ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ  (อ่าน 11763 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
« เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 12:33:37 pm »
0
รูปภาพประกอบโดย เซมเบ้

นิทานโทสะ ตอน ศรัทธาหัวเต่า

ชาวพุทธเราไม่ถอยเรื่องการทำบุญกันอยู่แล้ว...

ทุกคนเชื่อว่าการทำบุญ ทำทานเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

แล้วมีใครเคยสังเกตไหมว่า...ระหว่างการทำบุญ สร้างกุศลของพวกเรา ก็อาจมีเหตุให้พลาดพลั้งทำบาป เกิดจิตอกุศลขึ้น...ด้วย “โทสะ”

คุณอาผมเป็นนักทำบุญระดับมืออาชีพ จัดทัวร์กฐิน ผ้าป่าเป็นประจำทุกปีมาตลอดชีวิต และหากบางวัดที่แกศรัทธา มีการจัดงานประจำปี อาผมก็จะพาลูกเมีย ญาติพี่น้องไปตั้งโรงทานแจกอาหาร กาแฟ น้ำปานะ ไอศกรีมกัน ตามแต่กำลังทุนทรัพย์ที่มีกันตอนนั้น

ชาวพุทธเราเชื่อว่า การทำโรงทานนับเป็นการสร้างบุญใหญ่อย่างหนึ่ง แต่จะมีใครรู้...ระหว่างการบำเพ็ญบุญอยู่นี้ อาจมีเหตุให้เกิดบาปอกุศลได้

เช้าวันนี้อากาศสดใส เป็นงานบุญประจำปีของวัด...ที่โรงทานนอกจากมีกาแฟ น้ำดื่มเลี้ยงแล้ว ก็ยังมีการแจกไอศกรีมแท่ง ไว้บริการคณะญาติโยมที่มาทำบุญอีกด้วย

คุณอากำลังคอยแจกไอศกรีมแท่งอย่างมีความสุข ผู้ที่มารับส่วนใหญ่จะมีสีหน้าแช่มชื่น อิ่มบุญมีความสุข แต่ละคนก็จะมารับไอศกรีมกันคนละแท่ง สองแท่งไปรับประทานกั

ผู้ให้มีจิตเป็นกุศล มีความสุข ผู้รับก็มีจิตยินดี อนุโมทนา แต่บนเส้นทางบุญนี้ ย่อมมีความเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง เช่นเดียวกับเรื่องราวต่าง ๆ บนโลก



ระหว่างการแจกทานไอศกรีม ก็มีป้าแก่ ๆ คนหนึ่ง ถือถาดมากอบไอศกรีมแท่งใส่เป็นจำนวนมาก อาผมเห็นอย่างนั้นก็นึกฉุน ไม่พอใจ เพราะมีเจตนาอยากแจกเฉลี่ยให้ทุกคนได้รับประทานกันทั่ว ๆ ไม่พอใจที่มีคนมา “เหมา” ไปมากขนาดนี้ จึงพูดเตือนแกไปดี ๆ...

“นี่...ยาย เอาไปแค่แท่งสองแท่งก็พอจ้ะ เอาใส่ถาดไปเยอะแยะอย่างนี้ เดี๋ยวคนมาทีหลังเขาจะไม่ได้กินกัน”

ถ้าเป็นคนทั่วไปโดนทักอย่างนั้น คงเกิดความละอายใจ รีบขอโทษแล้วแบ่งคืนมาให้ แต่บังเอิญอาผมคงได้เจอกับคุณป้ามหาภัยเข้า แทนที่จะเข้าใจกลับย้อนคืนเสียแสบ

“อ้าว...ก็ของแจกทานไม่ใช่เรอะ ใครจะเอาไปกินเท่าไหร่ก็ได้นี่ ทำไมต้องมากำหนดให้แค่แท่ง สองแท่งด้วยล่ะ อย่างนี้มันก็เป็น “ศรัทธาหัวเต่า” ผลุบเข้าผลุบออก ได้เรื่องที่ไหน”

ถูกด่าเป็น “ศรัทธาหัวเต่า” เข้าแบบนี้ นักทำบุญก็เลือดขึ้นหน้าได้เหมือนกัน ใจคงนึกอยากเอาถังไอศกรีมทุ่มใส่คุณป้าปากดี แต่โมโหยังไงอาแกก็คงแบกไม่ไหว (ตัวแกก็แก่พอกัน) ทำได้แค่ยืนกัดฟันกรอด ๆ มองคุณป้าหอบไอศกรีมเดินเฉิบ ๆ ไปด้วยความโมโห

บุญกุศลกระเจิงหมด ใจที่แช่มชื่นเปลี่ยนเป็นเดือดปุด ๆ ไฟโทสะเต้นเร่า โกรธจนแน่นอก ต้องหลบไปนั่งทำใจอยู่ในห้องน้ำ ไม่ออกอาละวาดให้ใครเขาเดือดร้อน

พักใหญ่ กว่าไฟโทสะจะซา มีสติเห็นจริงตามคำพูดคุณป้ามหาภัย...

ตัวแกคงเป็นพวกศรัทธาหัวเต่าจริง ๆ นั่นแหละ ในเมื่อตั้งใจทำโรงทานแล้ว จิตใจควรเปิดกว้าง อย่างไม่มีเงื่อนไข...ใครจะเอาไปเท่าไหร่ก็แล้วแต่ความต้องการของผู้รับสิ...ผู้ให้มีหน้าที่แค่ให้ จะมาสร้างเงื่อนไขให้ใจมีกำแพงไปทำไม

หมดก็หมดสิ...จะไปกลัวอะไร...ในเมื่อเราได้ให้อย่างเต็มกำลังศรัทธาแล้ว

ประโยชน์ของการทำโรงทาน ไม่ใช่มีแค่ “บุญ” กุศลเท่านั้นหรอก หากเราฉลาดพอก็สามารถใช้เป็นสนามเรียนรู้จิตใจตนเองได้

สิ่งที่ได้รับนั้นมีคุณค่ามากกว่าที่คิด...แค่การมีใจที่เปิดกว้าง พร้อมให้อย่างไม่เลือกหน้า ไม่มีเงื่อนไขนั้น มันก็เป็นบุญที่ไม่ธรรมดาแล้ว

นอกจากนี้...เรายังได้เรียนรู้ และฝึกฝนในเรื่องที่ยากเย็นอีกหนึ่งเรื่อง...

นั่นคือ...เรื่องของการให้ “อภัย”



ขอบคุณเรื่องและภาพจาก
http://www.dlitemag.com/index.php?option=com_content&view=article&id=61:2009-05-27-10-19-08&catid=40:lite-calm-down&Itemid=59
http://www.thaigoodview.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 20, 2012, 02:06:26 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 12:43:31 pm »
0


อัปโหลดโดย kancha085 เมื่อ 20 ธ.ค. 2011

     พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ ประธานสงฆ์แห่งวัดไตรสิกขาทลามลตาราม และวัดนิพเพธพลาราม ต.บ้านแพด อ.คำตากล้า จ.สกลนคร ถือว่าเป็นนักปราชญ์แห่งภาคอีสาน ที่ หลายท่านยังไม่รู้จัก จึงถือโอกาสเปิดกรุพระป่า พระนักปฏิบัติ พระนักเทศน์ พระนักปราชญ์แห่งภาคอีสานรูปหนึ่ง พระผู้เสียสละอุทิศตนทำงานเพื่อพระศาสนา รับกิจนิมนต์ไปแสดงธรรมในที่ต่างๆ ทั้งใกล้ทั้งไกลทั้งต่างประเทศ

    ชีวิตอยู่กับการเดินทางเป็นส่วนมาก การพักผ่อนไม่ค่อยจะพอ ประกอบกับสุขภาพไม่ค่อยจะดี ปัจจุบันพระอาจารย์ พูดได้เหมือนเดิม แต่ก็นั่งรถเข็ญ ก็เดินได้บ้างแต่ใช้ไม้เท้า บทบาทที่เคยเดินทางไปแสดงธรรมตามกิจนิมนต์ก็ไม่มีมากเหมือนแต่ก่อน เพราะร่างกายไม่แข็งแรง

     ยังเหลือแต่ผลงานเก่าๆ ที่จัดทำเป็น ซีดี วีซีดี ซึ่งเป็นผลงานหลากหลาย
     แสดงธรรมทุกระดับทั้งโวหารและไหวพริบดีมาก ได้ฟังแล้วจะเห็นความแปลกใหม่อย่างน่าทึ่งมาก
     ท่านเป็นพหุสูตรจริงๆแต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจ ว่าท่านพูดได้หลายภาษา เท่าที่ผู้โพสท์ได้ฟัง คือ ไทย ลาว อังกฤษ จีน เวียดนาม กัมพูชา กรีก บาลี สันสกฤต เยอะมากครับ


    นอกจากจะพูดได้แล้วยัง เขียน อักษารอีสานโบราณได้ด้วย ขอม อังกฤษ ฯลฯ
    ประเด็นสำคัญคือ เวลาที่ท่านเทศน์นั้น ก็จะมีหลักฐานการอ้างอิงในพระไตรปิฎก กล่าวไว้ว่า อย่างนี้ๆ จากพระไตรปิฎกเล่มไหน ชื่อเล่มว่าอะไร อยู่หน้าที่เท่าไหร่ วรรคไหน บรรทัดที่เท่าไหร่ กล่าวว่าอย่างไร



ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.wattraisikkha.com/wad/index.php?name=page&file=pa­ge&op=prawat
และ
board.palungjit.com/f63/ประวัติพระดีน่าเลื่อมใส-พระอาจารย์สมภพ-โชติปัญโญ-250796.html
ขอบคุณที่มา -http://www.youtube.com/watch?v=tbvVKnJAoNg-
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 12:47:09 pm »
0


เผยแพร่เมื่อ 24 เม.ย. 2012 โดย emmytube99

    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่


    หลวงปู่ได้รับสมณศักดิ์ "พระครูสันติวรญาณ" ในวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๒
    และได้รับพัดยศโดยเลื่อนจากสมณศักดิ์ที่ "พระครูสันติวรญาณ" เป็น "พระญาณสิทธาจารย์" ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๕



ที่มา -http://www.youtube.com/watch?v=koXsvxOcR0M-
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

เท่ากับผลรวม

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 169
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 01:21:59 pm »
0

ขอบคุณภาพจาก
รวมภาพ GiF animation สำหรับ มัชฌิมา คะ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7623.0
ตามคำชวนใช้ของ คุณ patra ครับ

ขอบคุณมากครับ เรื่อง ศรัทธาหัวเต่า ผมเองก็พึ่งจะเข้าใจความหมายวันนี้ครับ
สมาธิหัวตอ คือ อะไรยังไม่ได้ฟังครับ เนื้อหาไม่มี คำอธิบายตัวหนังสือนะครับ เนื่องด้วยเครื่องใช้ net มือถือ
ทำให้โหลด วีดีโอ ได้ช้าครับ
ขอความกรุณา ลงข้อความประกอบ ความหมายไปเลยก็ดีนะครับ

สาธุ สาธุ สาธุ
บันทึกการเข้า
ชีวิต นี้เพื่อพุึทธศาสน์

tasawang

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 01:30:53 pm »
0

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.oknation.net

สมาธิหัวตอ

   ในความเข้าใจของผมนั้นหมายถึง สมาธิที่ทำไปไร้ประโยชน์ นะครับ ไม่โตแล้ว ตายจบตรงนั้นแล้ว เพราะถูกตัดทำลายแล้ว เช่นการบริกรรมไป แล้ว เดี๋ยวก็กลายเป็นนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้นเป็นต้น กลายเป็นนิ่งนั่งหลับ อยู่อย่างนั้น ไม่มีธรรมใด ๆ เกิดขึ้นเลยในขณะนั้น นอกจาก นิ่ง นั่ง หลับ เฉย เฉพาะหน้านั้น

     สมาธิหัวตอ กํบ สมาธิหินทับหญ้า นี่น่าจะมีความหมายคล้าย ๆ กันนะครับ

     ส่วน สมาธิหัวต่อ นี่อันตรายครับ พวกบ้า ทะลุ นะครับ ไม่ใช่ บรรลุ นะครับ พวกนี้พวกคลั่งการเห็น ชอบพูดเกี่ยวกับเรื่องการเห็น เทพ ผี สาง เทวดา สิ่งที่ไม่มีตัวตนให้คนทั่วไปเห็น อีกสักพัก ก็ไปเป็นร่างทรง บ้าง เพ้อพก แต่เรื่องพวก วิญญาณ สาระตะไปเรื่อย ๆ จนเกิดมานะสำคัญว่าตนเอง นั้นสุงส่งกว่าใคร ครับ

     สมาธิหัวต่อ นี่ต้องระวัง นะครับ

   
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 01:43:04 pm »
0

ศรัทธาหัวเต่า
จาก หนังสือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พฺรหฺมรํสี

      มีคหบดีคนหนึ่งบ้านอยู่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ประสงค์จะมีเทศน์มัทรีที่บ้าน จึงเข้าไปหา สมเด็จฯ ขอให้ท่านนิมนต์พระเทศน์ให้องค์หนึ่ง (คหบดีคนนั้นไม่ทราบว่าสมเด็จฯ เทศน์มัทรีได้) ครั้นถึงวันกำหนดท่านไปเสียเอง ไม่ได้นิมนต์พระองค์หนึ่งองค์ใดไป

     ฝ่ายคหบดีคิดเห็นว่า ท่านเป็นพระผู้ใหญ่คงจะเทศน์เป็นธรรมวัตร
     จึงให้แบ่งเครื่องกัณฑ์ที่เตรียมไว้ออกเสียครึ่งหนึ่ง ด้วยหมายว่าจะนิมนต์พระองค์อื่นมาเทศน์ในวันต่อไป

     ครั้นได้ฟังสมเด็จฯ เทศน์ทำนองไพเราะจับใจ เกิดเลื่อมใสศรัทธามาก จึงให้เอาสิ่งของที่แบ่งไว้นั้นมาติดกัณฑ์เทศน์อีก
     เมื่อเทศน์จบแล้ว ท่านสอนคหบดีผู้นั้นว่า


     “เมื่อจะทำบุญทำกุศลอันใด ต้องมีศรัทธามั่นคงเป็น อจลสัทธา อย่าให้เป็นศรัทธาหัวเต่า” แล้วบอกให้เอาเครื่องกัณฑ์ทั้งหมดไปถวายพระองค์อื่นต่อไป เบ็ดเตล็ด

     มีชายผู้หนึ่งนิมนต์สมเด็จฯ ไปเทศน์ ท่านถามว่าบ้านอยู่ที่ไหน ชายผู้นั้นกราบเรียนว่า บ้านอยู่ริมคลองมีกองมะพร้าวอยู่หน้าบ้าน ถึงวันนั้นท่านก็ไปพบมะพร้าวกองอยู่ริมน้ำตรงไหน ท่านก็ขึ้นไปนั่งเทศน์แล้วก็กลับ

    บางคราวสมเด็จฯ รับนิมนต์เทศน์ในวันหนึ่งหลายกัณฑ์ ถึงวันกำหนดท่านก็ไปเทศน์ตามลำดับบ้านที่นิมนต์ก่อนและหลัง ถึงบ้านสุดท้ายเป็นเวลาดึกมาก ต้องปลุกกันให้ลุกขึ้นฟังเทศน์ก็มี บางครั้ง มีเทศน์มหาชาติที่วัดระฆังฯ ถ้าพระองค์ไหนเทศน์ไม่ดี ท่านบอกให้ลงจากธรรมาสน์ แล้วท่านขึ้นเทศน์แทนก็มี

______________________
อจล-
    [อะจะละ-] ว. ไม่หวั่นไหว, ไม่คลอนแคลน, เช่น อจลศรัทธา. (ป., ส.).


ที่มา www.ruendham.com/book_detail.php?id=27&content=326&name_content=%CA%C1%E0%B4%E7%A8%BE%C3%D0%BE%D8%B2%D2%A8%D2%C3%C2%EC%20%E2%B5%20%BE%DA%C3%CB%DA%C1%C3%ED%CA%D5&key_run=521   
ขอบคุณภาพจาก http://www.manager.co.th/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 20, 2012, 01:46:16 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

เด็กวัด

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 150
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 01:43:22 pm »
0

ขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net

  ศรัทธาหัวเต่า 
     น่าจะหมายถึง ความศรัทธา ที่ไม่มั่นคงครับ คือ เดี๋ยวก็ผลุบ เดี๋ยวก็โผล่ เดี๋ยวศรัทธา เดี๋ยวไม่ศรัทธา ครับในตัวอย่าง ที่ฟังดู พระท่านกล่าวว่า มีโยมมาถวายรถให้ใช้ 1 คัน แต่ อีก 7 วัน มาขอรถคืน ไม่ให้ใช้

   ศรัทธาหัวเต่า  ก็หมายถึง พวกที่มีศรัทธา แบบผลุบโผล่ อย่างนี้ครับ


    :welcome: :s_good:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 02:18:07 pm »
0

ขอบคุณมากครับ เรื่อง ศรัทธาหัวเต่า ผมเองก็พึ่งจะเข้าใจความหมายวันนี้ครับ
สมาธิหัวตอ คือ อะไรยังไม่ได้ฟังครับ เนื้อหาไม่มี คำอธิบายตัวหนังสือนะครับ เนื่องด้วยเครื่องใช้ net มือถือ
ทำให้โหลด วีดีโอ ได้ช้าครับ
ขอความกรุณา ลงข้อความประกอบ ความหมายไปเลยก็ดีนะครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

    พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ ได้อธิบายว่า สมาธิหัวตอ คือ อสัญญีฌาน
    เป็นฌานของพวกฤาษีนอกพุทธศาสนา ตายขณะอยู่ในฌานจะไปเกิดในพรหมชั้น ๑๒
    (แต่ที่ถูกต้องน่าจะเป็น ชั้น ๑๑)
    เรื่องอสัญญีพรหมนี้ มีคำอธิบายโดยพิสดาร ที่ลิงค์นี้ครับ

    พรหมลูกฟัก อสัญญีพรหม คือ พรหมแบบไหนครับ
    http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3856.msg14266#msg14266

     :welcome:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 07:10:19 pm »
0

อัปโหลดโดย kancha085 เมื่อ 20 ธ.ค. 2011

ตอบคำถาม ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ การถวายสังฆทาน เวลาพระให้พร
[ถอดมาจากเสียงบรรยายธรรมของพระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ (อยู่ด้านบน)]

๑. ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ มีความหมายอย่างไร ผู้ปฏิบัติได้อานิสงส์อย่างไร
๒. ในขณะที่เจ้าภาพถวายสังฆทาน ขอศีลนั้น ผู้เข้าบวชชีพราหมณ์ควรทำอย่างไร ต้องกล่าวคำนั้นด้วยหรือไม่
๓. เวลาพระท่านให้พร ต้องให้พรด้วยหรือไม่  ขออนุโมทนา

ศรัทธาหัวเต่า
ศรัทธาหัวเต่า คือ หดเข้าหดออก เอาให้แล้วก็เอาคืน
หยั่ง หยั่ง หยั่งคุณโยมวิเชียร ที่มาถ่ายวิดีโอ วันนั้นเป็นเจ้าภาพเป็นผู้นำมัคทายก ถวายรถให้ บริษัทอะไรล่ะที่เมืองอุดร
เสร็จแล้วอีก ๗ วัน เค้าก็มาเอารถคืน  นั่นแหละ “ศรัทธาหัวเต่า มันหดเข้า”
พวกเราทั้งหลาย อย่าให้เป็นอย่างนั้นนะ ให้เป็น สัทธานิพิฐาโม...........(ฟังไม่ชัด) ศรัทธามีรากแก้วหยั่งลง ไม่ง่อนแง่นไม่คลอนแคลน  เทวดามา ก็ไม่เป็นหัวเต่า มาชวนหนีให้ไปศรัทธา
อย่างนายสุปปพุทธกุฏฐิ โรคเรื้อน(คนนี้เป็นโรคเรื้อน) เทวดาพระอินทร์จ้างให้เลิกนับถือพระรัตนตรัย ด่าหัวหนีซะ
นี่คือศรัทธาหัวเต่า ได้บุญบ้างได้บาปบ้าง อานิสงส์


สมาธิหัวตอ
สมาธิหัวตอ คือ สมาธิ “อสัญญีฌาน” เพ่ง แข็ง กระแด็ก  เคยเห็นไหม บางทีออกทีวีเลย วันนี้คือ การเข้านิโรธ
สามเณรน้อยๆ หรือผู้หญิงบางคนจิตอ่อน พอเพ่งน้อมเข้ามา สะกดตัวเอง แกร็ก...แข็งกระแด็ก
เอาไปตั้งบนถนนก็อยู่อย่างนั้นแหละ รถมาเหยียบหัวตาย ก็วิ่งหนีไม่เป็น
ไม่เป็นประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรม บางทีเอาไปตั้ง เอาแขนยื่นออก ก็อยู่อย่างงี้ เหมือนหุ่น เอาไม๊
แต่เวลาออกมา ก็มีกิเลส คือเก่า “ไล่เข้ามะกอก.........(ท่านเว้าภาษาอีสาน ฟังไม่เข้าใจ)...บ่เคยเห็น
นั่นเรียกว่า สมาธิหัวตอ ภาษาพระท่านเรียกว่า “อสัญญีฌาน”  ฌานที่เพ่งลงไปจนหมดสัญญา เป็นสมาธินอกศาสนา


ในเกณฑ์การฝึกสมาธิของศาสนาพราหมณ์ อันนี้เรียกว่า สุดยอดสมาธิ เวลาฤาษีต่อสู้กัน สู้ไม่ได้
คนนี้เพ่งเป็นไฟไป คนนั้นเพ่งเป็นน้ำมา กำลังจิตสู้คนนั้นไม่ได้ ไฟก็ม้อด
ทีนี้คนนั้นเพ่งมา คนนี้เพ่งน้ำไปสู้ไม่ไหว ไฟจะไหม้หัวกู กูตายแน่ๆ
ทีนี้ต้องถอยทัพ กลับมาสู่ “อสัญญีฌาน” แกร็ก...ตายโลด กูบ่เจ็บดอก
เมื่อไฟไม่ไหม้ เขาสงสาร เขาปล่อยไว้ เขาออกมาจากฌาน วิ่งหนีบ้าด...

อันสมาธินี้ชนิดนี้ เค้าฝึกไว้ต่อสู้กัน นานมาแล้ว ทางพุทธศาสนาเรียกว่า อสัญญีฌาน
มีอานิสงส์ไหม อานิสงส์มี ตายปั๊บขึ้นไปอยู่พรหมโลก ชั้นที่...รู้สึกจะเป็นชั้นที่ ๑๒ อสัญญีสัตตาวาส
เขาเอิ้นว่า “พรหมลูกฟัก” พรหมกระแด็ก ถ้านอนตาย ก็ไปเกิดเป็นพรหมนอนกระแด็ก อายุยืน ๔๐๐ มหากัป
โลกนี้เกิดโลกนี้ตายอีก ๔๐๐ หน่วยโลก ยังบ่ทันตื่น อาภัพที่สุด พระอริยเจ้าไม่เข้าไปในชั้นนี้
ถ้าเกิดนั่งตาย นั่งสมาธิ  แกร็ก..ตายไป ก็ไปนั่งอยู่โน้น อยู่ท่าไหน อยู่ท่านั้น
อยู่ท่าไหน ก็เรียกว่า พรหมลูกฟัก  พรหมดักแด้......(ท่านเว้าภาษาอีสาน ฟังไม่เข้าใจ) ผ่านไปนะ ตาบ่ดี



ในขณะที่เจ้าภาพถวายสังฆทานขอศีลนั้น ผู้เข้าบวชชีพราหมณ์ควรทำอย่างไร ต้องกล่าวคำนั้นด้วยหรือไม่?
ไม่ต้องกล่าวก็ได้ นั่งพนมมือ เพราะเขาถวายให้เรา เค้าบอกว่า
“สามเณรา นัญจะ อุบาสากาจะ สีลภัตนัง  แด่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ พร้อมทั้งสามเณร อุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย”
ผู้ได๋ล่ะ อุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศีลทั้งหลาย ก็สุมนั่งซาบลาบมื้อนี่ หรือซิถวายให้เจ้าของคอก
จน.....ข้าเจ้าเว้ากับพระ  เว้าว่า สาธุ  เว้าซอยเพิ่นแน ให้มันดังคับดง ให้เทวดาทั้งหลายได้สาธุ


สาธุ แปลว่า ดีแล้ว ชอบแล้ว
สาธุ สาธุ อนุโมทามิ  ออนซอนนำเจ้าเด้ 
เว้าภาษาลาว อนุโมทามิ แปลว่า ออนซอน ถ้าเป็นภาษาไทยว่า ชื่นชม เห็นดีด้วย
ถ้าเป็นภาษาลาว สาธุ สาธุ อนุโมทามิ  โอ...ดีเด้อ ดีน้อ ออนซอนนำเด้
จังแม่น เฮ็ดถืก เฮ้ดต้องน้อ......... (ท่านเว้าภาษาอีสาน ฟังไม่เข้าใจ)


เวลาพระให้พร ให้พรด้วยหรือไม่? (เข้าใจว่าผู้ถามบวชชีพราหมณ์อยู่ในขณะนั้น)
ถ้าได้ก็ว่า มีประโยชน์  ถ้าไม่ได้ ก็ไม่ต้องว่าอะไร  นึกให้อยู่ในใจ....ผ่านไป


พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ
วัดไตรสิกขาทลามลตาราม ต.บ้านแพด อ.คำตากล้า จ.สกลนคร

หมายเหตุ หากการถอดคำบรรยายครั้งนี้ ผิดพลาดประการใด ข้าพเจ้าขอกราบขอขมาพระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ มา ณ ที่นี้
          อุกาสะ วันทามิ ภันเต สัพพัง,
          อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
          มะยา กะตัง ปุญ  ญัง สามินา อนุโมทิตัพพัง,
          สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง,
          ทาตัพพัง   สาธุ สาธุ อนุโมทามิ,
          สัพพัง  อะปะราธัง ขะมะถะ เม  ภันเต   

          สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเมภันเต,
          อุกาสะ  ทวารัตตะเยนะ กะตัง,
          สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
          อุกาสะ ขะมามิ ภันเต



ขอบคุณภาพจาก http://www.dhammajak.net/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 20, 2012, 10:57:52 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:53:17 pm »
0

อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ ๕

๗. เรื่องสุปปพุทธกุฏฐิ [๕๑]
             
               
               ข้อความเบื้องต้น               
               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภบุรุษโรคเรื้อน ชื่อว่าสุปปพุทธะ ตรัสว่าธรรมเทศนานี้ว่า "จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา" เป็นต้น.


                 สุปปพุทธะกราบทูลคุณวิเศษแด่พระศาสดา               
                 เรื่องสุปปพุทธะนี้มาแล้วในอุทาน๑- นั่นแล.
               ก็ในกาลนั้น สุปปพุทธกุฏฐินั่งที่ท้ายบริษัท ฟังธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว บรรลุโสดาปัตติผล ปรารถนาจะกราบทูลคุณที่ตนได้แล้ว แด่พระศาสดา (แต่) ไม่อาจเพื่อจะหยั่งลงในท่ามกลางบริษัท ได้ไปยังวิหารในเวลามหาชนถวายบังคมพระศาสดากลับไปแล้ว.

____________________________
๑- ขุ. อุ. เล่ม ๒๕/ข้อ ๑๑๒.


               คนมีอริยทรัพย์ ๗ เป็นผู้ไม่ขัดสน               
               ขณะนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงทราบว่า "สุปปพุทธกุฏฐินี้ใคร่เพื่อกระทำคุณที่ตนได้ในศาสนาของพระศาสดาให้ปรากฏ" ทรงดำริว่า "เราจักทดลองนายสุปปพุทธกุฏฐินั้น" เสด็จไปยืนในอากาศแล้ว ได้ตรัสคำนี้ว่า "สุปปพุทธะ เธอเป็นมนุษย์ขัดสน เป็นมนุษย์ยากไร้, เราจักให้ทรัพย์หาที่สิ้นสุดมิได้แก่เธอ, เธอจงกล่าวว่า ‘พระพุทธไม่ใช่พระพุทธ, พระธรรมไม่ใช่พระธรรม, พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์, อย่าเลยด้วยพระพุทธแก่เรา, อย่าเลยด้วยพระธรรมแก่เรา, อย่าเลยด้วยพระสงฆ์แก่เรา."

               ลำดับนั้น สุปปพุทธกุฏฐินั้นกล่าวกะท้าวสักกะนั้นว่า "ท่านเป็นใคร?"
               สักกะ. เราเป็นท้าวสักกะ.
               สุปปพุทธะ. ท่านผู้อันธพาล ผู้ไม่มียางอาย, ท่านเป็นผู้ไม่สมควรจะพูดกับเรา, ท่านพูดกะเราว่า ‘เป็นคนเข็ญใจ เป็นคนขัดสน เป็นคนกำพร้า’, เราไม่ใช่คนเข็ญใจ ไม่ใช่คนขัดสนเลย, เราเป็นผู้ถึงความสุข มีทรัพย์มาก,
               ทรัพย์เหล่านี้ คือ ทรัพย์คือศรัทธา ๑, ทรัพย์คือศีล ๑,
                         ทรัพย์คือหิริ ๑, ทรัพย์คือโอตตัปปะ ๑,
                         ทรัพย์คือสุตะ ๑, ทรัพย์คือจาคะ ๑,
                         ปัญญาแลเป็นทรัพย์ที่ ๗,
               ย่อมมีแก่ผู้ใด จะเป็นหญิงก็ตาม เป็นชายก็ตาม, บัณฑิตทั้งหลายกล่าวบุคคลนั้นว่า ‘เป็นคนไม่ขัดสน’, ชีวิตของบุคคลนั้นไม่ว่างเปล่า.๑-

               เพราะเหตุนั้น อริยทรัพย์มีอย่าง ๗ นี้ มีอยู่แก่ชนเหล่าใดแล ชนเหล่านั้นอันพระพุทธเจ้าทั้งหลาย หรือพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมไม่กล่าวว่า ‘เป็นคนจน.’
____________________________
๑- องฺ. สตฺตก. เล่ม ๒๓/ข้อ ๕.




              ท้าวสักกะทรงสดับถ้อยคำของสุปปพุทธะนั้นแล้ว ทรงละเขาไว้ในระหว่างทาง เสด็จไปสู่สำนักของพระศาสดา กราบทูลการโต้ตอบถ้อยคำนั้นทั้งหมดแด่พระศาสดาแล้ว.
               ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะท้าวสักกะนั้นว่า "ท้าวสักกะทั้งร้อยทั้งพันแห่งคนทั้งหลายผู้เช่นกับพระองค์ ไม่อาจเพื่อจะให้สุปปพุทธกุฏฐิกล่าวว่า ‘พระพุทธไม่ใช่พระพุทธ พระธรรมไม่ใช่พระธรรม หรือพระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์’ ได้เลย."


               ฝ่ายสุปปพุทธะแลไปสู่สำนักของพระศาสดา มีความบันเทิงอันพระศาสดาทรงกระทำแล้ว กราบทูลคุณอันตนได้แล้วแด่พระศาสดา ลุกจากอาสนะหลีกไปแล้ว. ขณะนั้น แม่โคลูกอ่อนปลงสุปปพุทธะนั้น ผู้หลีกไปแล้วไม่นานจากชีวิตแล้ว.

               บุรพกรรมของสุปปพุทธะและแม่โค              
               ได้ยินว่า โคแม่ลูกอ่อนนั้น เป็นยักษิณีตนหนึ่ง เป็นแม่โคปลงชนทั้ง ๔ นี้
                         คือ
                                   กุลบุตรชื่อปุกกุสาติ ๑
                                   พาหิยทารุจีริยะ ๑
                                   นายโจรฆาตกะชื่อตัมพทาฐิกะ ๑
                                   สุปปพุทธกุฏฐิ ๑

                         จากชีวิตคนละร้อยอัตภาพ.
               ได้ยินว่า ในอดีตกาล ชนเหล่านั้นเป็นบุตรเศรษฐีทั้ง ๔ คน นำหญิงแพศยาผู้เป็นนครโสเภณีคนหนึ่ง ไปสู่สวนอุทยาน เสวยสมบัติตลอดวันแล้ว ในเวลาเย็น ปรึกษากันอย่างนี้ว่า "ในที่นี้ไม่มีคนอื่น, เราทั้งหลายจักถือเอากหาปณะพันหนึ่งและเครื่องประดับทั้งหมดที่พวกเราให้แก่หญิงนี้แล้ว ฆ่าหญิงนี้เสียไปกันเถิด."

               หญิงนั้นฟังถ้อยคำของเศรษฐีบุตรเหล่านั้นแล้ว คิดว่า "ชนพวกนี้ไม่มียางอาย อภิรมย์กับเราแล้ว บัดนี้ปรารถนาจะฆ่าเรา, เราจักรู้กิจที่ควรกระทำแก่ชนเหล่านั้น"
               เมื่อถูกชนเหล่านั้นฆ่าอยู่ ได้กระทำความปรารถนาว่า "ขอเราพึงเป็นยักษิณี ผู้สามารถเพื่อฆ่าชนเหล่านั้น เหมือนอย่างที่พวกนี้ฆ่าเรา ฉะนั้นเหมือนกัน."



               คนโง่ทำกรรมลามก               
               ภิกษุหลายรูปกราบทูลการกระทำกาละของสุปปพุทธะนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทูลถามว่า "คติของสุปปพุทธะนั้นเป็นอย่างไร? เพราะเหตุไรเล่า? เขาจึงถึงความเป็นคนมีโรคเรื้อน."

               พระศาสดาทรงพยากรณ์ความที่สุปปพุทธะนั้นบรรลุโสดาปัตติผลแล้ว เกิดในดาวดึงสภพ และการเห็นพระตครสิขีปัจเจกพุทธเจ้า ถ่ม (น้ำลาย) แล้วหลีกไปทางซ้าย๑- ไหม้แล้วในนรกตลอดกาลนาน ด้วยวิบากที่เหลือ ถึงความเป็นคนมีโรคเรื้อนในบัดนี้แล้ว ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย สัตว์เหล่านี้เที่ยวกระทำกรรมมีผลเผ็ดร้อนแก่ตนเองแล" ดังนี้แล้ว

               เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรมให้ยิ่งขึ้น จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
                         ๗.    จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา       อมิตฺเตเนว อตฺตนา
                            กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ       ยํ โหติ กฏุกปฺผลํ.
                            ชนพาลทั้งหลาย มีปัญญาทราม มีตนเป็นดังข้าศึก
                            เที่ยวทำกรรมลามก ซึ่งมีผลเผ็ดร้อนอยู่.

____________________________
๑- อปพฺยามํ กตฺวา ถือเอาความว่า หลีกซ้าย. ธรรมดาบัณฑิตเห็นพุทธบุคคลแล้ว ย่อมหลีกทางขวา. ดูใน อรรถกถาอุทาน หน้า ๓๖๘.


              แก้อรรถ               
               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า จรนฺติ ความว่า เที่ยวกระทำอกุศลถ่ายเดียวด้วยอิริยาบถ ๔ อยู่.
               ชนทั้งหลายผู้ไม่รู้ประโยชน์ในโลกนี้และประโยชน์ในโลกหน้า ชื่อว่าพาล ในบทว่า พาลา นี้.
               บทว่า ทุมฺเมธา คือ มีปัญญาเขลา.
               บทว่า อมิตฺเตเนว ความว่า เป็นราวกะว่าคนมีเวรผู้มิใช่มิตร.
               บทว่า กฏุกปฺผลํ ความว่า มีผลเข้มแข็ง คือมีทุกข์เป็นผล.
              ในเวลาจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.

               เรื่องสุปปพุทธกุฏฐิ จบ.   



อ้างอิง
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=15&p=7
อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=434&Z=478
ขอบคุณภาพจาก http://buddha.dmc.tv/,http://u2.popcornfor2.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

naka-54

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 84
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2012, 08:32:12 am »
0
เรื่องนี้อ่านดีคะ แสดงถึงนิสัยของ ปุถุชชน ที่กำลังเริ่ม เป็นผู้ภาวนา

  เวลาที่ศรัทธา เริ่มต้นเขากล่าวว่า  เป็นช่วงที่แข็งขัน แต่ พอเริ่มไปกลาง ๆ ก็มักจะเอาตนเองเป็นใหญ่ แทนการภาวนาจึง หด  เรื่องนี้ได้ไปดูหนังเรื่อง นักบวชปืนกล มาซึ่งหนังฝรั่งแสดงให้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ศรัทธาต่อพระเจ้า แต่เมื่อไปอยู่ในสถานที่มีเหตุการณ์ เป็นตาย อดอยาก ยากแค้น สงคราม จึงทำให้ปณิธานเปลี่ยน เขาจึงคิดเขาเองเป็นพระเจ้า เพราะพระเจ้าไม่ได้ให้ชีวิตแก่คนเหล่านั้น

     ศรัทธาหัวเต่า แสดงให้เห็นชัดเจน ในเรื่องนี้

     สมาธิหัวตอ ก็ยังไม่เข้าใจ แต่เดี๋ยวจะพยายามอ่านและทำความเข้าใจอีกครั้ง ขอบคุณจ้า

   :c017: :c017: :c017:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2012, 11:35:27 am »
0
เรื่องนี้อ่านดีคะ แสดงถึงนิสัยของ ปุถุชชน ที่กำลังเริ่ม เป็นผู้ภาวนา

  เวลาที่ศรัทธา เริ่มต้นเขากล่าวว่า  เป็นช่วงที่แข็งขัน แต่ พอเริ่มไปกลาง ๆ ก็มักจะเอาตนเองเป็นใหญ่ แทนการภาวนาจึง หด  เรื่องนี้ได้ไปดูหนังเรื่อง นักบวชปืนกล มาซึ่งหนังฝรั่งแสดงให้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ศรัทธาต่อพระเจ้า แต่เมื่อไปอยู่ในสถานที่มีเหตุการณ์ เป็นตาย อดอยาก ยากแค้น สงคราม จึงทำให้ปณิธานเปลี่ยน เขาจึงคิดเขาเองเป็นพระเจ้า เพราะพระเจ้าไม่ได้ให้ชีวิตแก่คนเหล่านั้น

     ศรัทธาหัวเต่า แสดงให้เห็นชัดเจน ในเรื่องนี้

     สมาธิหัวตอ ก็ยังไม่เข้าใจ แต่เดี๋ยวจะพยายามอ่านและทำความเข้าใจอีกครั้ง ขอบคุณจ้า

   :c017: :c017: :c017:

ผมนำข้อความบางส่วน จากกระทู้ พรหมลูกฟัก อสัญญีพรหม คือ พรหมแบบไหนครับ
มาให้อ่าน เพื่อเสริมความเข้าใจของคำว่า "สมาธิหัวตอ"


.......นอกจากสัตว์เหล่านี้ แล้ว  ก็ยังอีกพวกหนึ่งที่พิเศษกว่าพวกอื่น คือ  เกิดขึ้นมีร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  ไม่มีความทรงจำใด ๆไม่มีการรับรู้ใด ๆ  ได้แก่พวกอสัญญีพรหม  หรือที่เรียกติดปากชาวบ้านว่า  พรหมลูกฟัก  เหตุที่เรียกว่า  พรหมลูกฟัก  ก็เพราะว่าเป็นสัตว์ที่ปราศจากแสดงอาการใด ๆ อยู่นิ่งเฉยไม่ต่างจากลูกฟักแฟงหรือลูกฟักทอง  ดังนั้นจึงนิยมเรียกว่า  พรหมลูกฟัก

พรหมพวกนี้มีเพียงรูปขันธ์  คือ  ร่างกายอย่างเดียวเท่านั้นจิตใจความคิดไม่มี  ความทรงจำไม่มี  ความรู้สึกไม่มี    ถ้าเมื่อใดที่เกิดความรู้สึกขึ้น  เขาก็จะจุติจากอสัญญีพรหมทันที   แล้วไปเกิดในภพใหม่ต่อไป...ฯลฯ...


.........อีกพวกหนึ่งเกิดแปลกอีก ในชั้นพรหมที่ ๑๑ อสัญญีสัตว์ เบื่อนามติดรูป อ้ายนี่เบื่อนามติดรูป เบื่อว่าอ้ายความรู้นี่แหละ มันได้รับทุกข์ร้อนลำบากนัก พอได้จตุตถฌานแล้ว ปล่อยรู้เสีย นั่งหัวโด่อยู่นั่น ปล่อยรู้เสีย เป็นมนุษย์ก็นั่งหัวโด่ ไปเขย่าตัวก็ไม่รู้เรื่องกัน นานๆ แล้วรู้เสียทีหนึ่ง ฌานนั้นแหละไม่เสื่อม แตกกายทำลายขันธ์ เบื่อนามติดรูป...


อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3856.msg14266#msg14266
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

lamai54

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 138
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรัทธาหัวเต่า สมาธิหัวตอ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2012, 03:22:35 pm »
0
เป็นเรื่องน่าอ่านจริง ๆ คะ สาธุ

  :25: :25: :c017:
บันทึกการเข้า
แข่งขันในโครงการ yamaha นะฮะ อย่าเข้าใจว่าเป็นพวกเสื้อแดง.... เราไม่ใช่....