หัวข้อ: ปุจฉา ในการใช้ท่วงท่า เช่น รำมวยจีน อย่างเช่น ไท้เก็ก จัดเป็นสมาธิได้หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มกราคม 10, 2013, 07:23:14 pm ask1 จากเมล
ปุจฉา ในการใช้ท่วงท่า เช่น รำมวยจีน อย่างเช่น ไท้เก็ก จัดเป็นสมาธิได้หรือไม่คะ คือ ส่วนตัวมักจะไปรำมวยจีน กับเพื่อน ที่ ๆ สวนกันในตอนเช้า ตอนเย็นทุกวัน คะ ถ้าทำอย่างนี้เป้นสมาธิใช่หรือไม่ คะ และถ้าเป็นสมาธิ จะนำมาใช้ในการ รู้ธรรม วิปัสสนา ได้หรือไม่คะ หัวข้อ: Re: ปุจฉา ในการใช้ท่วงท่า เช่น รำมวยจีน อย่างเช่น ไท้เก็ก จัดเป็นสมาธิได้หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ มกราคม 10, 2013, 09:54:15 pm http://www.youtube.com/watch?v=8Up2Mnq7JSM#ws (http://www.youtube.com/watch?v=8Up2Mnq7JSM#ws)
หัวข้อ: Re: ปุจฉา ในการใช้ท่วงท่า เช่น รำมวยจีน อย่างเช่น ไท้เก็ก จัดเป็นสมาธิได้หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: komol ที่ มกราคม 12, 2013, 12:18:00 am ดูเหมือนคำถามจะง่าย ๆ แต่ ก็ใช่ว่าจะตอบให้เข้าใจ กันได้ง่าย นะครับ
หัวข้อ: Re: ปุจฉา ในการใช้ท่วงท่า เช่น รำมวยจีน อย่างเช่น ไท้เก็ก จัดเป็นสมาธิได้หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: นักเดินทาง ที่ มกราคม 12, 2013, 12:25:29 am ถ้าอย่างนั้น พระท่าน ก็ใช้ มวยจีน รำเป็น สมาธิ ก็ได้ใช่หรือไม่ครับ
:smiley_confused1: :smiley_confused1: :smiley_confused1: หัวข้อ: Re: ปุจฉา ในการใช้ท่วงท่า เช่น รำมวยจีน อย่างเช่น ไท้เก็ก จัดเป็นสมาธิได้หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: colo ที่ มกราคม 12, 2013, 04:07:19 am เราว่า รำมวยจีน อย่างไร ก็ต้องมีสมาธิ ไม่มากก็น้อย แต่ จะกล่าวว่ามีสมาธิ ระดับไหน ก็ต้องว่ากันอีกที กล่าวว่าการเคลื่อนไหวนั้น มีสมาธิแค่ ระดับ ปฐมฌาน เท่านั้น จริงเท็จอย่างไร ก็รอท่านผู้รู้มาช่วยกัน ธรรมวิจยะ นะครับ
:coffee2: st12 หัวข้อ: Re: ปุจฉา ในการใช้ท่วงท่า เช่น รำมวยจีน อย่างเช่น ไท้เก็ก จัดเป็นสมาธิได้หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ มกราคม 12, 2013, 01:12:38 pm (http://thaimmaclub.com/wp-content/uploads/2011/04/%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%81.jpg)
ไท่จี๋ วูซู สูอย่าเขลา มุนีโยคีแขก ดัดตนแปลกมิฉงน สงฆ์จีนลีลาค้น พิสดารใช่ต่อยตี จิตกายไหวเป็นหนึ่ง ปราณหยั่งถึงใคร่ครวญมี รู้เห็นณานวิถี ยากประจักษ์มวยประจาน. ธรรมธวัช.! http://thaimmaclub.com/wp-content/uploads/2011/04/%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%81.jpg หัวข้อ: Re: ปุจฉา ในการใช้ท่วงท่า เช่น รำมวยจีน อย่างเช่น ไท้เก็ก จัดเป็นสมาธิได้หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ มกราคม 12, 2013, 01:24:56 pm (http://www.book.rmutt.ac.th/book/037107.jpg)
หัวข้อ: Re: ปุจฉา ในการใช้ท่วงท่า เช่น รำมวยจีน อย่างเช่น ไท้เก็ก จัดเป็นสมาธิได้หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: แพนด้า ที่ มกราคม 13, 2013, 12:15:37 pm ผมว่าปัญหา น่าจะอยู่ที่ว่า พัฒนาสมาิธิ เพื่อการ รู้ตามพระสุคต มากกว่าครับ
เพราะ สมาธิ มีสองแบบ คือ มิจฉาสมาธิ และ สัมมาสมาธิ ถ้าจัดการรำมวย นั้นเป็นการฝึกสมาธิ ก็ต้องดูว่าเป็น มิจฉา หรือ สัมมา ครับ :s_good: หัวข้อ: Re: ปุจฉา ในการใช้ท่วงท่า เช่น รำมวยจีน อย่างเช่น ไท้เก็ก จัดเป็นสมาธิได้หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: wayu ที่ มกราคม 15, 2013, 01:40:01 am ask1
แล้วท่าเรา รำไท้เก็ก แล้ว เราจะทำวิปัสสนา ไปด้วยทำอย่างไร ครับ มีใครพอจะทราบได้บ้างครับ thk56 หัวข้อ: Re: ปุจฉา ในการใช้ท่วงท่า เช่น รำมวยจีน อย่างเช่น ไท้เก็ก จัดเป็นสมาธิได้หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: samathi ที่ มกราคม 15, 2013, 01:44:58 am ans1
ผมว่า ในโลก มีคนฝึกวิชาไท้เก็ก มากกว่า คนฝึกสมาธิ นะครับ แต่ ไม่ใช่ฝีก ไท้เก็ก แล้วจะได้เป็น พระอริยะ คงเป็นได้แค่ เซียน นะครับ เพราะไท้เก็กนั้น เป็นวิชาของเต๋า ครับ จะจัดว่าวิชาเต๋า เข้าถึงแก่นธรรมของพระพุทธศาสนา และ บรรลุถึงนิพพานนั้นไม่ได้ ครับ เพราะในวิถีเต๋านั้น บำเพ็ญเพียงเสริมสร้างจิตแบบโพธิสัตว์ แต่ที่แน่ ๆ ในยุค พุทธันดร นี้ย่อมไม่มี พระพุทธเจ้า หลายองค์แน่ ๆ ขัดกับหลักคำสอน ว่า พุทธันดรหนึ่งนั้นมีพระพุทธเจ้า องค์เดียว เท่านั้นครับ ดังนั้น เชื่อได้เลยครับว่า หลักการ ไท้เก็ก นั้นไม่มี อริยสัจจะ 4 อย่างแน่นอนครับ และ ไม่อริยะมรรค มีองค์ 8 ด้วยเช่นกัน แต่หากว่าจะจัดเป็นสมาธิ แล้ว ก็เป็นสมาธิในระดับหนึ่ง ซึ่งน่าจะถึงสมาธิระดับ อุปจาระสมาธิ ได้ เพราะขั้นอัปปนาจิต นั้นไม่มีการเคลื่อนไหว นะครับ :welcome: หัวข้อ: Re: ปุจฉา ในการใช้ท่วงท่า เช่น รำมวยจีน อย่างเช่น ไท้เก็ก จัดเป็นสมาธิได้หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 17, 2013, 12:16:33 pm http://www.youtube.com/watch?v=noFDS2wk51s# (http://www.youtube.com/watch?v=noFDS2wk51s#)
อัปโหลดเมื่อ 27 พ.ย. 2010 โดย visalochannel พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค ๙. มหาสติปัฏฐานสูตร (๒๒) [๒๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุเมื่อเดิน ก็รู้ชัดว่าเราเดิน เมื่อยืน ก็รู้ชัดว่าเรายืน เมื่อนั่ง ก็รู้ชัดว่าเรานั่ง เมื่อนอนก็รู้ชัดว่าเรานอน หรือ เธอตั้งกายไว้ด้วยอาการอย่างใดๆ ก็รู้ชัดอาการอย่างนั้นๆ ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายในกายภายในบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรม คือ ความเกิดขึ้นในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลายอย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ ฯ จบอิริยาปถบรรพ อ้างอิง เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ บรรทัดที่ ๖๒๕๗ - ๖๗๖๔. หน้าที่ ๒๕๗ - ๒๗๗. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=6257&Z=6764&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=6257&Z=6764&pagebreak=0) ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=273 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=273) http://www.youtube.com/watch?v=2B5RfIzGa3Y# (http://www.youtube.com/watch?v=2B5RfIzGa3Y#) อัปโหลดเมื่อ 4 ก.ค. 2011 โดย siamglassa ในอิริยาบถบรรพนั้น ผมเห็นว่า มีคีย์เวิร์ดอยู่สามประโยค คือ "เธอตั้งกายไว้ด้วยอาการอย่างใดๆ ก็รู้ชัดอาการอย่างนั้นๆ" "สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น" "พิจารณาเห็นกายในกาย" ถ้าเราหากรำมวยจีนแล้ว "เห็นกายในกาย" นั่นหมายถึง เรากำลังเจริญสติปัฏฐานแล้ว ใครชอบรำมวยจีน ก็ลองทำดู ผมไม่ขออธิบายอะไรให้มากความ ความหมายของคำว่า "เธอตั้งกายไว้ด้วยอาการอย่างใดๆ ก็รู้ชัดอาการอย่างนั้นๆ" น่าจะอธิบายได้ระดับหนึ่งแล้ว :25: หัวข้อ: Re: ปุจฉา ในการใช้ท่วงท่า เช่น รำมวยจีน อย่างเช่น ไท้เก็ก จัดเป็นสมาธิได้หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: komol ที่ มกราคม 18, 2013, 01:10:09 am ask1
"พิจารณาเห็นกายในกาย" ตรงนี้ น่าจะได้มีการขยายความ ให้เกิดความเข้าใจ เพิ่มขึ้นนะครับ เพราะการ "พิจารณาเห็นกายในกาย" นั้นจะปรากฏด้วย สติ หรือ สมาธิ หรือ ทิฏฐิ หรือ เป็นผลจาก ยถาภูตญาณทัศนะ thk56 |