ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "อุ อา กะ สะ"..สวดแล้วรวย คาถาบูชาครุฑอำนาจบารมี  (อ่าน 815 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29297
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



"อุ อา กะ สะ"..สวดแล้วรวย คาถาบูชาครุฑอำนาจบารมี

คาถาบูชาพญาครุฑ เป็นอีกหนึ่งคาถาบูชาที่หลายๆคนยึดปฏิบัติ ด้วยความรู้สึกเป็นที่พึ่งทางใจ ด้วยความเชื่อว่า “องค์พญาครุฑ” เป็นจ้าวแห่งเวหาและเทพผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ตามคติความเชื่อของพราหมณ์...ฮินดู ทำให้มีผู้คนไม่น้อยที่เลื่อมใสบูชาพญาครุฑ

เพราะเชื่อว่า...จะช่วยเสริมบารมี บันดาลความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต

คาถาบูชาพญาครุฑแบบย่อที่ผู้บูชามักสวดสั้นๆเมื่อต้องเดินทาง หรือใช้สวดคาถาบูชาพญาครุฑห้อยคอสำหรับผู้ที่พกพาองค์ขนาดเล็กๆ ติดตัวไปทุกหนแห่งเพื่อปัดเป่าภยันตราย

ตั้งนะโม 3 จบ...คะรุปิจะ กิติมันตัง มะ อะ อุ โอมพญาครุฑ รุจ รุจ แล้วรวย นะได้เงิน นะได้ทอง นะเจริญ นะมั่นคง นะได้ทรัพย์ นะเมตตา อิติปิโสภะคะวาพระพุทธเจ้าสั่งมา พญาครุฑล้างอาถรรพณ์ อิติคงเนื้อ อิติคงหนัง พญาครุฑยันติ อภิปูยาจามิ




พญาครุฑจะผุด มนุษย์จะเกิด พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด องค์พระพุทธเจ้าย่างบาท นะปัจจะโยโหนตุ

หรือจะเป็นคาถาบูชาพญาครุฑ แบบย่อ...โอมพญาครุฑจะเห็นผลหลีกไปให้พ้น พญาหนจะเดินทาง เคาะงอ เคาะงอ โอม คะรุทา โอม คะรุทา โอม คะรุทา ครุฑโธ ครุฑธา ปฏิเสวามิ (สวด 3 จบ)

ทั้งยังเชื่อศรัทธาเป็นอย่างยิ่งด้วยว่าคาถาบูชาครุฑนั้นยังสามารถลบล้างอาถรรพณ์ปกป้องคุ้มครอง ไม่ให้ภูตผีหรือสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน เพราะเกรงกลัวในอำนาจบารมีของพญาครุฑ

กระนั้นแล้วคาถาบูชาพญาครุฑ ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล สำหรับผู้ที่จะนำไปใช้ให้เกิดผลสูงสุดคือ ผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม คิดดี ทำดี ที่สำคัญ...ต้องมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เนื่องจากองค์พญาครุฑเป็นเทพผู้มีความกตัญญูต่อมารดาอย่างสูงสุดนั่นเอง

@@@@@@

“พอ” เป็นสิ่งหายาก ในหมู่คน “โลภ”
“นิ่ง” เป็นสิ่งหายาก ในหมู่คน “โกรธ”
“หยุด” เป็นสิ่งหายาก ในหมู่คน “หลง”
ธรรมมะเท่านั้น ที่ช่วยท่านได้


พระนิพนธ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ได้กล่าวถึงไว้เกี่ยวกับ “ความพอดีของชีวิต” ...ความคิดว่าพอ คิดให้รู้จักพอ ผู้รู้จักพอจะเป็นผู้ที่มีความสบายใจ

ส่วนผู้ไม่รู้จักพอจะเป็นผู้ร้อนเร่าแสวงหาไม่หยุดยั้ง...“ความไม่รู้จักพอมีอยู่ได้แม้ในผู้เป็นใหญ่เป็นโตมั่งมีมหาศาล และความรู้จักพอก็มีได้แม้ในผู้ยากจนต่ำต้อย”




คนเกิดวันอาทิตย์...ได้ชื่อว่าเป็นคนกตัญญู สำนึกบุญคุณอยู่เสมอและเป็นคนตรง เชื่อคนง่าย ไว้ใจคน กรรมที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดมักทำบุญกับคนไม่ขึ้น ส่งผลกระทบเรื่องเงินๆทองๆ...

คนเกิดวันจันทร์...ขี้น้อยใจ ใจอ่อน เปิดเผย กรรมติดตัวเป็นเรื่องความรัก หาคู่ยาก มีปัญหา อุปสรรคหลากหลาย

คนเกิดวันอังคาร...จริงใจ กล้าคิด ช่างจินตนาการ กรรมติดตัวมักจะชอบโดนเอาเปรียบ ถูกใส่ร้าย

คนเกิดวันพุธ...คุยเก่ง ช่างเจรจา กรรมที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดทำให้คนอื่นชอบ รักโดยไม่ได้ตั้งใจ




คนเกิดวันพฤหัสบดี...ดวงดี แต่กรรมที่ติดตัวคือเข้ากับคนยาก

คนเกิดวันศุกร์...มีบุญเก่าหนุนนำ แต่กรรมที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดมักหาความสุขแท้จริงไม่ได้...

ส่วนคนที่เกิดวันเสาร์...เป็นคนตรง รักจริงสมองดี กรรมที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดคือความสูญเสีย ทำดีเกิดผลเด่นยาก

แก้กรรมกันด้วยเหตุและผล ทำความดีเสมอต้นเสมอปลาย จับต้นชนปลายทางเดินชีวิตให้ดีๆ แบบไม่งมงายจนเกินไป ให้เร่งรี่ “ทำบุญ” สร้าง “ความดี” ชดเชยให้เจ้ากรรมนายเวร

@@@@@@

“อุอากะสะ อากะสะอุ กะสะอุอา สะอุอากะ” สวด 5 จบ

ข้างต้นนี้คือคาถา “หัวใจมหาเศรษฐี” เชื่อศรัทธากันอย่างยิ่งว่ามีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก

หากผู้ใดก็ตามได้น้อมนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง เคร่งครัดเป็นประจำทุกเช้าก่อนออกจากบ้านจักมีความโชคดี มีเส้นทางชีวิตดำเนินเป็นไปอย่างมีความสุข อีกทั้งบนเส้นทางชีวิตของท่านก็จักเต็มไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง นับรวมไปถึงเกียรติยศ ชื่อเสียง




ทว่าคาถาที่ว่าศักดิ์สิทธิ์นี้ แฝงนัยซ่อนไว้ซึ่งเนื้อแท้แห่งความหมาย ที่ผู้น้อมนำนั้นต้องปฏิบัติตนให้ตรงตามนั้นด้วย ประหนึ่งว่าผู้นั้นต้องเข้าใจความหมายอันถ่องแท้ ในคาถา...หัวใจมหาเศรษฐีนั้นเอง

การสวดจึงไม่ใช่แค่การสวดเท่านั้น หรือหวังว่าจะสวดแล้วรวย สวดแล้วชีวิตจะดี๊ดี...หากแต่ต้องเข้าใจถึงความหมาย กระทั่งนำไปสู่การปฏิบัติตัว จึงจักสำเร็จสมดังใจปรารถนาตามบทคาถานี้ได้

ตอกย้ำทำความเข้าใจกันแบบสั้นๆง่ายๆอีกครั้ง...ก็คือ

“ขยัน หมั่นรักษาความเพียร คบหาคนดีเป็นมิตร มีชีวิตพอเพียง...หาให้มาก ให้น้อย”...หัวใจคาถามหาเศรษฐีเป็นเช่นนี้ ประหนึ่งว่า “มหาเศรษฐี” ที่ว่านี้ ก็คือ...“ผู้ประเสริฐที่สุดสมใจ มั่งมีเงินทองมหาศาลดั่งมหาเศรษฐีทั้งปวง”




ท่าน ว.วชิรเมธี เคยเขียนสะท้อนความหมายของ “เศรษฐี” เอาไว้ว่า “...เป็นคนใจบุญ คนมีคุณธรรมที่ประเสริฐเลิศล้ำ” ส่วนคนที่มีทรัพย์มากนั้น เขาเรียกว่า “มหาวาณิช”

เมื่อเป็นเช่นนั้น “คนรวย” กับ “เศรษฐี” จึงต่างจาก “มหาวาณิช” ...พ่อค้าสามารถเป็นเศรษฐีได้ถ้ารู้จักเปลี่ยนทุนให้เป็นธรรม “ธุรกิจครอบครัว”...ที่จะยั่งยืนนอกจากจะทำให้ธุรกิจเติบโตมีความเป็นมหาวาณิชแล้ว มีความจำเป็นที่ต้องเป็นเศรษฐีด้วย สิ่งสำคัญของหัวใจเศรษฐีก็คือความรุ่งเรืองใน “ธรรม” หรือ “จริยธรรม”




“อุ อา กะ สะ”...“หัวใจเศรษฐี” อ่านตรงตัวตามที่เขียน คือ อุ อา กะ สะ

“อุ” = ขยันหา

“อา” = รักษาดี

“กะ” = มีกัลยาณมิตร

“สะ” = เลี้ยงชีวิตเหมาะสม

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

                                รัก-ยม


คลิกอ่านคอลัมน์ "เหนือฟ้าใต้บาดาล" เพิมเติม




Thank to : https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2727520
24 ก.ย. 2566 09:16 น. | ไลฟ์สไตล์ > วัฒนธรรม > รัก-ยม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 02, 2023, 07:24:57 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ