เป็นคำถามในบอร์ดอื่น นะเจ้าคะ นำมาถามเพื่อให้เกิดความเข้าใจตามคะ
คือเมื่อวานนี้ได้ไปพักภาวนา 1 คืน ณ วัดป่าลัน เชียงรายครับเนื่องในวันพระที่ 22/03/2555 ที่ผ่านมา เลยนั่งสมาธิรอก่อนไปทำวัตรเย็นเพราะยังเหลือเวลาประมาณ 1 ชม.
ด้วยความที่เป็นมือใหม่หัดขับอีกทั้งไม่มีพระอาจารย์มากำกับจึงนั่งกำหนดลมหายใจ(พุทโธ)ดูจิตหรือความคิดไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็สงบดีลมหายใจนี่ชัดเจนมาก พอเวลาผ่านไปการกำหนดรู้ลมหายไป กลายเป็นความคิดฟุ้งขึ้นมาแทนที่(เข้าใจว่าเป็นสัญญา+ปรุงแต่ง) ก็ดูๆ ไปตามเรื่องก็ยังพอไหวเพราะเคยได้ยินมาว่าให้ "รู้สึกตัว" และเฝ้ามองเฉยๆ เดี๋ยวมันก็จะกลับเป็นปรกติ
แต่ทีนี้พอเวลาผ่านไปความง่วง(เข้าใจว่าคือหนึ่งในนิวรณ์)มันมาแจมด้วยสิครับ กลายเป็นว่าเหมือนเรากึ่งหลับกึ่งตื่นคือคล้ายกับฝันแทนที่จะเป็นความคิดอย่างเดียว แต่ไม่ได้หลับสนิทเพราะนั่งตัวตรงอยู่ เลยกลายเป็นยื้อกันอยู่อย่างนั้น
| ความคิด 1 : พอเถอะลุกซะ ขาเป็นเหน็บแล้ว,
ความคิด 2 : อยากเอนหลังสักแป้บจังเมื่อยหลังจัง,
ความคิด 3 : ปวดหัวนิดๆ แล้วนะ พักเถอะ เครียดไปป่าวเนี่ย ใกล้ถึงเวลาทำวัตรแล้วเด้อ,
ความคิด 4 : อย่ายอมๆ เดี๋ยวมันก็หายไป ไตรลักษณ์ๆ โว้ย|
ยื้อได้สักครู่ใหญ่ๆ มีเสียงกิ่งไม้ตกกระทบพื้นทุกสิ่งหายไปหมดกลับมาเป็นปรกติเหมือนตอนเริ่มต้นนั่งแรกๆ คือลมหายใจชัดเจนและไม่มีอาการง่วงหรือคิดฟุ้งเลย... อยากถามผู้รู้ว่า...
1> อาการอย่าที่กล่าวมานี้จะแก้ไขอย่างไรหรือสามารถทำให้พัฒนาได้อย่างไรบ้างครับ (นั่งได้เต็มที่ประมาณ 1 ชม.กว่าๆ ก็จะลนๆ แล้วก็ออกสมาธิ)
2> การที่เสียงกิ่งไม้ตก ทำไมถึงทำให้สภาวะจิต(ไม่รู้ใช้คำถูกหรือเปล่า)กลับไปที่จุดเริ่มต้นได้ครับ ทั้งที่เวลากำหนดจิตโดยตั้งใจนั้นเอาไม่ลงเลย ลองปล่อยแล้วมองเฉยๆ ก็ยังคงอยู่ครับ
3> ความง่วง+ความฟุ้ง นี่ทำไมผลลัพธ์ออกมาจึงกลายเป็นฝันแบบกึ่งหลับกึ่งตื่นได้ครับ...
จากคุณ : เช เชียงราย