แลอรูปฌานทั้ง ๔ คือ อากาสานัญจายตน วิญญาณัญจายตน อากิญจัญยายตน เนวสัญญานาสัญานยตนนั้น เป็นพนักงานให้ผลในอรูปพรหม ๔ โดยลำดับต้น
แลอรูปพรหม ๔ อันหารูปมิได้มีแต่จิต จะได้ปรากฎเป็นรูปตนสันฐานให้ ดำ แดง ขาว อยู่นั้น หามิได้ พ้นวิสัยที่บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งจะสำแดงซึ่ง รูปตนสันฐานแห่งอรูปพรหม มี ครุวนาว่าลมพัดไปมา อันอยู่ไปมาในอากาศแล ซึ่งบุคคลมิอาจจะสำแดงให้เห็นรูปตนสันฐานนั้น แลพรหมที่หาจิตมิได้ มีแต่รูปกายอันมีอยู่ในชั้นอสัญญีสัตว์7พวกเดียวกันกับ เวหัปผลาพรหม8 พรหมในอสัญญีสัตว์นี้ ปฏิสนธิ รูปเกิดเป็น รูปหาจิตมิได้ ปฏิสนธินานอยู่ มีครุวนาดุจ รูปยนต์ รูปสลัก ตราบเท่าสิ้นอายุสม ๔,๐๐๐ กัปป์ แล้วก็ยุติรูปนั้น รูปนั้นก็อันตรธานหายไป ครั้นบังเกิดในภพอื่น โลกอื่น ก็จะมีจิตวิญญาณเกิดดังเก่า มีครุวนาดั่งเงา มิได้บังเกิดในกาล เมื่อบุคคลอยู่ในร่ม ครั้นบุคคลนั้นแล ไปในที่แจ้งแล้วก็ปรากฎมีดังเก่านั้นแล้ว พรหมกถานิฐิตา ว่าในพระธรรมสังคหปริจเฉทที่ ๕ ก็ยุติลง ไม่จบ ก็สมมุติว่าจบเถิด แต่พอเป็นธรรมนานา อานิสงส์ ในพระปรมัตถ์
อาตมาสำแดงพระปรมัตถ์ธรรมนี้ โดยเอนกปริยาย ไม่จบ สมมุติว่าจบเถิด แต่พอสดับสติปัญญา ที่ไหน ครู่หนึ่ง ยามหนึ่ง คัมภีร์พระสังคิณี พระเจ้า9สำแดง ๑๒ วันจึงจบ นี้แลไม่จบ สมมุติว่าจบเถิด แต่พอเป็นนานาอานิสงส์ แก่สัปบุรุษ ผู้มีพระมหานาคเป็นประธาน อันปรากฎให้กายเป็นแก่นสาร จิตเป็นแก่นสาร ปัญญาเป็นแก่นสาร ชีวิตเป็นแก่นสาร เมื่อ กุศลผลบุญมากแล้ว ก็จะได้ชมสมบัติ ก็จะได้ไปสวรรค์เทวโลก แล้วก็จะได้ชมสมบัติในมนุษย์โลก บางทีแก่กล้า ถึงกาลเมื่อใด ก็บ่ายหน้าเข้าสู่เมืองหลวง อันกล่าวคือ พระนิพพานแล
· วิตก ได้แก่ความตรึก ในอารมณ์พระกรรมฐาน มีปฏิภาคนิมิต แห่งปฐวีกสิณ เป็นต้น
· วิจาร ได้แก่ความตรองใน อารมณ์กรรมฐาน มีปฏิภาคนิมิต แห่งปฐวีกสิณ เป็นต้น
· ครุวนา หมายถึงอุปมา หรืออุปมัย เปรียบเทียบ
1 กวัก มีความหมายว่า ขยับปีก หรือ กระพือปีก
2 สำแดง หมายถึง แสดง หรือ บรรยาย
2.2 วิเคราะห์ ปีติ –อตฺวิคฺคหกายจิตฺตานํ ปีณยตีติ ปีติ แปลว่า ยา ธมฺมชาติ อ.ว่าธรรมชาติอันใด อตฺถวิคฺคหกายจิตฺตานํ ยังกายและจิตอันวิเคราห์ซึ่งประโยชน์ ปิณยติ ย่อมให้เต็ม อิติ เพราะเหตุนั้น
สา ธมฺมชาติ อ. ธรรมชาตินั้น ปีติ (นาม) ชื่อว่า ปีติ ธมฺมชาติ อ.ธรรมชาติ ปีติ อันยังกายและจิตอันวิเคราห์ซึ่งประโยชน์ให้เต็มฯ อธิบายว่า ธรรมชาติที่กระทำกายและจิตให้ปรีเปรมเต็มขั้น ชื่อว่า ปีติ
3 ยุคล หมายถึงธรรมที่เป็นคู่กัน คือ ธรรมที่เกิดกับ กาย และ จิต
3.3 จำเริญ กับ เจริญ ความหมายเดียวกัน
3.4 น้ำจิต มีความหมายถึงสมาธิจิต
4 ปกิณกเจตสิก หมายถึงเจตสิกที่ประกอบกับจิตได้ทั้วไป ตามสมควรมีจำนวน ๖ ได้แก่ วิตกเจตสิก วิจารเจตสิก อธิโมกข์ วิริยะเจตสิก ปีติเจตสิก ฉันทเจตสิก
5 จิต ๘๙ ดวง คือ อกุศลจิต ๑๒, อเหตุกจิต ๑๘, กามาวจรโสภณจิต ๒๔, รูปาวจรจิต ๑๕, อรูปาวจรจิต ๑๒, โลกุตรจิต ๘
6 ชาตสระ หมายถึง แหล่งน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ในที่นี้หมายถึง สระ
6.1 พระโยคาวจรเจ้า ผู้หยั่งลงสู่ความเพียร ผู้เจริญภาวนา
7 อสัญญีสัตว์ คือพรหมที่มีรูป แต่ไม่มีจิต หรือ ไม่มีสัญญา ไม่สามารถบรรลุมรรคผลได้
8 เวหัปผลาพรหม คือ พรหมที่ไม่มีรูป ไม่มีจิต ไม่มีสัญญา ไม่สามารถบรรลุมรรคผลได้
9 พระเจ้าสำแดง หมายถึงพระพุทธเจ้า แสดง พระธรรมเทศนา