กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10
31
Facebook ธัมมะวังโส / ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ในโลกนี้
« กระทู้ล่าสุด โดย dhammawangso เมื่อ มีนาคม 24, 2022, 08:19:08 am »
ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ในโลกนี้
ยิ่งการใช้ชีวิตก็เช่นกัน บางครั้งต้องเลือกว่า จะเอาสังคม หรือ ส่วนตัว
สำหรับ ธัมมะวังโส ตอนนี้เลือกส่วนตัวมากกว่า คือหาเวลาในการภาวนามากกว่า และหาศิษย์ที่ต้องการสืบทอดมากกว่า ดังนั้นคนทั่วไปที่ผ่านมาเข้ามาแม้จะขอเป็นศิษย์กันหลายท่านตอนนี้ ธัมมะวังโส ก็ยังไม่ได้เลือกท่านเหล่านั้นเข้ามาเพื่อเรียนหรือสืบกรรมฐานเอาไว้
หน้าที่การหาผู้สืบทอด ต้องพูดว่าตอนนี้มีความจำเป็นมาก เพราะว่า ธัมมะวังโส ใกล้จะได้เวลาที่จะละสังขารแล้ว ดังนั้น กาลเวลาที่ผ่านมา อาพาธจึงรุมเร้ามากขึ้น ๆ จนถึงตอนนี้บัดนี้ก็ทราบดีว่า มีโอกาสไปได้ทุกเวลา แม้จะพยายามรักษาสุขภาพไว้มากเท่าไหร่ โรคที่เป็นอาการที่เกิด ก็เป็นสิ่งบอกเหตุตามที่ครูอาจารย์ใหญ่ท่านกล่าวไว้
ดังนั้นทุกวินาที มีหน้าที่ 1 อย่าง คงเหลืออย่างเดียว คือส่งวิชามูลกรรมฐาน ให้กับ ผู้สืบทอดที่สมควรสืบกรรมฐานต่อไป
ต้องขออภัยหลาย ๆ ท่านเพราะตอนนี้เลือกเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องส่วนรวม การจรรโลงพุทธศาสนา ส่วนตัวไม่ได้คิดว่าเป็นหน้าที่ เพราะหน้าที่อันนี้มีพระ อุบาสก อุบาสิกา ทำกันมากแล้ว
ที่ยังไม่ค่อยมีคนทำคือทำให้คนธรรมดาปุถุชนเป็นโสดาบัน ขึ้นไป อันนี้หาได้ยากอยู่ โสดาบัน ที่เข้าผลสมาบัติได้ตามหลักพุทธศาสนา
ก็คงเป็นงานสุดท้าย ที่ ธัมมะวังโส จะเลือกทำแล้วในตอนนี้
เจริญธรรม / เจริญพร
32
ถาม การฝึกสมาธิ ทำให้ได้กายทิพย์ จริง ๆ ใช่ไหม ท่าน
ตอบ การฝึกสมาธิเบื้องต้น ก็ทำให้ใจสงบ เบื่องกลาง ก็ทำให้เกิดญาณทัสนะ เบื้องปลาย ก็ไปต่อยอดในองค์วิปัสสนา
การมีกายทิพย์ และการได้กายทิพย์นั้น มิใช่ได้กันทุกคน ที่ภาวนาสมาธิ เพราะการมีกายทิพย์ต้องได้จิต ถึง จตุตถฌาน จึงจะทำได้ลำพังแค่ อุปจาระสมาธิ ถึง ตติยะฌาน นั้นไม่สามารถทำได้
เจริญธรรม / เจริญพร
33
แม่บท มูลกรรมฐาน / แม่บทธรรมบทใหญ่ โอวาทปาฏิโมกข์
« กระทู้ล่าสุด โดย dhammawangso เมื่อ มีนาคม 24, 2022, 08:16:52 am »
แม่บทธรรมบทใหญ่ โอวาทปาฏิโมกข์
ธรรมบทนี้เกิดขึ้น ในวันเพ็ญ เดือน 3 หรือ วันมาฆะบูชา
=======================
สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง, การไม่ทำบาปทั้งปวง
กุสะลัสสูปะสัมปะทา, การทำกุศลให้ถึงพร้อม,
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง, การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ,
เอตัง พุทธานะสาสะนัง, ธรรม ๓ อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย,
========================================
3 บทแรกนั้น จัดเป็นบทสากลของ พุทธศาสนา แน่นอนว่า พระพุทธเจ้าย่อมไม่ขัดแย้งกับศาสนาหรือลัทธิต่าง ๆ ที่มีลักษณะอย่างนี้ นั่นคือ
1. สอนให้ละจากความชั่ว
2. สอนให้สร้างคุณความดี
3. ต้องพยายามชำระจิตให้บริสุทธิ์
( แปลว่าขาวรอบนั้นเข้าใจได้ยาก แต่แปลให้ได้ใจความ ก็ต้องว่าแปลทำจิตใจให้หมดจด ในที่นี้หมายถึงการทำจิตใจให้ปราศจากความทุกข์ )
ส่วนโอวาทต่อไปนั้นเป็น วิธีการ ในการรักษา คุณธรรมสากลเอาไว้
ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา, ขันติ คือความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง,
นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา, ผู้รู้ทั้งหลาย กล่าวพระนิพพานว่าเป็นธรรมอันยิ่ง,
นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี, ผู้กำจัดสัตว์อื่นไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิตเลย,
สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต, ผู้ทำลายสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย,
อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต, การไม่พูดร้าย, การไม่ทำร้าย,
ปาติโมกเข จะ สังวะโร, การสำรวมในปาติโมกข์,
มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง, ความเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค,
ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง, การนอน การนั่ง ในที่อันสงัด,
อะธิจิตเต จะ อาโยโค, ความหมั่นประกอบในการทำจิตให้ยิ่ง,
เอตัง พุทธานะสาสะนัง, ธรรม ๖ อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย,
==================================
1. ขันติ เป็นอันดับแรกที่จำเป็นต้องมีคุณธรรมต่าง ๆ จะงอกงามได้เพราะอาศัยขันติ พวกตบะต่าง ๆ ก็ต้องอาศัย ขันติ
2. นิพพาน การกล่าวถึง นิพพาน การเรียนรู้คำว่า นิพพาน การกำหนดเป้าหมาย ใน นิพพาน เป็นสิ่งที่พึงมิฉะนั้นจะเคว้งคว้าง เหมือนถามว่า ภาวนาทำไม อย่างน้อยคำตอบ ก็ควรตอบให้ตรงเป้า ว่า ภาวนาไปสู่นิพพาน
3. การเป็นบรรพชิต ต้องไม่กำจัดสัตว์อื่น ๆ แต่ต้องประกอบด้วยเมตตาก่อน
4. การเป็นสมณะ ย่อมไม่ทำให้สัตว์ลำบาก แต่ย่อมทำให้สัตว์มีสุข
5. การไม่พูดร้าย การไม่ทำร้าย เป็นคุณสมบัติที่สำคัญ
6. การระมัดระวังข้อบัญญัติในปาติโมกข์ ( กลับไปดู 3 ข้อด้านบน )
7. รู้จักประมาณในการกิน
8. รู้จักส่งเสริมสภาวะจิต นั่งนอนอยู่ในที่อันสงัด ไม่ให้คลุกคลี เพลิดเพลินกิจกรรมแบบชาวบ้านมากไป
9. การประกอบในการทำจิตให้เข้าสู่ธรรมขั้นสูงยิ่งขึ้น
หลักคำสอน เป็นหลักคำสอนที่ พระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ( 27 พระองค์ ) ล้วนสอนอย่างนี้ ดังนั้นแบบแผนอย่างนี้ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แม้ในอนาคตก็ย่อมสอนอย่างนี้
สงเคราะห์ธรรม ใน อริยะมรรค มีองค์ 8
1. ขันติ ย่อมสงเคราะห์เข้าใน สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ
2. นิพพาน ย่อมสงเคราะห์ใน สัมมาทิฏฐิ และ สัมมาสังกัปปะ
3. การเป็นบรรพชิต สงเคราะห์ใน สัมมาอาชีวะ
4. การเป็นสมณะ สงเคราะห์์ใน สัมมากัมมันตะ
5. การไม่พูดร้าย และทำร้าย สงเคราะห์ใน สัมมากัมมันตะ และ สัมมาวาจา
6.การระวังในปาฏิโมกข์ สงเคราะห์ใน สัมมาสติ
7. การประมาณการกิน  สงเคราะห์ใน สัมมาสติ
8. การรู้จักเสนาสนะอันควรแก่การภาวนา สงเคราะห์ใน สัมมาสติ
9. การประกอบใน อธิจิต สงเคราะห์ใน สัมมาสมาธิ
ดังนั้น ถ้าพิจารณาให้ดี หลักการทั้ง 9 ก็คือ อริยะมรรคมี องค์ 8 นั่นเอง
เจริญธรรม / เจริญพร
34
"อริยมรรค มีองค์ 8 แม้กล่าวว่า มี 8 แต่ก็มีคุณสมบัติ สำหรับการภาวนา หากจะพิจารณาให้ดีแล้ว บางท่านบอกว่า ภาวนาไม่ได้ ทำไม่ได้ นั่นเพราะว่า ข้ามลำดับของมรรค ใช่หรือไม่ องค์ ภาวนา ในอริยะมรรค อยู่ภาค ที่ 4 นั่นแหละคือสาเหตุที่หลายคน ภาวนาไม่สำเร็จ เพราะข้ามขั้นตอนที่ควรกระทำ ที่แสดงอย่างนี้ก็เพื่อให้รู้ตัวเองว่า บกพร่อง อะไร ก็ไปเติมส่วนนั้นให้เต็ม เพราะอริยะมรรคนั้น ไม่สามารถขาดองค์ใด องค์หนึ่งได้ นั่นแหละ คือสาเหตุที่ท่านภาวนากันไม่ได้ ...."
ข้อความบางส่วนจาก หนังสือเพียงหยดหนึ่งแห่งพระธรรม
บันทึกการภาวนา และ การเดินทาง ของธัมมะวังโส
35
ถามขอแบบแปลนกุฏิหน่อยครับ เคยเห็นท่านทำไว้ หาไม่เจอ
ตอบ ตามลิงก์นี้นะ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=21830.0
36
เส้นทางการภาวนา นั้นเหมาะกับคนมีจริยธรรม วัฒนธรรม ศีลธรรม และมีความอดทน ถ้ามีคุณสมบัติสามอย่างนี้เส้นทางภาวนา ก็จะไม่ยากเกินไป
ส่วนเส้นทางของผู้ที่ พร่อง ศีลธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ใช่การภาวนา แต่จะเป็นการสร้างบารมี
บารมีย่อ ๆ ในพุทธศาสนานี้ มีแค่ 3 อย่าง
1. ่ทานบารมี คือการให้ในที่นี้ท่านหมายถึง การให้แก่เนื้อนาบุญเป็นหลัก
2. ศีลบารมี คือการมีศีล ในที่นี้หมายถึง ศีลระดับอุบาสก อุบาสิกา
3. อธิษฐานบารมี ( ภาวนา ) ในที่นี้หมายถึงการตั้งเป้าหมายเพื่อพระนิพพาน
ดังนั้นคนที่ยังพร่องศีลธรรม จริยธรรม วัฒนธรรมจึงจำเป็นต้องขวนขวายสร้างบารมีให้มากขึ้นยิ่งขึ้น เพราะต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ตกไปอยู่ใน อบายภูมิ 4 มี นรก เปตร อสุรกาย ดิรัจฉาณ
เพราะเหตุนี้นั่นเองคนมาเรียนธรรมกรรมฐาน จึงเข้าถึงธรรมกรรมฐานได้ไม่เท่ากัน ไม่ทันกันเหตุเพราะแต่ละท่านล้วนมีบารมีมาไมเสมอกันเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นอย่าได้ท้อ ถ้ายังภาวนาไม่ได้ แต่จงอดทนสร้างบารมีเพิ่มเติม ส่วนบุคคลที่ทำกรรมฐานได้ ก็ขออนุโมทนา นั่นเป็นเพราะว่า บารมีท่านดีแล้ว
ดังนั้นจะกล่าวบารมี ไม่มีความสำคัญ ก็ไม่ได้เพราะมีความสำคัญ
เจริญธรรม / เจริญพร
37
อย่าได้ท้อในเส้นทางการภาวนา หมู่มารที่รู้ว่าท่านกำลังสร้างกุศลใหญ่ ย่อมพยายามเบียดเบียนขัดขวางเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ดังนั้นเวลาที่พบความลำบาก อุปสรรคในการภาวนา สิ่งที่ควรทำเป็นเรื่องแรกคือการนึกถึงพระรัตนตรัย คือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ 3 ประการนี้จักเป็นรัตนะคุ้มครองจิตใจของท่าน ให้ไม่หวั่นไหว
การระลึกถึงทำได้ตั้งแต่เบาจนถึงขั้นสูงสุด
เบา ก็คือนึกถึง แค่คิดถึง แค่นี้ก็ใช้ได้
กลาง ก็คือการสวด ๆ บทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณจนกว่าจิตจะสงบ จะสวดเป็นร้อยรอบ พันรอบ ก็สวดไป
สูง ก็คือการตั้งจิตเป็นกรรมฐาน พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ เลือกเอา แต่แนะนำว่า พุทธานุสสตินั้นจะเป็นเยี่ยมกว่า
สูงสุด ก็คือการเข้าสมาธิระดับอุปจาระสมาธิ เข้าเป็นสุขสมาธิ หรือ ผลสมาบัติ
ถ้าทำอย่างนี้ปัญหาร้อยแปดที่คิดว่าแก้ไม่ได้มันก็จะคลายปัญหาเอง เพราะว่าจิตใจของท่านที่กำลังรุ่มร้อนนั้น มันมีความสงบ ความสงบจะทำให้มองปัญหาได้ชัดเจน ปัญหาที่แก้ไม่ได้ มันก็จะไม่ทุกข์ ปัญหาที่แก้ได้ มันก็จะไม่ทุกข์เช่นกัน
ในโลกนี้ปัญหาบางอย่างก็แก้ไขได้ บางอย่างก็แก้ไม่ได้ ถ้าแก้ได้ก็ทำไป ถ้าแก้ไม่ได้ต้องระวังรักษาใจอย่าให้เป็นทุกข์ ให้เป็นความลำบากด้านนอกเท่านั้น อย่าให้เป็นปัญหาไปถึงในใจ
คนเราเกิดมาก็ไม่ได้เป็นเจ้าของอะไร ไม่ได้เป็นเจ้าของใคร
อยู่ภายใต้กฏ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ดังนั้นท้ายที่สุดเมื่อตาย ก็ไม่มีอะไรติดตัวไป นอกจาก บุญ กับ บาป
ระลึกได้อย่างนี้ก็จะเห็นว่า ปัญหาทุกอย่าง มันเป็นธรรมดาของมันจึงไม่ทุกข์
เจริญธรรม / เจริญพร
38
ถาม เรียนท่าน ธัมมะวังโส กระผมมีความสนใจในหนังสือ เกี่ยวกับกรรมฐานของท่าน อยากจะขอรับไว้ศึกษาครับ ต้องทำอย่างไร
ตอบ หนังสือที่ท่านขอมาตามปกนั้น มีจำนวนการพิมพ์ออกมาเพียง 220 เล่มปัจจุบันเหลืออยู่ 30 เล่ม เนื่อจากพิมพ์น้อย ด้านในมีภาพสี จำนวนมากและใช้กระดาษมัน กับ กระดาษปอนด์จึงทำให้ค่าพิมพ์แต่ละเล่มนั้นมีราคาสูงมา ต้นทุกการพิมพ์ต่อเล่ม 460 บาท จัดพิมพ์ตามจำนวนสมาชิกที่จองไว้ซึ่งเป็นศิษย์ส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงสามารถพิมพ์ออกมาได้
ดังนั้นถ้าท่านต้องการ ก็ไม่ขัด เพียงแต่ต้องทำบุญ หรือ ชดเชยค่าพิมพ์กลับมาตามราคาต้นทุน แต่โดยปกติหนังสือมูลกรรมฐาน ไม่แจกจ่ายให้กับผู้ที่ไม่ใช่ศิษย์ดังนั้นถึงท่านจะมอบปัจจัยด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ต้องกล่าวว่า โอกาสที่จะได้หนังสือไปอ่านก็ยากอยู่เพราะต้องพิจารณาคุณสมบัติของท่านว่าเต็มใจในการศึกษามูลกรรมฐานจริงหรือไม่ ต้องผ่านการพิจารณาด้วย
แนะนำให้ศึกษาข้อความเก่า ๆ ในเฟสนี้ ให้ดี ๆ ถ้าคิดว่าพร้อมด้วยจิตมีความเคารพกันก็แจ้งความประสงค์มาอีกครั้งหนึ่ง
เจริญธรรม / เจริญพร
39
ถาม ได้ยินว่า ท่านได้สร้างระบบคลาวด์ มีวีดีโอ หนังสือไฟล์เสียง ให้กับผู้ศึกษามูลกรรมฐาน ผมมีความสนใจอยากได้เข้าไปศึกษาต้องทำอย่างไร
ตอบ เว็บที่เป็นมูลกรรมฐาน บริการหนังสือ ไฟล์เสียง ไฟล์วีดีโอ ของ สนง ส่งเสริมพระกรรมฐาน นั้นมีอยู่จริง และทำไว้จริง แต่ไม่ได้บริการเป็นสาธารณะ
แต่มีไว้ให้กับ ผู้อุปถัมภ์ ผู้อุปัฏฐาก ไวยาวัจกร และศิษย์ขึ้นกรรมฐาน
ดังนั้นถ้าท่านต้องการเข้ามาใช้หรือศึกษา ข้อความข้อมูล ของ มูลกรรมฐาน กัจจายนะ นี้ต้องเป็น 4 บุคคลนี้เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เข้าใช้งานในเว็บดังกล่าว
เจริญธรรม / เจริญพร
40
Facebook ธัมมะวังโส / อย่าหลงทางกันมากนัก
« กระทู้ล่าสุด โดย dhammawangso เมื่อ มีนาคม 24, 2022, 08:12:21 am »
อย่าหลงทางกันมากนัก
การสวดมนต์ ไม่ได้ทำให้พ้นทุกข์ สวดมนต์ทำได้แค่เพียงให้ใจสงบเท่านั้น แต่ส่วดมนต์ไป ใจชังชอบรักเกลียดหลงไป การสวดมนต์ก็จะได้แค่เพียงพิธี คุณแผ่เมตตา เช้ากลางวันเย็นทำได้แค่สวด ผลของเมตตามันจึงไม่มี
แผ่เมตตาแต่ไปเที่ยวเอาเปรียบคนนั้นคนนี้
แผ่เมตตาแต่ไปทำร้ายคนนั้นคนนี้
แผ่เมตตาแต่ใจไปพยาบาทเรื่องนั้นเรื่องนี้
ผลของการแผ่เมตตา มันจึงไม่เกิด
ปัจจุบันคนสวดทำการสวดแต่ไม่ได้สวดจากใจ สวดเพียงแค่บท ไม่ได้เกิดจากยินดีเป็นสมาธิดังนั้นเวลาสวดมนต์จึงไม่ได้ผลปฏิบัติ
หากไม่เดินจงกรม หรือ นั่งกรรมฐาน ยืนกรรมฐานบ้าง ผลการภาวนาจากสวดอย่างเดียวไม่ได้ช่วยอะไรเลยในปัจจุบัน
พอจ ถือว่าโชคดีมีเวลาออกจากโลกมากล่อมเกลาตน โดยไม่ได้สนโลก เพราะอย่างไรโลกก็ไม่สนเราอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อทุ่มเทเวลาลงไปในคำว่าสันโดษ บำเพ็ญเพียรภาวนา และได้ผลภาวนามาตั้งแต่ปี 2559
ทุกปีนี้ไม่เคยเสียดายเวลาที่ผานไป และก็ไม่สนเรื่องราวข้างหน้า เพราะเห็นแล้วรู้แล้ว พอใจในการภาวนาของตนเองแล้ว ทุกวันนี้ทำหน้าที่การเผยแผ่น้อยลง เพราะรู้ว่าสาระการเผยแผ่ มันมีข้อจำกัดด้วยวาสนาบารมี ด้วยส่วนหนึ่ง
บางท่านติดตามเรื่องราวโพสต์ข้อความมาตลอดแต่ไม่เคยปฏิบัติตาม อันนี้ชื่อว่า มีวาสนาหน่อยหนึ่ง
บางทานก็ติดตามและภาวนา อันนี้ชื่อว่ามีวาสนากันเยอะหน่อย
บางท่านก็ติดตามภาวนาตามและช่วยเผยแผ่ธรรมด้วย อันนี้ชื่อว่ามีวาสนากันยิ่งมากขึ้น
ดังนั้นการเผยแผ่ธรรม ก็ต้องอาศัยวาสนา ด้วยไม่มีวาสนาสัมพันธ์อย่างไรก็ไม่ยอมสัมพันธ์ ถึงแม้ว่าจะเปิดโอกาสให้มากแล้วก็ตามแต่ หลายท่านก็ยังไม่ยอมที่จะสร้างความสัมพันธ์ในการเป็นศิษย์ครูอาจารย์กันเช่นเดิม
ขณะนี้ใครมาลองของฝึกฝนต้องบอกตรง ๆ ว่าตอนนี้ไม่มีเวลาให้กับนักทดลอง เพราะอายุของ ธัมมะวังโส ใกล้จะหมดแล้วดังนั้นเหมือนเทียนที่โชนในครั้งสุดท้าย จึงไม่มีเวลาที่จะชะลอคนของทดลองทดสอบ เพราะต้องว่ากันไปเลยว่า ไม่มีวาสนาเป็นเป็นครูศิษย์กันก็ต้องขออภัย
ดังนั้นทุกวันนี้จะไปใช้เวลาในเฟสระดับ 3 มากกว่า แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นช่วงหลังมานี้ปัญหาด้านสุขภาพก็เป็นตัวการใหญ่ ในการหยุดการเผยแผ่ของ ธัมมะวังโส ซึ่งก็รู้ดีว่า ใกล้เวลานั้นแล้ว
ขอให้ทุกท่านจงมีดวงตาเห็นธรรมและใช้ชีวิตให้ปลอดภัยจากหมู่มารเถิด
เจริญธรรม / เจริญพร
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10