ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 'คาถาแห่งความรัก' สวดขลังจริง.?  (อ่าน 1167 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28458
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
'คาถาแห่งความรัก' สวดขลังจริง.?
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2013, 09:23:48 am »
0


'คาถาแห่งความรัก' ขลัง-สวด-ท่อง-บริกรรมแล้วได้ผลจริง? : เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู

    ทุกวันนี้แม้ว่าวิทยาศาตร์จะก้าวล้ำไปไกล มนุษย์เข้าสู่ยุคดิจิตอล แล้วก็ตาม แต่วิธีเอาชนะใจเพศตรงข้ามกลับถอยหลังสู่สมัยโบราณ ดังสำนวนที่ว่า "ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา"

    เพื่อความชัดเจนและความเข้าใจในคาถาแต่ละบท "คม ชัด ลึก" ได้สอบถามไปยังผู้รู้หลายท่าน ต่างให้ทัศนคติที่น่าสนใจ เช่น พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ (ชวิน รังสิพราหมณกุล) หัวหน้าพราหมณ์ สังกัดกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง และประธานคณะพราหมณ์ทำหน้าที่ดูแลองค์การศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อันได้แก่ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ สมาคมฮินดูสมาช และ สมาคมฮินดูธรรมสภา กล่าวว่า

     คาถาเหล่านี้เป็นพวกคาถาเมตตา เป็นความรู้สึกให้ความเป็นสันติกับทุกคนที่อยู่รอบข้าง
     เป็นคาถาที่ให้ความชื่นชม ระหว่างพบปะพูดคุยกัน จึงมีการบูชาเทพ เทวดา
     เทวาอารักษ์เป็นแนวทางปฏิบัติของความสุข เมื่อเรามองเรื่องของเมตตาแล้ว ก็จะนึกถึงท่าน
     การกราบไหว้จึงเป็นการระลึกนึกถึงคุณงามความดี เป็นเมตตามหานิยมเสียเป็นส่วนใหญ่
     ไม่ใช่เป็นการเน้นเรื่องของกามเหมือนในทุกวันนี้


     การสวดคาถาบูชาเทพเทวดาก็เป็นการให้เราระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า
     โดยการนำคาถามาผูกมัดใจ มีอานิสงส์ให้คนเราเป็นผู้ที่มีจิตใจงาม
     เล็งเห็นถึงความปิติ ความเอื้ออาทร ให้เป็นมิตรกับทุกคน





     อีกกลุ่มหนึ่ง ประเภทต้องการให้ใครเห็นใครชอบ สวดคาถานี้เพื่อต้องการแรงดึงดูดจากเพศตรงข้ามไปในทางกามะ พวกคนเหล่านี้ต้องการให้คนมาชื่นชอบ หรือให้มาหลงใหล มาให้ความรัก

     บุคคลเหล่านี้ยังแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ
     ๑.กลุ่มขาว มีการสวดคาถาเพื่อต้องการน้อมรับคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า มาปฏิบัติให้อยู่ในศีลในธรรม ส่วนกลุ่ม
     ๒. กลุ่มดำ มีการสวดคาถาเพื่อต้องการให้คนรอบข้างมาสนใจ เพื่อเป็นการผูกมัดใจ โน้มน้าวให้คนมาชอบชื่นชม เราจะเห็นได้ว่า ความต้องการของ ๒ กลุ่มนี้มีความเหมือนที่แตกต่างกัน


     ส่วนการกราบไหว้ เทพพระตรีมูรติ ที่ตั้งอยู่หน้าลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่านั้น พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ มองว่าเป็นวัฒนธรรมครึ่งๆ กลางๆ ในวันวาเลนไทน์ ถือเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ผู้ให้ความรักมนุษย์

     ขณะที่พระตรีมูรติเป็นลัทธิอยู่ในศาสนาพราหมณ์ โดยมี ๓ สถานะ คือ พระพรหม คือผู้สร้างโลก พระวิษณุหรือนารายณ์ คือ ผู้บำรุงรักษาโลก และ พระศิวะหรืออิศวร คือผู้ทำลาย หมายถึง การทำลายแล้วสร้างขึ้นมาใหม่พร้อมกัน

    "ปัจจุบันพระตรีมูรติได้มีการนำมา เชื่อมโยงเอามาผูกเข้ากันกับวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ แสดงถึงความรักความเมตตา ระลึกนึกถึงความดีความเมตตา ที่เป็นผู้ให้ความรัก เอื้ออาทร มนุษย์ ได้นำมาผูกเข้าด้วยกัน มันจึงไม่ใช่วัฒนธรรมดั้งเดิม แต่เป็นการสร้าง วัฒนธรรมจากสื่อต่างๆ ทำให้คนเรานำมาผูกเชื่อมโยงกันเท่านั้นเอง" พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณกล่าว




อัปโหลดเมื่อ 19 มิ.ย. 2009 โดย ratticha kraus


    ขณะที่ อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี; สุดยอดแฟนพันธ์แท้ พระเครื่องปี ๒๐๐๑ และเจ้าของเว็บไซต์ "www.aj-ram.com" ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
     พระคาถาลงคาน เกิดก่อนสมัยพุทธกาล และมีปรากฏอยู่ในพระธรรมบท เป็นพระพุทธพจน์ที่ว่า
     "ปุพเพวะ สันนิวาเสนะ ปัจจุปบันนะ หิเตนะวาเอวันตัง ชะยะเตเปมัง อุปะลังวะ ยะโถธะเถฯ "
     หมายถึง ความรักเกิดขึ้นได้เพราะองค์ประกอบ ๒ อย่าง คือ เคยอยู่ร่วมกันมาในอดีตชาติ และได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบัน เหมือนดอกบัวงอกงามเพราะน้ำและเปลือกตม


     พระพุทธพจน์บทนี้ พระเกิจอาจารย์เห็นว่าเกี่ยวข้องความรัก เลยนำมาใช้เป็นคาถาสำหรับบริกรรม
     คาถานี้จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อมีสมาธิจิต มีฌานสมาบัติ ซึ่งหมายถึงความมีสมาธินั่นเอง


     คาถาเหล่านี้เป็นคาถาคุณพระ มีมาตั้งแต่โบราณ พระเกจิอาจารย์คิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้มุ่งไปทางนั้น รวมทั้งเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งให้คนเข้าถึงพระศาสนา เพราะถ้าถ่ายทอดคำแปลออกมา จะเป็นหลักธรรมสำหรับไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

     คาถาเหล่านี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อ ผู้ภาวนาใช้ต้องปฏิบัติตัวอยู่ในศีลธรรม รักษาศีล ๕ ข้อ ให้ได้
     ต้องมั่นทำบุญทำทานอยู่เสมอๆ ใครที่คิดว่า ภาวนาคาถาเหล่านี้แล้วจะเอาหญิงอื่นมาเป็นของตน หรือที่เรียกว่า เอาเมียชาวบ้านมาเป็นเมียตนเองนั้น ต่อให้ภาวนาพันครั้งหมื่นครั้ง ก็ไม่มีวันสมหวัง เพราะจิตไม่บริสุทธิ์


     "การภาวนาคาถาบทใดบทหนึ่งให้ได้ผลนั้น ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น จิตต้องบริสุทธิ์ เป็นคนอยู่ในศีลมั่นในธรรม และต้องมีแรงอธิษฐานอันแรงกล้าด้วย" อาจารย์ราม กล่าวแนะนำ


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20130214/151796/คาถาแห่งความรักสวดขลังจริง.html#.UR2YUPLcAit
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ