ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ในสติปัฏฐาน 4 นั้น ควรเริ่มศึกษาภาวนาส่วนใดก่อน ครับ  (อ่าน 6349 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

vijitchai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 100
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ใน มหาสติปัฏฐาน นั้น มีเรื่อง มี 4 ปัฏฐานใหญ่ ถ้าเราผู้เริ่มศึกษาปฏิบัตินั้น จะเลือกศึกษาปฏิบัติควรเริ่มจุดไหนก่อน ดีครับ


 :25: :25:
บันทึกการเข้า
ขอนอบน้อม ครูบาอาจารย์ ผู้สอนกรรมฐาน ทุก ๆ รูป ครับ ข้าพเจ้าขอกล่าวถึง พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ตลอดชีวิต พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

axe

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 187
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมเคยถาม พระอาจารย์ข้อนี้ครั้งหนึ่ง

คำตอบได้รับกลับมาเป็นคำถาม อย่างนี้


คุณมีจริตอะไร

ชอบฐานไหน ก็ปฏิบัติฐานนั้น

สั้น ๆ แต่นั่งคิดเป็นชั่วโมงเลยครับ

 :25:

บันทึกการเข้า
หนุ่มหล่อ ใจดี AXE

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
๑.กายานุปัสสนา สติปัฏฐาน
๒.เวทนานุปัสสนา สติปัฏฐาน
๓.จิตตานุปัสสนา สติปัฏฐาน
๔.ธัมมานุปัสสนา สติปัฏฐาน


๑.ราคจริต (หนักไปทางรักสวยรักงาม มักติดใจ) กรรมฐานคู่ปรับสำหรับแก้ คือ อสุภะและกายคตาสติ

๒.โทสจริต(หนักไปทางใจร้อนขี้หงุดหงิด) กรรมฐานที่เหมาะ คือ พรหมวิหารและกสิณ โดยเฉพาะวัณณกสิณ

๓.โมหจริต  (หนักไปทางเหงาซึม งมงาย)กรรมฐานที่เกื้อกูล คือ อานาปานสติ และพึงแก้ด้วยมีการเรียน ถาม ฟังธรรม สนทนาธรรมตามกาลหรืออยู่กับครู 

๔.สัทธาจริต (หนักไปทางน้อมใจเชื่อ) พึงชักนำไปในสิ่งที่ควรแก่ความลื่อมใส และความเชื่อที่มีเหตุผล เช่น พิจารณาอนุสติ ๖ ข้อต้น

๕.พุทธิจริต (หนักไปทางคิดพิจารณา) เจริญได้ทุกกรรมฐาน

๖.วิตกจริต (หนักไปทางคิดจับจดฟุ้งซ่าน) พึงแก้ด้วยสิ่งที่สะกดอารมณ์ เช่น เจริญอานาปานสติ หรือเพ่งกสิณ เป็นต้น


ขอนำคำเทศนาของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช
มากล่าวพอเป็นแนวทางนะครับ ขอบอกก่อนว่าตัวผมเองก็ยังเข้าใจไม่หมด

การทำสมถกรรมฐาน จะพิจารณาตาม จริต ๖
ส่วนวิปัสสนากรรมฐาน มีแค่ ๒ จริต คือ ทิฏฐิจริต และราคจริต(ตัณหาจริต)

การดูกายและเวทนา ดูยาก ต้องทำสมาธิก่อน(เข้าฌาณ) เหมาะสำหรับสมถยานิก และผู้มีราคจริต
การดูจิต ดูง่าย ไม่ต้องทำสมาธิ เหมาะสำหรับวิปัสสนายานิก และผู้มีทิฏฐิจริต
การดูธรรม ดูยากมาก เหมาะสำหรับผู้มีปัญญากล้า ไม่แนะนำให้ดู

ขอตอบเท่านี้ก่อนนะครับ สงสัยอะไรก็ถามได้ ยินดีตอบทุกเรื่อง


ขอให้ธรรมคุ้มครอง
 :25: :25: :25:


มาเพิ่มเติมเพื่อความกระ่จ่างครับ ลืมบอกไปว่า ทิฏฐิจริตคือ พวกชอบคิดมาก
พวกที่เีรียนมาสูง ปริญญาตรี โท เอก หรือเชื่อในวิทยาศาสตร์อย่างเดียว

ถ้าจะนำเอาพจนานุกรมพุทธศาสน์มาอ้างอิง จะมีความหมายดังนี้ครับ


ทิฏฐิ ความคิดเห็น ความเชื่อถือ ลัทธิ ทฤษฎี อุดมการณ์ต่าง ๆ ที่ยึดถือไว้โดยงมงายหรือโดยอาการเชิดชูว่าอย่างนี้เท่านั้นจริง อย่างอื่นเท็จทั้งนั้น เป็นต้น

ทำให้ปิดตัวแคบ ไม่ยอมรับฟังใคร ตัดโอกาสที่จะเจริญปัญญา หรือคิดเตลิดไปข้างเดียว ตลอดจนเป็นเหตุแห่งการเบียดเบียนบีบคั้นผู้อื่นที่ไม่ถืออย่างตน, ความยึดติดในทฤษฎี ฯลฯ ถือความคิดเห็นเป็นความจริง


พระอาจารย์ปราโมชย์ยังกล่าวอีกว่า เลือกเอาเพียงฐานใดฐานหนึ่งมาปฏิบัติ เข้านิพพานได้เหมือนกันทุกฐาน และเมื่อถึงที่สุดแล้ว จะดูได้ทั้งหมด คือ อีกสามฐานที่เหลือจะดูได้เองอัตโนมัติ

         ฟิสิกคัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ฟิสิกคัง สะระณัง คัจฉามิ
ตติยัมปิ ฟิสิกคัง สะระณัง คัจฉามิ

ตัวผมเองเคยมีฟิสิกค์เป็นสรณะ แล้วเพื่อนๆล่ะครับ มีอะไรเป็นสรณะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 17, 2010, 01:18:23 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kittisak

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +42/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 653
  • พุทธัง อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
สำหรับการฝึก มหาสติปัฏฐาน นั้น ถ้าจะให้กล่าวว่าฝึก อะไรก่อนนั้น


ถ้าเราฝึก อานาปานสติ แล้ว ก็ต้องฝึกตามลำดับครับ

กาย เวทนา จิต และ ธรรม

เลือกเฉพาะอย่างใด อย่างหนึ่งไม่ได้ ครับ

เพราะเป็นธรรมะ ที่นับเนื่อง ซึ่งกันและกัน

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสตามลำดับแล้วครับ

อ่านตรงนี้เพิ่มจะเข้าใจครับ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=776
บันทึกการเข้า
ความสุขอันเกิดจากการแบ่งปัน ดีกว่าความทุกข์ที่มีแต่จะเอา