ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีการ..'เพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้เทวดา'..ที่อยู่ใกล้ตัวเรา  (อ่าน 17425 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28595
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


วิธีการเพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้เทวดา ที่อาศัยอยู่ใกล้เรา โดย อ.ปาล์ม

คนทั่วไปมักจะคำนึงถึงเทวดา หรือเทพ ชั้นผู้ใหญ่ ทีมีชื่อเสียงโด่งดัง เช่น พระอินทร์ ท้าวเวสสุวัณ พระอิศวร พระพิฆเนศวร พระอุมา พระพรหม โดยลืมว่า ยังมีเทพ เทวา อีกบางส่วนที่อาศัย อยู่กับเราตลอด อีกทั้งคอยช่วยเหลือเราแทบทุกเวลา

ศาสตร์เหล่านี้คนโบราณ โดยเฉพาะคนทางอิสาน จะไม่ละเลย จะใส่ใจมาก อย่างการปฏิบัติของคนแก่ทางอิสาน มักจะเก็บดอกไม้สีขาว จำพวกดอกพุด ทำเป็นขันห้า บูชาที่หัวเตียง เสมอไม่เคยขาดทุกวันพระ ความเชื่อโบราณของพวกเขาที่ว่า บูชาของรักษา ของรักษาก็หมายถึงเทวดาที่รักษาเรานั่นเอง มีอะไรท่านจะคอยดูแล เตือนภัยต่างๆให้

มนุษย์มีกรรม ก็จริง อาศัยอยู่ด้วยกรรม และผลของมัน ไม่ควรไปงมงายเรื่องอื่นก็จริง แต่เรื่องเทวดา เป็นเรื่องมีจริงแน่นอน ไม่ควรละเลย ตราบใดที่เรายังไม่หลุดพ้น เรายังต้องพึ่งทุกๆสิ่งที่มีคุณ เทวดาก็มีคุณ มีโทษ เราจึงต้องทำให้ถูก




เทวดาที่เกี่ยวเนื่องกับคนมากที่สุด คือ
     1.เทวดาประจำตัว ซึ่งมีทุกคนอาจจะมากน้อย แล้วแต่บุญบารมี ของบุคคลนั้นๆบำเพ็ญมา ถ้าเป็นคนทำบุญบ่อย สวดมนต์ภาวนาบ่อย เทวดา จะมารักษาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
     2.เทวดารักษาวัตถุ สิ่งของ เช่น รักษาพระเครื่อง วัตถุมงคล ที่เราใช้ รักษาวัตถุมีค่าโบราณ เทวดารักษาสัตว์ที่มีคุณ ยกตัวอย่างเช่น ช้าง ม้า ที่มีลักษณะพิเศษ
     3.เทวดารักษาสถานที่ เช่น รักษาบ้านเรือน หรือเรียกว่าผีบ้านผีเรือนนั่นเอง พระภูมิเจ้าที่ เทวดารักษาห้องพระ เทวดารักษาตามวัดพระธาตุเจดีย์
     4.รุกขเทพเทวดา ที่อาศัยอยู่ในต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้ที่มีกลิ่นหอม จำพวก ไม้กฤษณา พิกุล หรือไม้ที่มีอายุยืน มีแก่น เทวดาจะมาอาศัยอยู่ ซึ่งมีบ้าน หรือวิมานซ้อนอยู่ในต้นไม้นั้นๆ


    จึงเห็นได้ว่า เวลาคนไปทำลายต้นไม้ มักเกิดโทษ หรือบางที มีเรื่องเล่าในเขตนั้นๆว่า วันพระ วันโกน มักได้ยิน เสียงดนตรีไทยบ้าง เสียงคนพูดคุยกันบ้าง ชาวบ้านที่ไม่รู้จึงพาลพากันกลัว แล้วลือว่าผีดุ ต่างนานา จริงๆแล้วเป็นเทวดา ทั้งสี่ข้อที่กล่าวมานั้น นี่คือเทวดาที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์มากที่สุด ให้คุณและโทษเราได้มากที่สุด ใครปฏิบัติถูกต้องมักจะร่มเย็นเป็นสุข ใครลบหลู่ ทำไม่ถูกต้องมักจะพบกับความเดือดร้อน




วิธีการปฏิบัติ ดูแล หรือเพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้เทวดา
     1.อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เราควรไหว้เทวดาประจำตัวด้วยบายศรีปากชามในวันเกิดของเรา เพราะอะไร เพราะว่า เทวดาจะเปลี่ยนการรักษาคนทุกรอบปี ท่านจะเปลี่ยนใหม่ หรือตัดสินใจที่จะไม่ดูแลเราต่อไป
     ดังนั้นควร มีสักการะ เพื่อขอขมาหากได้ล่วงเกิน และเป็นการขอให้ท่านช่วยดูแลเราต่อไป ไม่ให้ทิ้งอาลัยในเรา ไหว้ท่านไว้ที่หัวเตียงที่เรานอน ประมาณสามคืนจึงเก็บไปจำเริญ บายศรีหมายถึงเครื่องสูงที่ใช้สักการะแต่โบราณ เทวดาชอบมากที่สุด ในบรรดาของไหว้ หากไม่นับของที่กินได้


     2.ถ้าจะให้เกิดความขลังมากหน่อย ซื้อพวงมาลัย ไหว้หัวเตียงที่เรานอน ทุกวันพระ หรือเก็บดอกไม้ ห้าคู่ ใส่พานไว้หัวเตียง เพื่อเป็นการสักการะเทวดาที่รักษาเวลาเรานอน และบูชาเทวดาประจำตัวเรา  วิธีการนี้คนอิสานโบราณ จะนิยมทำมากที่สุด เวลามีเรื่องอะไร เทวดาจะมานิมิตบอกทันที และจะฝันแม่นมาก จากนิมิตเทวดา แต่ห้ามคือคนที่ไม่ใช่คู่ครองเรา ห้ามขึ้นเหยียบหรือนอนบนเตียงเด็ดขาด ลูกหลานก็ไม่ได้

    3.หาโอกาสทำบุญสังฆทาน ผ้าป่า กฐิน บุญใหญ่ๆ เช่น หล่อพระพุทธรูป บุญสร้างสะพาน สร้างสาธารณะกุศลที่คนได้ใช้มากๆ แล้วอุทิศกุศลให้เทวดา แล้วเทวดาเหล่านี้จะมีฤทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ จะช่วยดูแลเราได้มากขึ้น

    4.การบวงสรวงเทวดา ด้วยของกินต่างๆ เวลาทำก็ไม่ยาก เอาช่วงเราสะดวก เทวดาในสี่ข้อที่กล่าวมานั้น ส่วนใหญ่ ท่านกินได้ทุกเวลา ยกเว้น วันพระ บางองค์ท่านอาจจะถือศีลแปด งดกินอาหารในเวลาวิกาล เราจึงไหว้ท่านได้ทุกเวลา การไหว้ด้วยของหยาบ จะเชื่อมระหว่างหยาบกับละเอียด ทำให้เทวดาช่วยงานเราในโลกหยาบได้มากขึ้น เพราะเทวดานั้นอยู่ในโลกทิพย์ ถ้าขาดตัวเชื่อม เขาจะทำงานยาก




ของที่เทวดานิยมกิน แต่โบราณ สืบมาจนถึงปัจจุบัน
    - ก็เป็นจำพวก ผลไม้ เผือกมัน ผลไม้ เราเลือกเอาสุก สวยงาม ไร้ที่ติ กี่ชนิดก็ตามกำลังทรัพย์ของเรา
    - น้ำหวานชนิดต่างๆ เช่น น้ำแดง น้ำเขียว น้ำผลไม้ และจำพวกขนมหวานต่างๆ
    - ส่วนอาหาร คาวอย่างอื่นนั้น จะแล้วแต่ประเภทของเทวดา หากเราจะไหว้รวมเรียกท่านทั้งหมดมารับ ก็จัดให้ครบไปเลย เป็ด ไก่ หัวหมู กุ้ง ปู ต้มหรือนึ่งสุกแล้ว

    - ตามธรรมเนียมแต่โบราณแล้ว ท่านจะนิยม เอาของบวงสรวงทั้งหมด ใส่ถาด หรือจาน ที่ไม่เคยใช้มาก่อน หากเคยใช้มาแล้ว ต้องเอาใบตองรองก่อน เพราะเทวดา ท่านจะรังเกียจภาชนะ ที่เคยใช้มาแล้ว ถึงล้างดีสะอาด ท่านจะถือว่า มีเศษอาหารเก่าติดอยู่ จึงต้องใช้ใบตอง เพราะใบตองเป็นภาชนะที่ใช้ครั้งเดียว
    - แล้วควร ตั้งของทั้งหมด วางบนโต๊ะที่ปูผ้าขาวอีกที ถ้าไม่ปูผ้าขาว มันจะหมายถึงให้ผีธรรมดา หรือผีเร่ร่อนกิน ให้เทวดาต้องผ้าขาว

    - เราไหว้เทวดาชั้นผู้น้อย แบบนี้ ใช้โต๊ะ ไม่สูงมากก็ได้ หากเทพชั้นสูงๆ ต้องใช้โต๊ะที่ขาสูงขึ้นมาจนถึงระดับตาของคนไหว้ โบราณเขาเรียกตั้งศาลเพียงตา คือไหว้เทวดาแบบครบสูตร ทั้งสิบหกชั้นฟ้า สิบห้าชั้นดิน แต่เราเอาพอประมาณ เพราะ เทวดา สี่ประเภท ตามที่กล่าวมา ท่านไม่อยู่สูงมาก และไม่พิธีรีตองมาก หากแต่เราเองต้องให้เกียรติท่านด้วย



    เทวดาที่รักษาวัตถุ และอยู่ตามต้นไม้ ท่านชอบกินของคาว เช่น ไก่ หัวหมู ส่วนประเภท อื่นๆ นิยมผลไม้ การไหว้ บวงสรวงทำเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องไปเชิญอาจารย์ที่ไหนมาทำให้เสียเวลา ทั้งเขาและเรา เพราะผู้เขียนเองเคยเจอมา อาจารย์ผู้ทำพิธีบวงสรวงนั้น เชิญแต่ครู และเทวดาของตนเองมากินเครื่องสังเวยบูชา
 
    ถือว่าเอาเปรียบมาก ของไหว้ก็ของเราแท้ๆ แต่เวลาเขาเชิญเอาเปรียบมากเชิญแต่ครูตนเองมารับ ในบทสวดไม่เชิญเทพเทวดา ที่จำเป็นจริงๆเลยมารับ สุดท้ายใครได้พร ก็อาจารย์ผู้บวงสรวงแหละได้รับ ส่วนเราคนลงทุนซื้อของไหว้ขาดทุนมาก

    เวลาเราเตรียมของครบ ก็ไหว้พระสวดมนต์ สมาทานศีลก่อน จากนั้นจึงสวดชุมนุมเทวดาที่เป็นบาลี ใช้การอ่านเอาก็ได้ จากนั้น แล้วก็เชิญท่านเป็นภาษาที่เราพูดนี่แหละว่า ขอเชิญเทวดาที่รักษาข้าพเจ้าทั้งหมด รักษาบ้านเรือนที่อาศัยก็ดี รักษาวัตถุทุกชิ้น รุกขเทวดา ทั้งหมดในเขตนี้ รวมถึงเทวดาทุกท่าน ที่อยู่ในเขตนี้ ให้มารับเครื่องบูชาสังเวย

    จากนั้นเราก็ขอพรท่าน ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
    จากนั้น ก็จุดธูป ปักลงที่ถาดอาหารเหล่านั้น ถาดละหนึ่งดอก รอจนธูปไหม้หมด เราจึงลาของไหว้ เวลาไหว้จะสวดบาลี หรือว่าไทยก็ได้ บอกท่านว่า ลูกขอลาของอันเป็นมงคลเหล่านี้
    จากนั้น จึงหยิบบางส่วน ใส่ถาดเล็กๆ ปักธูป หนึ่งดอก ไปวางนอกเขตบ้านเรา หรือทางสามแพร่ง เป็นการให้ทานสัมภเวสี
    จากนั้นของที่เหลือทั้งหมด แจกจ่ายกันไปกิน เป็นสิริมงคล

    ลืมบอกไปว่า ถ้าไหว้ของกิน ต้องมีบายศรีปากชามด้วยทุกครั้ง ใช้หนึ่งคู่ ถ้าเราไหว้ของคาวด้วย ต้องมีไข่บนยอดบายศรี ก็คือ ไข่ต้มสุกแกะเปลือก จากนั้น เอาเสียบบนยอดบายศรี คนโบราณจะทราบดี คนสมัยใหม่ มักจะทำไม่เป็นไม่คุ้นกับวิธีการ



  บายศรี ไหว้เสร็จเอาไปจำเริญ ก็คือ เอาไปลอยน้ำ หรือทิ้งไว้โคนต้นไม้ ห้ามนำไปเผาไฟ การบวงสรวงแบบนี้ หากทำได้ อย่างน้อยต้นปี และปลายปี กิจการ หรืองานของท่านจะเจริญรุดหน้าไวมากผิดปรกติ เพราะเทวดา ช่วยงานเต็มที่ นี่ไม่ต้องเชื่อให้ลองทำดูก่อน

    หรือใครย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ทำได้แบบนี้จะดีที่สุด เทวดาจะเมตตาเอ็นดูเป็นพิเศษ หากไม่สะดวก เข้าไปอยู่ใหม่ ก็ไหว้ท่านด้วยการจุดเพียงธูปบอกกล่าว ก็เพียงพอแล้ว เอาตามกำลังเราไม่เดือดร้อน

    เล่าวิธีการทำมาก็ไม่น่าจะยาก สมัยก่อนผู้เขียนเอง ไม่เคยเชื่อเลยเรื่องพวกนี้ พอฝึกสมาธิปฏิบัติไปเรื่อยๆ รวมทั้งประสบการณ์ ทางโลกทิพย์ที่สัมผัสมาตลอด จึงทราบ และเขียนขึ้นมาเพื่อให้ได้ทำกันให้ถูก จะเกิดคุณประโยชน์  
    เรื่องพรรค์นี้ ไม่เชื่อ ไม่เป็นไร ลองทำดูก่อนพิสูจน์ดู เมื่อได้ผล ท่านจะทราบว่า ไม่ใช่เหลวไหลเลย แต่เป็นการกระทำของคนรู้ในศาสตร์ลึกลับ
    เผยแพร่เป็นวิทยาทาน โดย อ.ปาล์ม พุทธอุทยานเวสสุวัณ จ.อุบลราชธานี



ที่มา http://www.ponboon.com/board/index.php?topic=4595.0
ขอบคุณภาพจาก http://www.palungjit.com/,http://uc.exteenblog.com/,http://www.oknation.net/,http://www.djingmarket.com/,http://i106.photobucket.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 25, 2012, 11:04:11 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28595
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

กระทู้แนะนำ
บวงสรวงเทวดา เพื่อ อะไร ? และ ต้องเตรียมเครื่องบวงสรวง อย่างไร ?
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7950.0
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ