สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2013, 09:23:48 am



หัวข้อ: 'คาถาแห่งความรัก' สวดขลังจริง.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2013, 09:23:48 am

(http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2013/02/14/fajj5e8bj5acda5g5jgk9.jpg)

'คาถาแห่งความรัก' ขลัง-สวด-ท่อง-บริกรรมแล้วได้ผลจริง? : เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู

    ทุกวันนี้แม้ว่าวิทยาศาตร์จะก้าวล้ำไปไกล มนุษย์เข้าสู่ยุคดิจิตอล แล้วก็ตาม แต่วิธีเอาชนะใจเพศตรงข้ามกลับถอยหลังสู่สมัยโบราณ ดังสำนวนที่ว่า "ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา"

     เพื่อความชัดเจนและความเข้าใจในคาถาแต่ละบท "คม ชัด ลึก" ได้สอบถามไปยังผู้รู้หลายท่าน ต่างให้ทัศนคติที่น่าสนใจ เช่น พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ (ชวิน รังสิพราหมณกุล) หัวหน้าพราหมณ์ สังกัดกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง และประธานคณะพราหมณ์ทำหน้าที่ดูแลองค์การศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อันได้แก่ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ สมาคมฮินดูสมาช และ สมาคมฮินดูธรรมสภา กล่าวว่า

     คาถาเหล่านี้เป็นพวกคาถาเมตตา เป็นความรู้สึกให้ความเป็นสันติกับทุกคนที่อยู่รอบข้าง
     เป็นคาถาที่ให้ความชื่นชม ระหว่างพบปะพูดคุยกัน จึงมีการบูชาเทพ เทวดา
     เทวาอารักษ์เป็นแนวทางปฏิบัติของความสุข เมื่อเรามองเรื่องของเมตตาแล้ว ก็จะนึกถึงท่าน
     การกราบไหว้จึงเป็นการระลึกนึกถึงคุณงามความดี เป็นเมตตามหานิยมเสียเป็นส่วนใหญ่
     ไม่ใช่เป็นการเน้นเรื่องของกามเหมือนในทุกวันนี้

     การสวดคาถาบูชาเทพเทวดาก็เป็นการให้เราระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า
     โดยการนำคาถามาผูกมัดใจ มีอานิสงส์ให้คนเราเป็นผู้ที่มีจิตใจงาม
     เล็งเห็นถึงความปิติ ความเอื้ออาทร ให้เป็นมิตรกับทุกคน



(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/02/14/e9cjg6b8ebb5iifbbgi68.jpg)


     อีกกลุ่มหนึ่ง ประเภทต้องการให้ใครเห็นใครชอบ สวดคาถานี้เพื่อต้องการแรงดึงดูดจากเพศตรงข้ามไปในทางกามะ พวกคนเหล่านี้ต้องการให้คนมาชื่นชอบ หรือให้มาหลงใหล มาให้ความรัก

     บุคคลเหล่านี้ยังแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ
     ๑.กลุ่มขาว มีการสวดคาถาเพื่อต้องการน้อมรับคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า มาปฏิบัติให้อยู่ในศีลในธรรม ส่วนกลุ่ม
     ๒. กลุ่มดำ มีการสวดคาถาเพื่อต้องการให้คนรอบข้างมาสนใจ เพื่อเป็นการผูกมัดใจ โน้มน้าวให้คนมาชอบชื่นชม เราจะเห็นได้ว่า ความต้องการของ ๒ กลุ่มนี้มีความเหมือนที่แตกต่างกัน

     ส่วนการกราบไหว้ เทพพระตรีมูรติ ที่ตั้งอยู่หน้าลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่านั้น พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ มองว่าเป็นวัฒนธรรมครึ่งๆ กลางๆ ในวันวาเลนไทน์ ถือเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ผู้ให้ความรักมนุษย์

     ขณะที่พระตรีมูรติเป็นลัทธิอยู่ในศาสนาพราหมณ์ โดยมี ๓ สถานะ คือ พระพรหม คือผู้สร้างโลก พระวิษณุหรือนารายณ์ คือ ผู้บำรุงรักษาโลก และ พระศิวะหรืออิศวร คือผู้ทำลาย หมายถึง การทำลายแล้วสร้างขึ้นมาใหม่พร้อมกัน

    "ปัจจุบันพระตรีมูรติได้มีการนำมา เชื่อมโยงเอามาผูกเข้ากันกับวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ แสดงถึงความรักความเมตตา ระลึกนึกถึงความดีความเมตตา ที่เป็นผู้ให้ความรัก เอื้ออาทร มนุษย์ ได้นำมาผูกเข้าด้วยกัน มันจึงไม่ใช่วัฒนธรรมดั้งเดิม แต่เป็นการสร้าง วัฒนธรรมจากสื่อต่างๆ ทำให้คนเรานำมาผูกเชื่อมโยงกันเท่านั้นเอง" พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณกล่าว



http://www.youtube.com/watch?v=heCnrdcotHw# (http://www.youtube.com/watch?v=heCnrdcotHw#)
อัปโหลดเมื่อ 19 มิ.ย. 2009 โดย ratticha kraus


    ขณะที่ อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี; สุดยอดแฟนพันธ์แท้ พระเครื่องปี ๒๐๐๑ และเจ้าของเว็บไซต์ "www.aj-ram.com" ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
     พระคาถาลงคาน เกิดก่อนสมัยพุทธกาล และมีปรากฏอยู่ในพระธรรมบท เป็นพระพุทธพจน์ที่ว่า
     "ปุพเพวะ สันนิวาเสนะ ปัจจุปบันนะ หิเตนะวาเอวันตัง ชะยะเตเปมัง อุปะลังวะ ยะโถธะเถฯ "
     หมายถึง ความรักเกิดขึ้นได้เพราะองค์ประกอบ ๒ อย่าง คือ เคยอยู่ร่วมกันมาในอดีตชาติ และได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบัน เหมือนดอกบัวงอกงามเพราะน้ำและเปลือกตม

     พระพุทธพจน์บทนี้ พระเกิจอาจารย์เห็นว่าเกี่ยวข้องความรัก เลยนำมาใช้เป็นคาถาสำหรับบริกรรม
     คาถานี้จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อมีสมาธิจิต มีฌานสมาบัติ ซึ่งหมายถึงความมีสมาธินั่นเอง

     คาถาเหล่านี้เป็นคาถาคุณพระ มีมาตั้งแต่โบราณ พระเกจิอาจารย์คิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้มุ่งไปทางนั้น รวมทั้งเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งให้คนเข้าถึงพระศาสนา เพราะถ้าถ่ายทอดคำแปลออกมา จะเป็นหลักธรรมสำหรับไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

     คาถาเหล่านี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อ ผู้ภาวนาใช้ต้องปฏิบัติตัวอยู่ในศีลธรรม รักษาศีล ๕ ข้อ ให้ได้
     ต้องมั่นทำบุญทำทานอยู่เสมอๆ ใครที่คิดว่า ภาวนาคาถาเหล่านี้แล้วจะเอาหญิงอื่นมาเป็นของตน หรือที่เรียกว่า เอาเมียชาวบ้านมาเป็นเมียตนเองนั้น ต่อให้ภาวนาพันครั้งหมื่นครั้ง ก็ไม่มีวันสมหวัง เพราะจิตไม่บริสุทธิ์

     "การภาวนาคาถาบทใดบทหนึ่งให้ได้ผลนั้น ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น จิตต้องบริสุทธิ์ เป็นคนอยู่ในศีลมั่นในธรรม และต้องมีแรงอธิษฐานอันแรงกล้าด้วย" อาจารย์ราม กล่าวแนะนำ


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20130214/151796/คาถาแห่งความรักสวดขลังจริง.html#.UR2YUPLcAit (http://www.komchadluek.net/detail/20130214/151796/คาถาแห่งความรักสวดขลังจริง.html#.UR2YUPLcAit)