๑. เมตตากายกรรม (ตั้งเมตตากายกรรมในเพื่อนพรหมจรรย์ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือ ช่วยเหลือกิจธุระของผู้ร่วมคณะด้วยความเต็มใจ แสดงกิริยาอาการสุภาพ เคารพนับถือกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง — to be amiable in deed, openly and in private)
๒. เมตตาวจีกรรม (ตั้งเมตตาวจีกรรมในเพื่อนพรหมจรรย์ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือ ช่วยบอกแจ้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ สั่งสอน แนะนำตักเตือนด้วยความหวังดี กล่าววาจาสุภาพ แสดงความเคารพนับถือกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง — to be amiable in word, openly and in private)
๓. เมตตามโนกรรม (ตั้งเมตตามโนกรรม ในเพื่อนพรหมจรรย์ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือตั้งจิตปรารถนาดี คิดทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่กัน มองกันในแง่ดี มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน — to be amiable in thought, openly and in private)
เป็นธรรมที่สำคัญ มากนะคะ
ตั้งแต่ข้อที่ 1 เลยนะคะ
ตั้งความเมตตาปรารถนาดี ต่อเพื่อนร่วมทุกข์ ด้วยกัน ข้อนี้ก็สำคัญแล้ว ไม่ใช่เรื่องทำได้ง่าย ๆ นะคะเพราะว่ามันเกี่ยวกับความชอบและความไม่ชอบส่วนตัวด้วยคะ เพราะไม่ชอบก็ไม่อยากช่วย เพราะเกลียดจึงไม่สงเคราะห์ เมตตาธรรม ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะภาวนากันได้
ดังนั้นถ้าปรองดองกันได้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีคะ เพราะที่ไหนปรองดองกันที่นั้นก็สงบคะ
ปรองดอง มีอยู่ สี่อย่างสำหรับชาวโลก คือ ปรองดองด้วยการทำดี ( อันนี้ดี ) ปรองดองด้วยการทำชั่ว ( อันนี้แย่ ) ปรองดองด้วยการทำทั้งดีและชั่ว ( อันนี้ก็ยังเดือดร้อน) ปรองดองไม่ทำทั้งดีและชั่ว (คืออยู่เฉย ๆ)
สำหรับสารา๊ณียธรรม น่าจะอยู่ประเภทที่ 1