ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นครศรีฯ..ย่อส่วนพุทธสิหิงค์ ขยายศรัทธาพลัง..รับพุทธชยันตี  (อ่าน 1922 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ผู้ศรัทธาเข้าสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ในวันสงกรานต์ ณ ท้องสนามหลวง.

นครศรีฯ..ย่อส่วนพุทธสิหิงค์ ขยายศรัทธาพลัง..รับพุทธชยันตี

พระพุทธสิหิงค์....เป็นพระพุทธรูปซึ่ง คนไทย เลื่อมใสว่า...ศักดิ์สิทธิ์!!

ทุกๆปี.....ช่วงมีการ เฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ หรือ “ตรุษไทย” ระหว่าง 12 ถึง 15 เมษายน ตลอดระยะ 78 ปี พุทธศาสนิกชนในกรุงเทพฯและปริมณฑลจะประกอบกิจสร้างสิริมงคลต่อตนเอง.....ด้วยการสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ณ ทุ่งพระเมรุ

(เมื่อปี 2477 พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี ได้จัดพิธีสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์เพื่อสร้างสิริมงคลและเป็นขวัญกำลังใจแก่ชาวไทยในวันสงกรานต์จากนั้นจึงได้ยึดถือเป็นประเพณีสืบต่อถึงปัจจุบัน)

      พระพุทธสิหิงค์.....สร้างโดยเจ้าลังกา 3 พระองค์
     โดยร่วมพระทัยกันกับพระอรหันต์ในเกาะลังกา ราวๆปี พ.ศ.700
     ซึ่งตำนานบันทึกว่า มีความตั้งใจจะให้ได้พระพุทธรูปเหมือนองค์พระพุทธเจ้าจริงๆ



วัดพระมหาธาตุฯ ปริมณฑลในพิธีมหาพุทธาภิเษก.


การปั้นแม่พิมพ์....พญานาคซึ่งเคยเห็นองค์พระพุทธเจ้า จึงมาแปลงกายให้ดูเป็นแบบและตัวอย่าง....

ระหว่าง พ.ศ.1820 ถึง 1860......พระภิกษุลังกาเข้าสู่ประเทศสยาม กิตติศัพท์เลื่องชื่อถึงพระพุทธรูปลักษณะที่งดงามซึ่งมีพลังศักดิ์สิทธิ์ตามติดมาด้วย พ่อขุนรามคำแหงฯทรงทราบจึงทูล ถึงวัตถุประสงค์ผ่านพระเจ้าศรีธรรมโศกราช ให้แต่งตั้งทูตเชิญพระสาส์นไปขอประทานพระพุทธสิหิงค์จากเจ้ากรุงลังกา

เมื่อได้ตามพระราชประสงค์....พระเจ้าศรีธรรมโศกราชจึงได้ส่งพระพุทธสิหิงค์มายังกรุงสุโขทัย โดยทางเรือขึ้นฝั่งที่ นครศรีธรรมราช และมีการจัดงาน พิธีสมโภชใหญ่โตเป็นเวลา 7 วัน



พระพุทธสิหิงค์ นครศรีฯ ย่อส่วน.

 
พ่อขุนรามคำแหงฯเสด็จไปรับพระพุทธสิหิงค์ถึงนครศรีธรรมราชด้วยพระองค์เอง แล้วอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ กรุงสุโขทัย พระมหากษัตริย์กรุงสุโขทัยทุกพระองค์ได้ทรงเคารพบูชาพระพุทธสิหิงค์ตลอดมา

กาลเวลาที่ยาวนาน ...ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและอำนาจ การสงครามใครชนะ จะอัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไปประดิษฐาน ณ บ้านเมืองตัวเอง

ล่วงถึงปี 2334..... สมัยกรุงรัตนโกสินทร์  สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ยกกองทัพไปขับไล่กองทัพพม่าพ้นเมืองเชียงใหม่ จึงได้ทรงอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ จนถึงปัจจุบัน

    ในพระราชอาณาจักรแห่งแผ่นดินสยาม.... มีพระพุทธสิหิงค์อยู่ 3 องค์
    องค์ที่ 1 เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิเนื้อโลหะสัมฤทธิ์
    ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กทม.

    อีก 2 องค์ ประดิษฐานในภูมิภาค คือ
    เชียงใหม่ ณ วิหารลายคำ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
    เป็นพระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์ลงรักปิดทองศิลปะเชียงแสนปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร


    กับอีกองค์เนื้อหล่อด้วยสัมฤทธิ์ปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชรเช่นกัน
    ประดิษฐานในหอพระพุทธสิหิงค์ ข้างศาลากลางนครศรีธรรมราช



พระพุทธสิหิงค์ องค์ประดิษฐานที่นครศรีธรรมราช.


พระพุทธสิหิงค์...องค์ประดิษฐานนครศรีธรรมราช เรียกว่า “แบบขนมต้ม” มีลักษณะตามแบบสกุลช่างท้องถิ่นคือมีพระพักตร์กลมอมยิ้ม พระอุระอวบอ้วน  แต่อยู่ในสัดส่วนที่งดงามมาก ชาวนครศรีธรรมราชศรัทธาว่าเป็นพระ-พุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง...!!!

พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ.....ผู้รวบรวมตำนานพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งมีความเชื่อมั่น เลื่อมใส ในอานุภาพเคยบอกว่า..... “อย่างน้อยก็สามารถบำบัดทุกข์ร้อนในใจให้เหือดหาย ผู้ใดมีความทุกข์ร้อนในใจท้อถอยหมดมานะด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ถ้าได้มาจุด ธูปเทียนบูชาและนั่งนิ่งๆ มองดูพระองค์สัก 10 นาที...

...ความทุกข์ร้อนในใจจะหายไป  ดวงจิตที่เหี่ยวแห้งจะกลับมาสดชื่น หัวใจที่ท้อถอยหมดมานะจะกลับเข้มแข็งมีความมานะพยายาม ดวงจิตที่หวาด กลัวจะกลับกล้าหาญ ดวงจิตที่เกียจคร้านจะกลับขยัน จากที่หมดหวังจะกลับมีความหวัง....”

พระโพธิรังสี.....ก็ได้บันทึกถึงพลานุภาพของพระพุทธสิหิงค์ไว้หลายตอน มีข้อความบางตอนว่า...“ พระพุทธสิหิงค์หามีชีวิตได้ก็จริง แต่มีอิทธานุภาพด้วยเหตุ 3 ประการ คือ อธิษฐานพละของพระอรหันต์ อธิษฐานพละของเจ้าลังกาหลายพระองค์ และศาสนพละของพระพุทธเจ้า.....”

...โดยหมายถึงกำลังใจของพระอรหันต์และกำลังใจของเจ้าลังกา พร้อมทั้งกำลังแห่งพระพุทธศาสนา กระทำให้พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธปฏิมากรที่ทรงในพลานุภาพ ด้วยพลังแห่งศรัทธา เมื่อประทับอยู่ ณ ที่ใด ย่อมทรงทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองดั่งดวงประทีปชัชวาล.....เสมือนหนึ่งว่าพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่...!!!



เหรียญกริ่งวินยาภรณ์.


ล่วงถึงกาลร่วมเฉลิมฉลอง 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธองค์  หรือพุทธชยันตี ชาวนครศรีธรรมราชจึงได้ย่อส่วนของพระพุทธสิหิงค์ ขยายอาณาพลังแห่งพุทธศาสตร์สร้างพลังศรัทธาแก่ตัวผู้เลื่อมใส.....ให้เสมือนอยู่ชิดพระชนม์องค์พระศาสดา

ซึ่ง....ถือเป็นครั้งแรกและเป็นประวัติศาสตร์แห่งองค์พระพุทธสิหิงค์ โดยสร้างเป็น เหรียญฉลุแล้วบรรจุเม็ดกริ่งจากชนวนพระกริ่ง 155 ปี สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ ไว้ภายในเหรียญ เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช ตั้งชื่อว่า “กริ่งวินยาภรณ์”

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน สุดยอดพระเกจิอาจารย์สายใต้จะรวมพลังมหาพุทธาภิเษก ณ มณฑลพิธีวิหารหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร....เพื่อให้เกิดความเข้มขลัง

ยามพกพา......ให้ “กริ่ง” บังเกิดเสียงดังขับไล่เภทภัยไปพ้น แล้ว เรียกทรัพย์ เรียกโชค…!!''

ก้อง กังฟู



ขอบคุณบทความและภาพจาก
http://www.thairath.co.th/column/life/badal/284460
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 22, 2012, 12:02:44 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

แพนด้า

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 248
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ช่วยเล่าประวัติ หลวงพ่อพุทธสิหิงส์ หน่อยได้หรือไม่ครับ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ไม่ค่อยได้ยินครับ

  :c017: :c017: :25:
บันทึกการเข้า