ได้ถูกฟ้องร้องหลายข้อหาและถูกตั้งอธิกรณ์ว่าล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกา บัติ อันเป็นหนึ่งในจตุตถปาราชิกาบัติที่ทำให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุตามพระวินัย บัญญัติ โดยมีการต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานมากมายตามสื่อต่าง ๆ จนในที่สุดท่านได้ถูกมติมหาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์ปรับให้ท่านพ้นจากความ เป็นพระภิกษุ เพราะพิจารณาได้ความว่าท่านต้องอาบัติหนักดังที่ถูกฟ้องร้อง แต่นายวินัย หรือ อดีตพระยันตระ ไม่ยอมรับมติสงฆ์ดังกล่าว ด้วยการปฏิญาณตนว่ายังเป็นพระภิกษุและเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีเขียว ทำให้ถูกสื่อขนานนามว่า จิ้งเขียว, สมียันดะ, ยันดะ เป็นต้น

ในเวลา เดียวกันนั้นนางจันทิมา มายะรังษี ซึ่งเป็นสีกาใกล้ชิดนายวินัย ได้พาด.ญ.กระต่าย ซึ่งอ้างว่าเป็นลูกสาวมาแสดงตัวพร้อมกับนำภาพถ่ายการใช้ชีวิตเยี่ยงสามี ภรรยากับนายวินัยมาเปิดเผย ต่อมาช่วงเดือนม.ค.2538 นางจันทิมา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวินัย หรืออดีตพระยันตระ ให้ยอมรับด.ญ.กระต่าย เป็นลูก และมีการท้าให้ตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ถึงความเป็นพ่อลูกกัน แต่ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆเนื่องจากเทคโนโลยีไม่ทันสมัยเท่าปัจจุบันนี้ นายวินัยได้ลักลอบทำหนังสือเดินทางปลอมหลบหนีออกจากประเทศไทยไปอยู่ในสหรัฐ อเมริกา และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองในสหรัฐฯจนถึงปัจจุบัน โดยมีข่าวความเคลื่อนไหวในวงแคบ ๆ กับกลุ่มลูกศิษย์ที่ยังให้ความนับถืออยู่และมีความพยายามจะตั้งเป็นลัทธิ หรือนิกายทางศาสนาใหม่ขึ้นด้วย.


ที่มาข่าว
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10299409/Y10299409.html

drift-999:
ที่อเมริกา อะไร ๆ ก็เป็นไปได้ ครับ เรื่องอย่างนี้คนอเมริกา นั้นถือว่า เป็นเรื่องธรรมดา ในเมื่อพระญี่ปุ่นยังมีเมียได้ เขาจึงว่าไม่แปลก
แต่สำหรับคนไทย สาย เถรวาท นั้นอาจจะเห็นว่าสำคัญ ผมลองคุยกับเพื่อน ที่เป็นมหายาน เขาบอกไม่เห็นจะแปลกเลย ในมื่อเป็นผู้บำเพ็ญ
อยู่โอกาสผิดพลาดย่อมมีได้

 :29:

kira-d-note:
ชี้ภาพยันตระ เป็นศรัทธาวิกฤติ ปชช.ไปเลื่อมใสในสิ่งที่ควรเลื่อมใส  พศ.เร่งตรวจสอบสังกัดพระพนมมือไหว้อดีตพระฉาวด่วน
วันนี้  (4มี.ค.)  พระพรหมโมลี กรรมการมหาเถรสมาคม กล่าวถึงกรณีนายวินัย ละอองสุวรรณ หรือ อดีตพระยันตระ อมรโรภิกขุ (พระวินัย อมโร) ที่แต่งกายเลียนแบบพระภิกษุและทำกิจวัตรคล้ายพระสงฆ์ ในงานของชุมนุมคนไทยแห่งหนึ่งในต่างประเทศ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นศรัทธาวิกฤติของประชาชนที่เน้นไปเลื่อมใสในสิ่งที่ไม่ควร เลื่อมใส หากประชาชนรู้ว่า พระวินัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บัญญัติไว้เป็นเช่นไร ก็จะเกิดความเข้าใจว่า สิ่งที่เขาเหล่านั้นเคารพศรัทธาเป็นสิ่งที่ไม่ควรศรัทธา ซึ่งทางพระจะออกไปเตือนเช่นนั้นไม่ได้ เขาต้องรู้จักพิจารณาเอง สิ่งไหนจริงสิ่งไหนปลอม แต่กรณีดังกล่าวจะไปโทษประชาชนโดยตรงไม่ได้  เพราะสังคมทุกวันนี้ ประชาชน ชอบมองแบบทางโลก คือ มองแบบอามิสสุข มองว่า รูปร่างน่าตาดีน่าศรัทธา มองแค่เปลือก ไม่ได้มองถึงแก่นแท้ของหลักธรรมที่พระพุทธองค์ได้บัญญัติไว้

ด้าน ดร.อำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม(มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า ตนได้ทราบเรื่องดังกล่าวว่า เกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา อย่างที่ทุกคนเข้าใจ ทาง มส.ทำอะไรมากไม่ได้ ต้องรอคำตอบจากทางสมัชชาสงฆ์ในสหรัฐอเมริกาว่า เขาทราบเรื่องหรือไม่ แต่ประเด็นที่น่าสนใจ คือ พระสงฆ์ที่เดินตามหลังและไปนั่งคุกเขา คงเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นต้องดูว่า พระสงฆ์ในภาพเป็นพระสงฆ์ที่อยู่ในสังกัดพระธรรมทูตของคณะสงฆ์ไทยหรือไม่ หากไม่ได้อยู่ทาง มส.คงทำอะไรได้ไม่มาก นอกจากแจ้งเตือนไปยังสหรัฐอเมริกาว่า พุทธศาสนิกชน รวมทั้ง พศ.เป็นห่วงว่า จะเกิดความสับสนและจะกระทบต่อศรัทธาประชาชนที่เห็นภาพดังกล่าวได้

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=38&contentID=124927

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ