พระไตรปิฎก เล่ม ๒๖ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตตุ เถระ-เถรีคาถา
๖. วิหารวิมาน
ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในวิหารวิมาน
ท่านพระอนุรุทธเถระได้ถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
[๔๔] ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เมื่อท่านฟ้อนอยู่ เสียงอันเป็นทิพย์น่าฟัง รื่นรมย์ใจ ย่อมเปล่งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ทุกส่วน ทั้งกลิ่นทิพย์อันหอมหวนยวนใจ ก็ฟุ้งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ทุกส่วนเมื่อท่านไหวกายกลับไปมา
เสียงของเครื่องประดับช้องผมก็ดังเสียงไพเราะ ดุจเสียงดนตรีเครื่อง ๕ อนึ่ง เสียงมงกุฎที่ถูกลมรำเพยพัดให้หวั่นไหว ก็กังวานไพเราะดุจเสียงดนตรีเครื่อง ๕ แม้พวงมาลัยบนเศียรเกล้าของท่าน มีกลิ่นหอมชวนให้เบิกบานใจ หอมฟุ้งไปทั่วทุกทิศดุจต้นอุโลก ฉะนั้น
ดูกรนางเทพธิดา อาตมาถามท่านแล้ว ขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร?
นางเทพธิดาตอบว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นสหายของดิฉันอยู่ในเมืองสาวัตถี ได้สร้างมหาวิหารถวายสงฆ์ ดิฉันเห็นมหาวิหารนั้นแล้ว มีจิตเลื่อมใสอนุโมทนา ก็วิมานอันเป็นที่รักนี้อันดิฉันได้แล้วเพราะการอนุโมทนาด้วยจิตบริสุทธิ์แต่อย่างเดียวเท่านั้น
วิมานนี้เป็นวิมานอัศจรรย์น่าดูน่าชม โดยรอบสูง ๑๖ โยชน์ เลื่อนลอยไปในอากาศได้ตามความปรารถนาของดิฉัน ดิฉันมีปราสาทเป็นที่อยู่อาศัย อันบุญกรรมจัดแจงเนรมิตให้เป็นส่วนๆ งามรุ่งโรจน์ตลอดร้อยโยชน์โดยรอบทิศ
อนึ่ง ที่วิมานของดิฉัน มีสระโบกขรณีเป็นที่อาศัยของหมู่มัจฉาชาติมีน้ำใสสะอาด มีท่าอันลาดด้วยทรายทอง ดารดาษไปด้วยปทุมชาตินานาชนิดพร้อมทั้งบัวขาว เกษรแห่งบัวทั้งหลายอันลมรำเพยพัด ย่อมหอมฟุ้งเจริญใจ มีรุกขชาติต่างๆ อันบุญกรรมปลูกไว้ใกล้วิมาน คือ ไม้หว้าขนุน ตาล มะพร้าว
วิมานนี้กึกก้องไปด้วยเสียงดนตรีต่างๆ และกึกก้องไปด้วยหมู่นางอัปสร แม้นรชนใดได้เห็นวิมานนี้ด้วยความฝันนรชนนั้นก็พึงปลื้มใจ วิมานอันมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ น่าอัศจรรย์น่าดูน่าชมเช่นนี้ เกิดแต่ดิฉันเพราะกุศลกรรมทั้งหลาย ควรทำบุญโดยแท้.
พระอนุรุทธเถระ เมื่อจะให้นางเทพธิดาบอกที่เกิดของนางวิสาขามหาอุบาสิกา จึงกล่าวถามด้วยคาถาความว่าวิมานอันอัศจรรย์น่าดูน่าชมนี้ ท่านได้แล้ว เพราะการอนุโมทนาด้วยจิตอันบริสุทธิ์อย่างเดียวเท่านั้น
นางนารีอันมีนามว่าวิสาขา ได้ถวายทานและได้สร้างมหาวิหาร ไปเกิดที่ไหน ขอท่านจงบอกคติของนางวิสาขานั้น แก่อาตมาด้วยเถิด?
นางเทพธิดานั้นตอบว่าข้าแต่ท่านผู้เจริญ นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นสหายของดิฉัน ได้สร้างมหาวิหารถวายแด่สงฆ์และได้ถวายทานแด่สงฆ์ เป็นผู้รู้ธรรมแจ่มแจ้ง
"เธอได้บังเกิดในหมู่ทวยเทพชั้นนิมมานรดี เป็นประชาบดีของท้าวสุนิมมิตวดี ผู้เป็นใหญ่ในชั้นนิมมานรดีนั้น" วิบากแห่งกรรมของนางวิสาขามหาอุบาสิกานั้น อันใครไม่ควรคิด
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดิฉันได้พยากรณ์ที่เกิดของนางวิสาขาที่พระคุณเจ้าถามว่า นางวิสาขานั้นบังเกิด ณ ที่ไหนโดยถูกต้องแล้ว ถ้าอย่างนั้น ขอพระคุณเจ้าได้ชักชวนแม้ชนเหล่าอื่นว่า
ท่านทั้งหลายจงปลื้มใจถวายทานแด่สงฆ์เถิด และจงมีใจเลื่อมใสฟังธรรม การได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์เป็นการได้ด้วยแสนยาก อันพวกท่านได้แล้ว พระพุทธเจ้ามีพระสุรเสียงดุจเสียงพรหม มีพระฉวีวรรณดุจทองคำ เป็นอธิบดีแห่งมรรคา ได้ทรงแสดงธรรมใดไว้ว่า เป็นทางสวรรค์ ทางนั้นเป็นทางอันประเสริฐ ท่านทั้งหลายจงปลื้มใจถวายทานแด่สงฆ์ ที่บุคคลถวายทักษิณาแล้วมีผลมาก
บุคคลเหล่าใดอันพระพุทธเจ้าเป็นต้นสรรเสริญแล้วว่า คู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ เหล่านี้บุคคลเหล่านั้นเป็นพระทักขิไณยบุคคล สาวกแห่งพระสุคต ทานอันบุคคลถวายแล้วในพระทักขิไณยบุคคลเหล่านั้น มีผลมาก ท่านผู้ปฏิบัติเพื่ออริยมรรค ๔ จำพวก และท่านผู้ตั้งอยู่ในอริยผล ๔ จำพวก ฯลฯ

อ่านรายละเอียดเิพิ่มเติมได้ืที่
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ บรรทัดที่ ๑๕๐๗ - ๑๕๗๙. หน้าที่ ๖๑ - ๖๔.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=26&A=1507&Z=1579&pagebreak=0ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=44ขอบคุณภาพจาก
http://photos4.hi5.com/,http://watvisit.igetweb.com/,http://www.dmc.tv/