แท้ที่จริง แล้ว ก็ไม่อยากจะวิจารณ์ อะไรครับ เพราะการวิจารณ์ ก็เป็นสังขตธรรม มโนสังขาร วจีสังขาร กายสังขาร
ที่เป็นรูปแบบแห่งสมมุติ หลุมดำ และ หลุมพราง ของเจ้ากิเลสตัวอ้วน ที่อิ่มหมี พีมัน ไปด้วย ราคะ โทสะ และโมหะ
แต่เวทีความคิด ก็เป็นแค่การนำเสนอ และ อธิบายไขข้อข้องใจกันครับ
เวทีธรรมะ ไม่ใช่ เวทีนักโต้วาที
เวทีธรรมะ เป็น เวทีที่นักภาวนา มาแนะนำสหธรรมิก ด้วยกัน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ
ผมเห็นจุดนี้ คุณเห็นจุดนั้น
ผมนั่งรถยนต์ไป คุณนั่งรถไฟมา
ผมมาจากทิศเหนือ คุณมาจากทิศใต้
ถ้าเป้าหมาย เป็นที่เดียวกันแล้วไซร้่
ก็จะไม่มีอะไรที่ขัดข้อง กันหรอกครับ
ขึ้นอยู่ที่ วิธีการ ที่จะไปถึง สะดวก เร็ว ช้า ต่างกัน ตามอุปนิสัย และ บารมี
ถ้าเป็นนักภาวนาจริง ก็น่าจะเป็นอย่างนี้ครับ
แต่ถ้าเป็นนัก โต้วาทีแล้ว ควรอ่านสิ่งที่คุณ nathaponson โพสต์ให้อ่านนะครับว่าคืออะไร
อ่านแล้วอย่าเลือดขึ้นหน้า เพราะมิฉะนั้น แล้วก็เป็นทาส ตัวอ้วน นะครับ
นักโต้วาทีชี้แจงประเด็นได้สวยหรู เหมือน ยก เรื่อง ทอง กับ อุจจาระ อันไหนดีกว่ากัน
สุดท้ายด้วยวาทะแล้ว อุจจาระ ดีกว่า ทอง
แต่พอเอา ทอง กับ อุจจาระ มาให้เลือกเพื่อจะให้เอากับบ้าน เข้าจริง ๆ นักโต้วาทีที่ว่า อุจจาระ ดีกว่าทอง ก็ไม่
เอาอุจจาระกลับบ้าน หรอกครับ ต้องถือ ทอง กลับบ้านแน่ ๆ
ดังนั้น ถ้าเราเข้าใจ ในเรื่อง สมมุติ บัญญัติ เข้า ถึง สภาวะ แห่ง สัจจะ ก็จะเห็นเรื่องนี้อย่างเข้าใจ
ผมไปในวัด มักจะได้ยินสำนวนนี้บ่อย ๆ ว่า
คนรู้ธรรมะ ชอบเอาชนะผู้อื่น
คนมีธรรมะ ชอบเอาชนะตัวเอง
จะให้เข้าใจ ง่าย ๆ นะครับ ว่าการศึกษาหลักปฏิบัติในทางศาสนาพุทธ แล้วเป็นการศึกษาเพื่อหยุดการศึกษา
เป็นการหยุด ยั้งตัวเองออกจาก สภาวะแห่งจิต และ สภาวะแห่งภพ
มีเป้าหมาย คือ นิพพาน
มีตัวเราเป็น ผู้ไป
มีกัลยาณมิตร เป็น ผู้บอก
มีพระธรรม เป็น ระบบ
มีพระพุทธ เป็น ผู้นำมาเปิดเผย
มีพระสงฆ์ เป็น ตัวอย่าง

การใช้ วิธีการ เป็นเครื่องชี้นำนั้น ทางเดียวไม่ได้ ต้องมองตามจริต ผู้ปฏิบัติ
ถึงแม้ผมจะเห็นความสำคัญของ พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ว่าเป็นกรรมฐานที่ควรฝึก
แต่พื้นฐานการภาวนาของผมนั้น ก็ออกไปทางเซ็น ซึ่งระบบการฝึกสมาธิ ของพระมหายาน นั้นผมว่าไม่ธรรมดาครับ เท่าที่ผมได้ไปสัมผัสเช่นที่ประเทศจีน ที่เจดีย์ เมืองโซกาย ผมได้เข้าไปกราบไหว้ พระอาจารย์เว่ยหล่าง
ซึ่งสังขารของท่าน ที่นั่งมรณะภาพมา 1200 กว่าปีมานี้ ท่านก็ยังนั่งยิ้มอยู่ในท่าเดิม
===================================================
ดังนั้นถ้า เราเคารพองค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วจริง ๆ ก็ปฏิบัติ ตามที่พระองค์ทรงสอน
แต่วิธีการสอน ของพระองค์ ก็ไม่เหมือนกันทุกกลุ่ม
=====================================================
เช่น เวลาพระองค์ ไปสอน ปัญจวัคคีย์ ท่านก็ไปแสดงธรรม เรื่อง อริยสัจจะ 4 ( พระสูตรนี้ ได้พระโสดาบัน )
เวลาแสดงธรรม ให้เป็นพระอรหันต์ พระองค์ แสดง อนัตตลักขณสูตร
ตอนที่พระองค์ได้โปรด พระยส พระองค์ก็ทรงแสดงฤทธิื์ื กำบัง ให้ลูกไม่เห็น พ่อ และ พ่อ ก็ไม่เห็น ลูก และแสดงหัวข้อธรรมเดียวกัน
ตอนที่พระองค์ ไปโปรด ชฏิล 3 พี่น้อง พระองค์ก็แสดง ฤทธิ์ 2500 กว่าวิธี
ตอนที่พระองค์ โปรด องคุลีมาล ก็ใช้ ฤทธิ์
ตอนที่พระองค์ ทรงโปรด พระคิริมานนท์ พระองค์ก็สอน สัญญา 10 แทน
ตอนไปโปรดชาว กุรุ ก็สอน มหาสติปัฏฐาน
ตอนโปรด พระจูฬปันถก ก็ให้ภาวนาแต่ ผ้าขี้ริ้ว ๆ ( รโช หรณัง )
ตอนโปรด พระอดีตช่างทอง ก็ให้ เพ่งดอกบัว
นี้แค่ยกตัวอย่างให้ฟัง และพิจารณาว่า พระพุทธเจ้า องค์เดียวกันท่านสอนการภาวนาหลากวิธี
ทำไม พระองค์ไม่สอนวิธี เดียวกัน เพื่อให้เกิดมาตรฐานของผู้ปฏิบัติ
ผมว่าเพื่อน สมาชิก ก็คงคิดได้นะครับว่า ต้องเป็นไป จริต การสั่งสม บารมี ทางธรรม ของผู้ภาวนาด้วย
ดังนั้น สำหรับความคิดเห็น ที่หนึ่งนั้น ข้อความหมายความตามความคิดผมนั้น ต้องการให้ท่านไปเชื่อที่ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม สอนอย่างเชื่อ พระอาจารย์สนธยา ผู้ที่โพสต์อย่างนี้มี อคติ กับผู้ภาวนาผู้อื่น ๆ เหมือนจะบอกว่ามีแต่ที่นี่เท่านี้ที่ฝึกสำเร็จ ผู้อื่นฝึกไม่สำเร็จหรอก ถ้าไม่มาฝึกที่นี่ ผมได้ไปที่ คณะ 5 วัดราชสิทธารามมาัแล้ว อ่านหนังสือ ประวัติหลวงพ่อสุก มีการแต่งตั้ง วัดตามหัวเมือง ต่าง ๆ ตามพระราชคำสั่งจากในหลวง ให้วัดนั้นเป็นผู้แจ้งห้องนี้ วัดนี้เป็นผู้รับภาระห้องนี้ ซึ่งมีจำนวนศิษย์ กรรมฐานจากรายชือ ทั้งวัดและ พระ มากมาย เลย
ผมลองไปตามที่รายชื่อวัดปรากฏ ในเขตอยุธยา ลพบุรี และคุยสนทนา กับเจ้าอาวาส
เป็นเรื่องที่แปลกใจเหมือนกันว่า มีตำนานคำสั่งแต่งตั้งขนาดนี้ ทำไมวัดที่ได้รับการแต่งตั้งถึงปัจจุบัน ไม่มี
พระรูปไหน รู้จักพระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ กันเลย
พระที่ผมเจอส่วนใหญ่ จะแนะนำกรรมฐาน ให้ผมอยู่ 3 พวกเลยครับ
1.แนะนำให้ภาวนา พุทโธ กับ ลมหายใจ เข้า และ ออก ท่านก็อธิบายว่าแค่นี้ก็พอ
2.แนะนำให้ภาวนา อานาปานสติ ก็อธิบายให้ตามดู ลมหายใจเข้า และ ออก
3.แนะนำให้ภาวนา มหาสติปัฏฐาน ก็อธิบายกันเป็นคุ้ง เป็นแควดังนั้น ผมเห็นความแตกต่างในเรื่องการฝึกภาวนาแล้ว หลักการออกไปทาง ปริยัติ คือ ให้สมมุติ บัญญัติ กับผมใหม่ บางท่าน บางรูป บอกต้องศึกษา พระอภิธรรม จะได้ไม่โดนใครหลอกง่าย ๆ ( ก็งง เหมือนกันว่ายังห่วงโดนหลอกอีก )
ดังนั้น ความคิดเห็นที่ 1 ผมอ่านแล้วผมคิดว่าใจคับแคบ ไม่ประกอบด้วยความหวังดีจริง เพียงต้องการปกป้องในสิ่งที่ตนเองคิด ผมไปวัดราชสิทธาราม ผมเดินคุยกับพระวัดราชสิทธารามแล้ว ไม่เห็นรูปไหนจะสนใจการปฏิบัติ พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มีแต่คุยเรื่อง อภิธรรม องค์หนึ่งละที่เห็น นอกนั้นผมเห็นคุยกันแต่เรื่องโลก
ผมนั่งกรรมฐาน อยู่บนห้องหน้ารูป หลวงปู่ทองในห้องเล็กอยู่ ร่วมชั่วโมง ก่อนลงมาบูชา หนังสือกับมาอ่าน
คุยกับพระที่นั่น ท่านก็บอกว่า แค่ ตจปัญจกะ กรรมฐานก็พอแล้ว ( อืม น่าคิด )
ผมคิดว่า ถ้าใจกว้างสักนิด พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ จะไม่สูญ
ถ้าผู้ฝึกกรรมฐาน มีปณิธาน เป้าหมายที่ พระนิพพาน จริง ๆ
เฮ้อ ร่ายมากไปแล้ว ในวันนี้ ทุกอย่างก็เป็น สมมุติสัจจะ

ที่จริงผมรอ คุณ natthaponson วิจารณ์ก่อน แต่เห็นนำของคนอื่นมาโพสต์แล้ว ก็ถือว่า วิจารณ์ แล้วก็แล้วกันนะ
ส่วนตัวผมนับถือว่า คุณ natthaponson นั้นเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ ดูแลกระทู้มาได้ดีจริง ๆ เป็นกลางด้วย
นับถือมากกับความรู้