ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - prachabeodee
หน้า: 1 2 [3] 4
81  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เกี่ยวกับการเดินจงกรม ใส่รองเท้า หรือ ถุงเท้า เดินได้หรือป่าวคะ เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 11:00:15 am
เอ...แล้วถ้าไปเดินจงกลมในประเทศ แคนนาดา(ฤดูหนาว)ล่ะ....ควรที่จะใส่รองเท้าดีหมั๊ยน้อ.....
...............................................
นี่ป้าถามเผื่อพระที่ไปเที่ยวเมืองนอกกันให้ขวักไขว่....ด้วยน๊ะเนี่ย.....อิอิ  อิอิ  อิอิ
                                     :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:
82  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เวลาหลับตานาน ๆ แล้ว เหมือนมีแสงสีม่วงหมุนวน เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 10:56:24 am
เท่าที่อ่าน น่าจะไม่เกี่ยวกับ สมาธิ นะคะ เพราะว่าไม่ได้ภาวนา หรือ กำหนดอะไรให้เป็นสมาธิเลย
อาจจะเป็นพรสวรรค์ พิเศษก็เป็นได้

 :93:
ป้าเห็นด้วยกับคำตอบนี้น๊ะ....
แล้วต้องมาดูอีกว่า....เป็นปัญหาทางสุขภาพหรือเปล่า...เช่น นอนนานเกินไปหรือนอนผิดท่านานๆทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ,หรือการกดข่มอะไรบางอย่าง,หรือฝังใจอะไรบางอย่างมาโดยที่เรานึกไม่ถึง....
แต่ถ้าเป็นลักษณะสมาธิหรือจุดสนใจแล้วล่ะก็ :d030:แสดงว่าเธอคงมีจุดสนใจของจิตอยู่ที่ประสาทตา........คงต้องทำสมาธิโดยใช้อะไรที่เกี่ยวกับรูปหรือเกี่ยวกับการเห็นในการฝึกสมาธิ...ป้าว่าก็น่าจะดีน๊ะ,..
ยังมีอีกลักษณะหนึ่งคือเคยทำหรือธรรมชาติของเธอเคยมากับลักษณะนี้(อาจเป็นลักษณะการฝึกแบบหนึ่งในอดีตที่ยังคงติดมาในภพชาตินี้.....ถ้าเป็นสมมุติฐานนี้ถูกต้อง เธอลองถามใจตนเองดูซิว่า เธอมีความรู้สึกอย่างไรขณะเกิดอย่างนั้น.....ถ้าเป็นไปได้(ถ้าเธอกล้าพอ)เธอก็ลองลงไปดูในจุดศูนย์กลางของความหมุนวนนั้นดูว่าจะเป็นอย่างไร....ความรู้สึกของเธอก็จะเปลี่ยนไป.....
สรุป...ป้าว่า เธอต้องใช้วิจารณญาณของเธอเองแล้วล่ะว่าเหตุที่เกิดนี้น่าจะเป็นอะไร(คงมีคำตอบในใจอยู่แล้วแต่ตนเองก็ไม่เชื่อ)
                                         :d030: :d030: :d030:
83  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: น้อยใจโดดหน้าผาตาย บรรลุอรหันต์กลางอากาศ เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 10:34:10 am
น่าจะเอาไปโพสต์ให้ ....พวกจิตซึมเศร้า(insomnia),พวกคิดอยากฆ่าตัวตาย(sueside)หรือพวกเสพยาบ้าเกินขนาดจนเกิดหลอน(halucination)ให้ได้อ่านบ้าง....
เผื่อว่าจะได้บรรลุอะไร อะไรกับเขาบ้างซักอย่าง..สองอย่าง.... :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:
...
ใจเย็งๆ....ป้าล้อเล่ง......
84  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อานิสงส์ของศีล เมื่อ: มกราคม 27, 2011, 10:44:15 am
สาธุ......อนุโมทนามิ........... ;) ;) ;)
ศีลคือข้อห้ามปฎิบัติ...สำหรับปุถุชนคนทั่วไป.....
ศีลคือข้อควรปฎิบัติ...สำหรับผู้ไฝ่ในธรรม.....
ศีลคือข้อปฎิบัติ...สำหรับผู้ปฎิบัติธรรมทุกๆท่าน......
ศีลคือบาทฐาน....สำหรับผู้ต้องการบรรลุธรรมขั้นสูงขึ้นๆไป......
ศีลคือความปกติ....ในผู้สำฤทธิ์ผลในการปฎิบัติธรรมทุกท่าน.......
...........................................................................
สาธุด้วยคนเด๊อจ้า.......... ;) ;) ;)
85  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ความลึกของฌาน เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 08:44:39 pm
สาธุ ด้วยคน..........
แล้วลำดับการละหรือการทิ้ง(สัญญา,ความรับรู้,การปรุงแต่ง,ขันธ์,และอื่นๆ)ทั้งขาเข้าไปและขาที่ออกมาด้วย....ถ้าเอามาบอกได้ก็จะดีมากๆเลยแหละ....(อาการเหล่านี้-ป้าเคยเป็น เช่นภาวะที่ๆเราไม่รู้เลยว่าตัวเรานี้เป็นใคร,เป็นหญิงหรือชาย,ในหัวสมองไม่มีอะไรเลยหรือภาวะที่จิตขุ่นนิดๆ(เริ่มออกมารับอารมณ์,เริ่มรับรู้เพิ่มขึ้นๆ)....
ถ้าเอามาพูดให้ฟังบ้างป้าว่าจะดีมากเลยอ่ะ.....โมทนาด้วยน๊ะ... :57: :72: :25:
86  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เรื่องรวม ๆ เกี่ยวกับสมาธิ เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 08:32:54 pm
สงสัย พระท่านกลัว....สัปประหงกมั๊ง...... :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:
87  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระใบลานเปล่า กับเหี้ย ๖ รู บทสรุปของ "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 08:29:42 pm
ต่อจากนั้นแล้ว....พระโปฐิละก็ปวารณาตัวเป็นศิษย์สามเณร ศึกษาธรรมมะจนได้ดวงตาเห็นธรรม.....ไช่หรือไม่.....
                                   :043: :035: :043: :035: :043:
88  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: นำ้ของเซ่นเจ้า ใส่บาตร ได้บุญ หรือ ได้บาป คะ เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 08:24:52 pm
แล้วตกลง...สรุปว่า....ทำบุญเสียเปล่า ไหว้เจ้าดีกว่า...อ๊ะเป่าเนี่ยะ .....
                 :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:
89  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: "เอาพัดตีหัวอุปัชฌาย์" แล้วบรรลุโสดาบัน เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 08:22:06 pm
แหม...ถ้าป้าถูกตีหัวแล้วบรรลุธรรมได้กับเขามั่ง...ป้าก็เต็มใจให้ตี....(หลายๆทีก็ได้น๊ะ)....
.....นี่ป้าก็เคยโดนหลวงพ่อคูณโขกหัวมาหลายครั้งแล้ว...ป้าก็ยังโง่เง่า...เหมียนเดิม....
            :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:
90  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระเดินธุดงค์ ใช้เต๊นซ์ ได้หรือป่าวครับ เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 08:16:25 pm
อยู่ที่ความพอดีครับ ถ้าใช้เกินความจำเป็น ก็จะลืมความหมายของการฝึกฝน อย่างนั้นก็คงจะไม่ต่างอะไร พวก
ชาวต่างชาติที่เดิน เที่ยวในเมืองไทยแนวผจญภัยครับ

เพราะการธุดงค์ คือการขจัดกิเลส ครับ

 :25:

ถูกต้องแล้วคราบบบ.....ตรงใจป้าเป๊เลยอ่ะ....
สภาวะการในปัจจุบัน ควรเดินสายกลางจะดีที่สุด.......ถึงแม้ว่าการเดินธุดงค์จะเป็นข้อวัตรที่เข้มข้นในการกำจัดกิเลสก็ตาม....แต่ปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีมากมาย....มีไว้เผื่อจำเป็นต้องใช้ก็ไม่ผิด(ถ้าไม่ใช้จนเกินความจำเป็น)...การใช้เต๊นท์ก็ดูเหตุการณ์ดูความเหมาะสม..เช่นในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวมากๆ ถ้าใช้เต๊นท์ก็จะดีกว่า....หรืออย่างการเดินธุดงค์ในต่างประเทศ(ในประเทศเมืองหนาว)มีหิมะหรือพื้นเป็นน้ำแข็ง ก็คงไม่มีพระธุดงค์องค์ใดเดินธุดงเท้าเปล่าหรอกน๊ะ.....อิอิ  อิอิ  อิอิ...
91  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: นิโรธกรรม กับ นิโรธ สมาบัติ เหมือนกันหรือไม่ เมื่อ: มกราคม 25, 2011, 02:49:28 pm

แต่ที่เราเคยเห็น ไม่มีประกาศ ไม่มีบอก นั่งกรรมฐานในกลด มองเห็นได้อย่างเปิดเผย

ไม่มีคนไปอัญเชิญ หรือ ทำบุญกับท่าน.... ก็แปลกดีนะ ที่เห็นจริง กับ ไม่มีใครศรัทธา...

 :smiley_confused1:
จริงๆแล้วต้องมาดูกันก่อนว่า.....เข้านิโรธสมาบัติเพื่ออะไร....คงไม่ไช่เข้าเพื่อเรี่ยไรเงินหรอกน๊ะ,คงไม่ไช่เข้าเพื่ออวดอ้างว่าตนนี้เก่งตนนี้แน่หรอกน๊ะ,หรือเพื่อลาภสักการะอื่นๆหรอกน๊ะ,เพราะเป็นพระระดับนั้นแล้วคงไม่อยากได้,ไม่อยากมี,ไม่อยากเป็นแล้วล่ะน๊ะ...........แล้วก็อีกอย่าง การเข้านิโรธสมาบัติไม่ไช่ของที่บุคคลทั่วไปอยากทำก็ทำได้เสียเมื่อไหร่กัน.....ดังนั้นก็ต้องเข้าใจให้ดีด้วยก่อนจะตัดสินอะไรลงไป... :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043:


เคยเห็นที่ไหน บอกผมบ้างครับ ผมอยากพบท่านครับ ....
 :s_good:
92  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล จะเปลี่ยนชีวิตได้จริงหรือ เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 09:16:16 pm
ป้ากลับคิดว่า.....การเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนนั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อ,ฐานความคิด,ค่านิยมและสิ่งแว้ดล้อมอื่นๆเช่นสมัยนิยม(in trend)เป็นต้น.......ในแต่ละบุคคลสั่งสมมาไม่เหมือนกัน....ทำให้เห็นแตกต่างกันเป็นสองฝ่าย..........
ถ้าเปลี่ยนแล้วทำให้ทันสมัยขึ้น,ได้ใช้ชื่ออื่นๆหรือเปลี่ยนแล้วทำให่มั่นใจขึ้นมีกำลังใจขึ้น ก็เปลี่ยนเถิด แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วเกิดความยุงยากกว่าเดิมหรือเกิดปัญหาต่างๆตามมามากมายหรือเป็นการทำไปเพราะถูกบังคับหรือเหตุอื่นๆที่ทำเพราะฝืนใจทำ ก็ไม่ต้องเปลี่ยน.........
............... :34: :bedtime2: :015:...........................
93  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: คนเป็นทอมแปลงเพศแล้ว บวชพระได้หรือป่าวคะ เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 02:17:39 pm
แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเป็นทอมเป็นดี้,เป็นตุ๊ดเป็นกระเทยก็ตาม....เธอและเพื่อนทอมของเธอก็อย่าเสียอกเสียใจไปน๊ะ เพราะเรื่องนี้ต้องยอมรับว่าเป็นธรรมชาติที่เกิดได้มีได้เป็นบุญทำกรรมแต่ง....ในเมื่อเรามีใจที่จะปฎิบัติธรรมแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นพระก็สามารถเข้าถึงกระแสแห่งธรรมได้ทุกๆคน...ถ้าทำเหตุให้สมควรแก่เหตุแล้วผลย่อมเกิดเสมอ.....ดังคำหลวงพ่อเทียนท่านได้พูดไว้ว่า "ไม่ว่าเป็นพระเป็นคนดำก็สามารถเข้าถึงภาวะตื่นรู้ได้เท่ากันเสมอกัน"(จริงๆแล้วท่านพูดเป็นสำเนียงลาวแต่ป้าเอามาโพสต์เป็นภาษาไทยที่เราเข้าใจกันได้)......ป้าขอ
เป็นกำลังใจให้ด้วยน๊ะ.....สาธุในเจตนาดีของเธอและเพื่อนทอมของเธอด้วย....สาธุ :25:
94  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระสงฆ์ที่ปฏิบัติสำเร็จ ฌาน และ วิปัสสนา ยังมีอยู่หรือป่าว เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 09:36:38 am
พระสงฆ์ที่ปฏิบัติ จนบรรลุฌาน และ วิปัสสนา ปัจจุบันยังมีอยู่หรือป่าวครับ

เพราะว่า สมัยนี้พระสงฆ์ ไม่ค่อยกล่าวเรื่องนี้กัน เพราะกลัวว่าจะต้องอาบัติขาดจากความเป็นพระ

ผมเองก็อาศัยการสังเกตุ มาหลายสำนักแล้ว ก็ยังไม่พบ

มีแต่ฆราวาส ประกาศว่าเป็นผู้สำเร็จกันมากมาย
ที่เพื่อนๆเข้ามาบอกมีแต่พระที่ได้ certificated โดยอารยะชนแล้วทั้งสิ้น.......
ยังมีพระอีกจำพวกหนึ่งที่สามารถบรรลุคุณวิเศษและฌาณ,ญาณขั้นสูง....แต่พระเหล่านี้ไม่เผยตัวอยู่ตามป่าเขาดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายอีกมากมาย(เหตุที่ไม่เป็นที่รู้จักเพราะท่านไม่อยากดังและ,หรือท่านไม่ได้สร้างบารมีมามาก รวมทั้งท่านไม่อยากยุ่งยากวุ่นวายกับสังคมหมู่มาก,ท่านเหล่านี้ มีคุณวิเศษจึงรู้ว่าบุคคลใดสมควรที่ท่านจะไปโปรดหรือท่านใดที่สามารถนะนำได้...หรือบุคคลใดเป็นสายธาตุสายธรรมเดียวกันมากับท่าน...ท่านจะไปโปรดเป็นปัจเจกชนเป็นรายๆไป........
.........เนื่องจากป้าอยู่ทางชายขอบเป็นจังหวัดที่เป็นป่าเขามากมาย ส่วนใหญ่พระเหล่านี้จะจาริกมาเป็นประจำ....ป้าจึงถือได้ว่ามีวาสนาดีกว่าบางคนเพราะมีพระสายปฎิบัติต่างๆเวียนมาช่วยสอนและชี้แนะธรรมให้มากมายหลายองค์...บางองค์ก็มีความสามารถติดต่อกันทางจิตสู่จิตได้(และก็ถูกต้องตามจริงทุกประการ-พิสูจน์แล้วว่าจริง)แต่ก็อย่าไปยึดติดเพราะแม้แต่พระผู้ที่มีความสามารถดังกล่าวยังบอกเองเลยว่า เป็นสิ่งที่ควรปล่อยวางท่านสอนแต่ธรรมมะของพระพุทธองค์เท่านั้น..บางองค์รู้ใจคนก็มี (สามารถบอกได้เลยว่าบุคลนี้มีเจตนาอย่างไร)ซึ่ง ผู้คนที่ไปกราบไหว้แกกลัวมากต้องสำรวมเป็นพิเศษเพราะแกจะพูดออกมาตรงๆบางครั้งแกก็ทำให้หลายๆคนหน้าแตกไปแล้วก็มี....แต่บางองค์ก็เป็นมิจฉาสมาธิเป็นมิจฉาฐิทิเหมือนกันเช่นบอกหวยหรือดูดวงอะไรประมาณนั้น...บางองค์ก็มาเพื่อหลีกหนีความจอแจหรือเพื่อการปลีกวิเวก(ภาษาทางพระเขาเรียกว่า "ไปชาร์ดแบต")เมื่อปรับฐานะทางใจได้ดีแล้วก็กลับไปก็มี.....
...............ส่วนเราและบุคคลทั่วไปก็มักได้เห็นแต่พระก็แต่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทางสังคมมีผู้ไปกราบไหว้บูชากันมากมายเท่านั้น....แต่พระที่ไม่เป็นที่รู้จักแล้วสำเร็จธรรมขั้นสูงก็มีมากมายเพียงแต่ เราไม่ได้ประสพพบด้วยตนเองเท่านั้น..เราจึงคิดว่าในโลกนี้ไม่มีพระอรหันต์หรือพระที่บรรลุธรรมขั้นสูงแล้ว...ดังนั้นควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่....เพื่อให้เราผู้ปฎิบัติตามรอยพระอรหันต์ทั้งหลายได้มีกำลังใจเป็ฐานในการปฎิบัติเพื่อฝ่าฟันกิเลสที่เชี่ยวกากเพื่อความข้ามพ้นความทุกข์ที่ไม่สิ้นสุดนี้เสียได้....ป้าขอเป็นกำลังใจ ให้ด้วยน๊ะ      :34: :bedtime2: :015: :25:
95  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 09:02:12 am
ส่วนมากถ้าเข้าห้องน้ำ จะหลับครับ ชีวิตคนทำงานเข้าห้องน้ำไปหลับครับ หลับสักงีบ 10 นาที
เจริญสติไม่ได้แล้วครับ ผมมักจะทำประจำครับ และหลายคนที่ทำงานผมก็มักจะแอบม่อยใน
ห้องน้ำครับ   
.........................................
ขอบคุณที่ แนะนำให้ป้าได้ใช้วิธี" หลบไปหลับในห้องน้ำ "มั่ง....อิอิ  อิอิ  .....
ถึงแม้ไม่ไช่วิธีที่เหมาะสมซักเท่าไหร่ แต่ป้าก็ขอบคุณน๊ะ..... :85: :08: :57:
96  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: คนเป็นทอมแปลงเพศแล้ว บวชพระได้หรือป่าวคะ เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 08:53:49 am
น้องเล่นถามเอาเสีย....หลวงพี่งงเลยอ่ะ....สงสันต้องไป updateพระไตรปิฎกกันใหม่แล้วล่ะ.....
ส่วนป้าเคยได้ยินแต่ว่า....เป็นพระต้องเป็นชายจริงเท่านั้นแล้วต้องมีอาการครบสามสิบสองด้วย....ไม่เอาพระตุ๊ดพระกระเทย(แต่พระทอม..นี่ป้าไม่เคยได้ยินแฮะ)...ส่วนภิกษุณีป้าก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัล...อ่ะ..... :85: :85: :85: :s_hi:
97  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: งงครับว่า ทำใจเป็นสมาธิ ทำไมจึงลืมตาได้ เมื่อ: มกราคม 23, 2011, 11:18:20 am
เป็นไปได้...ที่ทำสมาธิแบบลืมตา...
เพราะในโลกแห่ความเป็นจริงมีลักษณะแปลกๆที่ตางๆออกไปอีกมากมายแต่คงเป็นส่วนน้อยจึงมองเป็นเรื่องแปลกไป...
จริงๆการรวมขอจิต(focus,condense)ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายๆลักษณะ...อาจเป็นวัตถุ,รูป,เสียง,สี,เสียง.แม้แต่เวทนาทั้งหลายก็ทำให้เกิดสมาธิได้...ขึ้นอยู่ว่าในขณะนั้นจิตเราสนใจที่ตรงไหน...สิ่งใด...ลักษณะใด..
เมื่อใด..สติ(ความระลึกรู้)ไปอยู่ร่วมกับจิต(ซึ่งรู้ได้ว่าจิตอยู่ที่ไหนก็ที่นั่นแหละเป็นจุดสนใจ(ที่อยู่)ของจิต)ก็เกิดเป็นสมาธิได้..........
ทีนี้....จุดสนใจไม่เหมือนกัน....คนทั่วไปก็มักเป็นการกำหนดจิตไว้ที่สมองและตาเป็นส่วนใหญ่....ซึ่งร้อยทั้งร้อยเป็นอย่างนั้น  ..
ส่วนคนที่สามารถนั่งสมาธิได้โดยลืมตา....จริงๆแล้วจิตเขาส่งเข้าในเช่นคนปกติแต่ที่เขาลืมตานั้นเป็นเพราะ scope ของจิตเขานั้นยาวกว่าคนอื่นต้องลืมตาจึงทำให้ focusของจิตเกิดสมาธิได้ (โดยไม่เป็นการกด,ข่ม,หรือฝืน)...........จริงแล้วเวลานั่งสมาธิแล้วลืมตานั้นจิตเขาจะไม่สนใจที่ประสาทรับรู้ที่ตาเลย(ถ้าสมาธิลึกๆ-ถ้าสมาธิไม่ลึกก็อาจรู้ว่ามีใครเดินไปเดินมาได้บ้างแต่จิตไม่สนใจมัน)....
ถ้านั่งไปชินขึ้นๆก็จะหลับตาได้เอง.....ไม่ต้องไปซีเรียสกับมัน......
.........อาจเข้าใจยากหน่อยน๊ะ.....เพราะเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น...... :34: :bedtime2: :015:
98  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ปริวาส เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 11:13:41 pm
อยากรู้จริงๆค่ะ พี่ๆที่รู้ ช่วยตอบที่

ปริวาส คืออะไรคะ ปฎิบัติปริวาส ทำอย่างไร เพืออะไร

ปริวาส มานัตต์ อำพาน ต่างกันอย่างไร

บุคคลธรรมดาสามารถเข้าปริวาส มานัต อำพาน ได้ไหมคะ

ป้าก็ด้วย.....สงสัยเหมือนกันอ่ะ......ช่วยให้ความกระจ่างด้วย ...ขอบคุณร่วงหน้า....เด๊อคร้า า.... :25:





99  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การกำหนดรู้ระงับดับความโกรธ อย่างนี้จัดเป็น วิปัสสนาหรือไม่ครับ เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 10:40:57 am
ป้าลองอ่านดูแล้ว....ป้าก็สรุปว่าน่าจะเป็น
        มานะ๑ อุททัจจะ๑ กุกกุจะ๑
ไช่ป่ะ....
..............................................
ส่วนเรื่องดูความโกรธนั้น ป้าก็เห็นด้วยน๊ะ ....และมีผลจริงๆด้วย   แต่ถ้าฝึกสติให้เร็วกว่านี้และรวดเร็วกว่านี้(รอบครอบ,ฉับไว,จับลักษณะได้เก่งกว่านี้เร็วกว่านี้)เราก็จะสังเกตุเห็นความเปลี่ยนไปของจิตเราตั้งแต่เริ่มไม่ชอบหรือก่อนนั้น(เพราะแม้ความโกรธก็มีระดับการพัฒนาหรือระดับการปรุงแต่ง..จากไม่ถูกใจ..เป็นไม่ชอบแบบเล็กๆ..เพิ่มขึ้น..หงุดหงิดเล็กๆ..เพิ่มขึ้น..โกรธเล็กๆ..เพิ่มขึ้น..โทษะเล็กๆ..เพิ่มขึ้น..(อารมณ์ค้างหลงโกรธนานๆ-บางคนพาลไปโกรธคนอื่นๆรอบๆข้างด้วยก็มี)...พัฒนาไปเป็นการผูกโกรธ...อาฆาต...พยาบาท.....เกิดไปเป็นวจีกรรม...กายกรรม...กรรมก็เกิดผล,.......
ถ้าเราสามารถกำหนดรู้ได้จับได้ตั้งแต่แรกๆต้นๆ เราก็จะสามารถหยุดได้เร็ว..ทีนี้ถ้าหยุดได้แล้วถ้าเราเผลอไป(หลงเพลิน)อยู่ในความสุขอีก สติก็จะอ่อนลง ความโกรธก็จะเข้ามาอีก......เราจะค้นพบความแตกต่างระหว่างใจที่เป็นปกติและใจในสภาวะที่เกิดความโกรธว่าแตกต่างกันเพียงใหน...เห็นความขุ่นมัวของใจเรา,ความดีดดิ้นของใจเราความไม่กระจ่างชัดในจิตเรา(สติ)..แม้แต่เวลาเราเข้าไปเสพสุขก็เช่นเดียวกัน........ลักษณะนี้ก็เป็นเช่นเดียวกันกับความโกรธ..คือความมัวเมาทั้งสิ้น......ซึ่งตรงกันข้ามกับความตื่นรู้ความอิสสระความเบาความสว่างความเป็นกลางของจิต......เมื่อเราเห็นลักษณะเช่นนี้(เห็นตั้งแต่เริ่มเกิดขึ้นจนมันพัฒนาไปจนกระทั่งมันหมดไปดับไป)บ่อยๆเข้า..บ่อยๆเข้า....ความดำหริที่จะออกจากกามออกจากทุกข์ก็จะเกิดขึ้นอย่าชัดเจน.....เมื่อนั้น มรรคทางดำเนินที่จะออกจากทุกข์ก็จะปรากฎชัด ว่าทำอย่างนี้แล้วจะเกิดทุกข์ทำอย่างนี้แล้วจะไม่เกิดทุกข์.......เมื่อเรารู้ดังนี้แล้วเห็นดังนี้แล้ว....ก็จะเลือกปฎิบัติเฉพาะสิ่งที่ทำแล้วไม่เกิดทุกข์,ทำแล้วไม่เบียดเบียน,ทำแล้วไม่เกิดโทษ,ทำแล้วให้ผลแห่ความเป็นอิสระแห่จิตเจริญขึ้น.....เมื่อดำเนินมรรคเต็มกำลังแล้ว....ผลย่อมเกิดเป็นธรรมดา....เมื่อนั้นเธอผู้ปฎิบัติก็จะพบธรรมที่แท้จริงเกิดขึ้นกันใจตนเอง(ปัจจัตตัง เวธิตัพโพ วิญญูหิตติ)..ความเป็นวิมุตติ, วิมุตติญาณทัศศนะ.ย่อมบังเกิดแก่เธอเป็นแน่แท้........สาธุ ด้วยน๊ะ
....................แม้เพียงขั้นเล็กๆของการปฎิบัติป้าก็ให้ความสำคัญเพราะเหตุว่าในขั้นเล็กๆนี้ก็เป็นส่วนสำคัญเป็นบาทฐานแห่งการรู้แจ้งเช่นกัน......ขอเป็นกำลังใจให้น๊ะ....พยายามต่อไป.......(ซาดังเงโย-flighting flighting)
100  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มิจฉาสมาธิ กับ สัมมาสมาธิ ต่างกันอย่างไรคะ เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 10:04:31 am
ป้าว่า.....ที่บอกเป็นสัมมาสมาธิหรือมิจฉาสมาธิคงดูที่เจตนาจองผู้ปฎิบัติด้วย....ถ้าเป็นการปฎิบัติเพื่อออกจากทุกข์หรือเพื่ออกจากกิเลสแล้วป้าว่าเป็นสัมมาสมาธิหมด....แต่ถ้าปฎิบัติแล้วมุ่งไปสู่การติดยึดหรือเปลี่ยนไปยึดในสิ่งใหม่..ก็เป็นมิจฉาสมาธิ....
ทีนี้...ในการปฎิบัติจริงๆก็มีหลากหลายสายปฎิบัติ....แต่ละสายก็ของตนถูกของตนดีของตนเป็นสัมมาสมาธิ.....จริงๆแล้วต้องมาดูกันอีกทีว่า...เมื่อดำเนินมรรคได้สมบูรณ์แล้วก็ออกจากทุกข์ได้จริงหรือไม่..
โดยปกติแล้ว....แต่ละบุคคลก็มีจริตแตกต่างกัน,สร้างสมบารมีธรรมมาไม่เหมือนกันและไม่เท่ากัน..จึงทำให้มีความแตกต่างกันมากทั้งนัยยะและอรรถะ.....อย่างที่พระอาจารย์เคยพูดไว้ ว่าการปฎิบัติสายมัชฌิมาแบบลำดับนี้ไม่ไช่มิจฉาสมาธิ เพราะมีสติคอยกำกับอยู่ตลอด.....มีอนุสติ(พุทธานุสติ)อยู่ตลอด.....และที่ว่าเป็นสายที่ติดสุข...ก็จริงอยู่ เพราะเมื่อได้สมาธิแล้วย่อมได้สุขเป็นผลแน่นอน...นอกจากนั้นแล้วถ้าได้ถึงฌาณแล้วยิ่งมีสิ่งให้เพลิดเพลินอีกมากมายซึ่งถือว่าง่ายต่อการยึดติด(บางสายเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "ติดใน")...แต่ถ้าผู้ปฎิบัติเข้าใจในสิ่งนี้แล้วและสามารถออกจากการยึดติด(ก้าวร่วง)ในสิ่งต่างๆทีได้กล่าวมาแล้วนั้น...ได้เมื่อไหร่ ผลแห่งการปฎิบัติเพื่อออกจากทุกข์ก็จะเกิดตามมาอย่าไม่ต้องสงสัย.........สายนี้เมื่อเกิดมรรคผลแล้วจะเป็นผลที่เด่นชัดมากเพราะมีสมาธิที่ดีเป็นฐานรองรับ......
      ในเมื่อปฎิบัติในสายนี้แล้ว เธอต้องมีสัทธาที่เต็มเปี่ยมในปฎิปทานี้ แล้วต้องมีความแน่วแน่เป็นฐาน ไม่สงสัยในมรรคผล(แต่ต้องมีสติในการปฎิบัติ)ที่จะเกิดขึ้น.....ขอเพียง ทำจริงและทำให้เต็มกำลังก็พอ......มรรคผลย่อมบังเกิดแก่เธอเองโดยไม่ต้องสงสัย......ป้าขอเป็นกำลังใจให้ด้วยน๊ะ.....สาธุ
101  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: เวทนาที่ไม่ได้หมายถึงแค่ความรู้สึก เมื่อ: มกราคม 11, 2011, 02:37:28 pm
ป้าว่ามีอีกหลายๆอารมณ์ แต่อาจแยกย่อยออกมาจากเวทนาทั้งห้านี้เช่น.....ตระหนก,ตกใจ,ใจหาย,กระยิ่มยิ้มย่องใจ, ริงโรดใจ,เศร้าใจ,เสียใจ(สำนึกผิด),ห่อเหี่ยวใจ, ความเอิบอาบซาบซ่านใจ,อิ่มใจปรีเปรมใจ,กังวลใจ,เบาใจ,หนักใจ,เห็นใจ,วางใจ,ตะขิดตะขวงใจ,แสลงใจ.........อื่นๆอีกมากมาย...ซึ่งผู้เข้าถึงสมาธิแล้วจะเข้าใจในส่วนของเวทนา(สุข,อทุขมสุข)ดี......
102  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เทศกาลถอดกางเกงขึ้นรถไฟเริ่มแล้วอีกครั้ง เมื่อ: มกราคม 11, 2011, 02:21:37 pm
ป้าไม่สาธุด้วยหรอก.......... :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:
103  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เมื่อเพื่อนบอกว่า "อย่าไปหลงกับการทำสมาธิ" เมื่อ: มกราคม 11, 2011, 02:17:10 pm
จริงๆแล้ว...ทั้งสมาธิและปัญญาต้องพึ่งพากันเกื้อหนุนกันไม่ว่าสายปัญญา(สุขวิปัสสโก)หรือสายสมาธิ (ฌาณ,อภิญญา)....คือต้องได้ส่วนที่เหมาะสมจึงจะส่งผลให้เกิดเป็นเกิดมีขึ้นได้.(เป็นมรรคเป็นผล).....
รู้ด้วยวิปัสสนาก็ไม่มีผลถ้าสมาธิอ่อน(เป็นวิปัสสนึกไป-เป็นความฟุ้งซ้านไป) ในทางกลับกันถ้าสมาธิมากไปก็จะหลงหรือติด,หรือจิตไม่ออกมารับอารมณ์นิ่งจนเป็นฌาณไป (ไม่รู้เห็นตามความเป็นจริง-ไม่เห็นภาวะเกิดดับ)....
...............................................................
นี่ก็คือเหตุผลหนึ่งที่ ถูกบางคนต่อว่าสายสมาธิมากว่า....ชอบหลบ,ติดสุข,ไม่สามารถพ้นกิเลสได้......แต่จริงๆแล้วถ้าคนๆนั้นสามารถยกจิตออกมาเห็นความเป็น(จริงวิปัสสนา)ได้ ก็สามารถก้าวล่วงพ้นสิ่งที่ติดอยู่ได้(อาจเป็นติดสุข,ติดในความสงบ,ติดในความสว่าง,ติดในฌาณหลงในความสามารถทางฌาณ,แม้กระทั้งติดในรู้ติดในเห็น)เป็นส่วนที่มีผลจริงเพราะมีสมาธิที่ดีลองรับอยู่.......
104  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อยากให้ท่านผู้รู้ห้องนี้ ช่วยอธิบายคำว่า "เจ้ากรรม นายเวร" เมื่อ: มกราคม 10, 2011, 03:31:47 pm
ตราบใดที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์จิตยังไม่เข้าสูนฤพานก็ต้องชดใช้กรรมกันทั้งหมด(แม้แต่เป็นพระอรหันต์แล้ว..ถ้าเป็นกรรมหนักก็ยังต้องชดใช้กรรมนั้นเลย..อย่างเช่นพระโมคคัลลานเป็นต้น).....
 เหตุเพราะ ว่าเรายังอยู่ในวัฎฎะอยู่ ย่อมกระทำกรรมเป็นปกติ(ทั้งกรรมฝ่ายดีกรรมฝ่ายชั่วและกรรมกลางๆ-มีหลายลักษณะ,กรรมฐานก็เป็นกรรมเพื่อดำหริออกจากทุกข์กรรมหนึ่งเหมือนกัน)......ดังนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจว่า ผลที่เป็นอยู่นี้(ขณะนี้จะเป็นการทวงกรรม-ชดใช้กรรม ,หรือเป็นการสร้างกรรมใหม่กันขึ้นมา.....เพราะ ณ.ปัจจุบันนี้เราเองก็เป็นองคาพยบหรือผลิตผลของกรรมเก่า(ทั้งดีและชั่ว)และเป็นการสร้างกรรมใหม่(ทั้งดีและชั่ว)(รวมทั้งกรรมไม่ดีไม่ชั่ว)ไปพร้อมๆกันอยู่แล้ว..........ยิ่งถ้าเอาภพชาติมาเป็นปัจจัยนับรวมด้วยแล้ว....ยิ่งซับซ้อน จนหาต้นหาปลายไม่พบ....ดังนั้น ผู้เห็นภัยในภพชาติก็จะกลัววัฎฎะหรือสังสารวัตร...จึงดำหริที่จะออกจากวัฎฎะ...นั่นเป็นเหตุให้เกิดผลหรือทางเดินใหม่ขึ้นซึ่งก็คือนิพพานนั่นเอง.....
........................................ :34: :34: :34: :34: :34:.........................................
105  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: มีคนที่เรานับถือ มาตลอดเป็นเวลาหลายปี แต่แล้วเขาก็ทำให้เราหมดนับถือคะ เมื่อ: มกราคม 10, 2011, 03:13:42 pm
ง่ายนิดเดียว...สำหรับคนที่ยืนมองดูอยู่วงนอก...ก็อย่างที่พระอาจารย์พูด...ป้าว่าถ้ามีเป้าหมายก็ต้องมีถูกใจและไม่ถูกใจ.....เพราะฉนั้น ก็ต้องเตรียมใจรับทั้งผลที่ถูกใจและที่ไม่ถูกใจด้วย......ความผิดหวังก็จะไม่เกิดหรือเกิดก็ไม่นาน......

           ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยน๊ะ....ผิดหวังได้แต่อย่านานนักล่ะจ๊ะ.... :58:

                                                                             :08:
                                                                             :88:
106  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: การปฏิบัติธรรม คือ การหนีปัญหา หรือ เผชิญปัญหา เมื่อ: มกราคม 04, 2011, 02:44:38 pm
ป้าว่า มีทั้งสองอย่างคือ ทั้งหนีและเผชิญปัญหา...
..............................................
การแก้ปัญหาโดยหนีปัญหาก็เป็นวิธิหนึ่งหรือการบรรเทาให้ปัญหาเกิดความรุนแรงน้องลงหรือเปลี่ยนปัญหาไปเป็นปัญหาอื่นๆตามมาภายหลัง....ซึ่งอาจแก้ได้เป็นครั้งๆไป.....เมื่อถึงที่สุดแล้ว การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง.....คือการเผชิญกับปัญหาอย่างไม่หลบหนีอย่างไม่หลีกเลี่ยงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด.......ซึ่งอาจต้องใช้กำลังใจเป็นอย่างมากต้องใช้สติปัญญาเป็นฐานและอาจเจ็บปวดกับผลของปัญหานั้น....แต่ก็คุ้ม...เพราะต่อๆไปเราก็สามารถอยู่กับปัญหาได้โดยที่ปัญหานั้นไม่ทำให้เราต้องเป็นทุกข์เพราะปัญหานั้น...จนกว่าจะแก้ปัญหาได้สำเร็จลุรวงไป......
107  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ปีใหม่ วันนี้ 1 ม.ค.2554 ทำอะไรดีคร้า.... เมื่อ: มกราคม 04, 2011, 02:29:16 pm
ดี......
ดีด้วยจ้า า  า.......... ;)
                   
                            ป้าก็แก่ไปอีกหนึ่งปีแล้ว.....อายุเหลือน้อยลงไปอีก ๑ ปี....
108  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: สวดภาณยักษ์นี่เป็นส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธหรือเปล่าครับ เมื่อ: ธันวาคม 22, 2010, 09:00:30 pm
ป้าไม่ไช่ชาวมัชฌิมาน๊ะแต่ป้าคิดว่าตอนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธไปแล้วแต่เป็นส่วนพิธีกรรมเสียมากกว่าแต่ที่ว่างมงายหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลอีกนั่นแหละ...เพราะคนที่ไปเข้าพิธีกรรมเหมือนกันยังมีความมุ่งหมายที่ไม่เหมือนกันเลย....... :34: :34: :34:
109  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ผมสงสัยพิธี วิธีนี้ เป็นจริง หรือ แกล้งทำ ครับ เมื่อ: ธันวาคม 22, 2010, 08:49:55 pm
ป้าว่า........ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง......ต้องลองไปสักยันต์และเข้าไปไหว้ครูกับเขาด้วย...
        :hee20hee20hee:                         :hee20hee20hee:             :88:
110  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: นางสิริมา"หญิงโสเภณีผู้บรรลุโสดาบัน" เมื่อ: ธันวาคม 20, 2010, 09:07:59 pm
ป้าว่า.....รูปดอกบัวน่ะ สวยดีอ่ะ....เป็นธรรมชาติดี......
    :57: :72:                   :57: :72:                    :57: :72:
111  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เป็นความรูสึกแปลกๆ เมื่อ: ธันวาคม 17, 2010, 01:10:59 pm
มันเป็นในขณะที่ไม่ได้นั่งสมาธิ......เอ้อลืมบอกไป....มันจะมีความรู้สึกเดียมๆด้วยน๊ะ ป้าว่าคงไม่ไช่ปิติหรอก....(เพราะไม่ไช่เกิดในขณนั่งสมาธิ) แต่เกิดในขณะเวลาธรรมดา......
ที่ว่าโลดดโผนน่ะ.....มียิ่งกว่านี้อีกน๊ะ....เช่นนั่งอยู่เฉยๆ....ลูกกระตาเราวิ่งไปอยู่ในท้อง ซึ่งเราจะรูสึกเหมือนว่าตัวเรา(ท่อนบน)หดลงไปเหลือประมาณแค่ศอกเดียว(ตั้งแต่ปลายศรีษะถึงก้นกบ)......มันทั้งตื่นเต้นและก็สนุกดี....  ......(ป้าก็เข้าใจมาอีกว่า ทำไม หลวงปู่ทวดถึงต้องนั่งในไสตร์นั้น)
ป้าอยากถามคนที่มีประสพการณ์เหมือนๆกับป้าเพราะจะได้รู้วิธีแก้ไข หรือผู้ที่เป็นอย่างนี้แล้วเขาเข้าใจในอาการอย่านี้ว่าเป็นอะไร..........
.....อ้อ..สมาชิกทุกท่าน ลืมบอกไปว่า ตอนนี้ ตุ๊กแก ที่ป้าเคยบอกนั่นมีสมาชิกใหม่เพิ่มมาอีก ๒ ตัวเล็กๆแล้วน๊ะ......รวมทั้งหมดก็เป็น ๗ ตัว ทั้งเล้กทั้งใหญ่ ......ส่วนเจ้าตุ๊กแกตัวพ่อก็ไม่เคยร้องอีกเลยตั้งแต่มีเมียแล้วสองตัว ได้ยินแต่เสียงเมียหลวงกับเสียงเมียน้อยมันทะเลาะกัน(ไม่ไช่ร้องเหมือนตุกแกทั่วไปร้องน๊ะ)....ส่วนที่ป้ากังวลว่าจะเหม็นขี้ตุ๊กแก..ปรากฎว่าไม่ได้กลิ่นขี้ตุ๊แกเลยถึงแม้ว่าจะมีตั้ง ๗ตัวก็ตาม...
สงสัยว่า ป้าต้องตั้งโรงงานเลี้ยงตุ๊กแก...ส่งขายนอกเสียแล้ว...หึ หึ ...ป้ารวยตายแน่ๆเลยอ่ะ.......
.............................................................
ส่วนที่ว่าป้าไปฝึกที่ไหนนั้น...จริงๆแล้วป้าไม่ได้ไปฝึกที่ไหนๆเลย แต่ป้าสนใจทางธรรมมานานแล้ว ป้าก็เลยเอาอันนั้นนิดอันนี้หน่อยมาผสมปนเปกัน.....เพราะป้าก็ศึกษามาหลายๆทางดูแต่ก็ไม่ได้ปฎิบัติเป็นจริงเป็นจัง.......
112  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เป็นความรูสึกแปลกๆ เมื่อ: ธันวาคม 14, 2010, 10:11:06 pm
ป้าปกติถ้าทำใจนิ่งๆมันก็จะไปอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้...เป็นโพรงหรือหลุมภายในจะหมุนวนตลอด....ขณะที่เรามองดูมันหมุน..ใจเราจะมีความสุขมากและก็ตื่นเต้น(สนุกดี)....แต่พอเราเข้าไปในโพรงนั้นไปจับตัวหมุนๆอยู่นั้น เจ้าตังหมุนๆจะหยุดและแข็งตัวหุ้มเราเข้าไว้ เป็นแข็งเหมือนรังแตนหุ้มเราอยู่....ซึ่งเราก็จะไม่สนุกกระดุกกระดิกไม่ได้....ทีนี้ใจเราก็จะไปหาหลุมหรือโพรงใหม่ซึ่งกำลังหมุนอยู่เช่นกัน......
ป้าก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร.....และก็อธิบายไม่ถูกด้วย....ใครมีประสพการณืแบบนี้ช่วยบอกหน่อนหรือท่านใดพอจะทราบหรือรู้ ป้าขอความกระจ่างหน่อยเถอะ......เพราะก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน..... :17: :17: :17:
113  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ภาวนากรรมฐาน แล้ว มีอาการกึ่งหลับ กึ่งตื่น เมื่อ: ธันวาคม 11, 2010, 10:31:08 am
สรุป แล้ว ต้องการถามเรื่องอะไร กับพระอาจารย์ ครับ คุณป้า ผมเองก็รออ่านอยู่เหมือนกัน

 :25:
เป็น ๒ คำถามที่ป้าถามพระคุณเจ้า
๑)ถามถึงสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วจิตแส่ออกไปรับรู้ภายนอก พระคุณท่านตอบว่าเป็นอภิญญาชนิดหนึ่ง(ถ้าปฎิบัติได้ปฎิบัติถึง) แต่ในกรณีของป้าน่าจะเป็นของที่มีมาแต่ก่อน ท่านเตือนให้ใช้ไปในทางที่ถูกที่ควร(แต่ต้องระวังว่าเป็นอุปทานด้วยหรือไม่?)
๒)เป็นคำถามติดพันกับข้อ๑ แต่เป็นการจักการกับตุ๊กแก..ท่านให้จัดการแบบไม่เบียดเบียนและตั้งอยู่บนพื้นฐานของธรรม(ถึงแม้พระคุณท่านไม่ตอบแต่ก็ให้ข้อคิดเตือนสติที่ดี)...
....................................................................................
ยังมีคำถามอีกเยอะแยะ ที่ป้าอยากถามแต่เป็นลักษณะที่เห็นหรือพบเฉพาะตนและป้าก็ไม่ได้ปฎิบัติในแนวทางมัชฌิมาแบบลำดับก็คงต้องไปถามในบอร์ดนั่งคุยเล่นเพราะไม่ไช่คำถามแนวปฎิบัติ...
คงแค่นี้น๊ะจ๊ะ.........โมทนาด้วยจ้า
114  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ภาวนากรรมฐาน แล้ว มีอาการกึ่งหลับ กึ่งตื่น เมื่อ: ธันวาคม 08, 2010, 04:05:41 pm
จริงๆแล้วดิฉันต้องการถามสภาวะที่เกิดกับดิฉัน...แต่พอดีมันเกี่ยวเนื่องกับ ตุกแก...ดิฉันก็เลยถามมาในหัวข้อนี้เจ้าค่ะ ....อย่างไรก็ตามดิฉันก็ต้องขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ด้วยเจ้าค่ะ...
........................................................................
เรื่องตุกแกดิฉันก็คิดไว้ก่อนแล้วค่ะว่าจะทำอย่างไร ๑.) คือนำมันไปปล่อยทั้งหมดยกครอกเลย..๒.) อยู่เฉยๆปล่อยให้ธรรมชาติเป็นผู้จัดการเอง(ธรรมชาติถ้าที่ไหนมีอาหารอุดมสมบูรณ์ก็จะมี ผู้ล่า(predator)มากด้วยแต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะคงที่ถึงแม้ว่าตุกแกเพิ่มแต่อาหารไม่เพิ่มอีกหน่อยตุกแกก็จะไปเองโดยไปหาที่ๆใหม่ที่เหมาะสมกับตนเอง...๓. )กำจัดแหล่งอาหารมัน เช่นแมลงต่างๆ(เพราะตุกแกจะลอกินแมลงบริเวณที่มีแสงไฟ)..๔.)ต้องรบกวนเพื่อให้ตุกแกทนไม่ได้แล้วไปเอง....๔.)วิธีอื่นๆที่ดิฉันคิดไม่ถึงค่ะ....
..........จริงๆแล้วที่ดิฉันถามมาก็ เผื่อว่าท่านหรือผู้ติดตามอ่านจะมีแนวทางอื่นๆที่ดิฉันคิดไม่ถึงและเป็นทางออกที่ดีกว่านี้เจ้าค่ะ......
..........อย่างไรก็ตามดิฉันก็ต้องขอขอบพระคุณ พระคุณเจ้าเป็นอย่างสูงที่ได้ชี้แนะมาให้ ถึงแม้จะไม่ไช่เรื่องการปฎิบัติก็ตาม ..สาธุ เจ้าค่ะ................. :c017:
115  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ภาวนากรรมฐาน แล้ว มีอาการกึ่งหลับ กึ่งตื่น เมื่อ: ธันวาคม 07, 2010, 12:15:46 pm
ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงก่อนว่า.........ที่ป้าต้องการคำตอบเพราะป้าก็ลำบากใจเหมือนกัน...มันคงจะดีถ้าสามารถทำเป็นแบบว่าอยู่ใครอยู่มันได้โดยไม่รบกวนกัน...แต่มันไม่ไช่ ....
แม้แต่เจ้าตุกแกตัวพ่อก็ยังลำบากใจเลยที่มันนำพาความไม่สบายใจมาให้...แต่มันก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน...โดยที่มันไม่ยอมสู้หน้ากับป้าเลย
...........................................................
คงจะดีที่ถ้าไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลยก็คงไม่ต้องมายุ่งยากอะไรประมาณนี้.................
..........................................................
ส่วนพวกหนูๆน้องๆทั้งหลายที่ให้คำแนะนำหรือคำชี้แนะซึ่งออกมาจากหลายๆอารมณ์...เป็นความไม่ถูกใจหรืออะไรก็ตาม....ป้าก็ต้องขอบคุณทุกความคิดเห็น.....ส่วนใจป้าเองก็มีคำตอบอยู่แล้วแต่ก็ไม่แน่ว่าจะดีหรือเหมาะสม....ดังนั้นป้าจึงถามมาในเว็บนี้เพื่อว่าจะมีทางออกอื่นๆที่ดีกว่านี้ แบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น ทั้งสองฝ่าย......หรือเป็นสิ่งที่ป้าคิดไม่ถึง......
...................................................................................................
หากการโพสต์นี้เป็นเหตุให้ท่านหนึ่งท่านใดเกิดความไม่เป็นปกติของใจท่านเองแล้ว ป้าก็ต้องขออภัยไว้ ฌ. ที่นี้ด้วย...เพราะป้าก็ไม่ไช่ผู้รู้หรือมีปัญญาสูงส่งแต่อย่างใด....ป้าก็คือเป็นเพียงคนธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง....
116  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ภาวนากรรมฐาน แล้ว มีอาการกึ่งหลับ กึ่งตื่น เมื่อ: ธันวาคม 06, 2010, 07:07:18 pm
ขอตอบพระคุณเจ้าดังนี้.....
         การที่เราออกไปรู้หรือเข้าใจอะไรๆนี่ไม่ไช่เกิดมาแต่เกิด....แต่เป็นหลังจากดิฉันฝึกปฎิบัติสายหลวงพ่อเทียนได้ระยะหนึ่งซึ่งใจตื่นดีมากพอเวลาเราทำใจเฉยๆมันก็จะมีความรู้ผุดออกมาเปรียบเสมือนน้ำพุร้อนที่ผุดขึ้นมาจากแผ่นดินและอีกหลายๆเหตุการณ์(ยังไม่ขอเล่า)........ต่อๆมาผ่อนการปฎิบัติลง ลักษณะเช่นนี้ก็หายไป...แต่มาเกิดทีหลังอีก(ซึ่งดิฉันก็คิดว่าเป็นอุปทานที่เราคิดเองแต่ต่อๆมาไม่ไช่เพราะเวลาเป็นตัวพิสูจน์
     ดิฉันขอเล่าเรื่องตุกแกให้พระคุณเจ้าฟังดังนี้ค่ะ......
ปกติที่บ้านจะไม่มีตุกแกอยู่....แต่จู่ๆก็มีตุกแกตัผู้มาอยู่๑ ตัวอยู่ดิฉันก็ไม่ว่าอะไรเพราะไม่ทำความเดือดร้อนอะไรให้   แต่อยู่ๆไปนานๆเข้าก็ขี้ในซอกแคบๆมากขึ้นทีนี้ก็เหม็นจนทนไม่ได้เราจะกวาดทำความสะอาดก็เข้าไปไม่ได้...ทีนี้ดิฉันก็คิดในใจว่า เอไม่ได้การละเดี๋ยวต้องจับมันไปปล่อยที่อื่นคงจะดี เดี๋ยวซักสองสามวันก่อน...แล้วข้าพเจ้าก็ลืมๆไป..
ต่อมาอีก๑-๒วันเมื่อประมาณ ตค.๕๒ ดิฉันมักไปสวดมนต์บ้านเพื่อนสหธรรมมิกซึ่งไม่สบายต้องเข้าโรงพยาบาลที่นี้ก็นัดไปสวดมนต์วันพรุ่งนี้เย็น...
......พอตกคืนนั้นข้าพเจ้านอนหลับปกติ...ทีนี้ตุกแกมันก็ร้องเป็นปกติของมัน ดิฉันก็ไม่สนใจอะไรมัน...ต่อมามันก็ร้องอีก...ดิฉันก็ไม่สนใจมันอีก...ทีนี้มันร้องอีกและร้องดังมากข้าพเจ้าก็เลยอยากรู้ว่ามันทำไมถึงร้องได้คำตอบว่า........"ฉันไม่ไป  ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป"...........พอรุ่งเช้าข้าพเจ้าก็คิดไตร่ตรองดูว่า เอทำไมตุกแกมันบอก "ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป"......จึงคิดไปว่า สงสัยมันคงบอกให้เราว่าเย็นนี้อย่าไปสวดมนต์บ้านเพื่อนสหธรรมมิกมั้ง.............ตกลงเย็นนั้นดิฉันก็เลยไม่ไปสวดมนต์บ้านเพื่อน...
แต่พออีกวันรุ่งขึ้นพอดิฉันเดินไปที่ตุกแกอยู่....ดิฉันก็เข้าใจเลยว่าที่มันร้องอย่านั้นเพราะมันไม่อยากไปกลัวดิฉันจับมันไปปล่อยที่อื่นนั่นเอง.......ฉันเพิ่งนึกได้ทั้งๆที่ดิฉันลืมไปหลยวันแล้ว.....ดังนั้นดิฉันจึงไม่ได้จับมันไปปล่อยแต่อย่างได..........
............ต่อมาอีกประมาณเกือบเดือนได้(ใกล้วันหวยออก)ตุกแกตัวเดิมนั่นแหละมาบอกหวยว่างวดนี้ออก๕๘ ซึ่งถือเป็นการตอบแทนที่ไม่จับมันไปปล่อย...ในความรู้นั้นดิฉันยังต่อว่าตุกแกอีกน๊ะว่า...โถ่เอ้ย ๕๘ พึ่งจะออกไปเมื่องว :)ดที่แล้วเอง...(ซึ่งจริงมันออกวงวด ตค.๕๒ไปแล้วจริง)....ดิฉันก็เลยไม่สนใจจะซื้ออะไร...
พอ งวดนั้นปรากฎว่าหวยออก ๕๘ จริงๆ  (ซึ่งเป็นการออกที่ซ้ำกันสองงวด -ห่างกัน๑หรือสองงวด)....ต้องขออภัยด้วยเพราะการเล่นหวยเป็นอบายมุขอย่างหนึ่ง.......
ต่อมาเจ้าตุแกตัผู้นี้   ได้ไปพาเมียมาอยู่ด้วยสองตัว-เมียน้อยและเมียหลวง-(เจ้าชู้เสียด้วยแฮะ)....ซึ่งเมียหลวงนี่ขี้หึงมาก  คอยกันเมียน้อยตลอด เพราะตัวใหญ่กว่าเล็กน้อย............
จนเดี๋ยวนี้ ก็ออกลูกมาอีกเท่าที่เห็นอย่างน้อยก็สองตัเล็กๆแล้ว.......
..........พระคุณเจ้าจะใหดิฉันทำอย่างไงกับมันดี...เพราะตอนนี้ที่บ้านมีตุกแกทั้นตัวเล็กตัวใหญ่ทั้งหมดก็อย่าน้อน๕ตัวแล้ว.....จะจับมันไปปล่อยดีมั๊ยเจ้าค๊ะ ...หรือเอาไปขาย ตัวละ ๓๐๐๐ ดี??? :)

ในตอนนี้ เมียน้อยและเมียหลวงมันแข่งกันออกลูก ใหญ่เลย(เพราะสองตัวนี้ไม่ถูกกัน)....พระคุณเจ้าจะให้ดิฉันทำอย่างไรดีค๊ะ......... :03:
117  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: สมัยพุทธกาล "อรหันต์ประเภทไหนมีมากที่สุด" เมื่อ: ธันวาคม 03, 2010, 03:55:53 pm
จริงๆแล้ว  กรรมฐานแบบมัชฌิมา แบบลำดับนี้ ตรงมากและก็มีทุกๆขั้นตอนของการปฎิบัติโดยลำดับและอย่างละเอียด...แต่ป้าว่ามีศัพท์ทางบาลีมากจังบางครั้งป้าไม่เข้าใจ....ดังนั้นควรแปลออกมาจากไทยเป็นไทยอีกขั้นตอนหนึ่งก็ คงจะดี เพื่อที่คนทั่วไปจะได้เข้าใจง่ายขึ้น...... :035:
118  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เวลาชวนเพื่อน ฝึกสมาธิ มักได้รับคำปฏิเสธว่า กลัวเป็นบ้า จิตฝั่นเฟือน เมื่อ: ธันวาคม 03, 2010, 03:45:34 pm
อิอิ  อิอิ.......ถึงจะบ้าก็เรียกว่าบ้าทางสมาธิ .....ดีกว่าบ้าหอบฟางเป็นไหนๆ....... :d030:
119  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: สมัยพุทธกาล "อรหันต์ประเภทไหนมีมากที่สุด" เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 02:49:05 pm
 :93:...........
.............เอ...แล้วปัจจุบัน ณ กาลล่ะ..มีพระอรหันต์ชนิดใดมาก...


                              :72:     :72:       :72:
120  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ภาวนากรรมฐาน แล้ว มีอาการกึ่งหลับ กึ่งตื่น เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2010, 08:30:41 pm
ขอตอบพระคุณเจ้าดังนี้.....
         การที่เราออกไปรู้หรือเข้าใจอะไรๆนี่ไม่ไช่เกิดมาแต่เกิด....แต่เป็นหลังจากดิฉันฝึกปฎิบัติสายหลวงพ่อเทียนได้ระยะหนึ่งซึ่งใจตื่นดีมากพอเวลาเราทำใจเฉยๆมันก็จะมีความรู้ผุดออกมาเปรียบเสมือนน้ำพุร้อนที่ผุดขึ้นมาจากแผ่นดินและอีกหลายๆเหตุการณ์(ยังไม่ขอเล่า)........ต่อๆมาผ่อนการปฎิบัติลง ลักษณะเช่นนี้ก็หายไป...แต่มาเกิดทีหลังอีก(ซึ่งดิฉันก็คิดว่าเป็นอุปทานที่เราคิดเองแต่ต่อๆมาไม่ไช่เพราะเวลาเป็นตัวพิสูจน์
     ดิฉันขอเล่าเรื่องตุกแกให้พระคุณเจ้าฟังดังนี้ค่ะ......
ปกติที่บ้านจะไม่มีตุกแกอยู่....แต่จู่ๆก็มีตุกแกตัผู้มาอยู่๑ ตัวอยู่ดิฉันก็ไม่ว่าอะไรเพราะไม่ทำความเดือดร้อนอะไรให้   แต่อยู่ๆไปนานๆเข้าก็ขี้ในซอกแคบๆมากขึ้นทีนี้ก็เหม็นจนทนไม่ได้เราจะกวาดทำความสะอาดก็เข้าไปไม่ได้...ทีนี้ดิฉันก็คิดในใจว่า เอไม่ได้การละเดี๋ยวต้องจับมันไปปล่อยที่อื่นคงจะดี เดี๋ยวซักสองสามวันก่อน...แล้วข้าพเจ้าก็ลืมๆไป..
ต่อมาอีก๑-๒วันเมื่อประมาณ ตค.๕๒ ดิฉันมักไปสวดมนต์บ้านเพื่อนสหธรรมมิกซึ่งไม่สบายต้องเข้าโรงพยาบาลที่นี้ก็นัดไปสวดมนต์วันพรุ่งนี้เย็น...
......พอตกคืนนั้นข้าพเจ้านอนหลับปกติ...ทีนี้ตุกแกมันก็ร้องเป็นปกติของมัน ดิฉันก็ไม่สนใจอะไรมัน...ต่อมามันก็ร้องอีก...ดิฉันก็ไม่สนใจมันอีก...ทีนี้มันร้องอีกและร้องดังมากข้าพเจ้าก็เลยอยากรู้ว่ามันทำไมถึงร้องได้คำตอบว่า........"ฉันไม่ไป  ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป"...........พอรุ่งเช้าข้าพเจ้าก็คิดไตร่ตรองดูว่า เอทำไมตุกแกมันบอก "ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป"......จึงคิดไปว่า สงสัยมันคงบอกให้เราว่าเย็นนี้อย่าไปสวดมนต์บ้านเพื่อนสหธรรมมิกมั้ง.............ตกลงเย็นนั้นดิฉันก็เลยไม่ไปสวดมนต์บ้านเพื่อน...
แต่พออีกวันรุ่งขึ้นพอดิฉันเดินไปที่ตุกแกอยู่....ดิฉันก็เข้าใจเลยว่าที่มันร้องอย่านั้นเพราะมันไม่อยากไปกลัวดิฉันจับมันไปปล่อยที่อื่นนั่นเอง.......ฉันเพิ่งนึกได้ทั้งๆที่ดิฉันลืมไปหลยวันแล้ว.....ดังนั้นดิฉันจึงไม่ได้จับมันไปปล่อยแต่อย่างได..........
............ต่อมาอีกประมาณเกือบเดือนได้(ใกล้วันหวยออก)ตุกแกตัวเดิมนั่นแหละมาบอกหวยว่างวดนี้ออก๕๘ ซึ่งถือเป็นการตอบแทนที่ไม่จับมันไปปล่อย...ในความรู้นั้นดิฉันยังต่อว่าตุกแกอีกน๊ะว่า...โถ่เอ้ย ๕๘ พึ่งจะออกไปเมื่องว :)ดที่แล้วเอง...(ซึ่งจริงมันออกวงวด ตค.๕๒ไปแล้วจริง)....ดิฉันก็เลยไม่สนใจจะซื้ออะไร...
พอ งวดนั้นปรากฎว่าหวยออก ๕๘ จริงๆ  (ซึ่งเป็นการออกที่ซ้ำกันสองงวด -ห่างกัน๑หรือสองงวด)....ต้องขออภัยด้วยเพราะการเล่นหวยเป็นอบายมุขอย่างหนึ่ง.......
ต่อมาเจ้าตุแกตัผู้นี้   ได้ไปพาเมียมาอยู่ด้วยสองตัว-เมียน้อยและเมียหลวง-(เจ้าชู้เสียด้วยแฮะ)....ซึ่งเมียหลวงนี่ขี้หึงมาก  คอยกันเมียน้อยตลอด เพราะตัวใหญ่กว่าเล็กน้อย............
จนเดี๋ยวนี้ ก็ออกลูกมาอีกเท่าที่เห็นอย่างน้อยก็สองตัเล็กๆแล้ว.......
..........พระคุณเจ้าจะใหดิฉันทำอย่างไงกับมันดี...เพราะตอนนี้ที่บ้านมีตุกแกทั้นตัวเล็กตัวใหญ่ทั้งหมดก็อย่าน้อน๕ตัวแล้ว.....จะจับมันไปปล่อยดีมั๊ยเจ้าค๊ะ ...หรือเอาไปขาย ตัวละ ๓๐๐๐ ดี??? :)
หน้า: 1 2 [3] 4