กรณีรู้สึกว่าผู้ตายยังวนเวียนอยู่...
เราควรทำอย่างไร เพื่อการสงเคราะห์ที่ถูกต้อง (จบ)
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส
วิสัชนา : จึงไม่แปลกที่พระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่ง (ละสังขารไปแล้ว) เคยเล่าให้อาตมาฟังว่า
เมื่อเดินทางจาริกผ่านไปแถบจังหวัดแห่งหนึ่ง ขณะเจริญภาวนามีพวกมาขอส่วนบุญจากท่าน ซึ่งท่านได้ถามไปว่าไม่ได้รับผลบุญอุทิศจากพระสงฆ์วัดวาอารามในพื้นที่บ้างหรือ!?...
บรรดาพวกมาขอส่วนบุญเหล่านั้นได้ตอบว่า ...
แถบนี้มีพระสงฆ์กันที่ไหนล่ะพระคุณท่าน!! ซึ่งท่านก็อึ้งไปเหมือนกัน
เมื่อผู้ล่วงลับจากโลกนี้ไปแล้วเหล่านั้นพากันมาขอส่วนบุญจากท่าน และแจ้งว่าไม่มีพระสงฆ์เลย ...
คำตอบ คือ มีแต่พวกผีเปรตในคราบนักบวชเท่านั้นเอง
มิได้มีเนื้อนาบุญเพื่อสัตว์ทั้งหลายเลย การทำบุญกุศลจึงไม่เป็นผล
หากศรัทธาญาติโยมขาดการเรียนรู้ในวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง
โดยเฉพาะการถวายสังฆทาน หรือการให้ทานอันถึงสงฆ์ ซึ่งขอให้หลักสั้นๆ ไว้ดังนี้ว่า
ผลบุญจะเกิดขึ้นอย่างไพบูลย์นั้น จะต้องมีความบริสุทธิ์ ๓ อย่างในการประกอบการกุศล
๑.วัตถุบริสุทธิ์
๒.บุคคลบริสุทธิ์
๓.เจตนาบริสุทธิ์
และโดยเฉพาะการถวายสังฆทาน หรือการให้ทานอันถึงสงฆ์นั้น จะต้องพึ่งสงฆ์เป็นสำคัญ ที่จะต้องไม่เจาะจงพระภิกษุ... และควรครบหมู่สงฆ์ หรือคณะสงฆ์ หมายถึง ๔-๕ รูปขึ้นไป หรือพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งที่เจ้าภาพได้ขอจากสงฆ์มา ด้วยกำลังทานมีไม่มากพอที่จะถวายเลี้ยง ๔-๕ รูป เรียกว่า ควรเผดียงสงฆ์ให้ถูกต้อง
ที่สำคัญต้องให้ความสำคัญต่อการยำเกรงหรือให้ความเคารพสงฆ์ เพราะรู้คุณค่าอันไม่มีประมาณของสงฆ์
(กรุณาอ่านทักขิณาวิภังคสูตร จะได้ทราบเรื่องทานอันถึงสงฆ์ และอานิสงส์อันไม่มีประมาณ)
ที่สำคัญ คือ การแสดงเจตนาการอุทิศบุญกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว เพื่อขอกำลังสงฆ์ในการอุทิศบุญ ดังที่มีการจัดรูปทานอันถึงสงฆ์ หรือสังฆทานในแบบถวายมตกภัต (อุทิศให้ผู้ตาย) ซึ่งมีการกล่าวเจาะจงเอ่ยชื่อผู้ล่วงลับไปแล้วต่อหน้าสงฆ์
อาตมาขอกล่าวสรุปย่อๆ พอเข้าใจ หากยังกังวลใจ ไม่เข้าใจต่อการปฏิบัติ กรุณาไปติดต่อขออ่านหนังสือตามรอยธรรมพระป่า เล่ม ๓ ของอาตมา มีวางไว้ให้ผาติกรรมที่มูลนิธิเพื่อโรงพยาบาล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ ขอรับได้เลย ไม่มีการซื้อขาย เป็นธรรมทาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าใจ ประพฤติถูกต้องตามศาสนพิธี ไม่ขัดข้องในศาสนธรรมแล้ว ก็คงหมดห่วงต่อการอุทิศบุญ
แต่ญาติผู้ล่วงลับจะได้รับหรือไม่ ... ก็ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยของฝ่ายผู้รับแล้ว
เราผู้ส่งให้ได้ดำเนินการถูกต้องตามกระบวนการทุกประการแล้ว ก็ขอให้สบายใจได้ว่าเราได้ทำสิ่งที่ถูกที่ควรแล้ว เพื่อการไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นไป ... ผู้มีความทุกข์ พึงพ้นจากความทุกข์ ผู้มีความสุข พึงมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป
การเจริญเมตตาภาวนาเพื่อแผ่เมตตาแก่สัตว์ทั้งหลาย หรือญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว เป็นเรื่องที่สำคัญมาก อันควรกระทำการเจริญเมตตาอุทิศ
การสวดพิจารณาอะภิณหะปัจจเวกขะณะ หรือการสวดคาถาธรรมบรรยายเป็นเรื่องที่ควร เพื่อการเจริญมรณานุสติ จะทำให้คลายจากการยึดเหนี่ยวยึดถือกัน ปลดปล่อยต่อกันให้เป็นอิสรภาพ เป็นไปตามธรรม ... ไม่ต้องมานั่งห่วงหาอาลัยต่อกันจนไม่คิดจะจากกันไป แม้ตายจากโลกนี้ไปแล้วก็ยังพยายามวนเวียนอยู่ด้วยอุปาทานขันธ์ อันสืบเนื่องมาจากความไม่รู้ หรืออวิชชาเป็นปัจจัย
จึงเป็นเรื่องปกติของการนิมนต์พระภิกษุมาแสดงธรรมเพื่อกระทำบุญพลี ... ธรรมพลีจากคนเป็นสู่คนตาย เรียกว่าเป็นประโยชน์ต่อกันทุกฝ่าย ที่จะได้อานิสงส์แห่งการฟังธรรม ... บูชาธรรม และอุทิศบุญนั้นแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว
โดยเฉพาะการนิยมจัดทำบุญฟังธรรมที่บ้านของผู้ตายอีกครั้ง หลังจากมีการเผาศพ ฝังศพเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสุดท้ายเรื่องต่างๆ ที่เห็น ... หรือได้ยิน ก็จะจบสิ้นไป หากมีอยู่ก็คงจะเป็นอุปาทานในจิตของเราที่ยังระลึกหาอาลัยอยู่นั่นเอง ... จึงจะจบสิ้นโดยการภาวนา เจริญมรณานุสติ นึกถึงผู้ตายเป็นเครื่องหมายว่า แม้เราก็จักต้องเป็นเช่นนี้ ด้วยความหมายที่ว่า
สัตว์ทั้งหลายจักตายด้วยกันสิ้น
เพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด
แม้อยู่ได้ถึงชราก็ต้องตาย
เพราะสัตว์ทั้งหลายมีอย่างนี้เป็นธรรมดา ...
ขอเจริญพรที่มา
http://www.posttoday.com/ธรรมะ-จิตใจ/149801/กรณีรู้สึกว่าผู้ตายยังวนเวียนอยู่-เราควรทำอย่างไร-เพื่อการสงเคราะห์ที่ถูกต้อง-จบ
ขอบคุณภาพจาก
http://statics.atcloud.com/
กระทู้แนะนำ
กรณีรู้สึกว่าผู้ตายยังวนเวียนอยู่ เราควรทำอย่างไรเพื่อการสงเคราะห์ที่ถูกต้อง(๑)
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7345.0