ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มงคลการบูชา "พระพุทธสัมพรรณี"  (อ่าน 1599 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
มงคลการบูชา "พระพุทธสัมพรรณี"
« เมื่อ: มกราคม 22, 2014, 07:59:56 pm »
0

มงคลการบูชาพระพุทธสัมพรรณี

ในช่วงปลายแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 เจ้าฟ้ามงกุฎสมมติวงศ์ฯ พระราชโอรสที่ประสูติจากพระมเหสี ได้เจริญพระชนมพรรษา 21 พรรษา แต่ในระหว่างนั้นช้างเผือกสำคัญของบ้านเมือง ได้แก่ พระยาเศวตไอยราและพระยาเศวตคชลักษณ์เกิดล้ม (ตาย) ลงในเวลาไล่เลี่ยกัน กับทั้งสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพยวดี พระขนิษฐาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเพียงพระองค์เดียวที่ยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่ ก็เกิดประชวรขึ้นอย่างกะทันหัน และสิ้นพระชนม์ลงอย่างปัจจุบันทันด่วน

ทำให้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระโศกาลัย และเสียพระราชหฤทัยอย่างใหญ่หลวง จนทรงพระประชวรลง ด้วยพระอาการที่ทรงกับทรุดเรื่อยมาโดยตลอด ทำให้เจ้าฟ้ามงกุฎฯ ทรงตัดสินพระทัยเสด็จออกทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) เป็นพระอุปัชฌาย์ และทรงได้รับถวายพระนามฉายาว่า "วชิรญาโณ" หรือ "วชิรญาณภิกขุ"


จากนั้นจึงได้เสด็จไปประทับแรมที่วัดมหาธาตุเป็นเวลา 3 ราตรี แล้วจึงเสด็จไปทรงจำพรรษาต่อที่วัดราชาธิวาส ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเองก็เคยประทับอยู่เมื่อทรงผนวช ในระหว่างนั้นก็ได้เสด็จเข้ามาเฝ้าพระอาการของพระราชบิดาทุกวัน จนในที่สุดพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระราชบิดาก็ได้เสด็จสวรรคตลง

และบรรดาเหล่าเสนาข้าราชการทั้งปวงต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าให้อัญเชิญพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ อันเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติสืบต่อมา ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 หลังจากเหตุการเหล่านี้ผ่านไปแล้ว พระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎฯ จึงได้ทรงตัดสินพระทัยที่จะดำรงสมณเพศสืบต่อไปจนสิ้นรัชกาลที่ 3



ในระหว่างที่ทรงดำรงสมณเพศอยู่นั้น พระองค์ได้ทรงทุ่มเทพระอุตสาหวิริยะ ทรงศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างแตกฉานลึกซึ้ง และได้ทรงศึกษาพุทธลักษณะของการสร้างพระพุทธรูป ทรงพบว่า พระพุทธรูปควรมีพุทธลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์ทั่วไป การที่นายช่างในอดีตทั้งหลายพากันสร้างพระพุทธรูปให้มีโหนกนูนขึ้นเหนือพระเศียรคล้ายครึ่งวงกลม และเรียกว่าพระเกตุมาลานั้น ผิดไปจากความเป็นจริง

แม้นายช่างในอดีตจะอธิบายว่า เพราะสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้รู้แจ้งด้วยพระองค์เอง ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ดังนั้นจึงต้องทรงมีพระสติปัญญาสูงส่งกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไปเป็นอย่างมาก ดังนั้น มันสมองของพระพุทธองค์จึงดันเอากะโหลกพระเศียรให้ปูดนูนสูงขึ้น ข้อนี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในพุทธลักษณะ

ด้วยเหตุดังกล่าว ในปีพุทธศักราช 2373 พระวชิรญาณภิกขุหรือพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎ จึงได้ทรงพระกรุณาฯ ให้ขุนอินทรพินิจ เจ้ากรมช่างหล่อ ทำการปั้นหล่อพระพุทธรูป ที่มีพุทธลักษณะตามที่ทรงศึกษามา และให้มีพุทธลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์ธรรมดามากที่สุด โดยให้มีพระเศียรส่วนบนเรียบเกลี้ยง ไม่มีโหนกนูนหรือที่เรียกกันว่า พระเกตุมาลา ตั้งอยูบนกลางพระเศียรอย่างที่เคยสร้างกันมาแต่ดึกดำบรรพ์ กับทั้งลักษณะการครองผ้าจีวรของพระพุทธรูปนั้น ก็ให้มีลักษณะตามแบบธรรมยุติกนิกาย ตามที่ได้ทรงบัญญัติไว้ และให้มีริ้วรอยกลีบของผ้าจีวรยับพับไปมาตามแบบธรรมชาติทุกประการ


 :25: :25: :25:

พระพุทธรูปองค์ดังกล่าว หล่อด้วยโลหะสำริดและกะไหล่ทองคำสุกปลั่งทั้งองค์ โดยสร้างตามอย่างพุทธลักษณะที่พระองค์ทรงสอบสวนได้ มีความลงตัว สมสัดส่วนงดงามมาก ประทับขัดสมาธิราบพระหัตถ์แสดงปางสมาธิ มีขนาดหน้าตักกว้าง 49 ซม. ความสูงถึงยอดพระรัศมี 67.5 ซม. ความสูงจากฐานถึงยอดพระรัศมี 93 ซม. และความสูงจากฐานถึงยอดฉัตร 206 ซม.

ด้วยพระราชศรัทธาอย่างแรงกล้าที่จะให้พระพุทธรูปนี้เป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรจุแผ่นทองคำจารึกดวงพระชันษา และแผ่นพระสุพรรณบัตรทองคำจารึกพระนามเต็มที่ได้รับพระราชทานจากพระราชบิดา คือรัชกาลที่ 2 เมื่อแรกเสด็จพระราชสมภพ รวมทั้งพระบรมสารีริกธาตุที่ได้แสดงปาฏิหาริย์เฉพาะพระพักตร์ ให้ได้ทรงประจักษ์ด้วยสายพระเนตรของพระองค์เอง ลงไว้ในองค์พระพุทธรูปองค์นี้ด้วย และได้ถวายนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า "พระสัมพุทธพรรณี"



จากนั้นแล้วจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญขึ้นประดิษฐาน ณ หอสวดมนต์วัดราชาธิวาสวิหาร เพื่อทรงนมัสการ ครั้นต่อมาเมื่อเสด็จฯ ไปประทับที่วัดบวรนิเวศวิหาร ก็ได้โปรดฯ ให้อัญเชิญพระสัมพุทธพรรณีนี้ ไปยังวัดบวรนิเวศวิหารด้วย

จนเมื่อเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกเป็น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แล้ว จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญไปประดิษฐานไว้ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แทนที่พระพุทธสิหิงค์ ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญย้ายไปประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปประธานในพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ ในพระราชวังบวรสถานมงคล และยังคงประดิษฐานอยู่สืบมาจนทุกวันนี้

 :96: :96: :96:

ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการทรงปรับแก้ไของค์พระสัมพุทธพรรณี โดยให้เพิ่มพระรัศมีขึ้นเหนือยอดพระเศียร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระรัศมีถวายเป็นพุทธบูชา 4 องค์ คือ พระรัศมี สำริด กะไหล่ทอง พระรัศมีนาก พระรัศมีแก้วขาว และพระรัศมีแก้วน้ำเงิน

นอกจากนั้นยังได้ทรงกำหนดให้มีการเปลี่ยนพระรัศมีของพระสัมพุทธพรรณีตามฤดูกาลเช่นเดียวและพร้อมกันกับการเปลี่ยนเครื่องทรงของพระแก้วมรกตด้วย โดยทรงกำหนดให้พระรัศมี สำริด กะไหล่ทองใช้สำหรับฤดูร้อน พระรัศมีแก้วสีน้ำเงินสำหรับฤดูฝน และพระรัศมีนากหรือแก้วขาวสำหรับฤดูหนาว ในรัชกาลปัจจุบันได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญออกในงานพระราชพิธีวิสาขบูชา มาฆบูชา และพระราชพิธีฉัตรมงคล


 :49: :49: :49:

พระสัมพุทธพรรณีประดิษฐานอยู่ที่ฐานชุกชีด้านหน้าขององค์พระแก้วมรกต โดยตั้งอยู่ชั้นล่างสุด ตรงกลางด้านหน้า เวลาที่เข้าไปกราบนมัสการพระแก้วมรกตในพระอุโบสถ ก็อย่าลืมเงยหน้าขึ้นชมความงามขององค์พระด้วยนะครับ หากเห็นไม่ชัดเจนหรือยังไม่จุใจ ก็ขอให้ตรงไปยังวัดราชาธิวาสฯ เพราะพระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถด้านหน้านั้น เป็นองค์จำลองที่รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ถอดพิมพ์หล่อขึ้นในปี พ.ศ. 2451 และอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่วัดนี้ เพื่อเป็นเครื่องรำลึกว่า ครั้งหนึ่งในรัชกาลของพระราชบิดาของพระองค์ พระสัมพุทธพรรณีองค์ที่พระราชบิดาทรงสร้างหล่อไว้นั้นก็เคยประดิษฐานอยู่ ณ วัดนี้มาก่อน


เผ่าทอง ทองเจือ

ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.thairath.co.th/content/edu/397627
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 22, 2014, 08:03:49 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มงคลการบูชา "พระพุทธสัมพรรณี"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 22, 2014, 08:39:32 pm »
0
ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

rainmain

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 323
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มงคลการบูชา "พระพุทธสัมพรรณี"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 22, 2014, 11:25:25 pm »
0
 st11 st12
บันทึกการเข้า
คิดดี พูดดี ทำดี เป็นกุศล และ กรรมฐาน เป็นมหากุศล นะครับ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มงคลการบูชา "พระพุทธสัมพรรณี"
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 23, 2014, 06:37:08 am »
0
 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ