ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สัมผัสที่ 6 คืออะไร คร้า  (อ่าน 70050 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สัมผัสที่ 6 คืออะไร คร้า
« เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2010, 05:02:29 am »
0
เคยได้ยิน คนพูดเรื่อง สัมผ้สที่ 6 บ่อย ๆ บอกว่า ฉัน เรา i มี สัมผัสที่ 6

แล้ว สัมผัสที่ 6 นี่ คืออะไร ?   ทุกคนมีสัมผัสที่ 6 หรือป่าว คร้า... ?

ใคร ทราบเรื่องนี้ ช่วยแถลงไข เป็น ธรรมทาน ด้วยคร้า....


 :c017:
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สัมผัสที่ 6
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 05:33:25 pm »
0
สัมผัสที่ 6


เป็นหัวข้อหนึ่งที่ ดร.โรเบิร์ต แชนนี่ ผู้ก่อตั้งสถาบันแอสตารา ได้บรรยายให้ฟัง

- สัมผัสที่ 6 เป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่ในตัวเอง เพียงแต่ใครจะมีมากน้อยกว่ากัน
เท่านั้น ผู้ที่มีมาก มักจะรู้เห็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้
หากมีการฝึกบ่อยๆ จนเกิดความชำนาญ

- การปลุกสัมผัสที่ 6 ในตัวเองให้ตื่นขึ้นมาทำงานนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่
ยาก ในอดีตที่ผ่านมา บางคนฝันและมองเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นลักษณะ
เทวดาสังหรณ์ หรือได้ตาทิพย์ หูทิพย์ สามารถส่งจิตไปในสถานที่ต่างๆ ได้ แม้กระทั่ง
ภพภูมิอื่น มิติอื่น เป็นต้น


- ถ้าสัมผัสที่ 6 ได้รับการพัฒนามากขึ้น มนุษย์จะสามารถสื่อสารกันได้
โดยทาง “โทรจิต” ความริเริ่มต่างๆ ความทรงจำต่างๆ จะดีมากขึ้น สามารถจะ
ติดต่อสื่อสารกับสิ่งที่มีชีวิตในภพภูมิอื่นได้มากขึ้น เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของ
บรรดาเทพและเทวดามากขึ้น และสามารถเดินทางไกลได้ด้วยจิต

- สัมผัสที่ 6 ซึ่งพัฒนาแล้ว จะทำให้เราสามารถได้ยินสี ได้ยินคลื่นแสง
มองเห็นคลื่นเสียง (หูได้ยินสี และคลื่นแสง ส่วนตามองเห็นคลื่นเสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่
แตกต่างจากสัมผัสปกติทั้ง 5 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน)


- สัมผัสที่ 6 หลังจากพัฒนาได้ระดับแล้ว จะมองเห็นเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน
และอนาคตได้ จะทำให้เราค้นพบชีวิตในภพภูมิต่างๆ มากมาย สามารถแลกเปลี่ยน
ความรู้สึกจากคน ไปสู่สัตว์เลี้ยง พืช หรือแร่ธาตุต่างๆ ได้

- การใช้สัมผัสที่ 6 ควรให้กายเนื้ออยู่ในสภาพที่นิ่ง และจิตก็ต้องนิ่ง
เพื่อให้สัมผัสที่ 6 ทำงานโดยการใช้พลังจิต (การเพ่งกระแสจิต) ซึ่งทุกคนฝึกฝนได้

- การกำหนดจิตถามแล้ว “รู้” ถูกต้อง แสดงว่า ตัวเราเกิด “ญาณทัศนะ”
แล้ว ซึ่งในเบื้องต้น ญาณทัศนะนี้ อยู่กึ่งกลางระหว่างจิตใจของมนุษย์กับ จิตใจของ
พวกเทพเทวา

- การพัฒนาสัมผัสที่ 6 และญาณทัศนะให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สรุปมี 3
ปัจจัย คือ
1. ความเงียบสงบนิ่ง ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่วอกแวก
2. การควบคุมลมหายใจ พยายามหายใจให้ลึกและยาวเสมอ
3. กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้มองเห็น หรือต้องการทำให้รู้และเข้าใจ


- สิ่งที่เกิดจากความรู้ภายในสมอง หรือภายในจิตใจของเรา จะมีความสำคัญ
มากกว่า สิ่งที่เราพบเห็นด้วยตาและหูตามปกติของเรา
เราสามารถใช้สัมผัสที่ 6 มาช่วยให้เกิดแรงดลบันดาลใจในเรื่องต่างๆ ได้
นำมาใช้เพื่อช่วยในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ ในลักษณะเหมือน
ใช้จักระ 6 เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกเนื้อหาที่สำคัญในหนังสือว่า ควรอ่านหน้า
ไหน ช่วยให้เกิดความเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง ช่วยในการตัดสินใจซื้อสิ่งของต่างๆ
ฯลฯ เป็นต้น

บางครั้งคำพูดที่ออกมาจากปาก 3 คำ ก็มีความหมายต่างกันมาก เช่น คำว่า
“ผมรักคุณ” ซึ่งอาจมีความหมายว่า

- ผมรักทรัพย์สินต่างๆ ของคุณ อยากได้มาเป็นของผมทุกอย่าง

- ผมรักคุณเท่าที่ผมรักคนอื่นๆ ในโลก

- ผมรักคุณและมีความปรารถนาได้ตัวคุณเป็นสมบัติส่วนตัวของผม

- ผมรักคุณเหมือนแม่

- ผมรักคุณเหมือนน้องสาว

- ผมรักคุณ ผมเสียสละสิ่งต่างๆ ของผมให้คุณได้ ฯลฯ


- ญาณหยั่งรู้ มีลักษณะเหมือนเด็ก เมื่อเกิดญาณหยั่งรู้แล้ว เราควรทำ
ตามที่ที่เราหยั่งรู้ ก็จะทำให้เกิดญาณหยั่งรู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราปฏิเสธสิ่งที่เราหยั่ง
รู้ ก็จะเป็นการปิดกั้นญาณหยั่งรู้ของเรา อย่างน่าเสียหายยิ่ง สรุป

1. เราต้องเปิดใจ และยอมรับในญาณหยั่งรู้ของเราเอง
2. เราต้องการญาณหยั่งรู้ให้เกิดขึ้นเมื่อไร สามารถที่จะกำหนดได้
3. ควรกำหนดให้เกิดการหยั่งรู้ให้ได้ในตัวของเรา


- การฝึกให้เกิดญาณหยั่งรู้ง่ายๆ เช่น เมื่อมีโทรศัพท์ดังขึ้น ให้ตั้งจิตให้
สงบ และให้คิดว่าใครโทรมา ผู้ที่โทรมาเขาต้องการอะไร เขามีความสุข หรือมี
ความทุกข์ แรกๆ อาจคิดไม่ออก แต่ทำบ่อยๆ ก็จะคิดออก และถูกต้อง ซึ่งทำ
บ่อยๆ ก็จะทำให้ขีดความสามารถของเรารู้วาระจิตของผู้อื่นได้ง่ายมากขึ้น
หรือ อาจฝึกกับจดหมายที่เราได้รับแต่ละฉบับ นำจดหมายมาวางบนฝ่ามือ
แล้วประกบมือ ให้คิดว่าเป็นจดหมายของใคร เขาเขียนมาต้องการอะไร

- ให้คิดเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องคิดซ้ำ ให้ความเงียบบอกแก่เราเอง

- อย่าลืมฝึกหายใจเข้า-ออก ยาวๆ ลึกๆ ให้ลมหายใจอัดลงไปถึงท้องน้อย

- สร้างมโนภาพ หรือนิมิตให้เกิดขึ้น เช่น ส่งกุหลาบไปให้คนที่เราต้องการส่ง


ต้องนิ่งเงียบ นึกถึงดอกกุหลาบ แล้วส่งภาพดอกกุหลาบไปให้คนที่เราต้องการให้ไปถึง ซึ่ง
อาจเกิดผลสำเร็จได้ไม่ยาก หากทดลองทำบ่อยๆ

- จะทำอะไรก็ตาม ไม่ต้องกลัวที่จะขอร้องให้คนอื่นช่วยเหลือ หากเรามีสัมผัส
ที่ 6 หรือญาณหยั่งรู้แล้ว เราจะได้รับพลังต่างๆ เข้ามาในร่างกายของเรามากขึ้น
สุขภาพของเราจะแข็งแรงและกระตุ้นให้จักระทำงาน ทำการรักษาโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น

- ข้ออ้างที่ว่า เราทำไม่ได้ เพราะครอบครัวไม่สนับสนุน เจ้านายไม่ให้ทำ ตัวเอง
ไม่มีความพร้อมเพราะจิตไม่สงบ ควรตัดสิ่งเหล่านี้ออกไป ถ้าตัวเราจะทำจริงๆ ย่อมมี
เวลาและมีโอกาสทำได้ แต่อยู่ที่จิตใจของเราเองว่า เราต้องการได้ญาณหยั่งรู้
หรือไม่เท่านั้น

- ในช่วงเวลาใดที่เราต้องการพลังในร่างกายของเรา จะเป็นเวลาใดก็ตาม
ตัวเราสามารถบอกร่างกายของเราได้ เช่น ดร.แชนนี่ ซึ่งมีอายุ 95 ปีต้องบรรยายเวลา
13.00 – 17.00 น. ได้สั่งร่างกายให้มีความพร้อมในการบรรยาย

โดยการตั้งใจจริงด้วยอารมณ์ที่ต้องการให้เกิดความกระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง เมื่อเราพูดซ้ำๆ ในสิ่งที่เราปรารถนา เราก็จะได้สิ่งที่ต้องการนั้นได้ (คล้ายกับการสะกดจิตตัวเอง เป็นการพร่ำบอกตัวเองบ่อยๆ ก็จะเกิดผลตามการบอกบ่อยๆ เหมือนกับการสั่งจิตใต้สำนึก
แบบหนึ่ง)


ที่มา
Website www.mongkoldham.com
http://www.watnai.org/forum1/index.php?topic=625.0

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สัมผัสที่ 6 และโทรจิต
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 05:35:39 pm »
0
สัมผัสที่ 6 และโทรจิต


   การ ที่จะมีประสาทสัมผัสพิเศษ และ มีโทรจิตได้ ก่อนอื่นท่านต้องทำจิตให้เป็นเอกภาพ [oneness] เมื่อจิตเป็นเอกภาพแล้ว จะมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน [unity] กับพลังงานเหนือธรรมชาติ ท่านสามารถที่จะพูดคุยติดต่อสื่อสารกับพลังงานในจักรวาลได้ ตอนนี้ท่านก็มีประสาทสัมผัสพิเศษแล้ว [ESP. extra sensory perception]

ส่วนการติดต่อสื่อสารระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกระแสจิตวิถีไกล [telepathy] หรือโทรจิต ไม่ว่าจะเป็นการใช้ mind reading หรือ thougth transference ท่านต้องมี super energy being ส่งผ่าน transmitting power ลงมาให้ จึงจะใช้โทรจิตได้ ทั้งคุณสมบัติของการมีประสาทสัมผัสพิเศษ และการ ติดต่อด้วยกระแสจิตวิถีไกล ต้องมีพลังงานเหนือธรรมชาติถ่ายทอดพลังงานลงมาให้ด้วยกันทั้งสิ้น

ผู้ที่มีคุณสมบัติของพลังงานที่ว่านี้ เป็นเพียงผู้ถูกกระทำ ไม่ใช่เป็นเจ้าของพลังงาน และไม่สามารถที่จะพิสูจน์ด้วยวิธีการใดๆทั้งสิ้น เป็นปรากฎการณ์ที่ต้องทราบด้วยตน เมื่อผู้กระทำไม่ต้องการให้ผู้ถูกกระทำ มีคุณสมบัติหรือมีพลังงานดังกล่าว โดยไม่มีการ transmitting power ลงมาให้ ผู้ถูกกระทำก็ไม่มีคุณสมบัติเหล่านั้น


การ ทำจิตให้เป็นเอกภาพ ก็ต้องใช้การปฎิบัติสมถะกรรมฐาน เมื่อไรที่จิตสงบ นิ่ง เป็นหนึ่งเดียว จิตจะมีพลัง และจะมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพลังงานจักรวาล ผู้ที่มีพลังงานจิต ESP ไม่ใช่เจ้าของพลังงาน    

เป็นเพียงแต่ผู้ถูกกระทำให้มีพลังงานเท่านั้นเอง เมื่อไรผู้กระทำไม่ส่งผ่านหรือถ่ายทอด power ลงมาให้ ผู้ถูกกระทำก็ไม่มีพลังงานที่ว่านี้ ขอย้ำอีกครั้ง ไม่สามารถที่จะพิสูจน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดๆก็ตาม ทุกคนต้องรู้ได้ด้วยตน (คนที่ต้องการพิสูจน์ความจริง ขอให้ล้มเลิกความตั้งใจได้เลยครับ

เนื่องจากสวรรค์ไม่ต้องการให้มนุษย์พิสูจน์อำนาจของสวรรค์ได้อย่างเด็ดขาด จากการค้นคว้าของเว็บมาสเตอร์ ยังไม่มีใครประสบความสำเร็จในการพิสูจน์อำนาจจากสวรรค์ได้เลย ไม่ว่าในเมืองไทยหรือต่างประเทศ)


คุณสมบัติ [potential] ของพลังงานเหนือธรรมชาติ super energy being มี

1 Awareness
2 Pureness
3 Sacredness


พลังงานเหนือธรรมชาติดวงไหนมี pureness มากกว่า พลังงานดวงนั้นย่อมมี sacredness มากกว่า

บทความนี้ เป็นเพียง version ฉบับย่อ การที่จะทำความเข้าใจในเรื่องพลังงานเหนือธรรมชาติได้ ไม่ใช่ด้วยข้อความเพียงไม่กี่บรรทัด แต่ต้องใช้เวลาและคำอธิบายที่มากพอสมควร ท่านใดมีข้อสงสัยหรือไม่เข้าใจ กรุณาติดต่อ เว็บมาสเตอร์ ยินดีไขข้อข้องใจให้

ทีมา http://www.horasaadrevision.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=77047&Ntype=6
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สัมผัสที่ 6 ประจำวันเกิด
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 05:41:58 pm »
0
สัมผัสที่ 6 ประจำวันเกิด



สงสัยไหมว่าทำไมบางคนถึงเห็นผี และเห็นบ่อยซะด้วย
แต่บางคนก็ไม่เคยแม้แต่จะเจอ ลบหลู่ขนาดไหนก็ไม่เจอ
ลองอ่าน นี่แล้วอาจจะเข้าใจมากขึ้น แง่ะ ๆ

•เกิดวันอาทิตย์•
ช่วงไหนที่คุณเจ็บป่วย ไม่สบาย หรือไม่ก็อ่อนแอทางจิตใจ
ให้หลีกเลี่ยงที่จะใกล้ชิดกับผู้หญิงที่กำลังตั้งท้อง เพราะพลัง
อะไรบางอย่างที่ลึกลับ อาจจะทำให้คุณเห็นผี หรือ วิญญาณ ได้
 
• เกิดวันจันทร์•
สำหรับคุณแล้ว จะส่องกระจกน่ะส่องได้ แต่อย่าส่องหลังเวลาเที่ยงคืนถึงเช้า
โดยเฉพาะในกระจกร้าว และถ้าได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ หรือเสียงเรียก
เวลาค่ำคืน อย่าพูดทัก หรือขานตอบ เพราะนั่นอาจจะเป็นเสียงที่ทวง
ถามวิญญาณของคุณก็ได้

•เกิดวันอังคาร•
คนเกิดวันอังคารลำบากกว่าคนเกิดวันอื่นเสียแล้ว เพราะคุณ
ไม่ควรเข้าห้องน้ำนอกบ้าน ถ้าไม่มีธุระ คุณควรจะอยู่ให้ห่าง
จากห้องน้ำที่ไม่น่าไว้ใจเอาไว้ เพราะอาจมีบางอย่างแอบติดตามคุณออกมา
หรือปรากฏให้คุณเห็น
 
•เกิดวันพุธ•
คุณไม่ควรไปงานศพ เพราะอาจจะมีวิญญาณติดตามตัวคุณกลับออกมา
แต่ถ้าหากว่าเป็นงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่กลับมาจากงานศพแล้ว
ให้รีบอาบน้ำก่อนเที่ยงคืน และถ้าจะให้ดีน้ำที่อาบควรเป็นน้ำว่าน
 
•เกิดวันพฤหัส•
ในยามวิกาล มืดๆ อย่ามองไปที่หัวบันได เพราะคุณอาจจะมีอะไร
บางอย่างปรากฏให้คุณเห็นที่ตรงนั้น หากว่าได้ยินเสียงแป ลกๆ
คล้ายๆ กับเรียกชื่อคุณ อย่าขานตอบ ให้ก้าวเท้าถอยหลัง 1 ก้าว
แล้วเสียงนั้นจะหายไป
 
•เกิดวันศุกร์•
เคยได้ยินหรือเปล่าว่าธาตุน้ำ อาจจะเป็นเหมือนประตูเชื่อ
มระหว่างโลกมนุษย์ กับ โลกวิญญาณ ดังนั้น คนที่เกิดวันศุกร์
อย่างคุณควรหลีกเลี่ยงการเดินทางทางน้ำ
 
• เกิดวันเสาร์•
ศาลพระภูมิ คือ สิ่งต้องห้ามสำหรับคนเกิ ดวันเสาร์ ไหว้ เคารพ
ได้ แต่อย่ามองจ้อง หากได้ยินเสียงหมาเห่า หอน เกรียวกราว
ใกล้ๆ ตัว นั่นอาจแปลได้ว่าคุณกำลังโดนติดตามโดยภูตผี วิญญาณ
 
เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจาราณญาณในการอ่าน

ที่มา  www.cityvariety.com/cityquiz-6952.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ