พิมพ์

[raponsan]

อังคารธาตุของ "หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน"

ปุจฉา : "มิตรรักแฟนธรรม" ท่านหนึ่ง ถามว่า หากไม่นำเถ้าอังคารไปลอยแม่น้ำจะเป็นอะไรไหม.?

วิสัชนา : เรื่องนี้ตอบได้ง่ายๆ แต่ผมต้องการอ้างอิงกับพระไตรปิฎก เลยจำเป็นต้องไปค้นพระไตรปิฎกและคัมภีร์อรรถกถา คิดอยู่หลายวันจะไปค้นตรงไหน พยายามทบทวนความรู้ที่มีอยู่(ไม่มาก) จนนึกออก พอได้ข้อมูลมาคุยกัน

@@@@@

จากประวัติพระสารีบุตรระบุชัดแจ้งว่า มีการเผาพระสารีบุตรบนเชิงตะกอน พระอนุรุทธได้นำเครื่องหอมดับไฟที่เถ้าอังคาร พระจุนทะนำพระธาตุทั้งหมด ห่อด้วยผ้ากรองน้ำ แล้วนำไปถวายพระพุทธเจ้า จากนั้นจึงนำพระธาตุของพระสารีบุตรไปบูชาในที่ต่างๆ โดยไม่ได้ระบุว่า ได้นำเถ้าอังคารไปลอยที่ไหน

จากประวัติการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ชัดเจนว่า เถ้าอังคารของพระพุทธเจ้าถูกนำไปบรรจุในสถูปเพื่อบูชา ไม่ได้นำไปลอยที่ไหน

ถึงตรงนี้สรุปได้ว่า อังคารของพระพุทธเจ้าและอรหันตสาวกถูกนำไปบูชา ไม่ได้ถูกนำไปลอย ดังนั้นไม่นำไปลอยก็ไม่เป็นอะไร นำมาเป็นพุทธบูชาและสังฆบูชา เป็นประโยชน์ครับ

@@@@@

หากเป็นกรณีของปุถุชนล่ะ จากประวัติของนางสิริมา(อยู่ในคัมภีร์อรรถกถา) ก่อนนำไปเผา ได้นำไปไว้ที่ป่าช้า แต่ไม่ได้กล่าวถึงการลอยอังคาร

จากการค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต พบว่า เถ้าอังคารของคนมีฐานะจะถูกบรรจุใส่สถูป ตรงบริเวณที่เผาศพ แต่คนจนไม่มีเงินทอง ก็จะทิ้งอังคารไว้ที่โคนต้นไม้บริเวณที่เผาเลย

อังคารธาตุของ "หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน"

หากมีคำถามว่า วิญญาณของคนตายจะเป็นอย่างไร หากไม่นำอังคารไปลอย เพราะคติการลอยอังคารนั้นเพื่อความอยู่เย็นเป็นสุข หรือไปสู่สุคติของผู้ตาย ตอบว่า ชาวพุทธแท้ๆต้องเชื่อกฏแห่งกรรมที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั้ว วิญญาณจะไปสู่ทุกข์คติหรือสุขคตินั้น ขึ้นอยู่กับบุพกรรมของผู้ตาย(กรรมในกาลก่อน)

มีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับการลอยอังคาร อยากให้รู้ ในกรณีที่ลอยอังคารในแม่น้ำ คือ ให้สังเกตดอกไม้ หากดอกไม้ลอยทวนน้ำแสดงว่าผู้ตายมีห่วง มีเรื่องที่ค้างคาใจอยู่ ไม่อยากไปไหน แต่ถ้าดอกไม้ลอยตามกระแสน้ำแสดงว่า ผู้ตายไม่มีห่วงอะไร ไปดีครับ

เอาล่ะครับ เหนื่อยแล้ว ขอคุยเป็นเพื่อนเท่านี้ สุขสวัสดีจงมีแด่ทุกท่านเทอญ....

http://www.dailymotion.com/video/x2sm6rp

กระทู้แนะนำ : อังคารธาตุของ "หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน" สมเด็จพระสังฆราช(สุก ญาณสังวร)
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=17853.0

[PRAMOTE(aaaa)]

สาธุ สาธุ

[prachabeodee]

คงไม่อ้างหลักใดๆหรอกนะ...เพราไม่มีความรุ้มากพอแน่นพอ..ที่จะอ้าง...
แต่...จิตก่อนตาย..หากยังไม่นิพพานแล้ว..ย่องต้อง ..ข้องอยุ่ในสิ่งใด,สิ่งหนึ่งภพใดภพหนึ่งเสมอๆ
ธาตุทั้ง4. ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ..
ก็เป็นที่ๆจิตจะยึดครองได้....อาศัยได้...
จิตถ้ายึดติดอยุ่กับธาตุดิน(เถ้าอังคาร)..เมื่อไปลอยน้ำแล้วย่อมไหลไปสุ่มหานที-มหาสมุทร...ซึ่งละอองไอน้ำก็จะระเหยกลายเป็นไอน้ำ---เป็นเมฆฝนตกลงมาสุ่พื้นดิน..จิตที่ติดอยุ่ก็จะได้ไปจุตติตามสถานที่ต่างๆ  ตามกระแส มรสุมตะวันตกเฉียงใต้,ตะวันออกเฉียงเหนือ(ถ้าจิตนั้นมากับธาตุน้ำก็สามสรถคำนวนตามหลักวิทยาศาตร์ได้เลยว่า..วิญญารนั้มาเกิดจากทิศทางใด)....ที่ข้าพเจ้าเข้าใจได้เพราะ  ก่อนมาเกิดจิตข้าพเจ้าลอยออกมาจากปากถ้ำ...ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ ตี๑-ตี๒ เราจะลอยขึ้นไปสุงมากเบามาก...พอเวลาชาย-หญิงเสพสังวาสกัน..มันจะมีแรงดึงดุดที่สุงมากๆ...ดึงดุดให้เราตกลงมาชนิดที่ต้านไม่ได้...รถ้สึกตัวอีกที...ก็มาเกิดแล้ว....
โปรดใช้วิจารณญาณในหารรับฟังด้วยจร้า...

[prachabeodee]

ยังมีอีกเรื่อง...ที่น่าคิด...เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวทางเฟสทางไลน์...ทีมีบริการบรรจุ อัฐทิธาตุ ใส่หัวจรวด...แล้วยิงออกสุ่ห้วงอวกาศ.....ถ้ามีลักษณะนั้นๆจริง....วงจรของจิตวิญญาณ...ตามความเชื่อ,ตามคติ...ต่างๆ คงต้องเปลี่ยนไปแล้ว...
เช่น....อาจจะส่งไปสุ่  จักวาลอื่นๆภพภุมิอื่นๆ,พุทธเกษตรอื่นๆ ข้ามเวลา,ข้ามขีดจำกัดในลักษณะเดิม...เช่น..อาจไปจุติเป็นพรหม,มหาพรหมอยุ่ขอบๆจักรวาลใดจักวาลหนึ่ง...ก็เป็นได้
เพ้อเจ้อ....ไปแล้วจร้า......ขออภัยด้วย...ตามปะสาของคนยังอยุ่ในธาตุ๔ขันธ์๕....อิอิ