ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หญิงเมาเหล้า ตีกัน สร่างเมา บรรลุโสดาบัน  (อ่าน 5474 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อรรถกถา กุมภชาดก
ว่าด้วย โทษของสุรา

               พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภหญิงนักดื่มสุรา ๕๐๐ คนผู้เป็นสหายของนางวิสาขามหาอุบาสิกา ตรัสพระธรรมเทศนานี้
               มีคำเริ่มต้นว่า โก ปาตุราสิ ดังนี้.

               ได้ยินว่า เมื่อเขาประกาศเรื่องมหรสพสุรา ในพระนครสาวัตถี หญิง ๕๐๐ คนเหล่านั้นจัดเตรียมสุรามีรสเข้มไว้ เพื่อสามีที่ไปเล่นมหรสพ แล้วปรึกษากันว่า เราทั้งหลายก็จะเล่นมหรสพ ดังนี้แล้ว ทุกคนจึงพากันไปยังสำนักของนางวิสาขา กล่าวชักชวนว่า สหายรัก พวกเราไปเล่นมหรสพกันเถิด

               เมื่อนางวิสาขาปฏิเสธว่า มหรสพนี้เป็นมหรสพสุรา เราจักไม่ดื่มสุราเลย
               จึงพากันกล่าวว่า ท่านจงถวายทานแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเถิด พวกเราจักเล่นมหรสพกัน.
               นางวิสาขารับคำว่าดีแล้ว จึงส่งคนไปทูลเชิญพระบรมศาสดา ถวายมหาทานแล้วถือเอาของหอมและระเบียบเป็นอันมาก ห้อมล้อมด้วยหญิงเหล่านั้น ไปยังพระเชตวันมหาวิหาร เพื่อสดับพระธรรมกถา ในเวลาเย็น.

               ก็หญิงเหล่านั้นดื่มสุราไปพลาง เดินทางร่วมไปกับนางวิสาขา ยืนดื่มสุราที่ซุ้มประตู แล้วจึงได้เข้าไปยังสำนักพระศาสดาพร้อมกับนางวิสาขา. นางวิสาขาถวายบังคมพระศาสดา แล้วนั่งลง ณ ส่วนข้างหนึ่ง. บรรดาหญิงเหล่านั้นบางพวกก็ฟ้อนรำ บางพวกก็คะนองมือคะนองเท้า จนทะเลาะวิวาทกันในสำนักของพระศาสดานั่นเอง


               พระบรมศาสดาจึงทรงเปล่งพระรัศมีออกจากขนพระโขนง โดยพระประสงค์จะให้หญิงเหล่านั้นเกิดความสังเวช หญิงเหล่านั้นตกใจกลัว ถูกมรณภัยคุกคาม ด้วยเหตุนั้น หญิงเหล่านั้นจึงสร่างเมา. พระศาสดาทรงอันตรธานหายไปจากบัลลังก์ที่ประทับ ทรงยืนอยู่ ณ ยอดสิเนรุบรรพต เปล่งพระรัศมีออกจากพระอุณาโลม เป็นประหนึ่งว่าได้มีพระจันทร์และพระอาทิตย์อุทัยขึ้นถึงพันดวง.

               พระศาสดาประทับยืน ณ ยอดสิเนรุบรรพตนั่นเอง โดยพระประสงค์จะให้หญิงเหล่านั้นเกิดความสังเวช จึงตรัสพระคาถานี้ความว่า
               ท่านทั้งหลายจะมัวร่าเริง บันเทิงกันอยู่ทำไม ในเมื่อโลกกำลังลุกเป็นไฟอยู่เนืองนิตย์ ท่านทั้งหลายอันความมืดมิดหุ้มห่อแล้ว ยังไม่พากันแสวงหาประทีป คือที่พึ่ง (อีกหรือ?)
               ในเวลาจบพระคาถา หญิงทั้ง ๕๐๐ เหล่านั้น ก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล

               พระศาสดาเสด็จมาประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์ใต้ร่มเงาพระคันธกุฎี
               ลำดับนั้น นางวิสาขาถวายบังคมพระศาสดา แล้วกราบทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น้ำดื่มที่ชื่อว่าสุราอันเป็นเครื่องทำลายหิริโอตตัปปะนี้ เกิดแล้วแต่ครั้งไร พระเจ้าข้า.

               เมื่อพระศาสดาจะตรัสบอกแก่นาง จึงทรงนำอดีตนิทานมาตรัสดังต่อไปนี้
               .........................................................................
               โปรดติดตามตอนต่อไป


อ้างอิง
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=2292
อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=9232&Z=9308
ขอบคุณภาพจาก www.bloggang.com,www.oknation.net,http://talk.mthai.com



                         ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง      มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
                         โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา    ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย

                         ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ       สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
                         ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย          ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป

                         ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก    สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
                         ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป       แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ


                                                        กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "นิราศภูเขาทอง"
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ