แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - prachabeodee
|
หน้า: 1 2 [3] 4
|
82
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เวลาหลับตานาน ๆ แล้ว เหมือนมีแสงสีม่วงหมุนวน
|
เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 10:56:24 am
|
เท่าที่อ่าน น่าจะไม่เกี่ยวกับ สมาธิ นะคะ เพราะว่าไม่ได้ภาวนา หรือ กำหนดอะไรให้เป็นสมาธิเลย อาจจะเป็นพรสวรรค์ พิเศษก็เป็นได้
ป้าเห็นด้วยกับคำตอบนี้น๊ะ.... แล้วต้องมาดูอีกว่า....เป็นปัญหาทางสุขภาพหรือเปล่า...เช่น นอนนานเกินไปหรือนอนผิดท่านานๆทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ,หรือการกดข่มอะไรบางอย่าง,หรือฝังใจอะไรบางอย่างมาโดยที่เรานึกไม่ถึง.... แต่ถ้าเป็นลักษณะสมาธิหรือจุดสนใจแล้วล่ะก็ :d030:แสดงว่าเธอคงมีจุดสนใจของจิตอยู่ที่ประสาทตา........คงต้องทำสมาธิโดยใช้อะไรที่เกี่ยวกับรูปหรือเกี่ยวกับการเห็นในการฝึกสมาธิ...ป้าว่าก็น่าจะดีน๊ะ,.. ยังมีอีกลักษณะหนึ่งคือเคยทำหรือธรรมชาติของเธอเคยมากับลักษณะนี้(อาจเป็นลักษณะการฝึกแบบหนึ่งในอดีตที่ยังคงติดมาในภพชาตินี้.....ถ้าเป็นสมมุติฐานนี้ถูกต้อง เธอลองถามใจตนเองดูซิว่า เธอมีความรู้สึกอย่างไรขณะเกิดอย่างนั้น.....ถ้าเป็นไปได้(ถ้าเธอกล้าพอ)เธอก็ลองลงไปดูในจุดศูนย์กลางของความหมุนวนนั้นดูว่าจะเป็นอย่างไร....ความรู้สึกของเธอก็จะเปลี่ยนไป..... สรุป...ป้าว่า เธอต้องใช้วิจารณญาณของเธอเองแล้วล่ะว่าเหตุที่เกิดนี้น่าจะเป็นอะไร(คงมีคำตอบในใจอยู่แล้วแต่ตนเองก็ไม่เชื่อ)
|
|
|
84
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อานิสงส์ของศีล
|
เมื่อ: มกราคม 27, 2011, 10:44:15 am
|
สาธุ......อนุโมทนามิ........... ศีลคือข้อห้ามปฎิบัติ...สำหรับปุถุชนคนทั่วไป..... ศีลคือข้อควรปฎิบัติ...สำหรับผู้ไฝ่ในธรรม..... ศีลคือข้อปฎิบัติ...สำหรับผู้ปฎิบัติธรรมทุกๆท่าน...... ศีลคือบาทฐาน....สำหรับผู้ต้องการบรรลุธรรมขั้นสูงขึ้นๆไป...... ศีลคือความปกติ....ในผู้สำฤทธิ์ผลในการปฎิบัติธรรมทุกท่าน....... ........................................................................... สาธุด้วยคนเด๊อจ้า..........
|
|
|
85
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ความลึกของฌาน
|
เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 08:44:39 pm
|
สาธุ ด้วยคน.......... แล้วลำดับการละหรือการทิ้ง(สัญญา,ความรับรู้,การปรุงแต่ง,ขันธ์,และอื่นๆ)ทั้งขาเข้าไปและขาที่ออกมาด้วย....ถ้าเอามาบอกได้ก็จะดีมากๆเลยแหละ....(อาการเหล่านี้-ป้าเคยเป็น เช่นภาวะที่ๆเราไม่รู้เลยว่าตัวเรานี้เป็นใคร,เป็นหญิงหรือชาย,ในหัวสมองไม่มีอะไรเลยหรือภาวะที่จิตขุ่นนิดๆ(เริ่มออกมารับอารมณ์,เริ่มรับรู้เพิ่มขึ้นๆ).... ถ้าเอามาพูดให้ฟังบ้างป้าว่าจะดีมากเลยอ่ะ.....โมทนาด้วยน๊ะ...
|
|
|
90
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระเดินธุดงค์ ใช้เต๊นซ์ ได้หรือป่าวครับ
|
เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 08:16:25 pm
|
อยู่ที่ความพอดีครับ ถ้าใช้เกินความจำเป็น ก็จะลืมความหมายของการฝึกฝน อย่างนั้นก็คงจะไม่ต่างอะไร พวก ชาวต่างชาติที่เดิน เที่ยวในเมืองไทยแนวผจญภัยครับ
เพราะการธุดงค์ คือการขจัดกิเลส ครับ
ถูกต้องแล้วคราบบบ.....ตรงใจป้าเป๊เลยอ่ะ.... สภาวะการในปัจจุบัน ควรเดินสายกลางจะดีที่สุด.......ถึงแม้ว่าการเดินธุดงค์จะเป็นข้อวัตรที่เข้มข้นในการกำจัดกิเลสก็ตาม....แต่ปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีมากมาย....มีไว้เผื่อจำเป็นต้องใช้ก็ไม่ผิด(ถ้าไม่ใช้จนเกินความจำเป็น)...การใช้เต๊นท์ก็ดูเหตุการณ์ดูความเหมาะสม..เช่นในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวมากๆ ถ้าใช้เต๊นท์ก็จะดีกว่า....หรืออย่างการเดินธุดงค์ในต่างประเทศ(ในประเทศเมืองหนาว)มีหิมะหรือพื้นเป็นน้ำแข็ง ก็คงไม่มีพระธุดงค์องค์ใดเดินธุดงเท้าเปล่าหรอกน๊ะ.....อิอิ อิอิ อิอิ...
|
|
|
91
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: นิโรธกรรม กับ นิโรธ สมาบัติ เหมือนกันหรือไม่
|
เมื่อ: มกราคม 25, 2011, 02:49:28 pm
|
แต่ที่เราเคยเห็น ไม่มีประกาศ ไม่มีบอก นั่งกรรมฐานในกลด มองเห็นได้อย่างเปิดเผย
ไม่มีคนไปอัญเชิญ หรือ ทำบุญกับท่าน.... ก็แปลกดีนะ ที่เห็นจริง กับ ไม่มีใครศรัทธา...
จริงๆแล้วต้องมาดูกันก่อนว่า.....เข้านิโรธสมาบัติเพื่ออะไร....คงไม่ไช่เข้าเพื่อเรี่ยไรเงินหรอกน๊ะ,คงไม่ไช่เข้าเพื่ออวดอ้างว่าตนนี้เก่งตนนี้แน่หรอกน๊ะ,หรือเพื่อลาภสักการะอื่นๆหรอกน๊ะ,เพราะเป็นพระระดับนั้นแล้วคงไม่อยากได้,ไม่อยากมี,ไม่อยากเป็นแล้วล่ะน๊ะ...........แล้วก็อีกอย่าง การเข้านิโรธสมาบัติไม่ไช่ของที่บุคคลทั่วไปอยากทำก็ทำได้เสียเมื่อไหร่กัน.....ดังนั้นก็ต้องเข้าใจให้ดีด้วยก่อนจะตัดสินอะไรลงไป...
เคยเห็นที่ไหน บอกผมบ้างครับ ผมอยากพบท่านครับ ....
|
|
|
92
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล จะเปลี่ยนชีวิตได้จริงหรือ
|
เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 09:16:16 pm
|
ป้ากลับคิดว่า.....การเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนนั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อ,ฐานความคิด,ค่านิยมและสิ่งแว้ดล้อมอื่นๆเช่นสมัยนิยม(in trend)เป็นต้น.......ในแต่ละบุคคลสั่งสมมาไม่เหมือนกัน....ทำให้เห็นแตกต่างกันเป็นสองฝ่าย.......... ถ้าเปลี่ยนแล้วทำให้ทันสมัยขึ้น,ได้ใช้ชื่ออื่นๆหรือเปลี่ยนแล้วทำให่มั่นใจขึ้นมีกำลังใจขึ้น ก็เปลี่ยนเถิด แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วเกิดความยุงยากกว่าเดิมหรือเกิดปัญหาต่างๆตามมามากมายหรือเป็นการทำไปเพราะถูกบังคับหรือเหตุอื่นๆที่ทำเพราะฝืนใจทำ ก็ไม่ต้องเปลี่ยน......... ............... ...........................
|
|
|
93
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: คนเป็นทอมแปลงเพศแล้ว บวชพระได้หรือป่าวคะ
|
เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 02:17:39 pm
|
แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเป็นทอมเป็นดี้,เป็นตุ๊ดเป็นกระเทยก็ตาม....เธอและเพื่อนทอมของเธอก็อย่าเสียอกเสียใจไปน๊ะ เพราะเรื่องนี้ต้องยอมรับว่าเป็นธรรมชาติที่เกิดได้มีได้เป็นบุญทำกรรมแต่ง....ในเมื่อเรามีใจที่จะปฎิบัติธรรมแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นพระก็สามารถเข้าถึงกระแสแห่งธรรมได้ทุกๆคน...ถ้าทำเหตุให้สมควรแก่เหตุแล้วผลย่อมเกิดเสมอ.....ดังคำหลวงพ่อเทียนท่านได้พูดไว้ว่า "ไม่ว่าเป็นพระเป็นคนดำก็สามารถเข้าถึงภาวะตื่นรู้ได้เท่ากันเสมอกัน"(จริงๆแล้วท่านพูดเป็นสำเนียงลาวแต่ป้าเอามาโพสต์เป็นภาษาไทยที่เราเข้าใจกันได้)......ป้าขอ เป็นกำลังใจให้ด้วยน๊ะ.....สาธุในเจตนาดีของเธอและเพื่อนทอมของเธอด้วย....สาธุ
|
|
|
94
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระสงฆ์ที่ปฏิบัติสำเร็จ ฌาน และ วิปัสสนา ยังมีอยู่หรือป่าว
|
เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 09:36:38 am
|
พระสงฆ์ที่ปฏิบัติ จนบรรลุฌาน และ วิปัสสนา ปัจจุบันยังมีอยู่หรือป่าวครับ
เพราะว่า สมัยนี้พระสงฆ์ ไม่ค่อยกล่าวเรื่องนี้กัน เพราะกลัวว่าจะต้องอาบัติขาดจากความเป็นพระ
ผมเองก็อาศัยการสังเกตุ มาหลายสำนักแล้ว ก็ยังไม่พบ
มีแต่ฆราวาส ประกาศว่าเป็นผู้สำเร็จกันมากมาย
ที่เพื่อนๆเข้ามาบอกมีแต่พระที่ได้ certificated โดยอารยะชนแล้วทั้งสิ้น....... ยังมีพระอีกจำพวกหนึ่งที่สามารถบรรลุคุณวิเศษและฌาณ,ญาณขั้นสูง....แต่พระเหล่านี้ไม่เผยตัวอยู่ตามป่าเขาดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายอีกมากมาย(เหตุที่ไม่เป็นที่รู้จักเพราะท่านไม่อยากดังและ,หรือท่านไม่ได้สร้างบารมีมามาก รวมทั้งท่านไม่อยากยุ่งยากวุ่นวายกับสังคมหมู่มาก,ท่านเหล่านี้ มีคุณวิเศษจึงรู้ว่าบุคคลใดสมควรที่ท่านจะไปโปรดหรือท่านใดที่สามารถนะนำได้...หรือบุคคลใดเป็นสายธาตุสายธรรมเดียวกันมากับท่าน...ท่านจะไปโปรดเป็นปัจเจกชนเป็นรายๆไป........ .........เนื่องจากป้าอยู่ทางชายขอบเป็นจังหวัดที่เป็นป่าเขามากมาย ส่วนใหญ่พระเหล่านี้จะจาริกมาเป็นประจำ....ป้าจึงถือได้ว่ามีวาสนาดีกว่าบางคนเพราะมีพระสายปฎิบัติต่างๆเวียนมาช่วยสอนและชี้แนะธรรมให้มากมายหลายองค์...บางองค์ก็มีความสามารถติดต่อกันทางจิตสู่จิตได้(และก็ถูกต้องตามจริงทุกประการ-พิสูจน์แล้วว่าจริง)แต่ก็อย่าไปยึดติดเพราะแม้แต่พระผู้ที่มีความสามารถดังกล่าวยังบอกเองเลยว่า เป็นสิ่งที่ควรปล่อยวางท่านสอนแต่ธรรมมะของพระพุทธองค์เท่านั้น..บางองค์รู้ใจคนก็มี (สามารถบอกได้เลยว่าบุคลนี้มีเจตนาอย่างไร)ซึ่ง ผู้คนที่ไปกราบไหว้แกกลัวมากต้องสำรวมเป็นพิเศษเพราะแกจะพูดออกมาตรงๆบางครั้งแกก็ทำให้หลายๆคนหน้าแตกไปแล้วก็มี....แต่บางองค์ก็เป็นมิจฉาสมาธิเป็นมิจฉาฐิทิเหมือนกันเช่นบอกหวยหรือดูดวงอะไรประมาณนั้น...บางองค์ก็มาเพื่อหลีกหนีความจอแจหรือเพื่อการปลีกวิเวก(ภาษาทางพระเขาเรียกว่า "ไปชาร์ดแบต")เมื่อปรับฐานะทางใจได้ดีแล้วก็กลับไปก็มี..... ...............ส่วนเราและบุคคลทั่วไปก็มักได้เห็นแต่พระก็แต่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทางสังคมมีผู้ไปกราบไหว้บูชากันมากมายเท่านั้น....แต่พระที่ไม่เป็นที่รู้จักแล้วสำเร็จธรรมขั้นสูงก็มีมากมายเพียงแต่ เราไม่ได้ประสพพบด้วยตนเองเท่านั้น..เราจึงคิดว่าในโลกนี้ไม่มีพระอรหันต์หรือพระที่บรรลุธรรมขั้นสูงแล้ว...ดังนั้นควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่....เพื่อให้เราผู้ปฎิบัติตามรอยพระอรหันต์ทั้งหลายได้มีกำลังใจเป็ฐานในการปฎิบัติเพื่อฝ่าฟันกิเลสที่เชี่ยวกากเพื่อความข้ามพ้นความทุกข์ที่ไม่สิ้นสุดนี้เสียได้....ป้าขอเป็นกำลังใจ ให้ด้วยน๊ะ
|
|
|
95
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ
|
เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 09:02:12 am
|
ส่วนมากถ้าเข้าห้องน้ำ จะหลับครับ ชีวิตคนทำงานเข้าห้องน้ำไปหลับครับ หลับสักงีบ 10 นาที เจริญสติไม่ได้แล้วครับ ผมมักจะทำประจำครับ และหลายคนที่ทำงานผมก็มักจะแอบม่อยใน ห้องน้ำครับ ......................................... ขอบคุณที่ แนะนำให้ป้าได้ใช้วิธี" หลบไปหลับในห้องน้ำ "มั่ง....อิอิ อิอิ ..... ถึงแม้ไม่ไช่วิธีที่เหมาะสมซักเท่าไหร่ แต่ป้าก็ขอบคุณน๊ะ.....
|
|
|
97
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: งงครับว่า ทำใจเป็นสมาธิ ทำไมจึงลืมตาได้
|
เมื่อ: มกราคม 23, 2011, 11:18:20 am
|
เป็นไปได้...ที่ทำสมาธิแบบลืมตา... เพราะในโลกแห่ความเป็นจริงมีลักษณะแปลกๆที่ตางๆออกไปอีกมากมายแต่คงเป็นส่วนน้อยจึงมองเป็นเรื่องแปลกไป... จริงๆการรวมขอจิต(focus,condense)ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายๆลักษณะ...อาจเป็นวัตถุ,รูป,เสียง,สี,เสียง.แม้แต่เวทนาทั้งหลายก็ทำให้เกิดสมาธิได้...ขึ้นอยู่ว่าในขณะนั้นจิตเราสนใจที่ตรงไหน...สิ่งใด...ลักษณะใด.. เมื่อใด..สติ(ความระลึกรู้)ไปอยู่ร่วมกับจิต(ซึ่งรู้ได้ว่าจิตอยู่ที่ไหนก็ที่นั่นแหละเป็นจุดสนใจ(ที่อยู่)ของจิต)ก็เกิดเป็นสมาธิได้.......... ทีนี้....จุดสนใจไม่เหมือนกัน....คนทั่วไปก็มักเป็นการกำหนดจิตไว้ที่สมองและตาเป็นส่วนใหญ่....ซึ่งร้อยทั้งร้อยเป็นอย่างนั้น .. ส่วนคนที่สามารถนั่งสมาธิได้โดยลืมตา....จริงๆแล้วจิตเขาส่งเข้าในเช่นคนปกติแต่ที่เขาลืมตานั้นเป็นเพราะ scope ของจิตเขานั้นยาวกว่าคนอื่นต้องลืมตาจึงทำให้ focusของจิตเกิดสมาธิได้ (โดยไม่เป็นการกด,ข่ม,หรือฝืน)...........จริงแล้วเวลานั่งสมาธิแล้วลืมตานั้นจิตเขาจะไม่สนใจที่ประสาทรับรู้ที่ตาเลย(ถ้าสมาธิลึกๆ-ถ้าสมาธิไม่ลึกก็อาจรู้ว่ามีใครเดินไปเดินมาได้บ้างแต่จิตไม่สนใจมัน).... ถ้านั่งไปชินขึ้นๆก็จะหลับตาได้เอง.....ไม่ต้องไปซีเรียสกับมัน...... .........อาจเข้าใจยากหน่อยน๊ะ.....เพราะเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น......
|
|
|
98
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ปริวาส
|
เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 11:13:41 pm
|
อยากรู้จริงๆค่ะ พี่ๆที่รู้ ช่วยตอบที่
ปริวาส คืออะไรคะ ปฎิบัติปริวาส ทำอย่างไร เพืออะไร
ปริวาส มานัตต์ อำพาน ต่างกันอย่างไร
บุคคลธรรมดาสามารถเข้าปริวาส มานัต อำพาน ได้ไหมคะ
ป้าก็ด้วย.....สงสัยเหมือนกันอ่ะ......ช่วยให้ความกระจ่างด้วย ...ขอบคุณร่วงหน้า....เด๊อคร้า า....
|
|
|
99
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การกำหนดรู้ระงับดับความโกรธ อย่างนี้จัดเป็น วิปัสสนาหรือไม่ครับ
|
เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 10:40:57 am
|
ป้าลองอ่านดูแล้ว....ป้าก็สรุปว่าน่าจะเป็น มานะ๑ อุททัจจะ๑ กุกกุจะ๑ ไช่ป่ะ.... .............................................. ส่วนเรื่องดูความโกรธนั้น ป้าก็เห็นด้วยน๊ะ ....และมีผลจริงๆด้วย แต่ถ้าฝึกสติให้เร็วกว่านี้และรวดเร็วกว่านี้(รอบครอบ,ฉับไว,จับลักษณะได้เก่งกว่านี้เร็วกว่านี้)เราก็จะสังเกตุเห็นความเปลี่ยนไปของจิตเราตั้งแต่เริ่มไม่ชอบหรือก่อนนั้น(เพราะแม้ความโกรธก็มีระดับการพัฒนาหรือระดับการปรุงแต่ง..จากไม่ถูกใจ..เป็นไม่ชอบแบบเล็กๆ..เพิ่มขึ้น..หงุดหงิดเล็กๆ..เพิ่มขึ้น..โกรธเล็กๆ..เพิ่มขึ้น..โทษะเล็กๆ..เพิ่มขึ้น..(อารมณ์ค้างหลงโกรธนานๆ-บางคนพาลไปโกรธคนอื่นๆรอบๆข้างด้วยก็มี)...พัฒนาไปเป็นการผูกโกรธ...อาฆาต...พยาบาท.....เกิดไปเป็นวจีกรรม...กายกรรม...กรรมก็เกิดผล,....... ถ้าเราสามารถกำหนดรู้ได้จับได้ตั้งแต่แรกๆต้นๆ เราก็จะสามารถหยุดได้เร็ว..ทีนี้ถ้าหยุดได้แล้วถ้าเราเผลอไป(หลงเพลิน)อยู่ในความสุขอีก สติก็จะอ่อนลง ความโกรธก็จะเข้ามาอีก......เราจะค้นพบความแตกต่างระหว่างใจที่เป็นปกติและใจในสภาวะที่เกิดความโกรธว่าแตกต่างกันเพียงใหน...เห็นความขุ่นมัวของใจเรา,ความดีดดิ้นของใจเราความไม่กระจ่างชัดในจิตเรา(สติ)..แม้แต่เวลาเราเข้าไปเสพสุขก็เช่นเดียวกัน........ลักษณะนี้ก็เป็นเช่นเดียวกันกับความโกรธ..คือความมัวเมาทั้งสิ้น......ซึ่งตรงกันข้ามกับความตื่นรู้ความอิสสระความเบาความสว่างความเป็นกลางของจิต......เมื่อเราเห็นลักษณะเช่นนี้(เห็นตั้งแต่เริ่มเกิดขึ้นจนมันพัฒนาไปจนกระทั่งมันหมดไปดับไป)บ่อยๆเข้า..บ่อยๆเข้า....ความดำหริที่จะออกจากกามออกจากทุกข์ก็จะเกิดขึ้นอย่าชัดเจน.....เมื่อนั้น มรรคทางดำเนินที่จะออกจากทุกข์ก็จะปรากฎชัด ว่าทำอย่างนี้แล้วจะเกิดทุกข์ทำอย่างนี้แล้วจะไม่เกิดทุกข์.......เมื่อเรารู้ดังนี้แล้วเห็นดังนี้แล้ว....ก็จะเลือกปฎิบัติเฉพาะสิ่งที่ทำแล้วไม่เกิดทุกข์,ทำแล้วไม่เบียดเบียน,ทำแล้วไม่เกิดโทษ,ทำแล้วให้ผลแห่ความเป็นอิสระแห่จิตเจริญขึ้น.....เมื่อดำเนินมรรคเต็มกำลังแล้ว....ผลย่อมเกิดเป็นธรรมดา....เมื่อนั้นเธอผู้ปฎิบัติก็จะพบธรรมที่แท้จริงเกิดขึ้นกันใจตนเอง(ปัจจัตตัง เวธิตัพโพ วิญญูหิตติ)..ความเป็นวิมุตติ, วิมุตติญาณทัศศนะ.ย่อมบังเกิดแก่เธอเป็นแน่แท้........สาธุ ด้วยน๊ะ ....................แม้เพียงขั้นเล็กๆของการปฎิบัติป้าก็ให้ความสำคัญเพราะเหตุว่าในขั้นเล็กๆนี้ก็เป็นส่วนสำคัญเป็นบาทฐานแห่งการรู้แจ้งเช่นกัน......ขอเป็นกำลังใจให้น๊ะ....พยายามต่อไป.......(ซาดังเงโย-flighting flighting)
|
|
|
100
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มิจฉาสมาธิ กับ สัมมาสมาธิ ต่างกันอย่างไรคะ
|
เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 10:04:31 am
|
ป้าว่า.....ที่บอกเป็นสัมมาสมาธิหรือมิจฉาสมาธิคงดูที่เจตนาจองผู้ปฎิบัติด้วย....ถ้าเป็นการปฎิบัติเพื่อออกจากทุกข์หรือเพื่ออกจากกิเลสแล้วป้าว่าเป็นสัมมาสมาธิหมด....แต่ถ้าปฎิบัติแล้วมุ่งไปสู่การติดยึดหรือเปลี่ยนไปยึดในสิ่งใหม่..ก็เป็นมิจฉาสมาธิ.... ทีนี้...ในการปฎิบัติจริงๆก็มีหลากหลายสายปฎิบัติ....แต่ละสายก็ของตนถูกของตนดีของตนเป็นสัมมาสมาธิ.....จริงๆแล้วต้องมาดูกันอีกทีว่า...เมื่อดำเนินมรรคได้สมบูรณ์แล้วก็ออกจากทุกข์ได้จริงหรือไม่.. โดยปกติแล้ว....แต่ละบุคคลก็มีจริตแตกต่างกัน,สร้างสมบารมีธรรมมาไม่เหมือนกันและไม่เท่ากัน..จึงทำให้มีความแตกต่างกันมากทั้งนัยยะและอรรถะ.....อย่างที่พระอาจารย์เคยพูดไว้ ว่าการปฎิบัติสายมัชฌิมาแบบลำดับนี้ไม่ไช่มิจฉาสมาธิ เพราะมีสติคอยกำกับอยู่ตลอด.....มีอนุสติ(พุทธานุสติ)อยู่ตลอด.....และที่ว่าเป็นสายที่ติดสุข...ก็จริงอยู่ เพราะเมื่อได้สมาธิแล้วย่อมได้สุขเป็นผลแน่นอน...นอกจากนั้นแล้วถ้าได้ถึงฌาณแล้วยิ่งมีสิ่งให้เพลิดเพลินอีกมากมายซึ่งถือว่าง่ายต่อการยึดติด(บางสายเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "ติดใน")...แต่ถ้าผู้ปฎิบัติเข้าใจในสิ่งนี้แล้วและสามารถออกจากการยึดติด(ก้าวร่วง)ในสิ่งต่างๆทีได้กล่าวมาแล้วนั้น...ได้เมื่อไหร่ ผลแห่งการปฎิบัติเพื่อออกจากทุกข์ก็จะเกิดตามมาอย่าไม่ต้องสงสัย.........สายนี้เมื่อเกิดมรรคผลแล้วจะเป็นผลที่เด่นชัดมากเพราะมีสมาธิที่ดีเป็นฐานรองรับ...... ในเมื่อปฎิบัติในสายนี้แล้ว เธอต้องมีสัทธาที่เต็มเปี่ยมในปฎิปทานี้ แล้วต้องมีความแน่วแน่เป็นฐาน ไม่สงสัยในมรรคผล(แต่ต้องมีสติในการปฎิบัติ)ที่จะเกิดขึ้น.....ขอเพียง ทำจริงและทำให้เต็มกำลังก็พอ......มรรคผลย่อมบังเกิดแก่เธอเองโดยไม่ต้องสงสัย......ป้าขอเป็นกำลังใจให้ด้วยน๊ะ.....สาธุ
|
|
|
101
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: เวทนาที่ไม่ได้หมายถึงแค่ความรู้สึก
|
เมื่อ: มกราคม 11, 2011, 02:37:28 pm
|
ป้าว่ามีอีกหลายๆอารมณ์ แต่อาจแยกย่อยออกมาจากเวทนาทั้งห้านี้เช่น.....ตระหนก,ตกใจ,ใจหาย,กระยิ่มยิ้มย่องใจ, ริงโรดใจ,เศร้าใจ,เสียใจ(สำนึกผิด),ห่อเหี่ยวใจ, ความเอิบอาบซาบซ่านใจ,อิ่มใจปรีเปรมใจ,กังวลใจ,เบาใจ,หนักใจ,เห็นใจ,วางใจ,ตะขิดตะขวงใจ,แสลงใจ.........อื่นๆอีกมากมาย...ซึ่งผู้เข้าถึงสมาธิแล้วจะเข้าใจในส่วนของเวทนา(สุข,อทุขมสุข)ดี......
|
|
|
103
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เมื่อเพื่อนบอกว่า "อย่าไปหลงกับการทำสมาธิ"
|
เมื่อ: มกราคม 11, 2011, 02:17:10 pm
|
จริงๆแล้ว...ทั้งสมาธิและปัญญาต้องพึ่งพากันเกื้อหนุนกันไม่ว่าสายปัญญา(สุขวิปัสสโก)หรือสายสมาธิ (ฌาณ,อภิญญา)....คือต้องได้ส่วนที่เหมาะสมจึงจะส่งผลให้เกิดเป็นเกิดมีขึ้นได้.(เป็นมรรคเป็นผล)..... รู้ด้วยวิปัสสนาก็ไม่มีผลถ้าสมาธิอ่อน(เป็นวิปัสสนึกไป-เป็นความฟุ้งซ้านไป) ในทางกลับกันถ้าสมาธิมากไปก็จะหลงหรือติด,หรือจิตไม่ออกมารับอารมณ์นิ่งจนเป็นฌาณไป (ไม่รู้เห็นตามความเป็นจริง-ไม่เห็นภาวะเกิดดับ).... ............................................................... นี่ก็คือเหตุผลหนึ่งที่ ถูกบางคนต่อว่าสายสมาธิมากว่า....ชอบหลบ,ติดสุข,ไม่สามารถพ้นกิเลสได้......แต่จริงๆแล้วถ้าคนๆนั้นสามารถยกจิตออกมาเห็นความเป็น(จริงวิปัสสนา)ได้ ก็สามารถก้าวล่วงพ้นสิ่งที่ติดอยู่ได้(อาจเป็นติดสุข,ติดในความสงบ,ติดในความสว่าง,ติดในฌาณหลงในความสามารถทางฌาณ,แม้กระทั้งติดในรู้ติดในเห็น)เป็นส่วนที่มีผลจริงเพราะมีสมาธิที่ดีลองรับอยู่.......
|
|
|
104
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อยากให้ท่านผู้รู้ห้องนี้ ช่วยอธิบายคำว่า "เจ้ากรรม นายเวร"
|
เมื่อ: มกราคม 10, 2011, 03:31:47 pm
|
ตราบใดที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์จิตยังไม่เข้าสูนฤพานก็ต้องชดใช้กรรมกันทั้งหมด(แม้แต่เป็นพระอรหันต์แล้ว..ถ้าเป็นกรรมหนักก็ยังต้องชดใช้กรรมนั้นเลย..อย่างเช่นพระโมคคัลลานเป็นต้น)..... เหตุเพราะ ว่าเรายังอยู่ในวัฎฎะอยู่ ย่อมกระทำกรรมเป็นปกติ(ทั้งกรรมฝ่ายดีกรรมฝ่ายชั่วและกรรมกลางๆ-มีหลายลักษณะ,กรรมฐานก็เป็นกรรมเพื่อดำหริออกจากทุกข์กรรมหนึ่งเหมือนกัน)......ดังนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจว่า ผลที่เป็นอยู่นี้(ขณะนี้จะเป็นการทวงกรรม-ชดใช้กรรม ,หรือเป็นการสร้างกรรมใหม่กันขึ้นมา.....เพราะ ณ.ปัจจุบันนี้เราเองก็เป็นองคาพยบหรือผลิตผลของกรรมเก่า(ทั้งดีและชั่ว)และเป็นการสร้างกรรมใหม่(ทั้งดีและชั่ว)(รวมทั้งกรรมไม่ดีไม่ชั่ว)ไปพร้อมๆกันอยู่แล้ว..........ยิ่งถ้าเอาภพชาติมาเป็นปัจจัยนับรวมด้วยแล้ว....ยิ่งซับซ้อน จนหาต้นหาปลายไม่พบ....ดังนั้น ผู้เห็นภัยในภพชาติก็จะกลัววัฎฎะหรือสังสารวัตร...จึงดำหริที่จะออกจากวัฎฎะ...นั่นเป็นเหตุให้เกิดผลหรือทางเดินใหม่ขึ้นซึ่งก็คือนิพพานนั่นเอง..... ........................................ .........................................
|
|
|
106
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: การปฏิบัติธรรม คือ การหนีปัญหา หรือ เผชิญปัญหา
|
เมื่อ: มกราคม 04, 2011, 02:44:38 pm
|
ป้าว่า มีทั้งสองอย่างคือ ทั้งหนีและเผชิญปัญหา... .............................................. การแก้ปัญหาโดยหนีปัญหาก็เป็นวิธิหนึ่งหรือการบรรเทาให้ปัญหาเกิดความรุนแรงน้องลงหรือเปลี่ยนปัญหาไปเป็นปัญหาอื่นๆตามมาภายหลัง....ซึ่งอาจแก้ได้เป็นครั้งๆไป.....เมื่อถึงที่สุดแล้ว การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง.....คือการเผชิญกับปัญหาอย่างไม่หลบหนีอย่างไม่หลีกเลี่ยงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด.......ซึ่งอาจต้องใช้กำลังใจเป็นอย่างมากต้องใช้สติปัญญาเป็นฐานและอาจเจ็บปวดกับผลของปัญหานั้น....แต่ก็คุ้ม...เพราะต่อๆไปเราก็สามารถอยู่กับปัญหาได้โดยที่ปัญหานั้นไม่ทำให้เราต้องเป็นทุกข์เพราะปัญหานั้น...จนกว่าจะแก้ปัญหาได้สำเร็จลุรวงไป......
|
|
|
111
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เป็นความรูสึกแปลกๆ
|
เมื่อ: ธันวาคม 17, 2010, 01:10:59 pm
|
มันเป็นในขณะที่ไม่ได้นั่งสมาธิ......เอ้อลืมบอกไป....มันจะมีความรู้สึกเดียมๆด้วยน๊ะ ป้าว่าคงไม่ไช่ปิติหรอก....(เพราะไม่ไช่เกิดในขณนั่งสมาธิ) แต่เกิดในขณะเวลาธรรมดา...... ที่ว่าโลดดโผนน่ะ.....มียิ่งกว่านี้อีกน๊ะ....เช่นนั่งอยู่เฉยๆ....ลูกกระตาเราวิ่งไปอยู่ในท้อง ซึ่งเราจะรูสึกเหมือนว่าตัวเรา(ท่อนบน)หดลงไปเหลือประมาณแค่ศอกเดียว(ตั้งแต่ปลายศรีษะถึงก้นกบ)......มันทั้งตื่นเต้นและก็สนุกดี.... ......(ป้าก็เข้าใจมาอีกว่า ทำไม หลวงปู่ทวดถึงต้องนั่งในไสตร์นั้น) ป้าอยากถามคนที่มีประสพการณ์เหมือนๆกับป้าเพราะจะได้รู้วิธีแก้ไข หรือผู้ที่เป็นอย่างนี้แล้วเขาเข้าใจในอาการอย่านี้ว่าเป็นอะไร.......... .....อ้อ..สมาชิกทุกท่าน ลืมบอกไปว่า ตอนนี้ ตุ๊กแก ที่ป้าเคยบอกนั่นมีสมาชิกใหม่เพิ่มมาอีก ๒ ตัวเล็กๆแล้วน๊ะ......รวมทั้งหมดก็เป็น ๗ ตัว ทั้งเล้กทั้งใหญ่ ......ส่วนเจ้าตุ๊กแกตัวพ่อก็ไม่เคยร้องอีกเลยตั้งแต่มีเมียแล้วสองตัว ได้ยินแต่เสียงเมียหลวงกับเสียงเมียน้อยมันทะเลาะกัน(ไม่ไช่ร้องเหมือนตุกแกทั่วไปร้องน๊ะ)....ส่วนที่ป้ากังวลว่าจะเหม็นขี้ตุ๊กแก..ปรากฎว่าไม่ได้กลิ่นขี้ตุ๊แกเลยถึงแม้ว่าจะมีตั้ง ๗ตัวก็ตาม... สงสัยว่า ป้าต้องตั้งโรงงานเลี้ยงตุ๊กแก...ส่งขายนอกเสียแล้ว...หึ หึ ...ป้ารวยตายแน่ๆเลยอ่ะ....... ............................................................. ส่วนที่ว่าป้าไปฝึกที่ไหนนั้น...จริงๆแล้วป้าไม่ได้ไปฝึกที่ไหนๆเลย แต่ป้าสนใจทางธรรมมานานแล้ว ป้าก็เลยเอาอันนั้นนิดอันนี้หน่อยมาผสมปนเปกัน.....เพราะป้าก็ศึกษามาหลายๆทางดูแต่ก็ไม่ได้ปฎิบัติเป็นจริงเป็นจัง.......
|
|
|
112
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เป็นความรูสึกแปลกๆ
|
เมื่อ: ธันวาคม 14, 2010, 10:11:06 pm
|
ป้าปกติถ้าทำใจนิ่งๆมันก็จะไปอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้...เป็นโพรงหรือหลุมภายในจะหมุนวนตลอด....ขณะที่เรามองดูมันหมุน..ใจเราจะมีความสุขมากและก็ตื่นเต้น(สนุกดี)....แต่พอเราเข้าไปในโพรงนั้นไปจับตัวหมุนๆอยู่นั้น เจ้าตังหมุนๆจะหยุดและแข็งตัวหุ้มเราเข้าไว้ เป็นแข็งเหมือนรังแตนหุ้มเราอยู่....ซึ่งเราก็จะไม่สนุกกระดุกกระดิกไม่ได้....ทีนี้ใจเราก็จะไปหาหลุมหรือโพรงใหม่ซึ่งกำลังหมุนอยู่เช่นกัน...... ป้าก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร.....และก็อธิบายไม่ถูกด้วย....ใครมีประสพการณืแบบนี้ช่วยบอกหน่อนหรือท่านใดพอจะทราบหรือรู้ ป้าขอความกระจ่างหน่อยเถอะ......เพราะก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน.....
|
|
|
113
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ภาวนากรรมฐาน แล้ว มีอาการกึ่งหลับ กึ่งตื่น
|
เมื่อ: ธันวาคม 11, 2010, 10:31:08 am
|
สรุป แล้ว ต้องการถามเรื่องอะไร กับพระอาจารย์ ครับ คุณป้า ผมเองก็รออ่านอยู่เหมือนกัน
เป็น ๒ คำถามที่ป้าถามพระคุณเจ้า ๑)ถามถึงสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วจิตแส่ออกไปรับรู้ภายนอก พระคุณท่านตอบว่าเป็นอภิญญาชนิดหนึ่ง(ถ้าปฎิบัติได้ปฎิบัติถึง) แต่ในกรณีของป้าน่าจะเป็นของที่มีมาแต่ก่อน ท่านเตือนให้ใช้ไปในทางที่ถูกที่ควร(แต่ต้องระวังว่าเป็นอุปทานด้วยหรือไม่?) ๒)เป็นคำถามติดพันกับข้อ๑ แต่เป็นการจักการกับตุ๊กแก..ท่านให้จัดการแบบไม่เบียดเบียนและตั้งอยู่บนพื้นฐานของธรรม(ถึงแม้พระคุณท่านไม่ตอบแต่ก็ให้ข้อคิดเตือนสติที่ดี)... .................................................................................... ยังมีคำถามอีกเยอะแยะ ที่ป้าอยากถามแต่เป็นลักษณะที่เห็นหรือพบเฉพาะตนและป้าก็ไม่ได้ปฎิบัติในแนวทางมัชฌิมาแบบลำดับก็คงต้องไปถามในบอร์ดนั่งคุยเล่นเพราะไม่ไช่คำถามแนวปฎิบัติ... คงแค่นี้น๊ะจ๊ะ.........โมทนาด้วยจ้า
|
|
|
114
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ภาวนากรรมฐาน แล้ว มีอาการกึ่งหลับ กึ่งตื่น
|
เมื่อ: ธันวาคม 08, 2010, 04:05:41 pm
|
จริงๆแล้วดิฉันต้องการถามสภาวะที่เกิดกับดิฉัน...แต่พอดีมันเกี่ยวเนื่องกับ ตุกแก...ดิฉันก็เลยถามมาในหัวข้อนี้เจ้าค่ะ ....อย่างไรก็ตามดิฉันก็ต้องขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ด้วยเจ้าค่ะ... ........................................................................ เรื่องตุกแกดิฉันก็คิดไว้ก่อนแล้วค่ะว่าจะทำอย่างไร ๑.) คือนำมันไปปล่อยทั้งหมดยกครอกเลย..๒.) อยู่เฉยๆปล่อยให้ธรรมชาติเป็นผู้จัดการเอง(ธรรมชาติถ้าที่ไหนมีอาหารอุดมสมบูรณ์ก็จะมี ผู้ล่า(predator)มากด้วยแต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะคงที่ถึงแม้ว่าตุกแกเพิ่มแต่อาหารไม่เพิ่มอีกหน่อยตุกแกก็จะไปเองโดยไปหาที่ๆใหม่ที่เหมาะสมกับตนเอง...๓. )กำจัดแหล่งอาหารมัน เช่นแมลงต่างๆ(เพราะตุกแกจะลอกินแมลงบริเวณที่มีแสงไฟ)..๔.)ต้องรบกวนเพื่อให้ตุกแกทนไม่ได้แล้วไปเอง....๔.)วิธีอื่นๆที่ดิฉันคิดไม่ถึงค่ะ.... ..........จริงๆแล้วที่ดิฉันถามมาก็ เผื่อว่าท่านหรือผู้ติดตามอ่านจะมีแนวทางอื่นๆที่ดิฉันคิดไม่ถึงและเป็นทางออกที่ดีกว่านี้เจ้าค่ะ...... ..........อย่างไรก็ตามดิฉันก็ต้องขอขอบพระคุณ พระคุณเจ้าเป็นอย่างสูงที่ได้ชี้แนะมาให้ ถึงแม้จะไม่ไช่เรื่องการปฎิบัติก็ตาม ..สาธุ เจ้าค่ะ.................
|
|
|
115
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ภาวนากรรมฐาน แล้ว มีอาการกึ่งหลับ กึ่งตื่น
|
เมื่อ: ธันวาคม 07, 2010, 12:15:46 pm
|
ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงก่อนว่า.........ที่ป้าต้องการคำตอบเพราะป้าก็ลำบากใจเหมือนกัน...มันคงจะดีถ้าสามารถทำเป็นแบบว่าอยู่ใครอยู่มันได้โดยไม่รบกวนกัน...แต่มันไม่ไช่ .... แม้แต่เจ้าตุกแกตัวพ่อก็ยังลำบากใจเลยที่มันนำพาความไม่สบายใจมาให้...แต่มันก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน...โดยที่มันไม่ยอมสู้หน้ากับป้าเลย ........................................................... คงจะดีที่ถ้าไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลยก็คงไม่ต้องมายุ่งยากอะไรประมาณนี้................. .......................................................... ส่วนพวกหนูๆน้องๆทั้งหลายที่ให้คำแนะนำหรือคำชี้แนะซึ่งออกมาจากหลายๆอารมณ์...เป็นความไม่ถูกใจหรืออะไรก็ตาม....ป้าก็ต้องขอบคุณทุกความคิดเห็น.....ส่วนใจป้าเองก็มีคำตอบอยู่แล้วแต่ก็ไม่แน่ว่าจะดีหรือเหมาะสม....ดังนั้นป้าจึงถามมาในเว็บนี้เพื่อว่าจะมีทางออกอื่นๆที่ดีกว่านี้ แบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น ทั้งสองฝ่าย......หรือเป็นสิ่งที่ป้าคิดไม่ถึง...... ................................................................................................... หากการโพสต์นี้เป็นเหตุให้ท่านหนึ่งท่านใดเกิดความไม่เป็นปกติของใจท่านเองแล้ว ป้าก็ต้องขออภัยไว้ ฌ. ที่นี้ด้วย...เพราะป้าก็ไม่ไช่ผู้รู้หรือมีปัญญาสูงส่งแต่อย่างใด....ป้าก็คือเป็นเพียงคนธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง....
|
|
|
116
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ภาวนากรรมฐาน แล้ว มีอาการกึ่งหลับ กึ่งตื่น
|
เมื่อ: ธันวาคม 06, 2010, 07:07:18 pm
|
ขอตอบพระคุณเจ้าดังนี้..... การที่เราออกไปรู้หรือเข้าใจอะไรๆนี่ไม่ไช่เกิดมาแต่เกิด....แต่เป็นหลังจากดิฉันฝึกปฎิบัติสายหลวงพ่อเทียนได้ระยะหนึ่งซึ่งใจตื่นดีมากพอเวลาเราทำใจเฉยๆมันก็จะมีความรู้ผุดออกมาเปรียบเสมือนน้ำพุร้อนที่ผุดขึ้นมาจากแผ่นดินและอีกหลายๆเหตุการณ์(ยังไม่ขอเล่า)........ต่อๆมาผ่อนการปฎิบัติลง ลักษณะเช่นนี้ก็หายไป...แต่มาเกิดทีหลังอีก(ซึ่งดิฉันก็คิดว่าเป็นอุปทานที่เราคิดเองแต่ต่อๆมาไม่ไช่เพราะเวลาเป็นตัวพิสูจน์ ดิฉันขอเล่าเรื่องตุกแกให้พระคุณเจ้าฟังดังนี้ค่ะ...... ปกติที่บ้านจะไม่มีตุกแกอยู่....แต่จู่ๆก็มีตุกแกตัผู้มาอยู่๑ ตัวอยู่ดิฉันก็ไม่ว่าอะไรเพราะไม่ทำความเดือดร้อนอะไรให้ แต่อยู่ๆไปนานๆเข้าก็ขี้ในซอกแคบๆมากขึ้นทีนี้ก็เหม็นจนทนไม่ได้เราจะกวาดทำความสะอาดก็เข้าไปไม่ได้...ทีนี้ดิฉันก็คิดในใจว่า เอไม่ได้การละเดี๋ยวต้องจับมันไปปล่อยที่อื่นคงจะดี เดี๋ยวซักสองสามวันก่อน...แล้วข้าพเจ้าก็ลืมๆไป.. ต่อมาอีก๑-๒วันเมื่อประมาณ ตค.๕๒ ดิฉันมักไปสวดมนต์บ้านเพื่อนสหธรรมมิกซึ่งไม่สบายต้องเข้าโรงพยาบาลที่นี้ก็นัดไปสวดมนต์วันพรุ่งนี้เย็น... ......พอตกคืนนั้นข้าพเจ้านอนหลับปกติ...ทีนี้ตุกแกมันก็ร้องเป็นปกติของมัน ดิฉันก็ไม่สนใจอะไรมัน...ต่อมามันก็ร้องอีก...ดิฉันก็ไม่สนใจมันอีก...ทีนี้มันร้องอีกและร้องดังมากข้าพเจ้าก็เลยอยากรู้ว่ามันทำไมถึงร้องได้คำตอบว่า........"ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป"...........พอรุ่งเช้าข้าพเจ้าก็คิดไตร่ตรองดูว่า เอทำไมตุกแกมันบอก "ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป"......จึงคิดไปว่า สงสัยมันคงบอกให้เราว่าเย็นนี้อย่าไปสวดมนต์บ้านเพื่อนสหธรรมมิกมั้ง.............ตกลงเย็นนั้นดิฉันก็เลยไม่ไปสวดมนต์บ้านเพื่อน... แต่พออีกวันรุ่งขึ้นพอดิฉันเดินไปที่ตุกแกอยู่....ดิฉันก็เข้าใจเลยว่าที่มันร้องอย่านั้นเพราะมันไม่อยากไปกลัวดิฉันจับมันไปปล่อยที่อื่นนั่นเอง.......ฉันเพิ่งนึกได้ทั้งๆที่ดิฉันลืมไปหลยวันแล้ว.....ดังนั้นดิฉันจึงไม่ได้จับมันไปปล่อยแต่อย่างได.......... ............ต่อมาอีกประมาณเกือบเดือนได้(ใกล้วันหวยออก)ตุกแกตัวเดิมนั่นแหละมาบอกหวยว่างวดนี้ออก๕๘ ซึ่งถือเป็นการตอบแทนที่ไม่จับมันไปปล่อย...ในความรู้นั้นดิฉันยังต่อว่าตุกแกอีกน๊ะว่า...โถ่เอ้ย ๕๘ พึ่งจะออกไปเมื่องว :)ดที่แล้วเอง...(ซึ่งจริงมันออกวงวด ตค.๕๒ไปแล้วจริง)....ดิฉันก็เลยไม่สนใจจะซื้ออะไร... พอ งวดนั้นปรากฎว่าหวยออก ๕๘ จริงๆ (ซึ่งเป็นการออกที่ซ้ำกันสองงวด -ห่างกัน๑หรือสองงวด)....ต้องขออภัยด้วยเพราะการเล่นหวยเป็นอบายมุขอย่างหนึ่ง....... ต่อมาเจ้าตุแกตัผู้นี้ ได้ไปพาเมียมาอยู่ด้วยสองตัว-เมียน้อยและเมียหลวง-(เจ้าชู้เสียด้วยแฮะ)....ซึ่งเมียหลวงนี่ขี้หึงมาก คอยกันเมียน้อยตลอด เพราะตัวใหญ่กว่าเล็กน้อย............ จนเดี๋ยวนี้ ก็ออกลูกมาอีกเท่าที่เห็นอย่างน้อยก็สองตัเล็กๆแล้ว....... ..........พระคุณเจ้าจะใหดิฉันทำอย่างไงกับมันดี...เพราะตอนนี้ที่บ้านมีตุกแกทั้นตัวเล็กตัวใหญ่ทั้งหมดก็อย่าน้อน๕ตัวแล้ว.....จะจับมันไปปล่อยดีมั๊ยเจ้าค๊ะ ...หรือเอาไปขาย ตัวละ ๓๐๐๐ ดี???
ในตอนนี้ เมียน้อยและเมียหลวงมันแข่งกันออกลูก ใหญ่เลย(เพราะสองตัวนี้ไม่ถูกกัน)....พระคุณเจ้าจะให้ดิฉันทำอย่างไรดีค๊ะ.........
|
|
|
120
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ภาวนากรรมฐาน แล้ว มีอาการกึ่งหลับ กึ่งตื่น
|
เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2010, 08:30:41 pm
|
ขอตอบพระคุณเจ้าดังนี้..... การที่เราออกไปรู้หรือเข้าใจอะไรๆนี่ไม่ไช่เกิดมาแต่เกิด....แต่เป็นหลังจากดิฉันฝึกปฎิบัติสายหลวงพ่อเทียนได้ระยะหนึ่งซึ่งใจตื่นดีมากพอเวลาเราทำใจเฉยๆมันก็จะมีความรู้ผุดออกมาเปรียบเสมือนน้ำพุร้อนที่ผุดขึ้นมาจากแผ่นดินและอีกหลายๆเหตุการณ์(ยังไม่ขอเล่า)........ต่อๆมาผ่อนการปฎิบัติลง ลักษณะเช่นนี้ก็หายไป...แต่มาเกิดทีหลังอีก(ซึ่งดิฉันก็คิดว่าเป็นอุปทานที่เราคิดเองแต่ต่อๆมาไม่ไช่เพราะเวลาเป็นตัวพิสูจน์ ดิฉันขอเล่าเรื่องตุกแกให้พระคุณเจ้าฟังดังนี้ค่ะ...... ปกติที่บ้านจะไม่มีตุกแกอยู่....แต่จู่ๆก็มีตุกแกตัผู้มาอยู่๑ ตัวอยู่ดิฉันก็ไม่ว่าอะไรเพราะไม่ทำความเดือดร้อนอะไรให้ แต่อยู่ๆไปนานๆเข้าก็ขี้ในซอกแคบๆมากขึ้นทีนี้ก็เหม็นจนทนไม่ได้เราจะกวาดทำความสะอาดก็เข้าไปไม่ได้...ทีนี้ดิฉันก็คิดในใจว่า เอไม่ได้การละเดี๋ยวต้องจับมันไปปล่อยที่อื่นคงจะดี เดี๋ยวซักสองสามวันก่อน...แล้วข้าพเจ้าก็ลืมๆไป.. ต่อมาอีก๑-๒วันเมื่อประมาณ ตค.๕๒ ดิฉันมักไปสวดมนต์บ้านเพื่อนสหธรรมมิกซึ่งไม่สบายต้องเข้าโรงพยาบาลที่นี้ก็นัดไปสวดมนต์วันพรุ่งนี้เย็น... ......พอตกคืนนั้นข้าพเจ้านอนหลับปกติ...ทีนี้ตุกแกมันก็ร้องเป็นปกติของมัน ดิฉันก็ไม่สนใจอะไรมัน...ต่อมามันก็ร้องอีก...ดิฉันก็ไม่สนใจมันอีก...ทีนี้มันร้องอีกและร้องดังมากข้าพเจ้าก็เลยอยากรู้ว่ามันทำไมถึงร้องได้คำตอบว่า........"ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป"...........พอรุ่งเช้าข้าพเจ้าก็คิดไตร่ตรองดูว่า เอทำไมตุกแกมันบอก "ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป"......จึงคิดไปว่า สงสัยมันคงบอกให้เราว่าเย็นนี้อย่าไปสวดมนต์บ้านเพื่อนสหธรรมมิกมั้ง.............ตกลงเย็นนั้นดิฉันก็เลยไม่ไปสวดมนต์บ้านเพื่อน... แต่พออีกวันรุ่งขึ้นพอดิฉันเดินไปที่ตุกแกอยู่....ดิฉันก็เข้าใจเลยว่าที่มันร้องอย่านั้นเพราะมันไม่อยากไปกลัวดิฉันจับมันไปปล่อยที่อื่นนั่นเอง.......ฉันเพิ่งนึกได้ทั้งๆที่ดิฉันลืมไปหลยวันแล้ว.....ดังนั้นดิฉันจึงไม่ได้จับมันไปปล่อยแต่อย่างได.......... ............ต่อมาอีกประมาณเกือบเดือนได้(ใกล้วันหวยออก)ตุกแกตัวเดิมนั่นแหละมาบอกหวยว่างวดนี้ออก๕๘ ซึ่งถือเป็นการตอบแทนที่ไม่จับมันไปปล่อย...ในความรู้นั้นดิฉันยังต่อว่าตุกแกอีกน๊ะว่า...โถ่เอ้ย ๕๘ พึ่งจะออกไปเมื่องว :)ดที่แล้วเอง...(ซึ่งจริงมันออกวงวด ตค.๕๒ไปแล้วจริง)....ดิฉันก็เลยไม่สนใจจะซื้ออะไร... พอ งวดนั้นปรากฎว่าหวยออก ๕๘ จริงๆ (ซึ่งเป็นการออกที่ซ้ำกันสองงวด -ห่างกัน๑หรือสองงวด)....ต้องขออภัยด้วยเพราะการเล่นหวยเป็นอบายมุขอย่างหนึ่ง....... ต่อมาเจ้าตุแกตัผู้นี้ ได้ไปพาเมียมาอยู่ด้วยสองตัว-เมียน้อยและเมียหลวง-(เจ้าชู้เสียด้วยแฮะ)....ซึ่งเมียหลวงนี่ขี้หึงมาก คอยกันเมียน้อยตลอด เพราะตัวใหญ่กว่าเล็กน้อย............ จนเดี๋ยวนี้ ก็ออกลูกมาอีกเท่าที่เห็นอย่างน้อยก็สองตัเล็กๆแล้ว....... ..........พระคุณเจ้าจะใหดิฉันทำอย่างไงกับมันดี...เพราะตอนนี้ที่บ้านมีตุกแกทั้นตัวเล็กตัวใหญ่ทั้งหมดก็อย่าน้อน๕ตัวแล้ว.....จะจับมันไปปล่อยดีมั๊ยเจ้าค๊ะ ...หรือเอาไปขาย ตัวละ ๓๐๐๐ ดี???
|
|
|
|