ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อานุภาพของ "การให้อภัย"  (อ่าน 513 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
อานุภาพของ "การให้อภัย"
« เมื่อ: มีนาคม 13, 2019, 06:43:24 am »
0


อานุภาพของ การให้อภัย เรื่องราวมหัศจรรย์จากผู้อ่าน

อานุภาพของ การให้อภัย มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ความโกรธแค้นที่เคยฝังใจถูกยกออกจากใจอย่างง่ายดาย การบวชครั้งนี้เปลี่ยนชีวิตจิตใจเขาอย่างสิ้นเชิง

คุณเป็นอย่างผมไหม คือเรื่องธรรมะกับผมนี่ ไม่ค่อยจะโคจรมาพบกันเสียเลย จะว่าไปแล้วผมก็เป็นคนดีคนหนึ่งนะ ทำมาหากินสุจริตไม่คิดร้ายกับใคร มีความสุขตามอัตภาพ ไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใจแล้วธรรมะจะจำเป็นกับผมอีท่าไหนล่ะเนี่ย…หรือธรรมะเป็นเครื่องปลอบโยนคนเหงา ชาวโลกสวย This thing I don’t know แปลว่าอันนี้ผมก็ไม่รู้สินะ

แต่แล้ว ตึ๊งตึงตึ๊งตึงตึ๊งตึง.!! ก็ถึงวันมหาแปลกแหกตะลึงที่สุดในชีวิต เมื่อเปรยกับเมียขึ้นวันหนึ่งว่า

“เออนะ ชีวิตพี่ทำงานก็ยังไม่ก้าวไปถึงที่สุดสักที ชีวิตคล้าย ๆจะดีแต่ก็ไม่เลิศสักที เฮ้อ”

“ทำไมป๋าไม่ลองบวชดูล่ะ เผื่อชีวิตจะดีขึ้น”


@@@@@@

ประโยคเด็ดของคุณเมียทำให้ชายเกือบโฉดอย่างผมมีอันต้องอึ้ง แล้วกระบวนการลอจิกตรรกะในหัวผมก็สร้างกราฟ สร้างชาร์ตเต็มไปหมดว่า การบวชมันเกี่ยวข้องยังไงกับชีวิตที่ดีขึ้น ผมคงจะงงก๊งไปชั่วขณะ เลยตกปากรับคำตัวเองและเมียไปว่า เอาละ ผมจะบวช ป๋าฮาสนั่นกริบ อย่างผมจะชวนพระทั้งวัดให้รู้จักทางโลกเสียบ้าง จึงนำความไปเพ็ดทูล เอ้ย บอกแม่ว่าจะบวช แม่ถึงกับอึ้งไป แล้วพูดเสียงอู้อี้ขึ้นมาตามสายโทรศัพท์ว่า “จะบวชเหรอ ดี ดี ดีมากเลย” 

ผมบอกแม่ไปว่า “ก็ไม่ได้มีทุกข์อะไรหรอกแม่ ที่ไปบวชคิดว่าบวชตอนที่มีความสุขนี่แหละ น่าจะดีกว่าหนีทุกข์ไปบวช แม่ว่าปะ" เมื่อคิดลึกๆอีกที ผมรู้ดีกว่าใครว่า การที่ผมบวชก็เพื่อตอบแทนพระคุณแม่ เพราะผมไม่ใช่ลูกที่เลี้ยงดูแม่ได้อย่างเต็มที่ ลำพังตัวเองก็ปริ่มๆอยู่ จึงปล่อยให้หน้าที่การดูแลแม่ทางเศรษฐกิจเป็นของพี่สาว และผมยังมีลูกสองเมียหนึ่งที่ต้องดูแล ผมว่าการบวชนี่แหละคงจะทำให้แม่มีความสุข ถือว่าได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่บ้าง

@@@@@@

พิธีบวชจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่วัดป่าแห่งหนึ่งในจันทบุรี พ่อแม่ปลื้มปีติยินดีกับการบวชของผมอย่างมาก ผมถึงกับร้องไห้อย่างไม่อาย เมื่อผมปอยแรกที่พ่อและแม่ตัดให้ร่วงลงสู่พื้นดิน รู้สึกไม่ต่างอะไรจากตอนที่แม่เคยตัดผมให้เมื่อยังเป็นเด็ก น้ำตาลูกผู้ชายรินไหลเมื่อระลึกถึงความกตัญญู 

ผมร้องไห้เมื่อเห็นพ่อที่พยุงร่างกายที่อ่อนล้าด้วยความชรามาถวายบาตรให้ผม และแม่ได้ถวายผ้าไตรที่ถือมาอย่างตั้งใจหลังจากเดินรอบโบสถ์อย่างเหน็ดเหนื่อย แม้จะบ่นปวดขา แต่แม่ก็ยิ้มแต้สวยสุดใจเดินรอบโบสถ์ปลื้มพระลูกชาย ผมได้เห็นภาพที่สะเทือนลูกผู้ชายใจแทบขาด คือ ภาพพ่อและแม่ก้มลงกราบผม ต่อไปนี้ผมจะเป็นพระที่ดี จะปฏิบัติให้ดีสมกับที่พ่อแม่ที่ผมรักได้กราบไหว้บูชาสาวกของพระพุทธองค์ในร่างของผม

บ้านใหม่ของผมเป็นกุฏิไม้ไผ่หลังเล็กๆบนเขา วัดนี้ร่มรื่นสมเป็นวัดป่า ตกกลางคืนเสียงหรีดหริ่งเรไรดังกลบทุกสรรพเสียงกิจวัตรของพระไม่มีอะไรมาก ตื่นเช้าตีสี่ สวดมนต์ ทำวัตร ออกไปบิณฑบาต กลับมาฉันเช้าแล้วล้างบาตร กวาดลานวัด แยกย้ายกันไปปฏิบัติ บ่ายสองกลับมาฟังเทศน์ พระอาจารย์จะเทศน์วันละ 3 มื้อเช้า กลางวัน เย็น แล้วท่านก็จะสอนพระในเรื่องการปฏิบัติ พอเย็นๆก็สวดมนต์ ทำวัตรเย็นแล้วเตรียมเข้านอน กิจวัตรเป็นแบบนี้ทุกวัน


@@@@@@

มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมว่าแปลกดี คือทุกครั้งหลังการเจริญภาวนาหลวงพ่อท่านจะให้เราแผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศลอย่างจริงจัง ให้น้อมใจแผ่ความดีที่เราทำให้กับผู้มีพระคุณ หรือคนที่เรายังติดค้างในใจ สำหรับพ่อแม่นั้นผมก็แผ่ให้ท่านเป็นปกติ แต่คนที่ยังติดค้างนี่สิผมนั่งนึกๆดูแล้ว ก็พบว่ายังเหลืออีกสองคนในชีวิต คือ ไอ้ว่อกกับไอ้นนท์

ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสมัยเรียนตั้งแต่ประถม ไอ้ว่อกมีปัญหาชีวิตหนักหน่วงจนทำให้มันเพี้ยนๆไป ทั้งที่มันเป็นถึงวิศวกรจบนอกมีงานการทำอย่างดี ครอบครัวก็มีฐานะ แต่ด้วยปัญหาทางอารมณ์ทำให้เมียมันหอบลูกๆหนีไปจากชีวิต จนบัดนี้ก็ยังไม่เจอ โศกนาฏกรรมนี้ทำให้มันกลายเป็นคนไร้สมรรถภาพที่จะทำงานหรือคิดการใดๆได้ ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ ความผิดหวังคั่งแค้น กับเพื่อนๆ มันก็เที่ยวไปด่าเขาหมดจนไม่มีใครคบ มีผมนี่แหละที่ยังคบมัน เลี้ยงเบียร์ เลี้ยงข้าว แต่มันก็ยังดันมาติสท์แตกใส่ผม มันชี้หน้าด่าแล้วขว้างขวดเบียร์ใส่ผมอย่างเกรี้ยวกราดต่อหน้าคนมากมาย

@@@@@@

เหตุการณ์คราวนั้นทำให้ความเป็นเพื่อนระหว่างเราขาดสะบั้น “เออกับกู เพื่อนคนสุดท้ายของมึงยังทำกูได้ลงคอ ต่อไปนี้มึงไม่ต้องมีกูเป็นเพื่อน”

ส่วนไอ้นนท์ คุณชายตระกูลไฮโซ มันใช้ชีวิตหรูหรามาตั้งแต่เด็กจนเข้ามหาวิทยาลัย ทายาทกิจการใหญ่โตอย่างมันไม่มีอะไรให้ต้องดิ้นรน เรียบจบ พ่อแม่ส่งไปเรียนนอก ขณะที่เพื่อนๆยังตูดปอด แต่มันมีรถพอร์ชใช้ มันเลี้ยงเพื่อนที่อาณาจักรคอนโดหัวหินที่มันครอบครองราวกับราชา 

อยู่มาวันหนึ่งไอ้นนท์เกิดผิดใจกับผม ด้วยเข้าใจว่าผมเอาเรื่องของมันไปปูดให้ท่านแม่มันฟัง ซึ่งจริงๆผมไม่เคยรู้เรื่องด้วยเลย มันแค้นผมมาก บอกว่าผมทำชีวิตมันพัง ทำให้แม่ไม่ไว้ใจมัน มันประกาศจะเอาผมออกจากงาน ผมบอกมันว่า 
    “เชิญเลย มึงเชิญลากคอกูออกจากงานได้เลย กูทำงานอยู่ที่นี่…ชั้น 15 เจ้านายกูชื่อคุณโป้ง แล้วนี่เบอร์นายกู มึงเอาไปเลย”
ตั้งแต่นั้นมานับสิบกว่าปี ผม ไอ้ว่อก ไอ้นนท์ ตัดขาดจากกันเพื่อนฝูงต่างก็รู้กันทั่ว


@@@@@@

เมื่อพระอาจารย์ให้ผมแผ่เมตตาให้อภัยทาน เพื่อนสองคนนี้จึงเป็นคนแรกๆที่ผมนึกถึง ผมตั้งใจบอกพวกมันในใจว่า บุญกุศลที่ผมได้ทำในการบวชนี้ ขอยกให้มันทั้งสอง ให้มันมีความสุข ความเจริญ มีชีวิตที่ร่มเย็น อย่าได้ทุกข์กายทุกข์ใจเลย และสิ่งที่เคยโกรธแค้นกันมา ผมขออโหสิให้ทุกอย่าง

น่าแปลก คืนนั้นไอ้นนท์ส่งข้อความมาหาผมเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี โอ้ พระเจ้า เป็นไปได้ไงเนี่ย!

มันเขียนมาบอกว่า “ไอ้เปี๊ยก มึงสบายดีไหม กูคิดถึงมึงมากกูมาคิดๆดู ที่ผ่านมากูทำผิดกับมึงมาก กูอยากขอโทษมึง อยากบอกว่ากูเข้าใจมึงแล้ว ที่ผ่านมากูคงทำให้มึงเครียดมาก กูขอโทษจริงๆ ขอโทษ ๆ ๆ ๆ ๆ ทำยังไงให้มึงรู้ว่ากูรู้สึกผิดจริง ๆ ขอให้กูได้ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ครอบครัวมึงบินไปเที่ยวโรงแรมกูที่ฮ่องกงได้ไหม กูเพิ่งซื้อรถบีเอ็มซีรี่ส์ 7 กูจะยกให้มึงเลยก็ได้ เพื่อให้มึงรู้ว่ากูขอโทษในสิ่งที่ผ่านมาจริง ๆ”

@@@@@@

แล้วที่ตลกยิ่งกว่าคือ ไอ้ว่อกก็โทร.มาหาผมเช้าวันรุ่งขึ้น พอมันรู้ว่าผมอยู่วัดที่จันทบุรี มันไม่ถามไถ่อะไรมาก บึ่งรถมาหาผมจากกรุงเทพฯ เมื่อเจอผมในผ้าเหลือง มันร้องไห้โฮ แล้วก้มลงกราบแทบเท้าผม

“ไอ้เปี๊ยก มึงเป็นพระเหรอนี่ กูกราบขอโทษมึงจริง ๆ กูเสียใจมากที่ทำเลวไว้กับมึง โฮ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”

ไอ้ว่อกร้องไห้เหมือนเด็กๆ แล้วเกลือกหน้าลงกับเท้าผม ผมร้องไห้ไปกับมันด้วย ผมสงสารเห็นใจมันอย่างที่สุด ความโกรธนั้นจางไปตั้งแต่ที่ผมแผ่เมตตาให้มันแล้ว ที่เหลือคือความรัก ความสงสารเพื่อนจับใจ


@@@@@@

อานุภาพของการให้อภัยมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก ผมดีใจที่ตั้งใจปฏิบัติภาวนา ไม่น่าเชื่อว่าอานิสงส์ของการอภัยทานจะยิ่งใหญ่เพียงนี้ ความโกรธแค้นที่เคยฝังใจถูกยกออกจากใจอย่างง่ายดาย ความโกรธมหาศาลที่เป็นรากเหง้าของอุปนิสัยผมได้ถูกขุดรากถอนโคนออกไปบ้าง ด้วยการให้อภัยคนที่ยากจะให้อภัยเกิดเป็นความรัก ความปรารถนาให้เขาพ้นจากทุกข์ ยินดีที่เห็นเขามีความสุข และวางเฉยได้กับผลที่จะตามมา

การบวชครั้งนี้เปลี่ยนชีวิตจิตใจผมอย่างสิ้นเชิง ผมประจักษ์ด้วยตัวเองแล้วว่า ผลของการปฏิบัตินั้นช่วยขัดเกลาจิตใจได้จริงๆ ยิ่งใหญ่เกินกว่าวัตถุใดๆ จะสนองความสุขได้ นี่แหละชีวิตที่ดีขึ้นของผมเกิดขึ้นแล้ว พูดจริงครับ…เอาบีเอ็มซีรี่ส์ 7 มาแลกก็ไม่ยอม!


 

ที่มา : นิตยสารซีเคร็ต
เรื่อง : ตาแป๋วมองโลก
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/3425.html
By Minou ,12 March 2019
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 13, 2019, 07:05:53 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ