ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - แพนด้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7
201  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: นั่งสมาธิ แล้ว มีความรู้สึกว่า ร้อนมาก ขนาดพัดลมก็เอาไม่อยู่ เมื่อ: มิถุนายน 03, 2012, 10:16:25 am
ขอบคุณ พระอาจารย์เมตตาตอบคำถามครับ ผมได้นำวิธีแก้ไขลงไปปฏิบัติแล้ว สามารถระงับความร้อนที่เกิดขึ้นได้ ตอนนี้ผมตั้งฐานจิตไว้ที่ ฐาน 2 พระขณิกาปีติ ได้แล้วครับ ไม่มีอาการร้อนแล้วครับ ทำให้อยากไปขึ้นกรรมฐาน ครับเพราะทราบแจ้งแล้วว่า กรรมฐาน นี้ควรจะต้องมีครูอาจารย์ คอยสอนและแจ้งกรรมฐานด้วยครับ

 แต่ติดว่าผมอยู่ ลำปาง จึงยังไม่สะดวกที่ไปขึ้นกรรมฐาน ก่อน ผมก็เลยจุดธูปเทียนตั้ง ขันธ์ 5 ใส่ถาด บูชาที่บ้านต่อพระอาจารย็ก่อนนะครับ

   :c017: ขอบคุณมากครับ

 ตอนนี้อาการดังกล่าวหายไปหรือยัง คุณ อัจฉริยะ มาเล่าให้ฟังได้หรือไม่ครับ

 ขอบคุณมากครับ  อยากทำได้บ้าง

  :25: :c017:
202  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: วันสําคัญทางพระพุทธศาสนา ในปี 2555 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2012, 10:04:18 am
สาธุ เข้าใจ ได้ง่าย ๆ ดี ครับ

  :25:
203  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ธรรมสาระวันนี้ "การได้ตรัสรู้ และ มีธรรมจักษุ มีผลยิ่งใหญ่" เมื่อ: มิถุนายน 03, 2012, 09:36:56 am
อนุโมทนา สาธุ ครับ

อ่านแล้วรู้สึกรักพระพุทธเจ้ามากขึ้น เลยครับ ยิ่งตอนนี้มีงานฉลองพุทธชยันตีผมก็ยังมานั่งนึกอยู่ว่า พระพุทธเจ้ามีคุณยิ่งใหญ่อะไร ชาวโลก ชาวพุทธถึงได้แสดงความเคารพสักการะ ท่านมากถึงเพียงนี้

  สรุปแล้ว ก็คือ พระธรรม ที่พระองค์ทรงตรัสแสดงไว้ดีแล้ว ส่วนหนึ่ง
                  กิตติคุณ ของพระองค์ก็ส่วนหนึ่ง
                  พระสงฆ์ ที่ส่ืบทอดพระธรรมของพระองค์ก็ส่วนหนึ่ง
                  ความทุกข์ ของมนุษย์ก็เป็นเหตุส่วนหนึ่ง

            ข้าพเจ้า ขอถือเอา พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่เคารพและนับถือ ด้วยความเคารพ

    :25: :25: :25:
204  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ได้ยินว่า สัตว์ดิรัจฉาน สามารถเ้ข้า ฌาน ได้ จริงหรือไม่ คะ เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2012, 10:37:58 am
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑

๙. โกมาริยปุตตชาดก
ว่าด้วยผู้ไกลจากภูมิฌาน


[๔๙๖] เจ้าลิง เมื่อก่อน เจ้าเคยโลดเต้นเล่นในสำนัก เราผู้คะนองเล่นเป็นปกติ
เจ้าจะกระทำอาการโลดเต้นอย่างไรมาก่อน บัดนี้ เราไม่ชื่นชมยินดีอาการนั้นของเจ้าแล้ว.
[๔๙๗] ความหมดจดด้วยฌานอย่างสูง เราได้ฟังมาจากอาจารย์ชื่อโกมาริยบุตร
ผู้เป็นพหูสูต บัดนี้ ท่านอย่าเข้าใจเราว่าเหมือนแต่ก่อน ดูกรท่านผู้มีอายุ
เราประกอบไปด้วยฌานอยู่ทั้งนั้น.
[๔๙๘] เจ้าลิงเอ๋ย ถ้าแม้บุคคลจะพึงหว่านพืชลงที่แผ่นหิน ถึงฝนจะตกลงมา
พืชนั้นก็งอกงามขึ้นไม่ได้แน่ ความหมดจดด้วยฌานอย่างสูงนั้น ถึงเจ้า
จะได้ฟังมาแล้ว เจ้าก็ยังเป็นผู้ไกลจากภูมิฌานมากนัก.


 
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.bloggang.com
205  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: อยากถามว่า ถ้าใช้ชีวิตร่วมกับคน ๆ นี้ท่านจะทำอย่างไร ? เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2012, 10:33:50 am
อ่านแล้ว จะรู้สึกว่าสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนงำหลายประการ

  ถ้าเป็นหนังจึน ... เรียกว่า ตอนนี้สามารถ แทรกซึมเข้าไปอยู่กับศัตรู ที่ทำร้ายคนของเราได้เรียบร้อยแล้ว ภาษาจีน 10 ปีแก้แค้นก็ยังไม่สาย ดังนั้นเพื่อให้ วิถึพยาบาทงอกงามเพิ่มขึ้น ต้องคิดแผนซ้อนแผน แต่ก็บ่อยครั้ง มโนธรรม กับ ความแค้น มันไปด้วยกันไม่ได้  วันหนึ่ง ขณะที่มีโอกาสจะฆ่าลูก ของผู้ที่เคยฆ่าพ่อแม่เรา คุณธรรมก็เข้ามาขัดขวางไว้ ไม่ให้ดำเนินการ ดังนั้น อ่านเรื่อง บู๊ลิ้มส่วนนี้ ผมจินตนาการไปอย่างนั้นแหละ

  แต่ของคุณ น่าจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ อาจจะไปอยู่กับเขาเพราะรัก หรือ เพราะแค้น

  ทั้งสองอย่างนั้น ก็ให้ผลเช่นเดียวกัน ครับ คือ ความทุกข์  ที่เสียดแทงใจ

  แนะนำ ออกจาก ตรงนั้นมาเสียเถอะครับ ก่อนที่ มโนธรรม ของคุณจะเหือดแห้งหายไป กลายเป็นกรรมที่ต้องชดใช้กันอย่างต่อเนื่องอย่างไม่สิ้นสุด คุณฆ่าเขา เขาฆ่าคุณ ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลทั้งนั้นแหละครับ จะอยู่ในสถานการณ์ไหน ก็มีข้ออ้างได้เสมอ เพื่อเป็นการหยุดกรรม ขอแนะนำให้ออกมาจากตรงนั้นเสียเถอะครับ

 
  ขออภัย หากวิเคราะห์ ผิดนะครับ

    :49: :s_hi:
206  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ธรรมะสาระวันนี้ "การภาวนาฝึกฝนปฏิบัติธรรม คือ การปิดกั้นอาสวะ" เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2012, 12:35:51 pm
  เรียนถามว่า วิธี มนสิการ ทำอย่างไรครับ
   :smiley_confused1:
   :c017:

    :25:
207  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ธรรมะสาระวันนี้ "การภาวนาฝึกฝนปฏิบัติธรรม คือ การปิดกั้นอาสวะ" เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2012, 10:33:18 am
ติดตามภาคต่อ อยู่นะครับ ....

ขอบคุณมากครับ ที่ชี้แนะ

  :c017: :25:
208  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ฮือฮา พบวัดจีนตั้งบนชะง่อนผา บนเขาศักดิ์สิทธิ์ 'หัวซาน' ขึ้นได้เฉพาะ"เส้นทางลับ" เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2012, 10:30:42 am
น่าสนใจ ไปเมืองจีนคราวต่อไป จะได้ไปเที่ยวที่วัดนี้ สักหน่อย
ใครมีข้อมูลมากกว่า นี้ ขอด้วยครับ

  สาธุ  :c017: :c017:
209  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เก็บข่าวมาเล่า เล่าข่าวชาวธรรม โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2012, 10:29:31 am
คิดว่า การศึกษาของคณะสงฆ์ มุ่งใบประกาศ มากกว่า การภาวนา

  การส่งรายงาน กับการภาวนาจริง มักส่วนทางกัน

  การภาวนานั้นเป็นไปเพื่อความมักน้อย ออกจากโลก แต่การศึกษา ในปัจจุบัน มุ่งเข้าไปอยู่ในโลก เหตุปัจจัยมีหลายประการ

    ที่สำคัญอยากให้ ทางกระทรวง เทียบวุฒิ นักธรรม ของสงฆ์ให้สูงกว่า ในปัจจุบัน นักธรรมชั้นเอก น่าจะเป็น ม.3 อย่างนี้จะทำให้คนหันมาศึก หลักสูตรนักธรรมมากขึ้น

    คิดว่าน่าจแก้ปัญหาได้มาก เมื่อมีพระสงฆ์ศึกษาหลักสูตร ธรรมะจริง ๆ โดยไม่ต้องไปเรียนทางโลก...

  :s_hi:
210  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ร่วมบุญสร้างห้องน้ำสำหรับผู้มานั่งกรรมฐานที่คณะ5;วัดราชสิทธาราม เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2012, 09:31:08 am
อนุโมทนา สาธุ กับการแจ้งข่าวสาร ครับ
จะได้ร่วมบุญด้วยครับ

  :25: :25: :25:
211  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / Re: กฏหมาย ว่าด้วยเรื่อง ลิขสิทธิ์ การใช้โปรแกรมครับ เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2012, 11:46:32 am
(๑) วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร

  ก็แสดงว่า ถ้าใช้งานในเว็บนี้ ไม่แสวงหากำไร ก็น่าจะไม่ผิดกฏหมายใช่หรือไม่ครับ

  แต่ ผิดวินัย กับ ผิดกฏหมาย น่าจะต้องแยกประเด็นนะครับ ......

  :49: :67:
212  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมนักปฏิบัติ จึงทำอะไร ผิดธรรมชาติคะ เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2012, 11:45:04 am
ก็เพราะว่าการปฏิบัติธรรม กับชีวิตชาวโลก ไม่สอดคล้องกันครับ
ธรรมเหนือโลก ที่เรียกว่า โลกุตตรธรรม นั้น ไม่สามาารถไปกันได้กับ โลกียธรรม ครับ


 เหตุผล น่าจะมีเพียงเท่านี้ นะครับ

  ยกตัวอย่างเรื่อง ของศีล .... ชาวบ้านทั่วไป ก็ใช่ รักษา ศีลได้ หรือ ปฏิบัติได้ นะครับ
  คนมีศีล มีเนื้อบริโภค มาจากไม่มี ศีล เป็นผู้ฆ่า .... คิดง่าย ๆ ก็แค่นี้ นะครับ


  :49:
213  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ฮือฮา! พบเส้นผม 64 เส้น งอกในองค์พระเครื่องครูบาอินสม เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:26:54 am

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7623.0
เครดิต คุณ SAWWALUK
214  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: หลวงปู่บุญ โสภโณ สงเคราะห์เด็กชาวเขา เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:24:49 am
อนุโมทนา กับหลวงปู่ ด้วยครับ

 
 ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7623.0
 เครดิต คุณ sawwalux
215  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เหนื่อยใจ!! 16 นิสัยไม่ไหวจะเคลียร์ เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:23:29 am
เหนื่อยใจ!! 16 นิสัยไม่ไหวจะเคลียร์

สาวๆคนไหนจากที่เคยมีเพื่อนมากมาย แต่นานเข้าเริ่มหนีหายไป เคยลองเช๊คดูบ้างไหมจ๊ะว่าเป็นเพราะอะไร? พฤติกรรมของเธอรึเเปล่า ถ้าใช่! มาดูกันดีกว่า นิสัยแย่ๆที่ใครๆต่างก็ ยี้!!! แบบรับไม่ได้อ๊า … เธอมีกันรึเปล่า

1. ใจร้อน เป็นไฟ วีนได้ไม่เว้นวันหยุดราชการ

นิสัย แบบ ไม่ไหวจะเคลียร์ข้อแรกก็คือ นิสัย ใจร้อน เป็นไฟ ขี้ วีน แบบสุดขีด ประมาณว่า เจออะไรไม่ถูกใจเข้าหน่อยก็แผลงฤทธิ์ โวยวาย จะเอาเรื่องให้ได้ นิสัยอย่างนี้นอกจากจะหาเรื่องเจ็บตัวง่ายๆแล้ว ยัง สร้างศัตรูแถมเพื่อน ๆ อาจพากันหายหน้าเพราะเซ็งกับ การมีเพื่อนขี้วีน จนเธอต้องนั่งสะกดคำว่าเหงา อยู่คนเดียว

2. เอาแต่ใจตัวเอง จนชาวบ้านเซ็ง

แม้ ว่าเรา จะถูกเลี้ยงดูแบบสปอยสุดขีดขนาดไหน แต่ถ้าติด นิสัยเอาแต่ใจแล้วเอาไปใช้กับเพื่อน รับรองได้เลย ว่า เพื่อนต้องพากันจนลีหนีหน้าไปหมดแน่ ๆ เพราะคนที่เอาแต่ใจเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก ๆ หัดเอาใจคนอื่นให้มากขึ้น แล้วเธอจะพบว่าตัวเอง น่ารักได้อีก !

3. แล้งน้ำใจตลอด ขอแค่ฉันเอาตัวรอดเป็นพอ

ไม่ ว่ายัง ไง น้ำใจก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้า เราแล้งน้ำใจ เพื่อนขอให้ช่วยอะไรก็ไม่ช่วย หรือบางทีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ แบ่งปันให้คนอื่นได้ก็หวงไว้ทำหอกอะไรไม่รู้ รู้ แต่ไม่ชอบแบ่งปันใคร เธอจะเป็นคนประเภทที่ไม่น่า เข้าใกล้อันดับต้น ๆ เลยล่ะ

4. งี่เง่า ไร้ เหตุผล จนผู้คนรอบข้างปวดกบาล

ประเภท ที่ งี่เง่า ไม่เคยฟังเหตุผลอะไร คิด แต่อยากได้ยังไงก็ต้องได้ ย้ำเลยว่าถ้าเธอไม่แก้ นิสัยนี้ ผู้คนจรลีออกไปจากชีวิตเธอชัวร์ ไม่มีใครอยากอยู่กับคนที่ไม่มีเหตุผลหรอกนะ พยายามใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ให้มาก ๆ ทุกอย่างจะเวิร์ก

5. ในโลกนี้ไม่มีใครดีเท่าตัวฉัน เลยดูถูกคนอื่นซะงั้นเลย 

ประเภท ที่ ชอบดูถูกคนอื่นไปซะหมด มองคนอื่นว่าด้อย ไม่เก่ง ไม่สวยไม่หล่อ สู้เราไม่ได้ ไม่อยากอยู่ ใกล้เพราะขยะแขยง ขอบอกไว้เลยว่า เธอนั่นแหละที่น่าขยะแขยงในสายตาคนทั้งโลก เพราะพฤติกรรมแบบนี้ มัน บ่งบอกว่าจิตใจเธออยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าน้ำทะเลอะดิ

6. หนังสือสอบเป็นยังไงไม่เคยเห็น เข้าห้องสอบแปลงกายเป็นยีรา ฟคอยาว 

ประเภท ที่ ชอบเอาเปรียบเพื่อน ไม่ยอมอ่านหนังสือสอบ สักแต่ว่าจะลอกอย่างเดียว ขอ บอได้เลยว่า เธอจะไม่เวิร์ก ทั้ง ในเรื่องสมอง และมิตรภาพ เพราะ เพื่อน ๆ จะเริ่มเอือมระอาในความเห็นแก่ตัวของเธอ น่ะสิ ที่เธอได้คะแนนดี ๆ เพราะ เป็นปลิงเกาะ ( สมอง ) เพื่อน แต่เพื่อนอดตาหลับขับตานอนอ่านหนังสือแทบตาย

7. เรื่องส่วนตัวยังไม่สันทัด แต่ถนัดจุ้นจ้านเรื่องชาวบ้าน

คน ที่ชอบ จุ้นเรื่องของคนอื่นไปซะหมด รู้ชัดยิ่งกว่าตำรา เรียนว่าใคร ทำอะไร ที่ ไหน อยากรู้อยากเห็น ขอ เจ๋อเสมอต้นเสมอปลาย เธอจะได้รับฉายาบุคคลไม่น่า คบไปโดยปริยาย ทางที่ดี หัน มาอัพเกรดเรื่องของตัวเองให้ดีขึ้นดีกว่า อย่า เจ๋อเรื่องคนอื่นให้เสียเวลาอยู่เลย

8. โกหกไปวัน ๆ เพราะ ฉันคือนางเอกเรื่องสาวน้อยสตรอว์เบอร์รี่

ความ จริง คืออะไรไม่รู้จักแค่ลื่นไหลไปวัน ๆ เพราะอยากได้ สิ่งที่ตัวเองปรารถนา คนแบบนี้รับรองได้เลยว่าจะ ต้องถูกเฉดออกจากสังคมแน่ ๆ เพราะคงไม่มีใครอยาก อยู่กับคนที่เชี่ยวชาญเรื่องสตรอว์เบอร์รี่ตลอดเวลา คน เราต้องการความซื่อสัตย์ด้วยกันทั้งนั้นแหละ และ เธอก็ควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรอ ?

9. ทำตัวเป็นนักวิจารณ์ ใครเดินผ่านเป็นนินทา

พวก ที่ชอบ นินทาชาวบ้านก็เป็นอีกพวกที่จัดอยู่ในกลุ่มน่ารังเกียจอันดับต้น ๆ ยิ่งคนที่ชอบใส่ร้ายป้ายสีให้คนอื่นเสียหาย เพียงเพราะอยากได้เพื่อน อยาก ให้เพื่อนเกลียดคนอื่นเพื่อมาเลิฟตัวเองน่ะ นอก จากจะเป็นการกระทำที่โง่มาก ๆ แล้ว ยังเป็นการ กระทำที่เข้าข่ายน่าเกลียดอีกด้วยนะจ๊ะ

10. กร่างเป็นจิ๊กกี๋ รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า

แม้ ว่า แก๊งเราจะมีพวกเยอะ อิทธิพลแยะ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะไปรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ หรือ คนที่อ่อนแอกว่า ยิ่งเพียงเพราะความสะใจของตัวเอง แล้วละก็ ยิ่งไม่ควรเข้าไปใหญ่ เพราะคนที่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าไม่ได้เรียกว่าเก่งเลย ออกจะขี้ขลาดมาก ๆ ซะด้วยซ้ำ

11. ใครจะมองยังไงไม่เห็นแคร์ แหมก็แค่เลิฟซีนกันแค่นั้นเอง

ทน ไม่ได้ จริง ๆ กับภาพผู้หญิงปล่อยตัวให้ผู้ชายจับนั่นแตะ นี่อย่างไม่หวงเนื้อหวงตัวกลางสาธารณะชน นี่ยัง ไม่รวมประเภทกอดจูบลูบคลำโชว์ชาวบ้านเพราะคิดผิด ๆ ว่า เป็นเรื่องธรรมชาติ แน่ละผู้ชายควรให้เกียรติเรา แต่ถ้าอยากให้เค้าใหเกียรติเรา ก็ ควรเซฟตัวเองให้เป็นผู้หญิงที่ไม่ง่ายด้วย ถึงจะ ถูก

12. ขี้ขโมย ฉก ทุกอย่างที่ไม่ใช่ของตัวเอง

แม้ บางที จะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็ไม่ควร ที่เธอจะไปหยิบฉกมาใช้โดยไม่ขออนุญาต เพราะมัน เป็นการกระทำที่แสดงว่าเธอไม่มีมารยาทเอาซะเลย และ ของบางอย่างมันก็มีคุณค่าทางใจของเจ้าของ การที่ เธอไปฉวยเอามา อาจทำให้เค้าเสียใจมากกว่าที่เธอ คิด

13. แต่งตัวเอ็กซ์เซ็กส์ไม่ว่าที่ ไหน ไม่เคยเกรงใจคำว่า “กาลเทศะ”

อนุโลม ให้ ได้ถ้าเป็นการเปรี้ยวแบบมีระดับ ( ไม่โป๊เกินไป ) ในงานปาร์ตี้ และมีคนไว้ใจ ได้มารับมาส่ง แต่ถ้าเป็นสถานศึกษา งานที่ต้องจริงจังสำรวม เธอยังโชว์โป๊ไป อวดใครไม่รู้ เธอจะกลายเป็นพวกที่ไม่มีสมองขึ้นมา ทันที นอกจากจะอันตรายแล้ว ยัง โชว์โง่อีกต่างหาก

14. หยาบคายวาจา เหมือนเลี้ยงหมาไว้ในปาก

พูด จาแต่ ละทีสัตว์เลื้อยคลานเต็มถนน แบบนี้นอกจากจะไม่น่า รักแล้ว คนอาจจะมองว่าเธอขาดการอบรมบ่มสอนจากพ่อ แม่ได้ และขอบอกว่า แค่ คำพูดก็สามารถเป็นตัวกำหนดได้ว่า เธอจะดึงดูดคนดี มีระดับ หรือคนโหล่ยโท่ยโซ้ยไม่ลงมาในชีวิต

15. นิยามฉันคือสวยเลือกได้ ไม่ว่าใครผ่านเข้ามาฉันกิ๊กกั๊กไว้หมด

เจ้า ชู้ไป เรื่อย ปล่อยตัวไม่เลือกหน้า แบบ นี้ก็ไม่เวิร์กนะจะบอกให้ เธออาจเคยชินกับการ บริหารเสน่ห์ตัวเอง และรู้สึกว่าการกั๊กผู้ชายไว้ ในฐานะกิ๊กมาก ๆ คือแปลว่าเธอป๊อบปูลาร์ ขอบอกเลยว่าเธอคิดผิด เพราะ แทนที่เธอจะดูป๊อป เธอกลับดูเหมือนพวกใจง่าย ขาดความรัก เพราะกลัวว่าคน ที่รักเธอจะจรลีไป เลยกั๊กไว้ซะงั้น

16. คิดว่าเป็นเรื่องเท่ ที่ทำตัวเกเรมั่วอบายมุข

สุด ท้าย ที่ถ้าใครทำอยู่ควรเปลี่ยนด่วนก็คือ การมั่ว อบายมุข สุรา ยาเสพติด ทั้งหลาย ถ้าเธอหลงไปมัวเมากับมันเมื่อไหร่ มีแต่อนาคตดับวูบก็เท่านั้น เชื่อ เหอะ .. ของพวกนี้น่ะไม่เคยทำให้ชีวิตใครดีขึ้น มี แต่ตกต่ำลงจนกระทั่งไม่เหลืออะไรเลย

สาวๆคนไนหที่มีท่าที อาการแบบนี้ละก็ขอบอกเลยนะจ๊ะ เปลี่ยนด่วน!! ก่อนที่เพื่อนๆ แฟนๆของเธอจะชิ่งหนีไปก่อนนะจ๊ะ


216  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ส่องกล้องมองคำว่า"ทุกข์" เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:21:28 am
ส่องกล้องมองคำว่า"ทุกข์"

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.bloggang.com/data/samrotri

"ความทุกข์ทั้งหลายที่เป็นความทุกข์ทางใจนี้ เป็นเพราะว่าเรามองดูปรากฏการณ์ในชีวิตด้วยความไม่ชัดเจน"

"ยังไม่สนใจธรรมะ เพราะชีวิตยังไม่มีทุกข์"

คนจำนวนมากคิดเช่นนี้ เพราะคำว่า "ทุกข์" นั้นฟังดูเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสในชีวิต ทั้งที่ความจริงแล้ว ความหมายของคำนี้ในธรรมะของพุทธศาสนามีความละเอียดอ่อนยิ่งนัก หากศึกษาจริงๆ แล้วจะรู้สึกทึ่งและอัศจรรย์ใจในอัจฉริยภาพของตัวผู้ค้นพบยิ่งนัก

จะรู้สึกอย่างไรหากบอกว่าในทุกๆ จังหวะและท่วงทำนองของการดำเนินชีวิตมีทุกข์แฝงอยู่ทุกขณะ

ไม่รู้จัก-อย่ารีบบอกว่าไม่มี

อย่าเพิ่งเถียงถ้ายังไม่ได้คำอธิบายในเรื่องนี้ของ ดร.ระวี ภาวิไล ที่ส่องกล้องมองดูคำว่าทุกข์ได้ละเอียดไม่แพ้การส่องกล้องดูดาวบนท้องฟ้าเลย

"คำว่าปัญหากับความทุกข์ในทางพระพุทธศาสนาใช้แทนกันได้ คำว่าปัญหาเป็นคำสมัยใหม่ เราจะพิจารณาได้ว่าสิ่งที่เราเรียกว่าปัญหานี้คือ ความทุกข์นั่นเอง แต่เวลาพูดความทุกข์จะดูเหมือนหนัก พูดคำว่าปัญหาเป็นเรื่องทันสมัย แล้วเราจะพบว่าสิ่งที่เราต้องแก้ก็คือ ความไม่สะดวกสบายที่ทนได้ยากนั่นเอง

"ตามที่บอกว่าชีวิตเป็นความทุกข์เป็นปัญหานั้น ไม่ใช่ว่าการกล่าวเช่นนั้นเป็นการมองโลกในแง่ร้าย แต่เป็นการกล่าวถึงสภาวะที่เป็นจริงในชีวิตของเรา"

ไม่เชื่อลองฟังต่อไปได้

"นับตั้งแต่เรารู้สึกตัวลืมตาขึ้นวันหนึ่งๆ จะพบปัญหาที่ต้องแก้ถัดกันไป แก้ปัญหานั้นปัญหาใหม่ก็เข้ามาเรื่อย ถ้าจะสังเกตตั้งแต่เช้า ปัญหาทำอย่างไรเราจะมาถึงที่ทำงานได้โดยเรียบร้อย แม้เมื่อถึงที่ทำงานเราจะพบปัญหารออยู่บนโต๊ะ จะต้องแก้อันนั้นอันนี้เรื่อยไป ชีวิตก็จะเป็นอย่างนี้

"ปัญหาหรือความทุกข์ทางกายนี้เป็นส่วนหนึ่ง แต่ส่งที่น่าจะสังเกตได้ก็คือว่า ส่วนใจมันพลอยไปกับกายมากน้อยแค่ไหน ทั้งที่ส่วนใจก็มีความทุกข์ทางใจอยู่แล้ว คือความเศร้าโศก ความคับแค้นใจ ซึ่งส่วนของจิตใจนี้อาจจะเกิดขึ้นเพราะความทุกข์ทางกายทำให้เกิด หรืออาจเกิดแม้ความทุกข์ทางกายไม่มีก็ได้

"นับเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนในสาเหตุ และสาเหตุเหล่านี้ทางพฤติกรรมสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเกิดขึ้นมาอย่างไร แล้วก็รู้หนทางที่จะบรรเทามันลงไป"

ในบรรดาความทุกข์ที่แบ่งออกเป็นทางกายและทางใจนั้น อ.ระวีบอกว่า

"ความทุกข์ทางใจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น แล้วเราจะพบว่ามนุษย์ได้สร้างกลไกขึ้นทั้งในตัวเองและสังคม ทำให้เกิดความกดดันและความทุกข์ทางใจขึ้น โดยคนส่วนใหญ่อาจจะมองข้ามไป หรืออาจจะมองไม่เห็น มันก็กลายเป็นปัญหาหรือเป็นทุกข์ ความทุกข์ทางใจเหล่านี้เป็นสิ่งที่การอบรมและการฝึกฝนใจสามารถทำให้มันระงับไปได้"

ความทุกข์ทางใจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น-เป็นประเด็นที่ควรให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นวันหนึ่งๆ คนเราทุกข์ทางใจไปโดยสิ้นเปลืองไม่ใช่น้อย

บอกแค่นี้คงไม่ทำให้คิ้วที่ขมวดอยู่คลายออกไปได้ ต้องรับรู้การแจกแจงปฏิบัติการของสิ่งที่เรียกว่าทุกข์เสียก่อน

ทุกข์กาย-ทุกข์ใจแน่

กายไม่ทุกข์-ใจทุกข์ไปล่วงหน้า

"ตัวอย่างความพัวพันระหว่างทุกข์ทางกายและทุกข์ทางใจที่อาจจะได้พบกันในชีวิตประจำวัน สมมุติว่าเราเป็นเด็กไม่สบายแล้วไปหาหมอ หมอบอกว่าเราเป็นไข้หวัด ต้องฉีดยา ถ้าเด็กคนนั้นเคยฉีดยามาหนหนึ่งแล้ว พอบอกต้องฉีดยาอีกมันเกิดทุกข์ขึ้นมาทันที ความทุกข์ที่ได้รับฟังว่าต้องเอาเข็มมาแทงลงไปในเนื้อ ในขณะนั้นทุกข์ทางกายยังไม่ได้เกิด แต่ทุกข์ทางใจเกิดขึ้นแล้ว อาจจะเริ่มมีอาการเป็นทุกข์ เริ่มน้ำตาคลอ พอหมอเอาเข็มฉีดยาดูดยาออกมาจากหลอดก็เริ่มจะมีความทุกข์ทางกายบ้าง แต่ไม่เจ็บ น้ำตาไหลได้

"เราเป็นผู้ใหญ่รู้สึกแต่คงไม่ถึงกับน้ำตาไหล เห็นหมอทำอย่างนั้นเราก็เริ่มรู้สึก หมอเอาเข็มฉีดยามาบีบยาให้ยามันไล่ แล้วก็เอามาจรดลง แล้วลองนึกทบทวนดูว่าเรารู้สึกอย่างไร จะรู้สึกไม่สบายใจ หมอเริ่มกดเข็ม บางครั้งเราก็มอง บางครั้งเราก็ไม่อยากมอง ลองมองดูและลองพิจารณาดูตอนที่เข็มมันจรด ความทุกข์ทางกายยังไม่เกิดขึ้น แต่เรามีความไม่สบายใจ พอหมอกดเข็มเข้าไปในเนื้อเรา นึกว่าเราเจ็บ แต่ที่จริงถ้าเราเพ่งใจลงไปในขณะเข็มกดลงไปในเนื้อ จะพบว่ามันยังไม่เจ็บ ความทุกข์ทางกายยังไม่มี แต่เมื่อเข็มมันลงไปลึกพอประมาณแล้ว และเมื่อหมอเริ่มกดยาเข้าไป ความเจ็บมันจะมี

"ถ้ามีสติอยู่กับปัจจุบัน เจ็บที่แล้วไปอย่าไปนึกถึงมันอีก เจ็บที่กำลังเจ็บดูมัน เจ็บที่ยังไม่มา อย่าเพิ่งไปเจ็บก่อน เราจะพบว่าความเจ็บได้เป็นทุกข์ก้อนใหญ่ที่เราจะต้องแบกไว้ แต่ความเจ็บนั้นมันเป็นชั่วขณะๆ พอหมอถอนเข็มออกแล้วขยี้ตอนนั้นเราจะเจ็บมากชั่วขณะ แล้วก็จะชา แต่ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้นจะรู้สึกว่าความเจ็บจริงๆ กับความที่ใจเราเป็นทุกข์มันปนเปกันไปหมด ไม่รู้ส่วนไหนเป็นทุกข์ทางกาย ส่วนไหนเป็นทุกข์ทางใจ

"ถ้าเป็นเด็ก เด็กจะร้องก่อนเข็มจะถูก เมื่อถูกเข็มแทงก็ร้องลั่น พอหมอถอนเข็มออกก็ยังร้องอยู่ เพราะโกรธหมอ นี่คือตัวอย่างที่ยกขึ้นมาเพื่อให้เห็นกลไกของสิ่งที่เรียกว่าความทุกข์"

"ความทุกข์ทั้งหลายที่เป็นความทุกข์ทางใจนี้ เป็นเพราะว่าเรามองดูปรากฏการณ์ในชีวิตด้วยความไม่ชัดเจน ทำอย่างไรจะเห็นสภาวะชัดเจน ทำอย่างไรจะรู้ทัน"

โจทย์นี้หาคำตอบได้ไม่ยาก!

 

**********

คอลัมน์ ร้อยเหลี่ยมพันมุม

โดย วีณา โดมพนานคร
217  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บำบัดความเครียด.......... สมาธิบำบัด เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:19:27 am



ขอบคุณที่มาภาพ http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7623.0
เครดิต คุณ ประสิทธิ์

บำบัดความเครียด.......... สมาธิบำบัด


เครียด เครียด เครียด .........
เครียด เครียด เครียด ชีวิตประจำวันของคนทำงานทำให้ดัชนีความเครียดของคนไทยพุ่งสูงปรี๊ด ความเครียดทำให้สุขภาพเราแย่ลง ทำให้เราป่วยง่ายขึ้น ที่สำคัญสำหรับสาวๆ เครียดมากๆทำให้หน้าแก่ก่อนวัยได้นะ เมื่อเรารู้สึกเครียดร่างกายเราจะหลั่งฮอร์โมน Adrenaline จากต่อมหมวกไต ถ้าเครียดมากก็หลั่ง Adrenaline มากขึ้นฮอร์โมนความเครียดก็จะไปยับยั้งการทำงานของอวัยวะสำคัญทั้งหมด เช่นหัวใจ ไต ตับ ปอด ทำให้อวัยวะสำคัญของเราเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็พร้อมใจกันหยุดทำงานเพราะฮอร์โมนความเครียดไปทำให้ภูมิต้านของร่างกายเราต่ำลง ต่ำลง เรียกว่าโรคเครียดนอกจากทำแก่ง่ายแล้วยังทำให้ถึงตายได้นะเนี่ย

 


- ผ่อนคลายความเครียดด้วยการทำสมาธิ
การทำสมาธิถือได้ว่าเป็นการผ่อนคลายความเครียดที่ลึกซึ้งที่สุด สมาธิทำให้จิตใจสงบนิ่ง แต่มีสติ หยุดความคิดที่ฟุ้งซ่าน วิตกกังวล หรืออารมณ์ด้านลบทั้งหลาย เมื่อเราทำสมาธิจะรู้สึกสบายขึ้นเพราะจะมี Hormoneชื่อ Endorphins หลั่งออกมาในขณะที่จิตใจสงบนิ่ง ฮอร์โมน Adrenaline จากต่อมหมวกไต ก็จะหยุดหลั่ง และในขณะนั้นเองเมื่อจิตสงบสมองส่วน Hypothalamus จะสั่งให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรงขึ้น ภูมิต้านทานของเราก็จะสร้างเพิ่มขึ้นหลังจากถูกยับยั้งด้วยฮอร์โมนความ เครียด การทำสมาธินี้ดีมาก มาก สำหรับคนที่กำลังบำบัดมะเร็งเพราะ เมื่อภูมิต้านทานกระเตื้องขึ้นการกำจัดcell มะเร็งก็จะเป็นไปตามที่ต้องการ


- ทำสมาธิแบบไหนดี?
การทำสมาธิที่สามารถบำบัดโรคที่เกิดจากความเครียด ความกังวล ไม่ใช่โรคที่เกิดจากเชื้อโรคโดยตรง แต่สามารถรักษาใจที่เป็นทุกข์อันเกิดจากโรคได้ วิธีฝึกสมาธิบำบัดมีหลายวิธี ได้แก่ การนั่งภาวนา เดินจงกรม การแผ่เมตตา การอธิษฐานจิต การฝึกใช้พลังภายในร่างกาย การใช้พลังภายนอก การฝึกเพ่งลูกแก้ว และอย่างน้อยควรทำวันละ 2 ครั้ง ถ้าทำได้


- ท่าที่สบายที่สุด
จะนั่งขัดสมาธิหรือจะนอนหงายวางแขนไว้ข้างตัวก็ได้ ให้เป็นท่าที่เรารู้สึกสบายตัวที่สุด แล้วก็เลือกสถานที่ที่เรารู้สึกผ่อนคลาย สบายๆไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป อุณหภูมิในห้องสบาย ๆ
หลับตาลงจะได้ตัดตัวเองออกจากโลกภายนอก จิตจะได้สงบง่ายขึ้น แล้วเริ่มด้วยการกำหนดลมหายใจโดยสูดหายใจเข้าช้า ๆ ให้ท้องพอง หายใจออกช้า ๆให้ท้องแฟบ สัก 3 ครั้ง ให้สังเกตลมที่ผ่านเข้าออกทางจมูกว่ากระทบถูกอะไรบ้าง

จากนั้นให้หายใจให้สบาย กำหนดจิตของตนไปรับรู้ลมหายใจเข้าออก โดยไม่ต้องสนใจเสียงรอบข้าง ให้รับรู้เฉย ๆ ถ้าจิตมันจะวอกแวกนึกนั่นนึกนี่ แว่บไปหาเพื่อนคนโน้นคนนี้ นึกห่วงงานที่นั่นที่นี่บ้างก็ดึงสมาธิกลับมาอยู่กับลมหายใจ แรก ๆ อาจทำยากมาก เหมือนเราหัดเดินตั้งไข่ครั้งแรก ล้มบ้าง ลุกบ้างแต่ถ้าพยายามเข้าในที่สุดเราก็จะเดินได้การทำสมาธิก็เช่นกัน ถ้าเราพยายามขยันดึงจิตกลับมาอยู่กับลมหายใจ ทำซ้ำ ๆ สม่ำเสมอ ในที่สุดจิตก็จะเชื่อง และเริ่มนิ่ง เมื่อเข้าถึงสมาธิก็จะได้ความรู้สึกปีติรู้สึกสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมา ก่อน เพราะ ฮอร์โมนEndorphins หลั่งออกมา และ ฮอร์โมนความเครียด Adrenaline ที่ต่อมหมวกไตก็จะหยุดหลั่งออกมา และเมื่อเข้าสมาธิได้แล้วก็ควรทำเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ๆ ละไม่ต่ำกว่า 15 นาที

- เทคนิคการฝึกหายใจ
โดยปกติแล้วการหายใจด้วยอก ชีพจรจะเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย ต้องหายใจถี่ๆแต่ถ้าหายใจด้วยท้องชีพจรจะเต้นช้า ในทางวิทยาศาสตร์เราอธิบายได้ว่าเป็นการกระตุ้นกะบังลม ที่กะบังลมจะมีเส้นประสาทวากัส (Vagus) ซึ่งเส้นประสาทตัวนี้เป็นพาราซิมพาเทติก เป็นเส้นประสาทมีผลต่อการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อ เพิ่มการทำงานของลำไส้ เส้นประสาทวากัส (Vagus) จะส่งคลื่นไปที่สมอง ทำให้หลอดเลือดขยาย ความดันเลือดลดลง ชีพจรเต้นช้า หายใจช้า ดังนั้นเราจึงต้องฝึกหายใจลงไปที่ท้องแทน
เทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ความเครียดทำให้กล้ามเนื้อทุกระบบในร่างกายหดตัว เวลาเครียดเรามักจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด กำหมัด กัดฟัน ทุกครั้งที่รู้สึกเครียด ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวเกิดอาการเจ็บปวด เช่น ปวดต้นคอ ปวดหลัง ปวดไหล่

- การฝึกคลายกล้ามเนื้อ

จะช่วยลดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลง เพราะในขณะที่ฝึก จิตใจ ของเราจะจดจ่ออยู่กับการคลายกล้ามเนื้อ ความคิดฟุ้งซ่าน และความวิตกกังวลก็ลดลง ช่วยให้จิตใจจะมีสมาธิมากขึ้น

วิธีการฝึก  เลือกนั่งในท่าที่สบาย เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ถอดรองเท้า หลับตา ทำใจให้ว่าง ตั้งใจจดจ่ออยู่ที่กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ 10 กลุ่ม โดยการปฏิบัติดังนี้คือ

1. มือและแขนขวา โดยกำมือ เกร็งแขน แล้วคลาย
2. มือและแขนซ้าย ทำเช่นเดียวกัน
3. หน้าผาก เลิกคิ้วสูงแล้วคลาย ขมวดคิ้วแล้วคลาย
4. ตา แก้ม จมูก ให้หลับตาแน่น ย่นจมูก แล้วคลาย
5. ขากรรไกร ลิ้น ริมฝีปาก โดยกัดฟัน ใช้ลิ้นดันเพดานปากแล้วคลาย เม้มปากแน่นแล้วคลาย
6. คอ โดยก้มหน้าให้คางจรดคอแล้วคลาย เงยหน้าจนสุดแล้วคลาย
7. อก ไหล่ และหลัง โดยหายใจเข้าลึกๆกลั้นไว้ แล้วคลาย ยกไหล่สูงแล้วคลาย
8. หน้าท้องและก้น โดยการแขม่วท้อง แล้วคลาย ขมิบก้นแล้วคลาย
9. เท้าและขาขวา โดยเหยียดขา งอนิ้ว แล้วคลาย เหยียดขา กระดกปลายเท้าแล้วคลาย
10. เท้าและขาซ้าย ทำเช่นเดียวกัน

ข้อแนะนำ
ระยะเวลาที่เกร็งกล้ามเนื้อ ให้น้อยกว่าระยะเวลาที่ผ่อนคลาย เช่น เกร็ง 3-5 วินาที ผ่อนคลาย 10-15 วินาที
ควรฝึกประมาณ 8-12 ครั้ง เพื่อให้เกิดความชำนาญ
เมื่อคุ้นเคยกับการผ่อนคลายแล้ว ให้ฝึกคลายกล้ามเนื้อได้เลยโดยไม่ต้องเกร็งก่อนหรืออาจเลือกคลายกล้ามเนื้อ เฉพาะส่วนที่มีปัญหาก็ได้ เช่น บริเวณใบหน้า คอ หลัง ไหล่ เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องคลายกล้ามเนื้อทั้งตัวแต่ถ้ามีเวลาทำได้ทั้งหมดก็จะดีมากมาก สำหรับตัวคุณเอง


- ฝึกสมาธิประจำ แก้ได้หลายโรค
หากฝึกสมาธิเป็นประจำ จิตใจก็เบิกบาน สมองแจ่มใส จิตใจเข้มแข็ง อารมณ์เย็น พร้อมตลอดเวลาไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรมากระทบ สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยความมั่นใจในตัวเอง เมื่อมีสมาธิที่เข้มแข็ง ปัจจุบันมีการวิจัยและค้นพบข้อดีของการทำสมาธิเช่น

    ช่วยปรับสภาวะสมดุลของร่างกายให้เป็นปกติ ทำให้อัตราการหายใจและชีพจรช้าลง
    ทำให้คลื่นสมองสงบ กล้ามเนื้อผ่อนคลายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ระดับฮอร์โมนที่ถูกระตุ้นจากความเครียดลดลง
    แก้ปัญหานอนไม่หลับได้ถึงร้อยละ 75 และ
    ช่วยให้ผู้ที่ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ใช้ยาแก้ปวดลดลงจาก เดิมร้อยละ 34
    ช่วยให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคเอดส์ มีอาการทุกข์ทรมานลดน้อยลงกว่าการรักษาเฉพาะทางทางยา
    ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรน ความถี่หรือความรุนแรงของอาการจะลดลงร้อยละ 32

และยังพบอีกว่าในการรักษาผู้ป่วยโรค หลอดเลือดหัวใจตีบตัน ผู้ที่มีความเชื่อมั่นในศาสนาจะหายเร็ว กว่า ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย จะมีอัตราการตายมากกว่าผู้นับถือศาสนาถึง 3 เท่า

ในสหรัฐอเมริกา มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยวิสคอนซิล และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย พบผลตรงกันว่า ชาวพุทธที่นั่งสมาธิเป็นประจำ สมองในส่วนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับอารมณ์ที่ดี และ ความคิดด้านบวกจะทำงานกระฉับกระเฉงกว่า ช่วยผ่อนคลายความเครียด และทำให้สมองส่วนที่เป็นศูนย์กลางความทรงจำด้านร้ายสงบลง และการนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้อารมณ์แปรปรวน ตกใจ เกรี้ยวกราด หรือหวาดกลัวลดลงด้วย

แพทย์โรคหัวใจจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ให้คนไข้โรคหัวใจฝึกสมาธิระหว่างบำบัดด้วยยาไปด้วยและได้ผลเป็นที่น่าพอ ใจ เพราะทำให้ความดันโลหิตและความเครียดลดลงอย่างมาก

ฉะนั้นถ้าอยากมีสุขภาพดี ไม่แก่ง่าย ตายเร็ว ก็ต้องเริ่มการฝึกทำสมาธิและต้องเริ่มทำตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย อย่าได้ผัดผ่อนเด็ดขาด

..................

บทความจาก

http://kullastree.com
218  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / พระพุทธศาสนาในประเทศไทย สมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:16:06 am
พระพุทธศาสนาในประเทศไทย สมัยรัตนโกสินทร์
พระพุทธศาสนา สมัยรัตนโกสินทร์


ขอบคุณภาพประกอบจาก http://1.bp.blogspot.com/

  รัชกาลที่ ๑ (๒๓๒๕ - ๒๓๕๒)
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๒๕ ต่อจากพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงย้ายเมืองจากธนบุรี มาตั้งราชธานีใหม่ เรียกชื่อว่า "กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์" ทรงสร้างและปฏิสังขรณ์วัดต่าง ๆเช่นสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดสุทัศนเทพวราราม วัดสระเกศ และวัดพระเชตุพน ฯ เป็นต้น ทรงโปรดให้มีการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๙ และถือเป็นครั้งที่ ๒ ในประเทศไทย ณ วัดมหาธาตุ ได้มีการสอนพระปริยัติธรรมในพระบรมมหาราชวัง ตลอดจนตามวังเจ้านายและบ้านเรือนของข้าราชการผู้ใหญ่ ทรงตรากฎหมายคณะสงฆ์ขึ้น เพื่อจัดระเบียบการปกครองของสงฆ์ให้เรียบร้อย ทรงจัดให้มีการสอบพระปริยัติธรรมทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์แรกของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยสถาปนา พระสังฆราช (ศรี)  เป็นสมเด็จพระสังฆราช เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๕๒

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.thaigoodview.com/
   รัชกาลที่ ๒ (๒๓๕๒- ๒๓๖๗) 
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๒ เป็นทรงทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาเหมือนอย่างพระมหากษัตริย์ไทยแต่โบราณ ในรัชสมัยของพระองค์ได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชถึง ๓ พระองค์ คือ สมเด็จพระสังฆราช( สุก )   สมเด็จพระสังฆราช( มี )  และ สมเด็จพระสังฆราช ( สุก ญาณสังวร) 
   ในปี พ.ศ. ๒๓๕๗ ทรงจัดส่งสมณทูต ๘ รูป ไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศลังกา ได้จัดให้มีการจัดงานวันวิสาขบูชาขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๐ ซึ่งแต่เดิมก็เคยปฏิบัติถือกันมาเมื่อครั้งกรุงสุโขทัย แต่ได้ขาดตอนไปตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า จึงได้มีการฟื้นฟู วันวิสาขบูชา ใหม่ ได้โปรดให้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขวิธีการสอบไล่ปริยัติธรรมขึ้นใหม่ ได้ขยายหลักสูตร ๓ ชั้น คือ เปรียญตรี -โท - เอก เป็น ๙ ชั้น คือชั้นประโยค ๑ - ๙

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.thaigoodview.com
   รัชกาลที่ ๓ (๒๓๖๗ - ๒๓๙๔) 
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้มีการสร้างพระไตรปิฎกฉบับหลวงเพิ่มจำนวนขึ้นไว้อีกหลายฉบับครบถ้วนกว่ารัชกาลก่อน ๆ โปรดให้แปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามหลายแห่ง และสร้างวัดใหม่ คือวัดเทพธิดาราม วัดราชนัดดา และวัดเฉลิมพระเกียรติ ได้ตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อสอนหนังสือไทยแก่เด็กในสมัยนี้ได้เกิดนิกายธรรมยุติขึ้น โดยพระวชิรญาณเถระ (เจ้าฟ้ามงกุฏ) ขณะที่ผนวชอยู่ได้ทรงศรัทธาเลื่อมใสในจริยาวัตรของพระมอญ ชื่อ ซาย ฉายา พุทฺธวํโส จึงได้ทรงอุปสมบทใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๒ ได้ตั้ง คณะธรรมยุติ ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๓๗๖ แล้วเสด็จมาประทับที่วัดบวรนิเวศวิหาร และตั้งเป็นศูนย์กลางของคณะธรรมยุติ

   รัชกาลที่ ๔ (๒๓๙๔ -๒๔๑๑) 
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ เมื่อทรงเป็นเจ้าฟ้ามงกุฎได้ผนวช ๒๗ พรรษาแล้วได้ลาสิกขาขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุ ๕๗ พรรษา ใน พ.ศ. ๒๒๓๙๔ ด้านการพระศาสนา ทรงพระราชศรัทธาสร้างวัดใหม่ขึ้นหลายวัด เช่นวัดปทุมวนาราม วัดโสมนัสวิหาร วัดมกุฎกษัตริยาราม วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และ วัดราชบพิตร  เป็นต้น ตลอดจนบูรณะวัดต่าง ๆ อีกมาก โปรดให้มีพระราชพิธี  "มาฆบูชา"  ขึ้นเป็นครั้งแรก ใน พ.ศ. ๒๓๙๔ ณ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนได้ถือปฏิบัติสืบมาจนถึงทุกวันนี้

   รัชกาลที่ ๕ (๒๔๑๑ - ๒๔๕๓) 
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๑ ทรงยกเลิกระบบทาสในเมืองไทยได้สำเร็จ ทรงสร้างวัดใหม่ขึ้น คือวัดวัดราชบพิตร วัดเทพศิรินทราวาส วัดเบญจมบพิตร วัดอัษฎางนิมิตร วัดจุฑาทิศราชธรรมสภา และวัดนิเวศน์ธรรมประวัติ ทรงบูรณะวัดมหาธาตุ และวัดอื่น ๆ อีก ทรงนิพนธ์วรรณกรรมทางพุทธศาสนาจำนวนมาก โปรดใหั้มีการเริ่มต้นการศึกษาแบบสมัยใหม่ในประเทศไทย โดยให้พระสงฆ์รับภาระช่วยการศึกษาของชาติ ครั้น พ.ศ. ๒๔๒๗ ได้จัดตั้งโรงเรียนสำหรับราษฎรขึ้นเป็นแห่งแรก ณ วัดมหรรณพาราม ถึงปี พ.ศ. ๒๔๑๔ โปรดให้จัดการศึกษาแก่ประชาชนในหัวเมือง โดยจัดตั้งโรงเรียนในหัวเมืองขึ้น
   เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๕ มีพระบรมราชโองการประกาศตั้งกรมธรรมการเป็นกระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการปัจจุบัน) โปรดให้มีการพิมพ์พระไตรปิฎกด้วยอักษรไทย จบละ ๓๙ เล่ม จำนวน ๑,๐๐๐ จบ พ.ศ. ๒๔๓๒ โปรดให้ย้ายที่ราชบัณฑิตบอกพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณร จากในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ออกมาเป็นบาลีวิทยาลัย ชื่อมหาธาตุวิทยาลัย ที่วัดมหาธาตุ และต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ได้ประกาศเปลี่ยนนามมหาธาตุวิทยาลัยเป็นมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นที่ศึกษาพระปริยัติธรรมและวิชาการชั้นสูงของพระภิกษุสามเณร
   ปี พ.ศ. ๒๔๓๖ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงจัดตั้ง "มหามกุฏราชวิทยาลัย" ขึ้น เพื่อเป็นแหล่งศึกษาพระพุทธศาสนาแก่พระภิกษุสามเณรฝ่ายธรรมยุตินิกาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเปิดในปีเดียวกัน

   รัชกาลที่ ๖ (๒๔๕๓- ๒๔๖๘) 
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงพระปรีชาปราดเปรื่องในความรู้ทางพระศาสนามาก ทรงนิพนธ์หนังสือแสดงคำสอนในพระพุทธศาสนาหลายเรื่อง เช่น เทศนาเสือป่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร เป็นต้น ถึงกับทรงอบรมสั่งสอนอบรมข้าราชการด้วยพระองค์เอง ทรงโปรดให้ใช้ พุทธศักราช (พ.ศ.) แทน ร.ศ. เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ ให้เปลี่ยนกระทรวงธรรมการเป็นกระทรวงศึกษาธิการ
   ในปี พ.ศ. ๒๔๕๔ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเปลี่ยนวิธีการสอบบาลีสนามหลวงจากปากเปล่ามาเป็นข้อเขียน เป็นครั้งแรก
   พ.ศ. ๒๔๖๙ ทรงเริ่มการศึกษาพระปริยัติธรรมใหม่ขึ้นอีกหลักสูตรหนึ่ง เรียกว่า "นักธรรม" โดยมีการสอบครั้งแรกเมื่อ เดือนตุลาคม ๒๔๕๔ ตอนแรกเรียกว่า "องค์ของสามเณรรู้ธรรม"
   พ.ศ. ๒๔๖๒ ถึง พ.ศ. ๒๔๖๓ โปรดให้พิมพ์คัมภีร์อรรถกถาแห่งพระไตรปิฎกและอรรถกถาชาดก และคัมภีร์อื่น ๆ เช่นวิสุทธิมรรค มิลินทปัญหา เป็นต้น

   รัชกาลที่ ๗ (๒๔๖๘ - ๒๔๗๗) 
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้มีการทำสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้น ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๘ - ๒๔๗๓ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เป็นการสังคายนาครั้งที่ ๓ ในเมืองไทย แล้วทรงจัดให้พิมพ์พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ ชุดละ ๔๕ เล่ม จำนวน ๑,๕๐๐ ชุด และพระราชทานแก่ประเทศต่าง ๆ ประมาณ ๕๐๐ ชุด โปรดให้ย้ายกรมธรรมการกลับเข้ามารวมกับกระทรวงศึกษาธิการ และเปลี่ยนชื่อกระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงธรรมการอย่างเดิม โดยมีพระราชดำริว่า "การศึกษาไม่ควรแยกออกจากวัด" ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๗๑ กระทรวงธรรมการประกาศเพิ่มหลักสูตรทางจริยศึกษาสำหรับนักเรียน ได้เปิดให้ฆราวาสเรียนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม โดยจัดหลักสูตรใหม่ เรียกว่า "ธรรมศึกษา" ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๗ ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งยิ่งใหญ่ของไทย เมื่อคณะราษฎร์ได้ทำการปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ ๘

     รัชกาลที่ ๘ (๒๔๗๗ - ๒๔๘๙) 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่อยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชเป็นรัชกาลที่ ๘ ในขณะพระพระชนมายุ เพียง ๙ พรรษาเท่านั้น และยังกำลังทรงศึกษาอยู่ในต่างประเทศ จึงมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
   ในด้านการศาสนาได้มีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ
   ๑. พระไตรปิฎก แปลโดยอรรถ พิมพ์เป็นเล่มสมุด ๘๐ เล่ม เรียกว่าพระไตรปิฎกภาษาไทย แต่ไม่เสร็จสมบูรณ์ และได้ทำต่อจนเสร็จเมื่องานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐
   ๒. พระไตรปิฎก แปลโดยสำนวนเทศนา พิมพ์ใบลาน แบ่งเป็น ๑๒๕๐ กัณฑ์ เรียกว่า พระไตรปิฎกฉบับหลวง เสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒
   พ.ศ. ๒๔๘๔ ได้เปลี่ยนชื่อกระทรวงธรรมการเป็นกระทรวงศึกษาธิการ และกรมธรรมการเปลี่ยนเป็น กรมการศาสนา และในปีเดียวกัน รัฐบาลได้ออก พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม เพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์มีความสอดคล้องเหมาะสมกับการปกครองแบบใหม่
   พ.ศ. ๒๔๘๘ มหามกุฎราชวิทยาลัย ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๖ ได้ประกาศตั้งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ ชื่อ "สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย" เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม
   พ.ศ. ๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลได้ถูกลอบปลงพระชนม์ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นครองราช เป็นรัชกาลที่ ๙ รัชกาลปัจจุบัน

    สมัยรัชกาลที่ ๙ (ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๙ สืบมา) 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นราชกาลที่ ๙ สืบต่อมา ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นศาสนูปถัมภก ทรงให้การอุปถัมภ์แก่ทุกศาสนา และทรงปกครองบ้านเมืองโดยสงบร่มเย็น ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในรัชสมัยรัชกาลปัจจุบัน ได้มีการส่งเสริมพุทธศาสนาด้านต่าง ๆ มากมาย ดังนี้
   - ด้านการศึกษา ประชาชนได้สนใจศึกษาพุทธศาสนามากขึ้นตามลำดับ ได้มีการจัดตั้งสมาคม มูลนิธิทางพุทธศาสนาเพื่อการศึกษามากมาย มีการจัดตั้งชมรมพุทธศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ พ.ศ. ๒๔๙๐ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๓๒ ได้ประกาศตั้งเป็นมหาวิทยาลัยฝ่ายพระพุทธศาสนาขึ้น เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๔๙๐ และเปิดการศึกษาเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๔๙๐ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนการศึกษาของพระสงฆ์ได้มีการยกระดับมาตรฐานการศึกษา เช่นยกระดับมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง ๒ แห่ง คือมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้เปิดการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษาแก่พระภิกษุสามเณรในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และมีนโยบายจะเปิดระดับปริญญาเอกในอนาคต ได้มีการรับรองวิทยฐานะเทียบเท่ากับมหาวิทยาลัยสากลทั่วไป และได้ออกกฏหมาย พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง ๒ แห่ง โดยรัฐสภาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๐ มีชื่อว่า "มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ "มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย" ปัจจุบันนี้ได้มีวิทยาเขตต่างจังหวัดอีกหลายแห่ง เช่น เชียงใหม่ พะเยา แพร่ ลำพูน นครสวรรค์ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา หนองคาย นครปฐม นครศรีธรรมราช เป็นต้น ส่วนการศึกษาด้านอื่น ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมแผนกสามัญ ระดับประถมปลาย และ ม.๑ ถึง ม.๖ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนพุทธศาสนาวัดอาทิตย์ขึ้นเป็นแห่งแรก ณ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพื่อเปิดการสอนพุทธศาสนาแก่เด็กและเยาวชน จนได้แพร่ขยายไปทั่วประเทศ
   - ด้านการเผยแผ่ ได้มีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ทั้งในและต่างประเทศ ในประเทศไทยได้มีองค์กรเผยแผ่ธรรมในแต่ละจังหวัด โดยได้จัดตั้งพุทธสมาคมประจำจังหวัดขึ้น ส่วนพระสงฆ์ได้มีบทบาทในการเผยแผ่มากขึ้น โดยใช้สื่อของรัฐ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ เป็นต้น กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดเอาวิชาพระพุทธศาสนาเป็นวิชาภาคบังคับแก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ตั้งแต่ ม. ๑ ถึง ม. ๖ พระสงฆ์จึงได้มีบทบาทในการเข้าไปสอนในโรงเรียนต่าง ๆ มีการประยุกต์การเผยแผ่ธรรมในรูปแบบต่าง ๆ เช่นการบรรยาย ปาฐกถา และเขียนหนังสืออธิบายพุทธธรรมมากขึ้น ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เช่นมีพระเถระนักปราชญ์ชาวไทยในยุคนี้ ได้แก่ ท่านพุทธทาสภิกขุ และพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เป็นต้น ในต่างประเทศได้มีการสร้างวัดไทยในต่างประเทศหลายวัด เช่นวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นวัดไทยแห่งแรกในต่างประเทศ ต่อจากนั้นได้มีการสร้างวัดไทยในประเทศตะวันตก คือวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเปิด เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ นับเป็นวัดไทยวัดแรกในประเทศตะวันตก ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้มีการสร้างวัดแห่งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอเนีย ชื่อว่า วัดไทยลอสแองเจลิส ปัจจุบันมีวัดไทยในสหรัฐอเมริกา ประมาณ ๑๕ วัด นอกจากนั้นได้มีองค์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศของคณะสงฆ์ไทย ได้จัดให้มีการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศขึ้นประจำทุกปี เพื่อส่งไปเผยแผ่พุทธศาสนาในต่างประเทศ โดยเฉพาะทางตะวันตก ปัจจุบันนี้ชาวตะวันตกได้หันมาสนใจพุทธศาสนากันมาก ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ได้มีการจัดตั้งสำนักงานองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกขึ้น ณ ประเทศไทย ( พ.ส.ล. ) เพื่อเป็นศูนย์กลางของชาวพุทธทั่วโลก
   - ด้านพิธีกรรม ได้มีการเปลี่ยนแปลงพระราชพิธีต่าง ๆ ที่เป็นพระราชพิธีของพระมหากษัตริย์ ให้เป็นพิธีของรัฐบาล เรียกว่า "รัฐพิธี" โดยให้กรม กระทรวงต่าง ๆ เป็นผู้จัด จัดให้มีงานส่งเสริมพระพุทธศาสนาช่วงวันวิสาขบูชาของทุกปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จแทนพระองค์ในพิธีเวียนเทียนในวันสำคัญทางพุทธศาสนาเช่นวันวิสาขบูชา มาฆบูชา อาสาฬหบูชา ณ พุทธมณฑล ซึ่งสร้างขึ้น เมื่อคราว ฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ
   - ด้านวรรณกรรม ได้มีวรรณกรรมทางพุทธศาสนาเกิดขึ้นมากมาย มีปราชญ์ทางพุทธศาสนาเกิดขึ้นหลายรูป จึงได้เกิดวรรณกรรมทั้งประเภทร้อยแก้วและร้อยกรองมากมายหลายเล่ม เช่นพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ ของท่านพุทธทาสภิกขุ หนังสือ พุทธธรรม ของพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เป็นต้น
219  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / 10 อันดับ Virus Computer อันตราย เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:06:24 am
10 อันดับ Virus Computer อันตราย

อันดับ10 : .vbs

เด็กเส้น AMD (ไม่นิยมอินเทล).vbs ไฟล์ขนาด 5.0 K ความร้ายแรงไม่บอก ? อาการแสดงเมื่อติดเชื้อ AMD (ไม่นิยมอินเทล).vbs

1. ทุกไดร์ฟจะเป็น Autoplay หมดจะดับเบิ้ลคลิกเปิดไดร์ฟตามปกติไม่ได้

2. ทุกไดร์ฟจะมีไฟล์ AMD (ไม่นิยมอินเทล).vbs และไฟล์ autorun.inf อยู่

3. เมื่อเอาแฟล๊ตไดร์เสียบจะติดเชื้อทันที

4. เมื่อเปิด IE Browser... ที่ไตเติ้ลบาร์จะมีชื่อ HELLO By AMD (ไม่นิยมอินเทล)

5. คุณจะฝันถึงแต่ AMD (ไม่นิยมอินเทล) ทุกคืน (เพราะความแค้น)

อันดับ9 : Trojan Downloader.OQN (SCVHOST.exe)

ขนาดไฟล์ 245 K มีความร้ายกาจระดับปานกลาง อาการแสดงออกเมื่อติดเชื้อ Trojan Downloader.OQN

1. ดับคลิกเปิดไฟล์ .BAT ไม่ได้

2. ใช้ Regedit ไม่ได้

3. ใช้ Msconfig ไม่ได้

4. ใช้ Task Manger ไม่ได้

5. Folder Option หายไป

6. ใช้ CMD ไม่ได้

อันดับ8 : Win32 VB.NBB worm หรือ W32 Vinet.A.worm



ไฟล์ ขนาด 56 K ไม่ร้ายแรง แต่ก่อให้เกิดความลำคาญมากกว่า ด้วยการสร้างโฟลเดอร์จำลองตัวเองใช้ชื่อเหมือนกับโฟล เดอร์จริงแต่มีนามสกุล .EXE สร้างโฟลเดอร์ชื่อ Ghost.bat และไฟล์ชื่อ Nethoot.htm และไฟล์ชื่อ Folder.htt และไฟล์ชื่อ desktop.ini รวม 5 ไฟล์ทุกโฟลเดอร์ที่เราคลิกเข้าไป อาการแสดงเมื่อติดเชื้อไวรัส Win32 VB.NBB worm

1. เมื่อเปิดไดร์ฟต่างๆ จะเห็นโฟลเดอร์ชื่อ Windows.exe แต่มีขนาดใหญ่กว่าโฟลเดอร์ทั่วไป

2. จะมีโฟลเดอร์นามสกุล .EXE ชื่อเหมือนกับโฟลเดอร์จริง และไฟล์ Ghost.bat, Nethoot.htm, Folder.htt, desktop.ini รวม 5 ไฟล์เสมอเมื่อเปิดโฟลเดอร์ต่าง ๆ

3. จะทำให้เครื่องทำงานช้าลง

อันดับ7 : W32 FlashDown.A.worm (Msmsgs.exe)

ไฟล์ขนาด 210 K ความร้ายแรงระดับปานกลาง อาการแสดงเมื่อติดเชื้อ W32 FlashDown.A.worm

1. ใช้ Regedit จะรีสตาร์ททันที

2. ใช้ Msconfig จะรีสตาร์ททันที

3. ใช้ Task Manager ไม่ได้

4. Folder Option หายไป

5. Search ในเมนู Start หายไป

6. ใช้ CMD ไม่ได้

อันดับ6 : WebCam.wmv.exe

ขนาดไฟล์ 72.0 K ความร้ายแรงระดับปานกลาง อาการเมื่อติดไวรัส WebCam.wmv.exe

1. Folder Options... หายไป

2. ใช้ Task Manager ไม่ได้

3. ใช้ Regedit ไม่ได้

4. ไดร์ฟ C: หายไป

5. คลิกเปิด Mannage ที่คลิกขวา My Computer มันจะปิดทันที

6. คลิกที่ Device Manager มันจะปิดทันที

7. เปิดใช้ Add or Remove Programs in Control Panel มันจะปิดทันที

8. เปิดใช้ Change the way sacurity center alerts Me มันจะปิดทันที

9. ใช้ CMD ไม่ได้

อันดับ5 : W32 writU.A.worm (syssetup.exe)

ขนาด ไฟล์ 80.0 K ดูไม่ค่อยร้ายแรงเท่าไหร่ แต่ก็สร้างความเสียหายได้ไม่น้อย มันจะทำให้ทุกไดร์เป็น Autoplay หมด เมื่อเราดับเบิ้ลคลิกที่ไดร์ไหนก็เหมือนทำให้มันขยาย พันธุ์ไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันตาย และมันจะสแกนหาพอร์ตในเครือข่ายไปเรื่อยๆ ทุกๆ 1 วินาที เมื่อเจอมันจะเข้าไปขัดขวางการทำงานทันที อาการแสดงออกเมื่อติดเชื้อ W32 writU.A.worm

1. คลิกขวาที่ไดร์ต่าง ๆ บรรทัดบนสุดจะเป็นตัวหนังสือ ?? แทนที่จะเป็น Open

2. ถ้าโชว์ Hidden File ไว้ จะเห็นไฟล์ชื่อ Autorun.inf และ syssetup.exe ซ่อนอยู่ระดับ System เมื่อเราลบมันทิ้งไปมันจะเกิดขึ้นมาใหม่เองอีก แต่จะไม่เกิดที่ไดร์ C:

3. ที่ Task Manager จะเห็น Image Name PING.EXE ทำงานอยู่ แต่ไม่สามารถ End Process ได้ เพราะมันใช้คำสั่ง PING พอร์ตในทุกๆ 1 วินาที

4. ระบบพอร์ตต่าง ๆ จะรวนไปหมด เช่น พิมพ์งานอาจจะเพี้ยน หรือใช้ต่ออินเตอร์เน็ตอาจจะมีปัญหาแฮ้งค์หรือหลุด

อันดับ4 : W32/Sohanat.DZ.worm (SCVVHSOT.EXE)

ขนาดไฟล์ 495 K มีความร้ายกาจระดับสูง แต่ฆ่าได้ไม่ยาก อาการแสดงออกเมื่อติดเชื้อ W32/Sohanat.DZ.worm

1. ดับคลิกเปิดไฟล์ .BAT ไม่ได้

2. ใช้ Regedit ไม่ได้

3. ใช้ Msconfig ไม่ได้

4. ใช้ Task Manger ไม่ได้

5. Folder Option หายไป

6. ใช้ CMD ไม่ได้

7. มันจะสร้างโฟลเดอร์เลียนแบบโฟลเดอร์เดิม แต่จะมีนามสกุล .EXE ไว้ทุกโฟลเดอร์

อันดับ3 : WIN32 Wukill.B worm

ขนาดไฟล์ 52.2 K ตัวนี้ร้ายกาจมาก สามารถหลบหนีได้ อาการแสดงเมื่อติดเชื้อ WIN Wukill.B worm

1. มันจะสร้างโฟลเดอร์ .EXE และ comment.htt, desktop.ini ทั่วไปหมด


2. เมื่อ Search เจอมันจะหนีไปได้


3. ใน Task Manager มันจะเปลี่ยนชื่อไปเรื่อย ๆ


4. เมื่อเราไปเปิดเจอตัวมันในโฟลเดอร์ใดก็ตาม มันจะหนีไปทันที มันจะมีที่อยู่ไม่แน่นอน จึงยากที่จะผสมยาแผนโบราณ

อันดับ2 : Brontok.B worm

Brontok.B worm ขึ้นไป เช่น Brontok.B ขนาดไฟล์ 19.5 K, Brontok.AQ ขนาดไฟล์ 41.6 K ยังมีอีกหลายรุ่นความร้ายแรงระดับสูง อาการที่แสดงเมื่อติดเชื้อไวรัส Brontok.AQ หรืออื่น ๆ อาการจะคล้าย ๆ กัน

1. Folder Option หายไป


2. ใช้ Task Manger ไม่ได้


3. ใช้ Regedit ไม่ได้


4. ใช้ Msconfig ไม่ได้


5. ใช้ CMD ไม่ได้


6. คลิกไฟล์ หรือโฟลเดอร์ที่ชื่อว่า VIRUS หรือความหมายที่เกี่ยวกับไวรัส หรือตามข้อ 2 - 5 มันจะรีสตาร์ทเครื่องทันที


อันดับ1 : W32 VB.UT.worm

W32 VB.UT.worm ขนาดไฟล์ 88.0 K ความร้ายแรงระดับสูง มันจะเปลี่ยนไฟล์ CMD.EXE, Taskmgr.exe, regedit.exe, msconfig.exe ให้เป็นไฟล์ของมันแทน คือ ขนาด 88.0 K เมื่อเราดับเบิ้ลคลิกใช้ไฟล์พวกนี้ ก็เท่ากับคลิกตัวมันให้ทำงานนั่นเอง เมื่อใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสฆ่ามัน ได้แล้ว แต่โปรแกรมพวกนี้ก็ยังใช้งานไม่ได้อยู่ดี ต้องไปหาไฟล์พวกนี้ CMD.EXE, Taskmgr.exe, regedit.exe, msconfig.exe จากเครื่องอื่น ๆ มาใส่แทนจึงจะใช้งานได้ อาการแสดงออกเมื่อติดเชื้อ W32 VB.UT.worm

1. Folder Option จะหายไป


2. ใช้ Task Manger ไม่ได้


3. ใช้ Regedit ไม่ได้


4. ใช้ Msconfig ไม่ได้


5. ใช้ CMD ไม่ได้ (จากข้อ 2 - 5 เพราะมันเปลี่ยนเอาไฟล์ของมันมาใส่แทนไว้)


6. เมื่อเปิด IE Browser... บนไตเติ้ลบาร์จะมีชื่อ Hacked by 1BYTE


7. ทุกไดร์ฟจะเป็น Auto หมด จะดับเบิ้ลคลิกเปิดไดร์ฟตามปกติไม่ได้ (ดับเบิ้ลคลิกเท่ากับทำให้มันทำงานต่อไป)


8. จะดับเบิ้ลคลิกไฟล์ .BAT บนเดสท๊อบไม่ได้


9. บางครั้งถ้าเราพยายามจะฆ่ามัน อาจจะมีรูปหัวกระโหลกไขว้ขึ้นมา หน้าจอจะเป็นสีดำกระพริบ ต้องรีบปิดเครื่องทันที ไม่เช่นนั้นมันจะฟอร์แมตไดร์ฟต่าง ๆ ทิ้งทั้งหมด

ที่มาท็อปเทนไทยแลนด์
220  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เวลาที่ไม่สบายใจ.หรือ มีปัญหา เข้ามา รุ้สึกหัวใจมันเต้นเร็วมีวิธีแก้ไขหรือไม่คะ เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2012, 11:16:14 am
ผมว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นเพราะความกลัว นะครับ คนเราก็มีความกลัว เป็นธรรมดาครับ ดังนั้น
ความกลัวจะหมดไปได้ ก็ต้องมองเห็นความจริงได้ว่า ความกลัวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่ากล้ว

 การที่ฃจัดความกลัว ได้ จัดได้ว่าเป็นระดับ ของ พระโสดาบัน นะครับ คือละสักกายทิฏฐิ ว่านี่เป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวเป็นตนของเรา นะครับ

   ดังนั้นการที่จะละสักกายทิฏฐิได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นะครับ เพราะต้องมีการฝึกฝน ศีล สมาธิ ปัญญา มาระดับหนึ่ง มีการสร้างบารมีมาแล้ว ด้วยไม่ใช่นึกจะละก็ละได้เลย ( อันนี้เป็นส่วนที่พระธรรมเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ยาก )

    คิดว่า ฝึกนั่งกรรมฐาน เดินจงกรม ตามแบบกรรมฐาน ก็น่าจะบรรเทาได้ก่อนนะครับ

    :s_hi:
221  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: หาวิธี ระงับ ความโกรธ ให้หน่อยคะ ........ หงุด หงิด และ เครียด เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2012, 11:13:11 am
เมื่อรู้ตัว อยู่ มีสติ ก็เป็นเรื่องที่ดี แล้วครับ นี่ก็ได้ว่า ปฏิบัติอยู่แล้วครับ

  ความโกรธของคุณจึง ขึ้นไม่ถึงขีดสุด ตอนนี้เชื่อว่า น่าจะลงแล้ว คงเหลือแต่ความไม่สบายใจบ้าง
 
  หายใจเข้าออกเป็น พุท เป็น โธ ไปเรื่อย ๆ ก็น่าจะดีขึ้นนะครับ

   :s_hi:
222  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / การที่เราบอกกับตัวเองว่า เป็นพระอริยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระก็ได้ เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2012, 11:11:25 am
การที่เราบอกกับตัวเองว่า เป็นพระอริยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระก็ได้ นั่นหมายถึงความเชื่อว่า เราสามารถปฏิบัติธรรมเป็นพระอริยะบุคคลได้ในเพสฆราวาส ซึ่งผมเองมีความเชื่อว่าเป็นไปได้ยากนะครับ ...

  เพระาอะไรครับ .....
    ขนาดพระสงฆ์ ยังหา พระอรหันต์ได้ยาก หรือ พระโสดาบัน ขึ้นไปยังหายากเลยครับ แล้วไฉน ฆราวาส จะมีพระอริยะบุคคลมากกว่า พระสงฆ์ ที่ผมเชื่ออย่างนี้เพราะว่า ยุคนี้ เป็นยุคศิวิไลซ์ คือ ยุคแห่งตัณหาเป็นเครื่องนำ ถ้าเทียบไปในสมัยครั้งพุทธกาลแล้ว ผู้คนและชาวบ้าน อยู่กับความสงบมากกว่า แต่ปัจจุบันนี้ ผมว่าไม่ใช่นะครับ เพราะส่ิงสื่อล่อจิตให้ปรุงแต่งตัณหา มีมากกว่า เอาง่าย ๆ แค่ ทีวี นี่ก็นำตัณหาให้เกิดมากกว่าแล้ว

   ดังนั้นผมว่า คนที่คิดว่า ปฏิบัติในเพศฆราวาสแล้วจะเป้นพระอริยะบุคคลได้ง่าย ๆ นั้นผมว่า อาจจะทำได้ยากนะครับ เพราะว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่พระอริยะบุคคลจะใช้ชีวิตอยู่กับคนปุถุชน ได้ง่าย ๆ นะครับ


   การที่เราบอกกับตัวเองว่า เป็นพระอริยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระก็ได้ อย่างนี้ อาจจะเป็นเรื่องที่ปรามาสพระรัตนตรัยได้นะครับ

    ใครเห็นด้วย หรือ เห็นแย้งแสดงความเห็นได้เต็มที่นะครับ เพื่อชำระสิ่งที่ผมคิดไว้อาจจะผิดก็ได้นะครับ

 :s_hi: :smiley_confused1: :67: :13:
223  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มีวิธีตรวจสอบพระอรหันต์ หรือไม่ครับ .... เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2012, 11:05:12 am
พวกเพื่อน ๆ ผมชอบมาชักชวนผมว่า ไปกราบไหว้ ฟังธรรม จากพระอรหันต์กัน พอไปแล้วก็ผิดหวังจริง ๆครับเพราะผมมีความรู้สึกว่าไม่ใช่พระอรหันต์ ครับ ถ้าจะถามผมก็คิดว่า มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวที่มีญาณตรวจรู้จัก พระอรหันต์ ( อันนี้คิดไว้มานานแล้วครับ )

   ดังนั้นสงสัยว่า ถ้าเราจะตรวจสอบพระอรหันต์ ด้วยหลักการอะไรได้ครับ ว่าใช่ หรือ ไม่ใช่ ครับ

  :s_hi: :smiley_confused1:
224  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เรามาช่วย "ไม่ให้ปลาหมอตาย..เพราะปาก" กันเถอะ(เอาบุญ) เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 01:46:17 pm
เรื่องวิบากกรรมจาก พระไตรปิฏก  อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=21279


วิบากกรรมของ อกุศลกรรมบถ ๑๐
http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=11188

http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=11191

๕. ปิสุณวาจา หมายถึงการพูดส่อเสียด เป็นการพูดที่มีเจตนาให้เกิดการแตกแยก รวมทั้งการพูดที่กล่าวพาดพิงถึงบุคคลอื่นในทางที่ไม่ดี องค์ประกอบที่จะตัดสินว่าเป็นการกระทำผิดอกุศลกรรมบถในข้อนี้คือ

๑) มีผู้ที่ถูกทำให้แตกแยก
๒) มีจิตมุ่งให้แตกแยกกัน
๓) มีความเพียรให้แตกแยกกัน หรือได้พูดออกไป
๔) คนฟังรู้ความ

เมื่อได้กระทำออกไป ผลที่จะได้รับในปวัตติกาล คือ

(๑) ชอบตำหนิตัวเอง เมื่อได้ทำอะไรผิดมักอุทานออกเป็นคำพูดที่ตำหนิตนเอง เช่น "บ้าจัง !" หรือ "แย่จริง ! " บางคนกลัวเพื่อนฝูงจะหยิบยืมเงินทองมักชอบพูดเป็นทำนองว่าตนเองไม่มีเงิน หรือบางคนชอบพูดว่าตนเองไม่ดีอย่างโน้น อย่างนี้ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะอดีตชาติชอบตำหนิ และส่อเสียดผู้อื่นไว้ อำนาจนี้จึงทำให้ชาติต่อ ๆ ไปกล้าที่จะตำหนิตนเองซึ่งเป็นชีวิตที่เรารักที่สุดได้

(๒) มักถูกกล่าวหาโดยไม่เป็นจริง หลายท่านอาจเคยประสบพบเห็นมาว่า เมื่อมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น หรือมีข้าวของอะไรเสียหาย เด็กบางคนมักจะถูกพ่อแม่ดุเป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่เด็กคนนั้นไม่ได้ทำอะไรเลย หรือขณะที่เด็ก ๆ เล่นกันเมื่อมีเรื่องราวเกิดขึ้น เด็กบางคนต้องตกเป็นผู้เสียหาย ถูกฟ้องทั้งที่ตนเองเป็นฝ่ายถูก นั่นคือไม่ว่าจะมีความผิดใด ๆ เกิดขึ้น แม้ไม่ได้เป็นผู้กระทำ ก็จะถูกมองว่าเป็นคนผิด นักโทษที่ถูกตำรวจจับ และต้องถูกกักขัง บางรายก็ไม่ได้กระทำผิดจริง แต่กลับถูกส่งฟ้องเพราะสิ่งแวดลล้อมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นหลักฐานสำคัญทำให้ถูกจับการถูกกักขังนั้นก็เป็นผลเนื่องจากอดีตชาติเป็นคนที่ชอบกักขังสัตว์มาก่อนนั่นเอง

(๓) ถูกบัณฑิตติเตียน นั่นคือไม่ว่าจะทำการงานอะไร แม้งานที่คิดว่าเสร็จสมบูรณ์ดีแล้วก็ยังมีช่องโหว่ทำให้ได้รับคำตำหนิจากหัวหน้างาน หรือเด็กบางคนที่ถูกพ่อแม่ ครูอาจารย์ดุเป็นประจำ

(๔) แตกกับมิตรสหาย บางคนมีพฤติกรรมบางอย่างที่ใคร ๆ ไม่ชอบ หรือเป็นคนที่เข้ากับใคร ๆ ไม่ได้ แม้มีเพื่อนก็มีเหตุทำให้ต้องมีเรื่องแตกแยกในที่สุด ทั้งนี้เป็นเพราะอดีตชาติได้เคยส่อเสียดคนอื่นเอาไว้มาก อำนาจนี้จึงทำให้ต้องได้รับผลคือไม่มีใครอยากคบหาสมาคมด้วย เป็นการแตกกับมิตรสหายนั่นเอง



อกุศลกรรมบถในข้อปิสุณวาจานี้ ถ้าพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว หลาย ๆ คนยังประพฤติและปฏิบัติกันอยู่ เช่น การกล่าวถึงบุคคลอื่นในทางที่ไม่ดี การกระทำนี้จะสร้างความสันทัดให้ติดตัวไปและในที่สุดจะผลักดันให้มีการกระทำทางวาจา เช่น หลาย ๆ คนเมื่อมีเสียงดังจากภาชนะที่ตกหล่น มักจะส่งเสียงร้องโทษแมว อันนี้เป็นผลของความสันทัดในการส่อเสียดเริ่มต้นจากการว่าแมวแล้วอาจส่อเสียดคนอื่น ๆ ต่อไปได้อีก เมื่อได้กระทำกรรมเช่นนั้น ผลก็ย่อมต้องได้รับดังที่กล่าวมาแล้ว

๗. สัมผัปปลาปะ หมายถึงการพูดเพ้อเจ้อ เป็นการกล่าววาจาหรือเรื่องราวอันหาสาระประโยชน์ไม่ได้ มีองค์ประกอบของการตัดสินว่าเป็นการพูดเพ้อเจ้อคือ

๑) มีเจตนากล่าววาจาที่ไม่มีสาระ ไม่เป็นประโยชน์
๒) ได้กล่าววาจานั้นออกมา

เมื่อได้กระทำออกไป ผลที่จะได้รับในปวัตติกาลคือ

(๑) เป็นอธรรมวาทบุคคล คือ เป็นคนที่พูดมากและเรื่องราวที่พูดนั้นไร้สาระ หาประโยชน์ไม่ได้ บางคนไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็พูดกับเขาได้ทุกเรื่อง มีการเพลิดเพลินในการพูดคุยโดยไม่สนใจว่าคนอื่นเขาจะรู้สึกอย่างไร บางคนไม่ว่าใครจะทำอะไรหรือซื้ออะไรมา ก็ชอบไปพูดวุ่นวายทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง เช่น เขาซื้อผ้ามา ก็เที่ยวไปถามว่า "ซื้อเท่าไร? ซื้อที่ไหน?" และติว่าซื้อแพง เป็นต้น คนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้เป็นเพราะความสันทัดจากการเป็นคนพูดเพ้อเจ้อในอดีตชาติติดตามมานั่นเอง

(๒) ไม่มีผู้เลื่อมใสในคำพูด แม้จะพูดจริงก็ไม่มีใครเชื่อถือ สิ่งเหล่านี้เป็นผลที่ได้รับเพราะพูดเพ้อเจ้อมา คนที่พูดหาสาระไม่ได้ เมื่อพูดจริงคนก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่พูดนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ เพราะสิ่งที่เขาพูดมีมากมาย และข้อความบางอย่างที่พูดก็ไม่มีประโยชน์เลย

(๓) เป็นคนไร้อำนาจ ถึงจะเป็นหัวหน้า ลูกน้องก็ไม่มีความยำเกรง เป็นพ่อแม่พูดจาสั่งสอน ลูกก็ไม่เชื่อฟัง เป็นครูอาจารย์ ลูกศิษย์ก็ไม่ให้ความเคารพ ทั้งนี้เพราะอดีตชาติเป็นคนเพ้อเจ้อ ไม่มีใครให้ความเชื่อถือมาก่อนนั่นเอง

(๔) วิกลจริต คนวิกลจริตบางครั้งนั่งพูดอยู่คนเดียวที่เป็นเช่นนี้เพราะอดีตเป็นคนพูดมาก ไร้สาระ ไม่มีใครอยากฟัง จิตจึงเก็บอำนาจนั้นไว้ ผลที่ตามมาจึงทำให้วิกลจริตกล้าพูดคนเดียว



ทั้ง ๔ ประการนี้จัดเป็นวาจาทุจริต เมื่อได้กระทำออกไปย่อมมีผลตามมามากมาย ดังนั้น ในการรักษาศีล ๕ ข้อ ๔ มุสาวาท ซึ่งหมายถึงเว้นจากการพูดทุจริต จึงรวมการพูดส่อเสียดพูดคำหยาบและพูดเพ้อเจ้อเข้าไปด้วย
-------------------------------------------------
สมาธิ - วิปัสสนา ต่างกันอย่างไร ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16060

เมื่อครั้งพุทธกาล เจโตวิมุติ(ผู้ได้ฌาน) น้อยกว่าปัญญาวิมุตติ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062
====================================

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

สำนักปฏิบัติวิปัสสนาอ้อมน้อย
ต. อ้อมน้อย อ. กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร (ก.ม. ๒๔) โทร. ๐๒ - ๔๒๐๒๑๒๐

http://www.abhidhamonline.org/Omnoi/Omn2/Omn1.htm

-------------------------------------------

หลักการปฏิบัติ

http://abhidhamonline.org/OmNoi1.htm
นกการเวกสำคัญที่ เสียง
สตรีสำคัญที่  รูป
บุรุษสำคัญที่ วิทยาคุณ
นักพรตสำคัญที่ การอบรม
ผู้ปฏิบัติวิปัสสนาฯ สำคัญที่ ความเข้าใจ 



http://abhidhamonline.org/15Principle.htm
225  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เรามาช่วย "ไม่ให้ปลาหมอตาย..เพราะปาก" กันเถอะ(เอาบุญ) เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 01:40:24 pm
ผลในปวัตติกาลของ มุสาวาท มี ๘ ประการ คือ

๑. พูดไม่ชัด ๕. ตาไม่อยู่ในระดับปกติ

๒. ฟันไม่เป็นระเบียบ ๖. กล่าววาจาด้วยปลายลิ้น และปลายปาก

๓. ปากเหม็นมาก ๗. ท่าทางไม่สง่าผ่าเผย

๔. ไอตัวร้อนจัด ๘. จิตไม่เที่ยงคล้ายวิกลจริต


  เห็นด้วยนะครับ อย่าตายด้วยปากกันเลยครับ


 :s_hi:

 
226  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เรามาช่วย "ไม่ให้ปลาหมอตาย..เพราะปาก" กันเถอะ(เอาบุญ) เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 01:38:36 pm
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ 
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
๙. สูจิสูตรที่ ๒


(ข้ิิอ ๖๔๘ พระมหาโมคคัลลานะได้เล่าว่าท่านไปพบเปรตตนหนึ่ง)


           .... ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ตอบว่า

          "เมื่อผมลงมาจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นบุรุษมีขนเป็นเข็มลอยอยู่ในเวหาส เข็มเหล่านั้นของบุรุษนั้นเข้าไปในศีรษะแล้วออกทางปาก เข้าไปในปากแล้วออกทางอก เข้าไปในอกแล้วออกทางท้อง เข้าไปในท้องแล้วออกทางขาอ่อน เข้าไปในขาอ่อนแล้วออกทางแข้ง เข้าไปในแข้งแล้วออกทางเท้า ได้ยินว่า บุรุษนั้นส่งเสียงร้องครวญคราง"


(พระพุทธเจ้าตรัสว่า)

          "ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์นี้เป็นคนส่อเสียดอยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง"

จบสูตรที่ ๙


 
****************

เรียบเรียงจาก
สูจิสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=6825&Z=6832&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=16&i=648
227  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อยากทราบความเห็น ครับ ระหว่าง พระพุทธรูป ที่บูชามาจากวัด กับ พระพุทธรูปที่ มา... เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 01:36:20 pm
อยากทราบความเห็น ครับ ระหว่าง

   พระพุทธรูป ที่บูชามาจากวัด มีพิธีพุทธาภิเษก มีพระนั่งปรกมากมาย หลายรูป จัดจำหน่ายโดยวัดเอง

กับ พระพุทธรูปที่ซื้อ มาจากร้านสังฆภัณฑ์ ต่าง ๆ ที่ยังไม่มีพิธีใด ๆ เลย

  อยากทราบว่า เพื่อน ๆ สหธรรม มีความเคารพ และให้ความสำคัญอย่างไร กับพระพุทธรูป ทั้ง 2 แบบนี้ครับ

   1. ให้ความเคารพ เท่ากันหรือไม่ ?
   2. พระพุทธรูป จะช่วยเราได้อย่างไร บ้างครับ สำหรับผู้ที่เคารพ
   3. จำเป็นนำ พระพุทธรูป ไปทำพิธีพุทธาภิเษก หรือไม่ครับ หรือไม่ต้อง เพราะพระพุทธเจ้าศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว
   4. หรือไม่ต้องสนใจ พระพุทธรูป ทั้งสองแบบนี้เลย

  อยากทราบความเห็นของชาวธรรม และนักภาวนา ทุกท่าน ครับ ....

  ติชม ได้เต็มที่นะครับ  ยินดีรับฟังครับ

   :s_hi: :49:

   



228  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ุคุณจะทำอย่างไร ถ้าคุณรู้ว่าเพื่อนของคุณ ...เป็นแบบนี้ ? เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2012, 04:33:53 pm
อ่านแ้ล้วก็ลำบากใจ ครับ เลยกลายเป็นว่า เรากำลังเป็นเหตุ ให้เรื่องมาลงที่เรา นะครับ

  ถ้าบอก พ่อแม่ เขาไปตามความจริง เลยตอนนี้ ทุกคนก็จะต้องทุกข์ และ ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง
  คุณก็เป็นคนเสียอยู่ดี .....

  ถ้าไม่บอก แล้ว ความจริง มาปรากฏตอนหลัง เราก็เสียอยู่ดี แต่เขาจะเข้าใจ เราหรือไม่ ?

  ผมคิดว่า ลองปรึกษา เพื่อนคุณก่อน สิครับว่า จะให้ทำอย่างไร .

   :s_hi: :13:
229  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: คนไทยจุกพ.ค.ขึ้นค่าไฟ38สตางค์ ไฟเขียวลดดีเซลอีก 1 เดือน เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2012, 12:33:12 pm
ตอนนี้ รัฐบาล ก็พยายามพยุงราคาต่าง ๆ อย่างเต็มกำลัง ผลกระทบมันมาจากอะไร กันแน่ สินค้าถึงขึ้นราคา

 เป็นเพราะว่าการขึ้นค่าแรง 7 จังหวัด หรือ ว่า ประกาศขึ้นค่า พลังงาน

 ก็ กฟภ ตอนนี้จะพยุง ค่า FT 1 เดือน คือจะขึ้นในเดือน มิ.ย.55

 นะครับ 

 พอเพียง น่าจะเป็นทางออกที่ดี ที่สุด นะครับ

  :coffee2: :coffee2: :coffee2:
230  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / อาจจะทำให้ท่านทั้งหลาย สนใจไปกันมากขึ้นนะคะ ถ้ามีโอกาสควรไปคะ เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2012, 01:30:04 pm
1 เอาบุญมาฝากค่ะ อยากให้ทุกคนอนุโมทนากันเยอะๆ ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆๆๆๆ นะคะ
2. เป็นครั้งแรกค่ะที่ปฏิบัติอย่างจริงจัง ไปทั้งวัน4วัน วันที่2 ของการปฏิบัติ ตอนนั่งกำหนดจิต ยุบหนอ-พองหนอ อยู่ดีๆก็เกิดเห็นภาพค่ะ ภาพในอดีต ภาพคนรู้จักที่ไม่เคยติดต่อกันมาเป็น10ปีแล้ว อยู่ดีๆปรากฎขึ้นมาแล้ว รู้สึก กลัวค่ะ ตามคุมจิตไม่ทัน ภาพมันแวบไปแวบมาเปลี่ยนนเรื่องเร็วมาก บางทีก็เห็นเป็นภาพคนที่เรารู้จักกันอยู่ยืนคุยกับเราอยู่ในที่ๆนึงค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน มันยังไม่เกิด ภาพสลับไปมาเร็วมาก เหมือน เวลาเรากดกล้องถ่ายรูปเร็วๆ(ที่จริงเร็วมากกว่านั้น) ทำให้รู้สึกจิตตกบอกไม่ถูกค่ะ


3.วันที่3ของการปฏิบัติ เราก็ปฏิบัติแบบจริงจังมั่งไม่จริงจังมั่ง แต่นั่งไปซักพักเีิริ่มนึกถึงพ่อแม่นึกถึงเวลาเราดื้อรู้สึกผิดค่ะความรู้สึกหลายอย่างประดังประเด น้ำตาไหลออกมาเอง แต่ไหลมาเองนะคะ ไม่มีการสะอื้น ไม่มีการฟูมฟาย ค่อยๆไหลมา ซักพักความรู้สึกพวกนี้ก้หายไป
4.นั่งไปซัำกพักเริ่มปวดขาค่ะ คันหน้าบ้าง หิวข้าวบ้าง ปวดไหล่บ้าง จนจะเริ่มทนไม่ไหวค่ะ แต่ก็ตั้งสติไว้ว่า ร่างกายเราไม่ใช่ของเรา ยอมเจ็บ ยอมปวด ภาวนาไปเรื่อยๆ จนอาการเหล่านี้หายไป แล้วเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเราลอยขึ้นมาจาก ขาตัวเองที่นั่งสมาธิอยู่นิดนึง เหมือนไม่มีแขน ไม่มีขา ไม่มีร่างกาย ดูว่างเปล่า ได้ยินเสียงก็ไม่กระทบไม่รำคาณไม่สนใจ เห็นแต่แสงสีน้ำเงินทะเล แล้วก็ภาวนาไม่ถูกเลยค่ะจากนั้น รู้สึกดี เย็น ตัวเบาๆ เหมือนๆนะคะว่าลมหายใจจะแบบบางๆบอกไม่ถูกด้วย  จนพระอาจารย์เรียกให้ทุกคนออกจากสมาธิอะค่ะ อาการเหล่าจึิงหายไป

คืออยากทราบว่าอาการเหล่านี้ที่เกิดขึ้นคืออะไีร แล้วเรียกว่าอะไร
คือไปปฏิบัติแบบจริงจังครั้งแรกเลย ครั้งอื่นๆเหมือนไปเล่นๆเคยไปแต่แบบเหมือนเข้าค่ายอะไรประมาณนั้น   แล้วที่วัดคนเยอะมากค่ะ 2200กว่าคน เลยไม่กล้าเข้าไปสอบถามพระอาจารย์มีคนถามกันเยอะๆมากๆพวกนั่งหน้าๆ (คือเรานั่งหลังๆ) ได้แต่เก็บไว้ในใจ เพราะท่านดูเหนื่อยมาก  คราวนี้พอนั่งสมาธิวันที่4ก็ไม่ค่อยกล้าจะจริงจังมากแล้วอ่ะค่ะ เกิดความกลัว กลัวจะบ้า จะเจออะไรน่ากลัวๆแบบนั้น

อยากทราบค่ะว่าพระอาจารย์ที่สอนกรรมฐานเรานั้น จะอ่านใจเราออกป่ะคะ ว่าคิดอะไรอยู่ในใจบ้าง 555

เลยมาขอสอบถามจากผู้รู้ในห้องนี้ ช่วยไขข้อข้องใจให้หน่อยนะคะ 

บุญรักษาทุกคนค่ะ :)



จากคุณ    : หัวใจสีชมพูพองโตน่ารัก
231  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ยุวพุทธฯบางแค ขอเชิญฟัง "ลมหายใจ ที่ไร้ทุกข์" 13 พค. 2555 เวลา ๑๓.๐๐ เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2012, 01:14:38 pm
ยุวพุทธฯบางแค ขอเชิญฟัง "ลมหายใจ ที่ไร้ทุกข์"
โดย พระมหากิตติศักดิ์ โคตมสิลโส
ท่านบรรยายธรรมได้สนุกสนานและเนื้อหาดีมากๆ
ที่ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ย.พ.ส.)
อา 13 พค. 2555 เวลา ๑๓.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น.
ณ อาคารธรรมนิเวศ ชั้น ๔
ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ซ.เพชรเกษม ๕๔

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ๐๒ ๔๕๕ ๒๕๒๕

จากคุณ    : kaveebsc
232  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: นิทรรศการ "พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร" 17-20 พ.ค. สยามพารากอน เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2012, 01:13:05 pm








อ่านรายละเอียดที่ลิงก์นี้นะครับ
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12058797/Y12058797.html
233  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: นิทรรศการ "พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร" 17-20 พ.ค. สยามพารากอน เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2012, 01:09:36 pm




234  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / นิทรรศการ "พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร" 17-20 พ.ค. สยามพารากอน เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2012, 01:07:57 pm


"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว
บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ
ธรรมและวินัยอันนั้น
จักเป็นศาสดาของพวกเธอ
โดยกาลล่วงไปแห่งเรา"

พุทธพจน์

...แล้วคุณเข้าใจหรืออย่างถ่องแท้หรือยัง
ว่าพระพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้อะไรและ
ได้เข้าถึงความจริงของชีวิตอย่างไร


ถ้ายัง หรือ ยังไม่แน่ใจ

ขอเชิญชม

นิทรรศการ "พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร"

ใน งานมหกรรมลานโพธิ์ ตอนงานวัดลอยฟ้า
จัดแสดงโดย เครืออมรินทร์
หนึ่งในกว่าร้อยภาคีมที่ร่วมจัดงาน
ระหว่างวันที่ 17 - 20 พฤษภาคมนี้
รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
จากคุณ    : อาณาจักรสีเขียว
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12058797/Y12058797.html
235  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เพื่อน ๆ มีความคิดเห็นอย่างไรในการหา ที่ปฏิบัติธรรม เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2012, 01:32:45 pm
คิดว่าไม่จำเป็นต้องหา ครับ ที่สำคัญต้องปฏิบัติชำระที่ใจของเรา ครับ
การปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ โชว์ไทม์ ครับ แต่เป็นการชำระใจของเราให้บริสุทธิ์ ครับ

 ดังนั้นการหาสถานที่ ปฏิบัติเป็นเพียงภายนอก เหมือนเปลี่ยนบรรยากาศ แต่เปลี่ยนไปที่ไหน ก็กายเดิม จิตเดิม ดังนั้นการหาสถานที่ปฏิบัติธรรม สำหรับผม หมายถึงหาครูอาจารย์ ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบมาช่วยแนะนำการภาวนาปฏิบัติ ครับ

  :s_hi: :67:
236  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อยากถามเพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไร กับพระที่ใช้ Facebook คะ เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2012, 01:07:49 pm
โลกทุกวันนี้ มันเปลี่ยนไปมากแล้ว ถ้าจะให้คร่ำครึ อยู่ก็ไม่ทันที่ช่วยใคร สงสารพระท่่านดี ๆ ทีใช้ประโยชน์เหล่านี้ให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติ เรื่องนี้เป็นทั้งดาบสองคม เหมือนโทรศัพท์มือถือนั่นแหละ .... อย่าไปมองให้ไกลเลย แต่เท่าที่ทราบมา พระที่ทำงานเผยแผ่บนสื่ออินเตอร์เน็ต ต้องมีความอดทนมาก ๆ เพราะท่านอยู่ในฐานะเปิดเผย แต่ผู้ที่ติดต่อท่าน ไม่ได้เปิดเผยตัว... ข้อได้เปรียบ เสียเปรียบทางการสนทนามีอยู่แบบเห็นได้ชัด

   วันนี้ผมก็เจอไอ้เพื่อนโรคจิต ได้คุยให้ฟังว่า ( ทาง Facebook ) ว่าวันนี้ มันได้ด่าพระเล่น Facebook
   ผมก็ถามมันว่า แล้วพระท่านเล่นอย่างไร ? มันก็ตอบผมว่า เข้าไปแชท ชวนมันเล่มเกมส์ และมันบอกว่าไม่เล่น เพราะเป็นพระไม่เล่นเกม แต่ถ้าถามธรรมะก็จะตอบ มันเลยตอบด่าไปว่า เป็นพระแม่มึงใช้ให้เล่นเฟสบุ๊ค หรือ พระท่านก็ตอบมาว่า มีอะไรสนทนาเพิ่มเติมไหม มันก็ตอบว่า มี ขอไปเยี่ยว และให้ของลับ มันคุยด้วยความภูมิใจที่ได้ด่าพระ แต่ผมไม่รู้สึกไม่ได้รู้สึกว่ามันดี หรอก เพราะว่า ไอ้เพื่อนคนนี้เหยียบนรก คบไม่ได้แล้ว

    ดังนั้น การด่าพระอย่างนี้ คนทั่วไปจะได้เปรียบเพราะมันจะเป็นฝ่ายด่าอย่างเดียว เพราะมันคิดว่าพระด่าตอบมันไม่ได้ ถ้าได้ตอบมันผิดศีล ( อันนี้เป็นข้อเสียเปรียบของ พระ โดยตรง ) เพราะถ้าด่าผมอย่างนี้ ก็สวย สิ บันทึกส่ง หมายเลช IP แจ้งความ ฐานหมิ่นประมาทได้ นะครับ แต่ไม่สะใจต้องด่าตอบ


  ถามความเห็นว่า สมควรหรือไม่ ? อันนี้ตอบยาก ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของพระเองมากกว่า ว่าต้องการใช้เพื่ออะไร ?

  :s_hi: :coffee2: :hee20hee20hee:
237  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อยากทราบประวัติ ท้าว จาตุมหาราชทั้งสี่ ด้วยคะ ว่ามีหน้าที่อย่างไร เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2012, 01:25:55 pm
อ้างถึง
ท้าววิรูปักขะ อยู่ทางทิศตะวันตกของภูเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครองนาคเทวดา

อยากทราบประวัติ ท้าว วิรูปักขะ ครับ ไม่ทราบว่าเป็น นาค ด้วยหรือไม่ครับ

 นับถือพระพุทธศาสนา ใช่หรือไม่ครับ

   :c017: :s_hi:
238  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.buddhasavika.com/ สำนักปฏฺบัิติธรรมพุทธสาวิกา เมื่อ: เมษายน 27, 2012, 09:31:24 am


http://www.buddhasavika.com/
สำนักปฏฺบัิติธรรมพุทธสาวิกา


ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
 
ณ.สำนักปฏิบัติธรรมพุทธสาวิกา
ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง  จ.ชลบุรี  ๒๐๒๒๐
 
 
โทรศัพท์      08-9832-2529
                08-1982-8937         
 http://www.buddhasavika.com

239  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 5 วิธีการที่ควบคุมระบบการเงิน ให้อยู่ดี เท่าที่จะทำได้น่าตะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ใ เมื่อ: เมษายน 25, 2012, 09:26:21 am
มาในช่วงเศรษกิจ ที่มีค่าครองชีพ ขยับตามฐานเงินเดือนบางกลุ่ม ยังมีกลุ่มที่ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน แต่ก็เดือดร้อนทันที แพนด้า ก็เดือดร้อนเพราะค่าครองชีพถีบตัวขึ้นมากระทันหัน ในขณะที่รายได้ของเราไม่ได้เพิ่มเลย ที่เห็น น้ำแข็งจากแก้วละ 1 บาท กลายเป็น 2 บาท น้ำแข็งถุง 5 บาทเป็น 6 บาท อันนี้แบบย่อย ๆ ที่ใหญ่ ๆ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่ารถ ค่าอาหาร ที่ถึบตัวทันทีขึ้นมา อย่างกระทันหัน

จะโวยวายกับใคร ก็คงไม่ได้แล้ว เพราะใครจะเห็นใจเรา ก็ไม่ได้ลดราคาอะไรลง


ดังนั้น 5 วิธีการที่ควบคุมระบบการเงิน ให้อยู่ดี เท่าที่จะทำได้น่าตะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในขณะนี้



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

หลังจากแต่งงานแล้ว ความรักของคุณก็จะต้องพบกับความรับผิดชอบที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะคุณไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไป คุณยังต้องดูแลครอบครัวของคุณด้วย ฉะนั้น การใช้จ่ายของคุณจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ และส่งผลกระทบต่อพวกเขาโดยตรง จนทำให้ความเครียดจากปัญหาเรื่องเงิน กลายมาเป็นเรื่องที่ทำให้สามีภรรยาหลาย ๆ คู่ เกิดผิดใจจนถึงขั้นหย่าร้างกันไปได้

ดังนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวมวิธีแก้ปัญหาเรื่องการเงินในครอบครัวมาฝากกัน เพื่อให้คุณได้มีความสุขกับการใช้ชีวิตคู่มากขึ้น โดยไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องเงินอีก ส่วนจะมีวิธีการอย่างไรบ้างนั้น ลองไปอ่านกันดูเลยค่ะ

1. รายได้น้อยนิด

สามีภรรยาหลาย ๆ คู่มักจะกดดันกันและกัน ในเวลาที่ไม่สามารถหารายได้มากพอจะมาใช้ดูแลครอบครัว อย่างไรก็ตาม การโทษกันไปมาก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มีแต่จะทำให้เครียดมากขึ้นเสียเปล่า ๆ เพราะฉะนั้น ควรพยายามส่งเสริมให้กำลังใจกันและกัน ด้วยการสนับสนุนให้ทำในสิ่งที่รักจะดีกว่า นอกจากนี้ ไม่ควรเอาเรื่องการเงินของครอบครัวคุณไปเปรียบเทียบกับครอบครัวอื่นเด็ดขาด จะเป็นการบั่นทอนกำลังใจกันและกันเสียมากกว่า

2. ใช้จ่ายมากเกินตัว

คุณควรจำกัดรายจ่ายของครอบครัวเอาไว้ จะได้มีเงินเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉินบ้าง อย่าลืมว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ นอกจากนี้ สามีของคุณคงไม่พอใจหรอก หากเงินเดือนที่เขาหามาอย่างยากลำบาก ต้องหมดไปกับการช้อปปิ้งอย่างบ้าระห่ำในเวลาสั้น ๆ ของคุณ ดังนั้น คุณจึงควรตกลงกันให้ดี ว่าสามารถใช้จ่ายได้มากที่สุดประมาณเท่าไหร่ต่อเดือน เพื่อให้มีเงินเก็บเหลือไว้ใช้กันบ้าง

3. หนี้สินท่วมหัว

การใช้ชีวิตคู่ท่ามกลางหนี้สินมากมาย ย่อมทำให้เกิดความเครียดเป็นธรรมดา เพราะอาจนำมาสู่การฟ้องร้องและสูญเสียทรัพย์สินทีมีอยู่ได้ ดังนั้น คุณจึงควรหลีกเลี่ยงปัญหานี้เสียแต่แรก ด้วยการกำหนดวงเงินในการใช้บัตรเครดิตให้น้อยที่สุด และจำกัดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน รวมทั้งปรึกษากันให้ดีก่อนจะตัดสินใจกู้เงินหรือทำสัญญาซื้อบ้าน

4. ใครจะเป็นคนจ่ายในส่วนไหน

หากคุณทั้งคู่ต่างก็ทำงานหารายได้ให้กับครอบครัว ควรปรึกษากันให้ดีว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบรายจ่ายในส่วนไหน ทั้งนี้ ผู้ที่มีรายรับมากกว่า ควรจะเป็นผู้รับผิดชอบรายจ่ายส่วนที่มากกว่า เพื่อให้ไม่เกิดปัญหาเงินไม่พอจ่ายในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ต้องมั่นใจว่าตกลงกันได้ด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย เพื่อจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันในภายหลัง

5. ซื่อสัตย์ต่อกัน

สามีภรรยาหลาย ๆ คู่มักพยายามปกปิดเรื่องเงินจากกันและกัน ด้วยการซ่อนสมุดบัญชีเงินฝาก และโกหกเรื่องเงินเก็บในบัญชี เพื่อเหตุผลหลาย ๆ อย่าง เช่น เพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อว่าตัวเองเหลือเงินเก็บน้อยและออกตัวจ่ายแทน หรือเพื่อปิดบังไม่ให้โดนกล่าวโทษ หลังจากใช้จ่ายเกินตัวจนเงินเก็บในบัญชีเหลือน้อยนิด อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนี้ จะทำให้ชีวิตคู่ของคุณมีปัญหา ขาดความไว้ใจซึ่งกันและกัน จนทำให้เขาไม่สามารถเชื่อใจคุณในเรื่องใด ๆ ได้อีก แม้แต่เรื่องอื่นที่นอกเหนือจากเรื่องเงิน

อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องเงินแล้ว ชีวิตหลังแต่งงานยังต้องพบเจอปัญหาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเลี้ยงดูลูก การแบ่งเวลาให้กันและกัน ดังนั้น ควรเติมความหวานให้ชีวิตคู่ของคุณในทุก ๆ วันเพื่อไม่ให้รักจืดจางลงไปนะคะ
240  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / โหดล่าพะยูน_______ตัดเขี้ยวทำเครื่องรางของขลัง เมื่อ: เมษายน 25, 2012, 09:19:16 am


วันนี้ (23 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีพะยูนตายเกยตื้นอยู่ที่ริมหาดพยูน หมู่ 4 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง จึงไปตรวจสอบพร้อม นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งที่ 1 จ.ระยอง นายจักรพล ณ อยุธยา หน.ฝ่ายส่งเสริมศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง นายสัตวแพทย์วิศาล ตระกูลรังสิ สัตวแพทย์ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และนายพิสุทธิ์ บุญเจริญ ประธานประมงเรือเล็กบ้านพยูน
ที่เกิดเหตุพบศพพะยูนเพศเมีย อายุประมาณ 35-40 ปี ความยาว 3 เมตร น้ำหนัก 500-600 กก. โดยที่ท้องพบบาดแผลเหวอะหวะจนไส้ทะลัก ครีบและจมูกมีแผลขีดข่วน ส่วนลำตัวมีรูที่คาดว่าเกิดจากการถูกยิง หางถูกมัดด้วยเชือก ที่บริเวณปากถูกงัดเขี้ยว เบื้องต้นคาดว่าตายมาแล้ว 2-3 วัน
นายพิสุทธิ์ ประธานประมงเรือเล็กบ้านพยูน กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากชาวประมงว่า พะยูนมาตายเกยตื้นริมหาดพยูน จึงแจ้งศูนย์อนุรักษ์ฯ มาตรวจสอบ และนำซากพะยูนไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตาย ทั้งนี้พื้นที่ทะเลฝั่งบ้านฉาง มีหญ้าทะเลจำนวนมากทางกลุ่มประมงช่วยกันอนุรักษ์ไว้ เพื่อให้พะยูนเข้ามาหากิน การตายของพะยูนตัวนี้ คาดว่าถูกคนร้ายใจบาปฆ่าเพื่อตัดเขี้ยวพะยูนไปทำเครื่องรางของขลัง ตามความเชื่อผิดๆ จึงอยากขอให้กลุ่มประมงช่วยกันเป็นหูเป็นตา เนื่องจากขณะนี้ทราบว่าคนร้ายแก๊งไล่ล่าพะยูนกำลังออกอาละวาดหนัก รวมทั้งวิงวอนชาวประมงอย่าฆ่าพะยูนด้วย
ด้านนายภุชงค์ ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ กล่าวว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่มาเฝ้าติดตามไม่ให้พะยูนถูกประมงไล่ล่าแล้ว เพราะเป็นสัตว์สงวน ส่วนซากพะยูนที่พบจะต้องมีการผ่าพิสูจน์ว่ามีการตั้งท้องหรือไม่ เพราะสังเกตจากนมตั้งเต้าอยู่ด้านข้างของครีบเปล่งออก ส่วนเขี้ยวที่หายไปนั้น เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนผู้พบเห็นเป็นคนแรกยืนยันว่าไม่เห็นเขี้ยวพะยูนเหมือนกัน เบื้องต้นได้เตรียมรวบรวมหลักฐานเพื่อเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านฉาง เพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี.

ขอบคุณภาพจาก http://entertainment.goosiam.com
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7