ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เก่งแล้วเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักแบ่งปัน ควรแก้ไขอย่างไร.?  (อ่าน 10 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29394
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



เก่งแล้วเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักแบ่งปัน ควรแก้ไขอย่างไร.?

ชัยชนะเป็นของทุกคน ชัยชนะที่ได้มาจากการร่วมมือกัน แบ่งปันกัน ไม่ใช่ ”ที่หนึ่ง” ของใครเพียงคนเดียว ทุกคนล้วนเป็นที่หนึ่ง.!



 :s_good: :s_good:

คุณครูวินสตัน เป็นครูสอนวิชาประวัติศาสตร์ของโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งในรัฐเคนตักกี้ เขาได้เล่าเรื่องที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตครูซึ่งสอนมานานกว่า 12 ปี

ในการสอบวิชาประวัติศาสตร์ หัวข้อสงครามโลกครั้งที่ 2 นักเรียนชายที่เขาไม่เปิดเผยชื่อได้ทำคะแนนสอบสูงสุดถึง 94 คะแนน ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเลยแม้แต่น้อย เพราะนักเรียนชายคนนี้เรียนเก่งมาก แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ ตรงด้านล่างกระดาษคำตอบ นักเรียนคนนี้ได้เสนอคะแนนโบนัส 5 คะแนน ที่เขาจะได้รับพิเศษจากการทำคะแนนสอบสูงสุด มอบให้กับนักเรียนคนไหนก็ได้ที่ทำคะแนนสอบต่ำสุด.!

คุณครูวินสตันเล่าว่า ปกตินักเรียนชายคนนี้มีจิตใจดี เห็นอกเห็นใจผู้อื่นเสมอ แต่ก็นึกไม่ถึงว่า เขาจะยอมสละ 5 คะแนนนั้น เพราะถ้าเก็บไว้เอง ก็จะทำให้เขาได้คะแนนรวมถึง 99 คะแนน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า โดยทั่วไป ธรรมชาติของเด็กเรียนเก่ง มักจะยึดติดกับเรื่องคะแนนมาก และอยากได้เป็นที่หนึ่งสูงสุดเสมอ.!

แต่ไม่ใช่นักเรียนคนนี้ เขากลับเสียสละได้อย่างง่ายดาย และให้โดยไม่สนใจว่าคนที่ได้รับคะแนนพิเศษนั้นจะเป็นเพื่อนที่ดีกับเขา, เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เขาให้โดยไม่มีเงื่อนไขใด ไม่เกี่ยงด้วยซ้ำว่านักเรียนคนนั้นจะขี้เกียจ เกเร หรือสมควรได้รับคะแนนพิเศษหรือไม่

@@@@@@@

คุณครูวินสตันทำตามที่เขาขอ  และปรากฏว่า 5 คะแนนนั้น ได้ช่วยนักเรียนหญิงคนหนึ่งซึ่งสอบไม่ผ่าน เพราะได้เพียง 58 คะแนน กลับกลายเป็นสอบผ่านด้วยคะแนน 63 จากคะแนนโบนัสที่นักเรียนชายใจดีสละให้.! แน่นอน, คุณครูวินสตันไม่บอกทั้งสองฝ่ายว่าใครเป็นคนได้คะแนน และใครเป็นคนให้คะแนนพิเศษนั้น

หลังจากที่คุณครูวินสตันได้แบ่งปันเรื่องนี้ทางโซเชียลมีเดีย มีคนพูดถึงและส่งต่อกันไปเป็นจำนวนมากจนกลายเป็นกระแส  หลายคนชื่นชม ในขณะที่อีกหลายคนตำหนิคุณครูว่าไม่ควรทำเช่นนั้น ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา แต่เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว คุณครูวินสตันกับทางโรงเรียนก็ยังยืนยันและมองเห็นตรงกันว่าได้ผลดีมากกว่าผลเสีย.!

เราเกิดมาในระบบของการแข่งขัน ที่มุ่งเน้นความเป็นที่หนึ่งมาตลอด ไม่ต้องดูอื่นไกล ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนชั้นอนุบาล เราก็ถูกแนะนำให้รู้จักกับเกมยอดนิยม ”เก้าอี้ดนตรี” ที่เล่นกันมาทุกยุคทุกสมัย เล่นได้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ เกมนี้ดูผิวเผินเหมือนไม่มีอะไร เน้นความบันเทิงอย่างเดียว แต่ลองคิดดูดี ๆ ว่าเกมนี้บอกอะไรกับเราบ้าง

เพราะโลกนี้ให้ความสำคัญกับการเป็น “ที่หนึ่ง” ไม่ว่าในเรื่องการเรียน เกมหรือแม้แต่กีฬา ชีวิตตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ จึงเต็มไปด้วยการแข่งขัน เรากำหนดกฎเกณฑ์ในการแข่งขันเกือบทุกประเภทจนถือเป็นมาตรฐานว่า ผู้ชนะคือผู้ที่เก่งกว่า, ฉลาดกว่า, แข็งแรงกว่า, ตัวใหญ่กว่า, หรือรวดเร็วกว่าเท่านั้น และแน่นอน ผู้แพ้ที่ถูกคัดออก ก็คือผู้ที่อ่อนแอ ตัวเล็ก ไม่ฉลาด หรือช้านั่นเอง  โลกทุกวันนี้ จึงมีแต่ผู้ที่มุ่งมั่นต้องการเป็นที่หนึ่ง ต้องการครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างไว้แต่เพียงผู้เดียว





ผมนึกถึงคุณพ่อวิลเลี่ยมเคยพูดที่โบสถ์ St. Therese Parish (แซน ดิเอโก, แคลิฟอร์เนีย) ถึงเกม 'เก้าอี้ดนตรี"นี้ไว้อย่างน่าฟังเมื่อนานมาแล้ว ท่านบอกว่า ถ้ากติกาการเล่นเกมนี้เปลี่ยนไป เก้าอี้มีน้อยกว่าจำนวนผู้เล่นเหมือนเดิม แต่เมื่อเสียงดนตรีหยุดลง กติกาใหม่กำหนดว่า ผู้เล่นทุกคนต้องมีที่นั่งเสมอ นั่นหมายความว่าใครบางคนต้องแบ่งที่นั่งร่วมกับคนอื่น หรือให้ใครอีกคนนั่งตัก ลองนึกภาพดูสิว่า มันจะเป็นอย่างไร.?

เมื่อกติกาเปลี่ยนไปอย่างนี้ การเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันจะเกิดขึ้น มิหนำซ้ำ เด็กตัวเล็ก บอบบาง จะไม่ถูกผลักออกไปเป็นคนแรกอย่างที่เคยเป็น แต่กลับถูกดึงให้มานั่งร่วมเก้าอี้ตัวเดียวกัน เพราะเด็กตัวเล็กจะกินเนื้อที่น้อยกว่าและน้ำหนักเบากว่าหากจำเป็นต้องให้นั่งตัก เมื่อเล่นต่อไปเรื่อย ๆ เกมจะสนุกมากยิ่งขึ้นตรงที่พวกเขาต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนได้นั่งในขณะที่จำนวนเก้าอี้เหลือน้อยลงทุกที จนในที่สุดเด็กทุกคนต่างนั่งซ้อนตักต่อ ๆ กันไปบนเก้าอี้ตัวเดียวกันครบทุกคน ไม่มีใครเป็นผู้แพ้ที่ถูกคัดออก

ชัยชนะเป็นของทุกคน ชัยชนะที่ได้มาจากการร่วมมือกัน แบ่งปันกัน ไม่ใช่”ที่หนึ่ง”ของใครเพียงคนเดียว ทุกคนล้วนเป็นที่หนึ่ง.!

เรื่องของคุณครูวินสตันกับนักเรียนเก่งคนนี้ก็เช่นกัน สะท้อนให้เราเห็นหลายสิ่งหลายอย่าง และสามารถมองได้หลายมุม แต่มุมหนึ่งที่สำคัญ คุณครูวินสตันต้องการแสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจและรู้จักช่วยเหลือของเด็กนักเรียนคนนี้ ที่เขาไม่ได้ยึดติดกับเรื่องคะแนนที่ต้องสูงสุดเป็นที่หนึ่งเสมอ!

เพราะที่ผ่านมา เราต่างเห็นผลร้ายจากคนเก่งที่เห็นแก่ตัวมามากมายแล้ว บางครั้ง, การสอบผ่านหรือไม่ผ่าน เก่งหรือไม่เก่ง ไม่ใช่สาระของชีวิตเลย เมื่อเราออกมาใช้ชีวิตนอกโรงเรียน เราจึงรู้ว่าความรัก, การเห็นอกเห็นใจ, เสียสละ, แบ่งปัน ถึงจะทำให้โลกนี้อบอุ่น สวยงาม และยังคงน่าอยู่ต่อไป





ขอบคุณที่มา :-
Facebook : ปะการัง - นักเขียน
https://www.facebook.com/pakarangWriter/photos/คุณครูวินสตัน-เป็นครูสอนวิชาประวัติศาสตร์ของโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งในรัฐเคนตั/1345193947463896/?_rdr
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ