ผู้เขียน หัวข้อ: สถานการณ์บ้านเมือง ตอนนี้  (อ่าน 527 ครั้ง)

dhammawangso

  • Administrator
  • ผู้อุปถัมภ์
  • *****
  • กระทู้: 205
    • ดูรายละเอียด
สถานการณ์บ้านเมือง ตอนนี้
« เมื่อ: มีนาคม 24, 2022, 08:20:11 am »
ก็ไม่อยากแสดงความคิดเห็นหรอกนะเกี่ยวกับปัญหาบ้านเมือง แต่ตอนนี้เริ่มได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น ขนาดเป็นพระยังได้รับผลกระทบชาวบ้านหรือจะไม่โดนผลกระทบ
=======================
#การเรียกร้องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่เหมาะสมในขณะนี้
#ค่าแรง400บาทไม่ใช่การแก้ปัญหาสินค้าแพง
#สินค้าแพงไม่ใช่เพราะค่าแรงปัจจุบันถูก
#สินค้าแพงไม่ใช่เกิดจากโควิด
นายกยิ่งลักษณ์ แก้ปัญหาของแพง โดยการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท
ครั้งนั้นหายนะของแพงก็เกิดขึ้นทันที จนคนตกงาน โรงงานปิด บริษัทเจ๊งเป็นแถบๆ คนไทยต้องจ่ายค่าของแพงขึ้นทุกอย่างตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไม้ บ้านเมืองเข้าวิกฤต น้ำท่วมใหญ่ ทั้งประเทศ กทม น้ำท่วมเป็นเวลา 30 วัน
ตอนนี้เห็นข่าวประชาชนไปประท้วงเรื่องขอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 - 450 บาทอีก เหตุการณ์อย่างนี้กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง กว่าแผลเป็นเดิมจะหายคัน แผลใหม่ก็เริ่มปริขึ้น คนที่ตกทุกข์ได้ยากหาเงินไม่ค่อยได้ ก็จะต้องถูกเคราะห์กรรมชุดนี้เพิ่มเข้าไปอีก ผีซ้ำกรรมเคราะห์กิจการกระเทือนเพราะสถานการณ์โควิด มาแล้วยังต้องมาบอบช้ำด้วยกลไกกลโก่งราคาของพ่อค้า เข้าไปอีก คนผลิดมีรายได้เท่าเดิม แต่คนกลางที่เรียกว่า พ่อค้าแม่ค้า นี่แหละกำลังมาซ้ำเติมประเทศ
ในสภาวะที่พ่อค้าปั่นราคา ให้ของมันแพงขึ้น
เนื้อหมูแพง เมื่อสืบสวนจริง ๆ กลับไม่ใช่เรื่องโรคระบาด แต่เป็นเพราะพ่อค้าปั่นราคาขึ้นกันเอง
เนื้อหมูซื้อจากโรงเลี้ยงหมู กก ละ 60 - 80  บาท
พ่อค้าโรงเชือด ขายต่อ 100 - 150 บาท
พ่อค้าเขียงหมู ขายต่อ 180 - 250 บาท
กลไกตอนนี้เป็นอย่างนี้ ยิ่งช่วงตรุษจีน พ่อค้าโรงเชือด หยุดการซื้อเพราะว่าเก็งกำไร มากกว่า 120 บาท คนเลี้ยงหมูต้องยอมแบกภาระค่าอาหารหมูเพิ่ม ดังนั้น จะมองให้ดีว่า คนที่ปั่นราคาหมูตอนนี้ คือ โรงเชือด เป็นหลัก และ เขียงหมู ซึ่งแน่ละจะทำอย่างนี้ได้ต้องเป็นเจ้าใหญ่ในประเทศซึ่งมีไม่กี่ราย เมื่อสอบสวนลงไป หมูที่ตายเพราะโรค มีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น
นั้นจึงเป็นเหตุบอกของรัฐว่า ราคาหมูแพงไม่ใช่เกิดจากโรคระบาด แต่เกิดจากการปั่นราคา
ตอนนี้ของบริโภค ถูกปั่นราคา โดยอ้างราคาหมู และอ้างภาวะวิกฤตโควิด-19 แต่พ่อค้ารวยขึ้นในความวุ่นวายของคนยากจน
บัดนี้มองเห็นคนไปเรียกร้องรัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นั่นก็จะส่งผลหนักเลวร้ายเหมือนคราวที่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท กระเทือนทุกหย่อมหญ้า เพราะพอค่าแรงขึ้น สินค้าทุกชนิดก็ขึ้นราคาตาม นั่้นคือสภาวะสนับสนุนเงินเฟ้อ ซึ่งมองความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่การแก้ปัญหา
คราวยุคก่อนค่าแรงขั้นต่ำเรามีข้าวจานละ 20 - 30 บาท พอค่าแรงขั้นต่ำขึ้น ข้าวจานละ 40 - 60 บาท เงินที่ขึ้นกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นสุดท้ายเงินที่ขึ้นเหมือนไม่ได้ขึ้น และทำให้คนตกงานเพราะนายจ้างต้องเลิกจ้างเพราะค่าแรงสูงขึ้น นายจ้างก็หันไปใช้เครื่องจักรกันมากขึ้น สภาวะคนตกงานตั้งแต่ตอนนั้นพร้อมกับ บริษัทโรงงานต่าง ๆ ที่ต้องปิดลง
สภาวะอสังหาริมทรัพย์ ชะลอตัวหยุดนิ่งกว่าประชาชนปรับตัวมาได้ใช้เวลา ถึง 9 ปีด้วยกันพอมาตอนนี้คนเห็นแก่ตัว พ่อค้าเห็นแก่ได้ ก็ปั่นราคากันใช้กลไกความยากจน เพื่อกดดันรัฐบาลให้รัฐบาลยุติการบริหาร ( เป้าประสงค์เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น ) ใช้สภาวะที่คนเดือดร้อนทั้งประเทศเป็นสภาวะต่อรอง แต่อย่าลืมว่า ความเดือดร้อนนี้มันไม่ได้คลี่คลายได้เพราะว่าเปลี่ยนรัฐบาลคนไทยจะต้องตระหนักในความจริงตรงนี้ ดังนั้นต้องไปกดดันพวกพ่อค้าที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ให้มีคุณธรรมมากขึ้น
ถึงแม้ว่าจะเห็นว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่สมควรเลยในขณะนี้
แต่อย่างไร ธัมมะวังโส ก็เป็นเพียงพระที่มองเห็นเหตุการณ์ซ้ำซากอันนี้มาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง จึงเชื่อว่ามันไม่ได้เป็นวิธีการที่แก้ปัญหาจริงในการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ยิ่งขึ้นค่าแรงของก็ยิ่งแพงมากขึ้น คนที่เดือดร้อนคือคนยากจนที่จะไม่มีปัญญาจ่ายค่าของที่มากขึ้น ไม่ว่าจะค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าแก็ส ค่าจิปาถะ  มันจะขึ้นตามค่าแรงขั้นต่ำ หลายคนเชื่อว่ามีค่าแรงเพิ่มขึ้นแล้วจะรับมือกับของแพงได้ แต่ที่เห็นมา 2 ครั้ง มันเลวร้ายไปทุกครั้ง
มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ก็ต้องคิดเอา
น้ำมันอยู่ประเทศไทย คนไทยผลิต แต่คนไทยซื้อน้ำมันราคาแพง ในขณะที่คนไทยขายคนต่างชาติราคาถูกกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ กลไกนี้มันคืออะไร มันหมายถึงอะไร ถึงคนไทยต้องจ่ายแพง ของแพง ทั้งหมดนี้มันคือกลไกของพ่อค้าที่ถูกวางลงไปในกลยุทธการค้า ซึ่งพ่อค้าที่ฉลาดอาศัยช่องว่างกฏหมาย ต่าง ๆ และให้คนของรัฐเขียนกฏหมายใหม่ ให้พ่อค้ามีสิทธิควบคุมกลไกเศรษฐกิจ
การบีบของพ่อค้า ก็เพื่อต้องการเปลี่ยนรัฐบาล โดยใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน และเรียกร้อง ใครที่ได้ประโยชน์ ใครที่อยู่เบื้องหลัง มันก็คือระบบการเมืองที่ไร้จริยธรรม
เจริญธรรม / เจริญพร

dhammawangso

  • Administrator
  • ผู้อุปถัมภ์
  • *****
  • กระทู้: 205
    • ดูรายละเอียด
Re: สถานการณ์บ้านเมือง ตอนนี้
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 24, 2022, 08:20:31 am »
ยุคข้าวยาก หมากแพง ( ยุคเงินเฟ้อ ) มาถึงแล้ว
ท่านทั้งหลาย ต้องรู้จักการใช้เงินที่มี ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เงินเฟ้อ หมายถึงอะไร
เงินเฟ้อ หมายถึง การใช้เงินแลกสิ่งของชิ้นเดิม ในราคาที่มากขึ้น ยกตัวอย่าง เคยซื้อเนื้อหมู 150 บาท ต่อ กก แต่ต้องมาซื้อ 250 ต่อ กก อย่างนี้เรียกว่า สภาวะเงินเฟ้อ
หรืออีกนัยหนึ่ง ค่าเงิน ที่มีอยู่ต่ำลงจากเดิม เช่น 5 บาทเคยกินข้าวได้จาน แต่ตอนนี้ 50 บาท ถึงกินข้าวได้จานหนึ่ง นี่เรียกว่า สภาวะเงินเฟ้อ
สภาวะของแพง มีกรณีเดียว คือ ของหายากมากขึ้น หรือหาแทบไม่ได้ สิ่งใดที่หายาก หรือหาไม่ค่อยได้ สิ่งนั้นย่อมมีราคาสูงขึ้น
แต่สภาวะเงินเฟ้อนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสภาวะหาได้ยาก ในยุคปัจจุบันนี้ ของบริโภคเป็นของหาได้ยาก เหตุมาจาก สภาวะโรคติดต่อที่มีมา 2 - 3 ปีนี้ ทำให้ผลผลิต ด้านบริโภค มีไม่เพียงพอหรือ ไม่มีใครทำ คนทำ นั่นจึงเป็นสาเหตุสภาวะเงินเฟ้อ
นี่เป็นงานหนัก สำหรับรัฐบาลเลยนะ เพราะจะฟื้นฟูให้คนประกอบการ กับมาประกอบการอีกนั้น มันต้องมีปัจจัยหลายอย่าง
เกี่ยวกับ ธรรมะกรรมฐาน อย่างไร
เกี่ยวแต่ก็มีผลกระทบไม่มากนัก เพราะคนภาวนา ปกติกินน้อยอยู่เรียบง่าย ดังนั้นก็จะเดือดร้อนเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์
แต่อย่างไรผลกระทบกับสังคมมันก็จะมีอาญชกรรม อาญชญากร เพิ่มขึ้นดังนั้นสภาวะแวดล้อมถือว่า ความปลอดภัยมีน้อยลงเพราะคนต้องกินต้องใช้ แต่คนไม่มีความสามารถหาเงินเฟ้อมากขึ้น
ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน อันตราย
อย่างคนอยู่ในที่โรคระบาด ต้องสูญเงินไปกับ การซื้อชุดตรวจ ATK และชุดตรวจมีราคาต่ำสุดก็ 80 บาท ใช้ 2 ชุดต่อครั้ง แต่ชุด 80 บาทนั้นก็หายากหรือประสิทธิภาพการตรวจไม่เพียงพอ ก็ต้องเสียเงินไปกับค่าครองชีพบังคับ มากกว่า 200 บางครั้งถึง 300 หรือมากกว่าจะเห็นว่า ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ไม่เพียงพอต่อการซื้อชุด ATK เลย นี่ หายนะ ค่าครองชีพ แล้วคนไทยยังต้องเจอ สภาวะเงินเฟ้ออีก ต้องใช้เงินมากขึ้นในการแลกของบริโภค นี่เรียก ผีซ้ำกรรมเคราะห์ ซ้ำเติมคนเพิ่มขึ้นไปอีก
จะอยู่อย่างไร ในสภาะอย่างนี้
อดทน ไม่มีคำใดดีกว่านี้แล้ว
คนไทย ต้องอดทน ถึงแม้ว่า มันจะลำบากอย่างไรก ก็ต้องอดทน ให้มากขึ้น
เจริญธรรม / เจริญพร