ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กรรมที่ปรากฏ เมื่อใกล้จะตาย  (อ่าน 6615 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
กรรมที่ปรากฏ เมื่อใกล้จะตาย
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2010, 10:12:34 pm »
0
กรรมที่ปรากฏ เมื่อใกล้จะตาย

 

พระเทวฑัตถูกธรณีสูบ

คนเราทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย จะตายช้าตายเร็วก็ต้องตายแน่ แต่เมื่อใกล้จะตายนั้นจะมีกรรมมาปรากฏในช่วงนั้น ถ้าเราทำกรรมดี และกรรมชั่วไว้ กรรมดี และกรรมนั้น ๆ ก็จะมาปรากฏให้เห็นในช่วงสุดท้ายในชาตินี้ และจะสิ้นสุดเมื่อเข้าไปสู่ชาติใหม่ หรือภพใหม่ ลักษณะของจิตที่จักกรรมเอาในขณะนั้น ในคัมภีร์พระอภิธรรมท่านเรียกว่า “ มรณาสันนวิถี ” หมายถึง วิถี(ทาง) ที่จิตใกล้จะตายไปยึดถือ ในขณะนั้นจิตจะเข้าสู่วิถีของมันที่จะเคลื่อนเข้าไปสู่ภพใหม่ คือจุติ(การตาย) จิตจะปรากฏ …..เมื่อจุติจิตปรากฏแล้วปฏิสนธิจิต (การเกิด) ก็จะปรากฏต่อจากจุติจิต

ปกติแล้ว จิตในขณะนั้นจะอยู่ในภวังค์เหมือนอย่างคนนอนหลับ แต่เมื่อมันจะเคลื่อนไหวไปเป็นจุติจิตมันจะรับอารมณ์ของกรรมก่อน คือ นำกรรมที่สั่งสมเอาไว้เข้าไปสู่โลก(ภพ)หน้า การที่นำกรรมที่สั่งสมไว้เข้าไปสู่ภพหน้า จิตนั้นจะต้องรับอารมณ์

คำว่า “อารมณ์” ในที่นี้หมายถึง สิ่งที่จิตเข้าไปยึดไว้ ไม่ได้หมายถึง อารมณ์ดี,อารมณ์ร้ายอย่างที่ชาวโลกเขาใช้กันไม่ …อารมณ์ในที่นี้ คือ สิ่งที่จิตเข้าไปยึดถือไว้ ท่านเรียกว่า “อารมณ์”


อารมณ์จะมาปรากฏแก่จิตของผู้ใกล้จะตาย 3 อารมณ์ คือ

1. กรรม ถ้าเรียกให้ชัดตามคัมภีร์พระอภิธรรมก็เรียกว่า “กรรมอารมณ์ ๆ คือ กรรม”
2. กรรมนิมิต หรือ กรรมนิมิตอารมณ์ ๆ คือ กรรมนิมิต
3. คตินิมิต หรือ คตินิมิตอารมณ์ ๆ คือ คตินิมิต


โดยทั้ง 3 กรรมนี้ จะมาปรากฏทางใจเมื่อใกล้จะตาย

กรรม นั้นหมายถึง การกระทำของเราเองซึ่งเราอาจจะทำทั้งกรรมดี และกรรมาชั่ว กรรมดีเรียกว่า “กุศลกรรม” กรรมชั่ว เรียกว่า “อกุศลกรรม” และทั้งกรรมดี และกรรมชั่ว มันจะมาปรากฏให้เราเห็นเมื่อเราใกล้จะตาย

กรรมนิมิต นั้นหมายถึง เครื่องหมายของการทำกรรม เช่นถ้าเราใช้อุปกรณ์อะไร อย่างไรทำ เมื่อจวนจะตาย อุปกรณ์ในการทำกรรมนั้น ๆจะเข้ามาปรากฏเป็นเครื่องหมายให้เราทราบ (นิมิต หมายถึงเครื่องหมาย) ส่วนคำว่า “คตินิมิต” นั้นหมายถึง เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ให้เรารู้ว่าแดนที่เราจะไปเกิดที่ไหน /ภพไหน/ชาติไหน มันมีเครื่องหมายบ่งบอกให้เรารู้ว่า ผู้นั้นจะไปดี หรือไปชั่วให้ดูที่คตินิมิต

เมื่อใกล้จะตายกรรมมาปราฏอย่างไร คือถ้าคนเรามีกรรมดีมาปรากฏเช่น เคยทำบุญให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นคนกตัญญูรู้คุณ เลี้ยงดูพ่อแม่อย่างใดอย่างหนึ่งในจำนวนบุญกิริยาวัตถุ10 ข้อ
ทำไว้มาก เมื่อใกล้จะตาย กรรมนั้นจะเข้ามาเป็นอาสันนกรรม คือ ทำให้คนนั้นรู้สึกแช่มชื่นเบิกบานใจ
ไม่กระวนกระวาย แม้เมื่อตอนป่วยหนักผู้นั้นจะกระวนกระวายเป็นบ้างก็ตาม…..แต่เมื่อใกล้จะขาดใจนั้นเขาไปอย่างสงบ เช่นบางคนจุดธูปเทียน บูชาพระ บางคนภาวนาว่าพุทโธ ๆ จากไป บางคนภาวนาว่า อรหังๆ จากไป คือไปด้วยจิตเบิกบาน และแม้จะเจ็บป่วยขนาดไหนก็ตาม…..แต่เมื่อใกล้จะตายวินาทีสุดท้ายของเขานั้น เขาไปอย่างดี ไปอย่างสงบ ไม่ทุรนทุราย แม้ทุรนทุรายทางร่างกาย แต่ทางจิตใจนั้นเขาสงบ……..ลักษณะเช่นนี้จะปรากฏกับผู้ที่ทำความดีไว้มาก และนี่คือลักษณะกรรมดีที่มาปรากฏเมื่อใกล้จวนเจียนจะตาย


แม้ในขณะนั้น บางคนมีกรรมนิมิตมาปรากฏ กรรมนิมิตที่ปรากฏนั้นคือ อย่างไร คือ ถ้าเขาผู้นั้นเคยทำดีเอาไว้ เมื่อเขาจวนจะตาย กรรมดีนั้นย่อมเข้ามาปรากฏในทางมโนทวาร เช่น คนที่เคยใส่บาตรเมื่อใกล้จะตายย่อมมีภาพทัพพี ขันข้าว หรือภาพพระสงฆ์ที่กำลังรับบาตรมาปรากฏเป็นมโนภาพ(เหมือนภาพในความฝัน) เมื่อเขาจะตาย เช่น เห็นภาพตัวเองกำลังถวายจีวร พระภิกษุสามเณร เห็นภาพตัวเองกำลังนั่งสมาธิ หรือทำความดีต่างๆ เห็นอุปกรณ์ที่ตนเองใช้ในการทำความดี เช่น เห็นหม้อข้าว ทัพพี เห็นเครื่องบวชนาค เป็นต้น มันเห็นชัดเจนเป็นภาพ ๆ ไปเลย ภาพเหล่านี้จะมาปรากฏแก่บุคคลที่ทำความดีเอาไว้ ท่านเรียกว่า “กรรมนิมิตฝ่ายดี”

ส่วนคนที่ทำกรรมชั่วไว้ เวลาใกล้จะตาย กรรมชั่วนั้นจะมาปราฏเป็นภาพในทางใจ (มโนภาพ)
ทำให้วุ่นวายใจหรือกระวนกระวาย กระสับกระส่ายเดือดร้อนไม่สงบ เช่น บางคนที่เคยชนไก่เป็นประจำ เมื่อเขาใกล้จะตายก็ร้องทำเสียงเหมือนกับไก่ชน กันเช่น ทำเสียงว่า “ปั๊บๆ ,เอาเข้าไปๆๆ และบางคนเอามือตัวเองชนกัน บางคนร้องเหมือนหมู เพราะเคยฆ่าหมู บางคนร้องเหมือนวัว หรือควาย เพราะเคยฆ่าไว้ ซึ่งพวกนี้เมื่อใกล้ตายจะกระสับกระส่ายดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน ทำอะไรแปลกๆ เช่น มีเรื่องตัวอย่างชายคนหนึ่ง ตายด้วยการกรอกน้ำร้อนที่กำลังเดือดจัดเข้าในปากตัวเอง ซึ่งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ) วัดเทพศิรินทราวาส กทม. ได้เล่าไว้ ว่า

"คนขโมยของที่ถูกไฟไหม้"

กล่าวกันว่า ได้เกิดไฟไหม้บ้านเรือนหลังหนึ่งขึ้น ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพฯ นี้เอง เมื่อหลายปีแล้ว คนในบ้านใกล้เคียงตกใจขนของหนีไฟเป็นการใหญ่ ในขณะนั้นก็มีเรือลำหนึ่งเข้ามาเทียบเข้าไปแล้ว เจ้าของเรือก็ตะโกนบอกให้ขนของมาลงเรือ และใส่เต็มเรือแล้ว ชายเจ้าของเรือก็แจวเรือออกไปอย่างรวดเร็ว เป็นการโกงซึ่ง ๆ หน้า ในขณะที่คนอื่นเขาเดือดร้อนไปรู้จะไปเรียกร้องเอาอะไรจากใครเขาก็นำของที่โกง หรือขโมยมานั้นไปเป็นของตัวเองอย่างสบายใจโดยไม่คิดถึงความเดือดร้อนของคนอื่น

ต่อมาชายที่โกงเขาไปนั้นเกิดอาการเจ็บป่วยไม่สบายขึ้น อาการที่ปรากฏคือ ต้องการดื่มน้ำร้อนจัด ๆ ยิ่งร้อนเท่าไรก็ยิ่งชอบใจ ในที่สุดก็ไม่พอใจที่ลูก ๆ หาว่าเอาน้ำเย็นมาให้ดื่ม ทั้ง ๆ ที่เป็นน้ำร้อนเดือดจัดแท้ ๆ ….ในที่สุดแกเอาเตาถ่านและกาน้ำมาต้มที่ใกล้กับที่ที่แกนอนเจ็บอยู่ พอน้ำเดือดพล่าน มีควันพุ่งออกมาเต็มที่ แกก็จะลุกขึ้นยกกาน้ำร้อนเทใส่ปากดื่มทางพวยกา พอแกดื่มเสร็จก็ร้องเฮ้อ…คล้ายกับว่าชื่นใจเหลือเกิน แล้วก็ตายไป เรื่องนี้มีผู้เห็นมากมาย……นี้เป็นเพราะกรรมบันดาลหรือให้ผล แท้ ๆ

เรื่องนี้ย่อมแสดงให้เห็นถึงกรรมารมณ์ คือ อารมณ์ของกรรม ถือว่าเป็นภาพที่ชัดเจนมาก เช่นบอกว่า “อย่ามาฆ่าฉันๆ คือเขาเห็นเป็นคนถือหอก ถือดาบมาทำท่าจะฆ่าตน เขาจึงร้องออกมาว่าอย่าฆ่าฉัน ๆ อย่าเข้ามา ๆ ร้องทั้ง ๆ ที่ญาติ พี่น้อง ลูกหลานไม่ได้เห็นอะไรเลย แต่คนๆ นี้มองเห็นคนถือดาบ ถือหอก หรือสัตว์ที่ตัวเคยฆ่าจะเข้ามาทำร้าย หรือกัดตัวเองเข้า โดยร้องออกไปอย่างนั้น

-------------------------------------------------
• โดย พระเทพวิสุทธิกวี (พิจิตร ) วัดโสมนัสวิหาร
ที่มา http://www.agalico.com/main/index.php?id=66


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 26, 2010, 10:14:18 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ