ปัญหาเรื่องกรรม เป็น อจินไตรย พระพุทธเจ้า ตรัสแสดงว่าเป็นเรื่องที่บุคคลธรรมดา ที่ไม่ใช่พระอริยะ คิดไปก็เสียเวลา เพราะนั่งคิด นอนคิด เดินคิด ยืนคิด อย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ในส่วนนี้
ส่วนที่มีประโยชน์ ก็มีอยู่ คือผลของกรรม ( วิบาก ) นั้นเป็นสิ่งที่เรานำมาเป็นอุทาหรณ์ เพื่อที่จะไม่เดินรอยเดิมอยู่ในวังวน ที่เป็นลูป ( วนไป วนมา ) อยู่ที่เดิมที่เก่า เช่น เราฆ่าเขา ในชาตินี้ ชาติต่อไป เขาก็มาฆ่าเรา ต่อ
อย่าไม่มีวันหมด จนกว่าผู้ใดจะมีศีล ( คือ เลิกเบียดเบียน ตนเอง และ ผู้อื่น) จึงจักทำให้ิสิ้นสุด ในเบื้องต้น
แต่กรรมก็ยังไม่อาจที่สิ้นสุด ได้ที่คำว่า เลิกเบียดเบียน ได้เพราะจิต อาจจะไม่ยอมรับกับ การเลิกเบียดเบียน นี้ได้จึงต้องเสริมใจให้เข้มแข็ง ด้วยสมาธิ ( ความตั้งใจมั่น ) เพื่อไม่ให้ง่อนแง่นคลอนแคลนในการสร้างกุศล
แต่ถึงแม้ จะมีการเลิกเบียดเบียนลงไปแล้ว มีความตั้งใจลงไปแล้ว แต่หากขาด สติ (ระลึกได้)และปัญญา ( ทิฏฐิที่มองเห็นความจริงว่า ทุกข์ มีอย่างนี้ ทุกข์เกิดอย่างนี้ ทุกข์ดับอย่างนี้ ทุกข์จะละออกได้ ด้วยวิธีนี้ )ก็จะทำให้ การเลิกเบียดเบียน และ ความตั้งใจมั่น ขาดประสิทธิภาพ เพราะไม่มีเป้าหมายที่แท้จริงได้
ดังนั้นเรื่องกรรม เป็นเรื่องที่เราคิดแบบเหตุผล แบบสูตรเลขนั้นไม่ได้ เพราะบางครั้ง วิบาก ก็ไม่ได้ตามทันที
บางครั้งวิบากที่ตามอยุ่เป็นวิบาก ที่คั่งค้างมาจากชาติอื่น ๆ ซึ่งเกินจากสติปัญญา ที่ปุถุชน จะเข้าใจได้
ธรรมที่ควรเจริญ กับคนที่เชื่อเรื่องกรรมก็คือ มรณัสสติ นะจ๊ะ ที่ควรเจริญให้มาก มีให้มาก
เจริญธรรม