เป็นธรรมดา เมื่อผุ้ฝึกสมาธิจนถึงระดับหนึ่งแล้ว จะเกิดโอภาส( แสงสว่าง )ขึ้นมาในระหว่างที่ภาวนา ซึ่งมาถึงตรงนี้ย่อมได้อุคคหนิมิตแล้ว ที่เหลือก็กิจในการพัฒนา อุคคหนิมิต ให้เป็น ปฏิภาคนิมิต ดังนั้นช่วงนี้จัดเป้นช่วงหัวเลี้ยว หัวต่อ จะเสื่อม จะมีปรากฏได้ก็อยู่ช่วงนี้
โอภาสเมื่อเกิดขึ้น ยินดีก็ไม่ได้ วางเฉยก็ไม่ได้ ไม่กำหนดก็ไม่ได้ กำหนดก็ไม่ได้ ดูอยู่ก้ไม่ด้ เห็นอยู่ำก็ไม่ได้ เป็นต้น ดังนั้นเมื่อโอภาสปรากฏ ก็จะติด ๆ ดับ ๆ อย่างนี้ไปจนกว่า จิตจะเข้าที่
โอภาสจะปรากฏ เมื่อภาวนา จะหายไปเมื่อจิตมีอารมณ์เข้าไปร่วม
ดังนั้นหน้าที่ก็คือ รับทราบและก็ภาวนาต่อไป ตามวิถีเดิม จนกระทั่งนิมิตอิ่มตัวในโอภาส โอภาสก็จะไม่ดับ จะิติด จะเกิด จะเฟื่อง จะฟู จะอยู่ จะหาย อยู่ที่สภาวะจิตที่เป็นอัปปนานั้น โอภาสจะมีได้อย่างชัดเจนก็คือได้ปฏิภาคนิิมิต สมบูรณ์ ดังนั้นเมื่อโอภาสดับไป หรือ คงอยู่แล้ว กิจในปฏิภาคนิมิต ก็เหมือนการพัฒนากำลังจิตให้เห็นแจงเด่นชัดในนิมิต การบริหารส่วนนี้เป็นระดับสูงจะยังไม่กล่าวตอนนี้
สรุป เมื่อแสงสว่างเกิดขึ้นก็ให้จดจำแสงสว่างที่เกิดขึ้นนั้นมีสีอะไร และภาวนาต่อไปตามเดิม ให้รับทราบให้กำหนดภาวนาไปจนกระทั่งโอภาสเกิดขึ้นหรือดับได้ตามใจปรารถนา
เจริญธรรม / เจริญพร