ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: แปลงเพศด้วยกรรม  (อ่าน 2853 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
แปลงเพศด้วยกรรม
« เมื่อ: มีนาคม 16, 2011, 03:26:55 pm »
0
แปลงเพศด้วยกรรม


    ประเด็นความเป็นชายเป็นหญิงนั้น ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันไปเรื่อย หลักๆจะออกทำนองชายหรือหญิงดีกว่ากัน มีคุณค่ามากกว่ากัน ถูกเอารัดเอาเปรียบมากกว่ากัน ฯลฯ และการเปรียบเทียบก็ไม่พ้นแบ่งเขาแบ่งเธอด้วย


 ‘ปรากฏการณ์ทางเพศที่กาย’ คือดูแค่ว่ามีอวัยวะเพศยื่นออกมาหรือหดเข้าไป น้อยครั้งที่จะใส่ใจสังเกต

‘ปรากฏการณ์ทางเพศที่จิต’ คือดูด้วยว่าพฤติกรรมการแสดงออก วิธีพูดจา ตลอดจนนิสัยในการคิดเป็นอย่างไร

เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมร่างกายคนเราถึงแตกต่างกันมาก?

หนุ่มบางคนโตขึ้นก็ดูเป็นแมนดี ข้อลำใหญ่ สุ้มเสียงสมชายชาตรี กระตุ้นให้ฮึกเหิมลำพองใจในความเป็นเพศชายยิ่งยวด ขณะที่หนุ่มบางรายโตแล้วดูอ้อนแอ้น ผิวบาง เสียงเล็ก เคลื่อนไหวหรือพูดจาแล้วชวนให้นึกว่าตนเองกระเดียดไปทางหญิงมากกว่าชาย ด้วยความไม่รู้ไม่เห็น ด้วยความชอบเดาของผู้ไม่ยอมจำนนว่าตนไม่รู้

คนเรามักโทษฟ้าดินบ้าง โทษความบังเอิญทางธรรมชาติบ้าง โทษพ่อแม่ของตนเองบ้าง สุดแท้แต่จะนึกจับใครมาเป็นแพะได้ แม้แต่ชาวพุทธที่เชื่อเรื่องกรรม เชื่อเรื่องที่คนเราเคยทำดีทำชั่วมาในอดีตชาติ ก็เชื่อกันแบบไม่รู้เห็นแบบจำเพาะเจาะจง ว่าเพราะติดนิสัยทางการคิด การพูด การทำอย่างนั้นๆ จึงได้ผลลัพธ์คือกลายมาเป็นอย่างนี้ๆ

เรื่องเหตุผลที่มาที่ไป ‘ทางกาย’ แห่งชายหญิงนั้น คงต้องยกไว้ เพราะเป็นเรื่องลึกลับ พิสูจน์ยากสำหรับคนไม่อาจระลึกชาติ ก็สุดแท้แต่จะคิด สุดแท้แต่จะเชื่อกันตามวิธีเลือกมองของแต่ละคน แต่เหตุผลที่มาที่ไป ‘ทางใจ’ แห่งชายหญิงนี่น่าสนใจครับ เพราะเป็นสิ่งที่เห็นได้ในปัจจุบัน สามารถเปลี่ยนเหตุเปลี่ยนผลไปมา เปิดเผยไม่ลึกลับ

และสำคัญที่สุดคือเมื่อเข้าใจตลอดสาย ก็อาจนำไปเชื่อมโยงกับภาวะทางกาย เช่นจิตใจที่อ่อนไหวจะปรุงแต่งให้กิริยาออกไปในทางกระตุ้งกระติ้ง จิตใจที่หนักแน่นจะปรุงแต่งให้กิริยาออกไปในทางสงบไม่กวัดแกว่ง เป็นต้น

ตามหลักกรรมวิบาก จิตก่อภพอย่างไร ต่อไปก็บังเกิดรูปกายตามภพนั้นๆ ฉะนั้นหากสืบได้ว่าจิตกำลังก่อภพแห่งชายหรือหญิง ก็พยากรณ์ได้ว่าชาติถัดไปจะถือกำเนิดด้วยรูปบุรุษหรือรูปสตรี

ก่อนอื่นผมอยากให้สังเกต ว่าหญิงชายบางคู่พออยู่ๆด้วยกันไป คุณจะ ‘รู้สึก’ ว่าฝ่ายหญิงกลายเป็นชายมากขึ้น ส่วนฝ่ายชายดันเหมือนจะเป็นหญิงเสียแทน เราจำเป็นต้องแยกแยะเป็นข้อๆให้เห็นว่าคุณสมบัติหรือพฤติกรรมใดบ้าง ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าคนนั้นเป็นชาย คนนี้เป็นหญิง

ยิ่งจำแนกแยกแยะได้มากข้อเท่าไร คุณจะยิ่งเห็นปรากฏการณ์ทางเพศที่กายมีความสำคัญน้อยลง และเห็นปรากฏการณ์ทางเพศที่จิตมีความสำคัญมากขึ้นทุกที คุณสมบัติอันก่อให้เกิดความรู้สึกเป็นชาย ได้แก่ความเป็นผู้นำ ความเป็นที่พึ่ง ความเข้มแข็งมั่นคง ความคงเส้นคงวาทางอารมณ์ แน่วแน่ตามความตั้งใจไปสู่จุดหมาย

ส่วนคุณสมบัติอันก่อให้เกิดความรู้สึกเป็นหญิงจะเป็นตรงข้าม คือความเป็นผู้ตาม ความเป็นผู้คอยเกาะอาศัย ความอ่อนแอปวกเปียก ความผันผวนทางอารมณ์ ขาดความแน่วแน่ในการไปให้ถึงจุดหมาย

หากยอมรับและถือตามคุณสมบัติข้างต้น ก็แปลว่า ทันทีที่เกิดความคิดขึ้นในขณะหนึ่งๆ เพศก็ปรากฏขึ้นแล้วเดี๋ยวนั้น ยกตัวอย่างเช่นเห็นคนตกระกำลำบากแล้วคิดยื่นมือเข้าช่วยเหลือทันที ไม่รีรอ ไม่ปรึกษาใครว่าจะช่วยดีไหม ตลอดจนเพียรช่วยเหลือจนเห็นเขาพ้นจากเคราะห์ภัยได้สำเร็จ ไม่เลิกราเสียกลางคัน อย่างนี้เรียกว่าตั้งต้นคิดแบบชาย ตัดสินใจกระทำแบบชาย และลงมือทำได้สำเร็จแบบชาย

ส่วนความคิดแบบผู้หญิงจะเป็นตรงข้าม แม้ตนเองไม่ลำบากก็อยากให้คนอื่นช่วยเหลือ ไม่ปรารถนาจะช่วยเหลือตนเอง จะลงมือทำอะไรดีๆเองก็ไม่มั่นใจ รีรอปรึกษาคนเกือบครึ่งเมือง เมื่อเกิดความคิดดีๆบางทีก็เปลี่ยนใจกลางคัน หรือเมื่อลงมือทำแล้วเจออุปสรรคหน่อยก็ท้อแท้ วางมือเสียตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง อย่างนี้เรียกว่าตั้งต้นคิดแบบหญิง ตัดสินใจกระทำแบบหญิง และลงมือทำครึ่งๆกลางๆแบบหญิง

สรุป คือ ในเชิงกรรมวิบาก ขณะที่ก่อกรรม ภาวะชายหญิงก็ปรากฏขึ้นเดี๋ยวนั้นเอง ไม่ต้องคำนึงว่าเปลือกที่ห่อหุ้มจิตในปัจจุบันคือรูปกายแห่งบุรุษหรือสตรี ฉะนั้นถ้าเปลี่ยนเพศของความคิดได้ เพศของคุณก็เริ่มเปลี่ยนแล้ว ตั้งแต่กายยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงอยู่นั่นแหละ
 

ขอยกเอาพฤติกรรมหลักๆที่สามารถเป็นเครื่องบ่งเพศได้มาแสดงเปรียบเทียบเป็นข้อๆดังนี้

๑) ความเสียสละจัดเป็นชาย ความเอาแต่ใจ ชอบเรียกร้อง ชอบขอ ชอบกินแรง จัดเป็นหญิง

๒) การเข้าข้างหลักการอย่างมีเหตุผลจัดเป็นชาย การเข้าข้างตัวเอง การเอาแต่ใจตนเอง การเป็นคนขี้น้อยใจ หรือดื้อดึงตามอารมณ์ จัดเป็นหญิง


๓) ความมีแก่ใจออกหน้าปกป้องคนอื่นจัดเป็นชาย การเอาแต่หลบอยู่ข้างหลังคนอื่นจัดเป็นหญิง

๔) ความหนักแน่นมุ่งมั่นทำตามความตั้งใจให้สำเร็จจัดเป็นชาย การโลเลกลับไปกลับมาจัดเป็นหญิง


๕) การเป็นคนปากกับใจตรงกันจัดเป็นชาย การเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ คิดอย่างไร รู้อยู่แก่ใจอย่างไร บางทีกลับให้มันเป็นตรงข้ามเสียอย่างนั้นเอง จัดเป็นหญิง

๖) การพูดประนีประนอมถนอมน้ำใจ ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ จัดเป็นชาย การจุกจิกโดยไม่จำเป็น แก้ปัญหาด้วยการเพิ่มปัญหา กระแนะกระแหนเหน็บแนมด้วยความอยากให้คนอื่นเจ็บใจ จัดเป็นหญิง (ขอให้สังเกตว่าหญิงที่ชอบอาละวาด ชวนทะเลาะเก่ง ชอบทิ่มแทงคนอื่นให้เจ็บใจบ่อยๆ จะมีแนวโน้มปวดประจำเดือนแรง เป็นโทษที่ชัดเจนในปัจจุบัน)

๗) การแสดงออกที่ตรงไปตรงมาจัดเป็นชาย การมายาสร้างภาพ หรือมารยาเสแสร้งบิดเบือนด้วยความคิดประทุษร้ายหรือด้วยอารมณ์ประชด จัดเป็นหญิง

๘) ความรับผิดชอบต่อหน้าที่และความผิดของตนจัดเป็นชาย การกล้าทำแต่ไม่กล้ารับ การชอบโทษคนอื่น ดื้อตาใสไม่ยอมเป็นฝ่ายผิดทั้งรู้อยู่ว่าผิด ยังอยากเถียง ยังอยากเอาชนะ จัดเป็นหญิง

๙) ความรับผิดชอบต่อพันธะทางเพศ ไม่เอาเปรียบ ไม่กดขี่ ไม่หลายใจ ไม่ลักกินขโมยกิน จัดเป็นชาย การขาดความรับผิดชอบต่อพันธะทางเพศ เอาเปรียบ กดขี่ หลายใจ เห็นการลักกินขโมยกินเป็นเรื่องธรรมดา จัดเป็นหญิง

๑๐) เมื่อมีศัตรูแล้วรบกันซึ่งหน้าจัดเป็นชาย การซุ่มทำร้าย การแอบโจมตี หรือการลอบกัดจากข้างหลัง ไม่กล้าเผชิญหน้ากันอย่างยุติธรรม จัดเป็นหญิง (ศัพท์ที่ใช้ด่ากันเช่น ‘หน้าตัวเมีย’ นั้น สืบแล้วก็ออกมาจากความรู้สึกทางเพศที่อ่อนแอ ไม่กล้าสู้นั่นเอง)



จากที่ยกมาเพียงข้อหลักๆข้างต้นนี้ คงพอมองออกว่าคิด พูด ทำอย่างไรจึงเกิด ‘ภาพรวมทางความรู้สึก’ ว่าเป็นชายหรือเป็นหญิง

อย่างไรก็ตาม วิธีคิด วิธีพูด และวิธีทำหลายๆอย่างก็ไม่มีเพศ เช่นความอยากได้ อยากดี อยากมี อยากเป็น ตลอดจนการคิดเอาชนะคะคาน แย่งกันเป็นที่หนึ่ง เหล่านี้มีอยู่ในมนุษย์ทุกเพศ

เป็นชายนั้น เป็นได้ยากกว่าหญิง เพราะแม้ติดใจความเป็นชาย แต่ถ้าทำตัวเป็นหญิง โดยรวมก็จะรูู้้สึกว่าเหมือนหญิง ตรงข้าม หากติดใจในสภาพความเป็นหญิง (เช่นชอบเป็นแม่ หรือชอบเป็นฝ่ายถูกเอาใจ ชอบเป็นคู่รักของชายแสนดี) แม้ทำตัวเยี่ยงชาย ความรู้สึกก็จะยังชอบเป็นหญิงอยู่ดี

พูดให้ง่ายขึ้น คนบางคนคิดอย่างชาย ตัดสินใจอย่างชาย ลงมือทำให้สำเร็จตามความตั้งใจโดยไม่ท้อถอยเสียก่อนเยี่ยงชาย จะเป็นชายสมบูรณ์แบบ แต่หากคิดอย่างหญิง ตัดสินใจอย่างหญิง ลงมือทำด้วยความท้อแท้อย่างหญิง ทว่ากลับมีอวัยวะเพศชาย อย่างนี้นานไปอาจเป็นพวกครึ่งชายครึ่งหญิงก็ได้

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน คิดอย่างหญิงอาจตัดสินใจอย่างชาย คิดอย่างชายแต่อาจตัดสินใจอย่างหญิง พวกเราทุกคนกำลังแปลงเพศด้วยกรรมกันอยู่ตลอดเวลา การต้องสิ้นเปลืองเวลาและเงินทองผ่าตัดแปลงเพศด้วยมีดหมอ เป็นแค่ผลพวงของการถูกกรรมบีบคั้นให้ไม่พอใจในเพศตนเท่านั้นเอง

เมื่อสั่งสมความคิดแบบเพศใด
ภพแห่งความเป็นเพศนั้นๆ
ก็จะปรากฏให้รู้ตั้งแต่ก่อนตายแล้ว


อ้างอิง หนังสือ คิ ด จ า ก ค ว า ม ว่ า ง ๒ โ ด ย ดั ง ต ฤ ณ
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ