ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: โครงการ "หอพระประวัติ" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก  (อ่าน 4343 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


โครงการหอพระประวัติ
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก


พระประวัติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
     สมเด็จพระญาณสังวร (สุวฺฑฒโน)(สุวัฑฒนมหาเถระ เจริญ คชวัตร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก มีพระนามเดิมว่า เจริญ นามสกุล คชวัตร ประสูติที่ ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อวันศุกร์ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๕๖ พระชนกชื่อ นายน้อย คชวัตร พระชนนีชื่อ นางกิมน้อย คชวัตร มีน้องชาย ๒ คน คือ นายจำเนียร คชวัตร และนายสมุทร คชวัตร




การศึกษา บรรพชา และอุปสมบท
      เมื่ออายุได้ ๔ ขวบ ทรงไดรับการศึกษาเบื้องต้น ณ โรงเรียนประชาบาล วัดเทวสังฆาราม ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จนจบชั้นประถม ๕ เทียบขั้นมัธยม ๒

     ปี ๒๔๕๖ ทรงบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อพระชนมายุ ๑๔ พรรษา ณ วัดเทวสังฆาราม ต่อมาเข้าศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม ณ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นพะรอุปัชฌาย์ พระเทพเมธี เป็นพะรกรรมวาจาจารย์ และได้ประทับศึกษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร จนกระทั่งสอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค เมื่อปี ๒๔๘๔
 
     ทรงได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสถาบันการศึกษาหลายแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ฯลฯ





สมณศักดิ์
     พ.ศ. ๒๔๘๙ เป็นเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
    พ.ศ. ๒๔๙๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะสามัญที่พระโสภณคณาภรณ์
    พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชในราชทินนามเดิม
    พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพในราชทินนามเดิม
    พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่พระธรรมวราภรณ์
    พ.ศ. ๒๕๐๔ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเจ้าคณะรองที่พระศาสนโสภณ
    พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่สมเด็จพระญาณสังวร
    พ.ศ. ๒๕๓๒ วันศุกร์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๓๒ ทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นดำรงตำแหน่ง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นลำดับที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์





พระศาสนกิจสำคัญ
      ปี ๒๔๙๙ เป็นพระอภิบาล (พระพี่เลี้ยง) ของพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ สยามินทราธิราชบรมนาถบพิตร ในระหว่างทรงผนวชเป็นพระภิกษุและเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร

     ปี ๒๕๒๑ เป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ฯ สยามมกุฏราชกุมาร ที่ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเป็นพระอาจารย์ถวายการอบรมพระธรรมวินัย ณ วัดบวรนิเวศวิหาร

     - ก่อตั้งมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งแรกของไทย คือ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
     - เป็นพระมหาเถระไทยรูปแรก ที่ดำเนินงานพระธรรมทูตในต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
     - ทรงรอบรู้ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี
     - ทรงนิพนธ์หนังสือพระพุทธศาสนาจำนวนมาก ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษกว่า ๑๐๐ เรื่อง
     - ทรงสร้างวัด โรงเรียน และโรงพยาบาล หลายแห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ





ชีวิตแบบอย่าง คุณธรรมโดดเด่น
      อดทน        เอาชนะอุปสรรคท่ามกลางความอ่อนแอ
     ใฝ่รู้           แสวงหาความรู้อยู่เสมอทั้งไทยและอังกฤษ
     กตัญญู       สนองคุณต่อผู้มีพระคุณ
     ถ่อมตน      สงบเสงี่ยม สำรวม ระวัง ตรัสน้อย
     คารวธรรม   เคารพต่อผู้ที่ควรเคารพ



ปฏิปทาแบบอย่างของพระสงฆ์   
     ๑. ความเป็นผู้ทรงปริยัติและไม่ทิ้งการปฏิบัติ
    ๒. ความเป็นผู้สำรวมระวังในพระวินัย
    ๓. ความเป็นผู้มักน้อยสันโดษ





วัตถุประสงค์ในการก่อสร้างหอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
      ๑. เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงมีพระชันษาครบ ๙๖ ปี
     ๒. เพื่อเฉลิมพระเกียรติที่มีพระชาติภูมิเป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี
     ๓. เป็นศูนย์กลางเผยแพร่พระประวัติ เครื่องอัฐบริขาร พระราชกรณียกิจสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
     ๔. เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศานิกชน
     ๕. เป็นสถานที่พักผ่อนและแห่งท่องเที่ยวโดยทั่วไป



สถานที่ก่อสร้าง
    ณ วัดเทวสังฆาราม ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี สถานที่ทรงศึกษาเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ และทรงผนวช บรรพชา อุปสมบท
   “หอพระประวัติ” จะเป็นอาคารทรงไทยยอดเจดีย์ ปลียอดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ บริเวณรอบอาคารประกอบด้วย อาคารปฏิบัติธรรม ศาลาราย ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก


งบประมาณดำเนินการ ๑๔๐ ล้านบาท

กำหนดแล้วเสร็จ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๔

ประชาชนทั่วประเทศสามารถร่วมบริจาคสมทบทุนสร้างหอพระประวัติได้ที่...
       ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี “ทุนสร้างหอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวรฯ”
       บัญชีเลขที่ 713-0-37194-3
       หรือที่เสมียนตราจังหวัดกาญจนบุรี โทร. 034-514 243
       คลังจังหวัดกาญจนบุรี โทร. 034-511 142, 034-512 991


เชิญฟังบทเพลง "เทิดพระเกียรติสมเด็จพระสังฆราช" โดย คุณอ๋อ ณธนา หลงบางพลี และคุณปาน ธนพร แวกประยูร



ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=507512 โพสต์โดย forgive
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 22, 2012, 09:04:20 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

อาคารหอพระประวัติสมเด็จพระสังฆราชฯ..ใกล้แล้วเสร็จ
9 สิงหาคม 2555 10:19 น.

นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัด และทุกภาคส่วนในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารหอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน ที่มีชาติภูมิเป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี และในโอกาสที่ทรงเจริญพระชันษาครบ 8 รอบ 96 พรรษา

โดยได้เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2552 ใช้งบประมาณ 140 ล้านบาท เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนา การศึกษา อบรม การปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนา และสถานที่พักผ่อนแก่ประชาชนทั่วไป

โดยขณะนี้ตัวอาคารได้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว คงเหลือการตกแต่งภายใน ซึ่งกำหนดให้แล้วเสร็จก่อนวันคล้ายวันประสูติครบรอบ 99 ปีของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วันที่ 3 ตุลาคม 2555

อาคารหลังนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 38 ไร่ บริเวณพื้นที่ที่ติดกับวัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) และวัดถาวรวราราม (วัดญวน) อยู่ริมแม่น้ำแควใหญ่ ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี รูปแบบการก่อสร้างประกอบด้วย การจัดอาคารพื้นที่หอพระประวัติฯ อาคารปฏิบัติธรรม ร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึก และท่าเทียบเรือ

ภายในอาคารหอพระประวัติ ฯ เป็นอาคาร 4 ชั้น พร้อมศาลาราย 4 ทิศ มีซุ้มประตูเข้า-ออกทั้ง 4 ด้าน ยอดด้านบนสุดมีลักษณะเป็นรูปฉัตรประจำพระองค์ 3 ชั้น ด้านบนสุดของยอดฉัตรจะเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

ส่วนพื้นที่ชั้นล่างสุดเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ใช้จัดกิจกรรม และแสดงสิ่งของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ ส่วนบริเวณอาคารตรงกลางเป็นบันไดเวียนขึ้นชั้นต่อไป และจะมีลิฟท์แก้วสำหรับให้คนพิการสามารถขึ้น-ลงได้อย่างสะดวก



ขอบคุณภาพข่าวจาก
Dhamma and Life - Manager Online - ข่าวสารบ้านเรา
board.palungjit.com/f36/อาคารหอพระประวัติสมเด็จพระสังฆราชฯใกล้แล้วเสร็จ-353364.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 22, 2012, 09:04:46 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



สร้างหอพระประวัติ สมเด็จพระญาณสังวรฯ..คืบ
วันศุกร์ที่ 21 กันยายน 2555 เวลา 18:51 น.

     วันนี้ (21 ก.ย.) ที่หอพระประวัติ สมเด็จพระญานสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก วัดเทวสังฆาราม(วัดเหนือ) ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี สมเด็จพระวันรัต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร พร้อมด้วยคณะสงฆ์ เดินทางตรวจเยี่ยมและรับฟังความคืบหน้าในการก่อสร้างหอพระประวัติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปรินายก 
    โดยมี นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ  ผวจ.กาญจนบุรี   ต้อนรับ พร้อมผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง





    สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างก่อสร้างหอพระประวัติฯ
    ขณะนี้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จระยะที่ 1  ประกอบด้วย อาคารหอพระประวัติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปรินายก งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำ และงานก่อสร้างท่าเทียบเรือ
    ส่วนที่ยังต้องดำเนินการต่อในระยะที่ 2  คือ การปรับปรุงภูมิทัศน์  ทั้งภายในอาคาร และภายนอกอาคาร  การปรับภูมิทัศน์ภายนอกได้จัดซื้อจัดจ้างและทำสัญญาแล้ว สำหรับการปรับภูมิทัศน์ภายใน อยู่ในระหว่างดำเนินการ ได้ออกแบบ คำนวณและประมาณการงบประมาณแล้ว จะเร่งให้แล้วเสร็จภายในปีนี้.



ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/thailand/156587
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 22, 2012, 09:05:22 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ