ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - รักหนอ
หน้า: 1 [2] 3
41  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ภัยร้ายจากรอยสัก เมื่อ: ธันวาคม 19, 2010, 07:53:14 am


หลาย คนชื่นชอบการสักบนร่างกาย เพราะเห็นว่าเป็นศิลปะที่สวยงาม บางคนก็เชื่อในเรื่องความอยู่ยงคงกระพัน แต่ไม่ว่าจะสักด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์อยู่ว่าจะก่อให้เกิดผลสืบเนื่องกับร่างกายอย่างไร?

ถ้าลองตัดความเชื่อและความนิยมศิลปะออกไปเสียก่อน มองจากมุมมองของการแพทย์โดยเฉพาะ เราจะพบว่าการสักก่อให้เกิดผลได้หลายอย่าง ผลเฉพาะด้านที่ว่านี้มักออกมาในรูปการแพ้รอยสัก ซึ่งเกิดในคนไข้หลายคน การแพ้อาจจะเป็นเฉพาะในช่วงแรกก็ได้ หรือจนเวลาผ่านไปหลายๆ ปีแล้วถึงแพ้ก็ได้ อาการทั่วไปคือจะเกิดผื่นรอบบริเวณที่สัก หรือว่าถ้าเวลาผ่านไปหลายๆ ปี อาจจะทำให้เกิดเป็นก้อนในบริเวณรอยสักขึ้นมา

ผลอีกอย่างหนึ่งจากการสัก คืออาการติดเชื้อ ซึ่งมักจะเกิดจากการใช้เข็มหรืออุปกรณ์ที่ไม่สะอาด ถ้าจำเป็นต้องสักอย่างเหลือเกิน ก็อย่าลืมเรื่องความสะอาดของเครื่องมือที่ใช้ เพราะการติดต่อโดยการใช้เข็มหรือว่าเครื่องมือนั้น เป็นสิ่งที่เราป้องกันได้ ถ้าใช้เข็มหรือเครื่องมือที่สะอาด ก็อาจจะช่วยลดความเสี่ยงจากอาการอันเกิดจากการสักได้บ้าง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : วิทยาศาสตร์รอบตัว(จาก สสวท.)
42  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พญานาค ตัวจริง ( เสียงจริง ) เมื่อ: ธันวาคม 17, 2010, 09:00:48 am


คนงานไปจับมาได้โชว์ซะหน่อยเพราะหายาก



ไปถ่ายมาได้จากในน้ำเลย


อันนี้มาเกยตื้น


นี่ก็เกยตื้น



นี่กำลังโผล่มาหายใจ

 

จริงๆแล้วภาพที่เคยโด่งดังว่าเป็นพญานาคนั้น ก็มาจากปลาพวกนี้แหละ

มันคือปลาน้ำลึก ชื่อ ออร์ (รึเปล่า) ซึ่งถ้าไปเจอก็แสดงว่ามันใกล้จะตาย

แล้วเพราะมันอยู่ในน้ำลึกๆ ตัวมันคล้ายๆพญานาคในตำนานเลย

แต่มันอยู่ในทะเลนะ
43  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / "คลองเตย-ดอนเมือง-ฝั่งธนฯ -ลาดพร้าว-บางขุนเทียน" น้ำท่วมภายใน 10 ปี เมื่อ: ธันวาคม 17, 2010, 08:39:35 am


"คลองเตย-ดอนเมือง-ฝั่งธนฯ -ลาดพร้าว-บางขุนเทียน" เจอแจ๊คพ็อต ความเสียหาย 1.5 แสนล้าน เผยมาจาก 4 ปัจจัยสำคัญ"ฝนชุก-แผ่นดินทรุด-น้ำหนุน-ชุมชนแน่น" แนะทางแก้"สร้างแก้มลิง"รอบกรุง

นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ว่า อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธรที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ให้ศึกษาแบบจำลองผลกระทบภาวะน้ำท่วม และน้ำทะเลขึ้นสูงในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) ชั้นในและปริมณฑล หลังจากสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจแห่งสหภาพยุโรป ธนาคารโลก มูลนิธิเวิลด์วิชั่น และคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) ได้ร่วมกันศึกษา รวบรวมข้อมูลและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ พบว่า กทม.เป็น 1 ใน 9 เมืองในทวีปเอเชียมีความเสี่ยงสูงที่น้ำทะเลจะเอ่อทะลักเข้าท่วมในเมือง โดยทั้ง 9 เมืองที่มีความเสี่ยงประกอบด้วยเซี่ยงไฮ้ กวางตุ้ง ประเทศจีน, ธากา ประเทศบังกลาเทศ, กัลกัตตา มุมไบ ประเทศอินเดีย, ย่างกุ้ง ประเทศพม่า, ไฮฟอง โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม และ กทม.

นายเสรีกล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำท่วม กทม.ชั้นในมี 4 ปัจจัย คือ 1.ปริมาณน้ำฝนที่ตกเพิ่มขึ้นถึง 15% ในปัจจุบัน 2.แผ่นดินใน กทม.ทรุดตัวปีละ 4 มิลลิเมตร 3.ระดับน้ำทะเลฝั่งอ่าวไทยสูงขึ้น 1.3 เซนติเมตรต่อปี และ 4.เกิดจากภาพรวมของระบบผังเมืองใน กทม.ที่พบว่าปัจจุบันพื้นที่ชุ่มน้ำ และพื้นที่สีเขียว ลดลงไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

"ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะมีประชากรใน กทม.ประมาณ 680,000 คน ได้รับผลกระทบ น้ำจะเอ่อเข้ามาท่วมอาคารที่ 1.16 ล้านหลัง ในจำนวนนี้จะเป็นบ้านพักอาศัย 9 แสนหลังคาเรือน โดย 1 ใน 3 จะอยู่ในพื้นที่บางขุนเทียน บางบอน บางแค และพระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ นอกจากนี้ยังพบว่าอาคารและที่พักอาศัยเขตดอนเมืองราว 89,000 อาคารจะได้รับผลกระทบ รวมความเสียหายทั้งหมดประมาณ 1.5 แสนล้านบาท" ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมฯกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อมูลงานวิจัยทางศูนย์สิรินธรฯได้ดำเนินการเพื่อหาทางป้องกันปรากฏการณ์ดัง กล่าวอย่างไร นายเสรีกล่าวว่า หลังจากธนาคารโลกได้รับผลวิจัย ก็ได้ส่งเรื่องให้ผู้บริหาร กทม.สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯ แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งที่ผลวิจัยได้เสนอวิธีป้องกันและแก้ปัญหาเอาไว้ 3 ทาง คือ 1.เร่งหาพื้นที่แก้มลิงเหนือ กทม. ตั้งแต่สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา เพื่อเป็นที่ระบายน้ำ 2.เร่งขุดขยายคลองระบายน้ำที่มีอยู่เวลานี้โดยเร็ว และ 3.ต้องสร้างคันกั้นน้ำในพื้นที่ชายฝั่งทะเล เพื่อป้องกันน้ำเอ่อทะลักเข้ามาในพื้นที่ กทม.โดยสร้างเป็นคันดินในพื้นที่ริมฝั่งทั้งหมด ระยะทาง 80 กิโลเมตร ซึ่งประเทศเวียดนามได้ดำเนินการไปแล้ว


ที่มา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1292502360&grpid=00&catid=&subcatid=
44  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน 1 ล้านคน เมื่อ: ธันวาคม 16, 2010, 11:43:49 am


วัตถุประสงค์โครงการ
 
1.   เพื่ออบรมปลูกฝังศีลธรรมและอุดมการณ์พระพุทธศาสนาให้แก่สตรีชาวพุทธ ได้เป็นอุบาสิกาผู้นั่งใกล้พระรัตนตรัยอย่างแท้จริง
2.   เพื่อการฟื้นฟูศีลธรรมและวัฒนธรรมชาวพุทธให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ดังเช่นพุทธกาล
3.   เพื่อการพัฒนาสังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยการพัฒนาศีลธรรมของประชาชน

ระยะเวลาอบรม
 
อบรมระยะเวลา 14 วัน ระหว่างวันที่ 16-29 ธันวาคม 2553
ณ ศูนย์อบรมประจำอำเภอทั่วประเทศ

กำหนดการอบรม

รับสมัครตั้งแต่บัดนี้ ถึง วันที่ 16 ธันวาคม 2553
---------------------------------------------------------------
พฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม
   
- เข้าอบรม ณ ศูนย์อบรมประจำอำเภอทั่วประเทศ
ศุกร์ที่ 17-พุธที่ 29 ธันวาคม
   
- สมาทานรักษาศีล 8
 
   
-เจริญสมาธิภาวนา
 
   
-อบรมวัฒนธรรมชาวพุทธ
เสาร์ที่ 25 ธันวาคม
   
- รับผ้าสไบแก้ว
และประกอบพิธีบวชอุบาสิกาแก้ว
 
   
ณ วัดพระธรรมกาย
อาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม
   
- อบรม (ต่อ) ณ ศูนย์อบรมประจำอำเภอทั่วประเทศ
พุธที่ 29 ธันวาคม 
   
- วันสุดท้ายของการอบรมอุบาสิกาแก้ว

คุณสมบัติผู้เข้าอบรม
 
1. หญิงแท้ อายุระหว่าง 15-65 ปี
2. นับถือพระพุทธศาสนา
3. สุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง โรคจิต โรคประสาท หรืออื่นๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการอบรม
4. สามารถรักษาศีล 8 ได้ตลอดการอบรม
5. เป็นผู้อยู่ง่ายกินง่าย ไม่เป็นภาระต่อผู้อื่น

การรับสมัคร

1. สมัครหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ Call Center โทร 02-831-1234, 087-707-7771-3
2. สมัครผ่านระบบอินเตอร์เน็ตที่ www.บวช.com ,www.dmycenter.com
3. สมัครด้วยตนเอง ณ ศูนย์อบรมประจำอำเภอทั่วประเทศ
4. สมัครผ่านผู้ประสานงานโครงการในอำเภอของท่าน


ที่มาข่าวสาร
http://www.dmc.tv/pages/scoop/superwoman1m.html
45  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หนังสือ ที่ลึกลับที่สุดในโลก ( Voynich manuscript ) เมื่อ: ธันวาคม 16, 2010, 11:37:58 am


Voynich manuscript เป็นหนังสือ ที่ลึกลับที่สุดในโลก เนื่องจากภาษาที่ใช้ได้มีการเข้ารหัส ที่ยังไม่สามารถถอดความได้ มันถูกเขียนด้วยปากกาขนนก มีขนาด 6 x 9 นิ้ว หนา 11/2นิ้ว มีอยู่ 240 หน้า แต่บางหน้าขาดหายไป ปกสมุดทำจากหนังลูกวัวสีครีม ไม่มีการระบุชื่อผู้เขียน ชื่อเรื่องหรือปีที่เขียนใด ถูกเก็บรักษาอยู่ที่ห้องสมุดเบนเนคเก้ (Beinecke Rare Bood & Manuscript Library) ภายในเล่มประกอบไปด้วย ทั้งภาพและอักษรในสมุดมีความเฉพาะ เป็นตัวอักษรที่ไม่เคยพบเห็นในที่ใด ๆ ในโลกมาก่อนและ แทบทุกหน้ามีวาดภาพประกอบ มีทั้ง พืชพันธุ์ แปลก ๆ ภาพผู้หญิงเปลือย เชื่อมด้วยท่อที่ดูคล้ายเส้นโลหิต มีภาพคล้ายแผนผังเกี่ยวกับดาราศาสตร์ ที่มองจากกล้องโทรทัศน์ และภาพคล้ายเซลล์ สิ่งมีชีวิตที่มองผ่านกล้องจุลทรรศน์
46  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ทารุณสัตว์ ก็โดนกฏหมายลงโทษเหมือนกันนะจ๊ะ เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 07:28:19 am
ภาพจากกล้องวงจรปิดได้เผยให้เห็นภาพของนายมูฮัมเหม็ด อาบู ซาบาร์ อายุ21ปี ชายหนุ่มลูกเจ้าหน้าที่ทูตตูนีเชีย ประจำกรุงลอนดอน อังกฤษ ที่กำลังทุบตีสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ อายุเพียง 5ปี อยู่ที่หน้าอพาตเม้นท์แห่งหนึ่ง

โดยในภาพชายหนุ่มคนดังกล่าว ได้กระหน่ำเตะและต่อยลงไปที่สุนัขตัวนั้นไม่ต่ำกว่า 20ครั้ง อีกทั้งยังได้จับสนุขทุ่มอัดใส่ประตูหน้าอพาตเม้นต์อีกด้วย

ซึ่ง รายงานข่าวได้อ้างว่า เหตุที่นายมูฮัมเหม็ดได้ลงมือกระทำทารุณกรรมสัตว์ในครั้งนี้นั้น เนื่องจากนายมูฮัมเหม็ด มีอารมณ์โกรธอย่างหนักหลังเขาไปสมัครงานแห่งหนึ่งแล้วไม่ได้ เขาเลยเก็บอารมณ์โมโหมาลงที่สุนัขตัวดังกล่าวแทน

อย่าง ไรก็ดีเมื่อคลิปดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป นายมูฮัมเหม็ด ก็ถูกสั่งดำเนินคดี โดยศาลได้สั่งห้ามเขาเลี้ยงสัตว์เป็นระยะเวลา 4 ปี แทนการติดคุกเนื่องจากผู้ก่อเหตุยังเป็นนักศึกษาอยู่




ดูคลิปที่นี่

http://www.talkystory.com/?p=5187
47  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระธาตุกลางน้ำโผล่? เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 07:23:55 am


พระธาตุกลางน้ำโผล่?

Dec 9th, 2010


ปริมาณน้ำโขงวัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ อยู่ที่ 2.70 เมตร ขยับขึ้นจากเมื่อ 3 วันที่ผ่านมาเพียง 3 ซ.ม. แต่โดยภาพรวมยังเป็นภาวการณ์แปรปรวนขึ้นลงของแม่น้ำโขง หลังจากนี้จะทรงตัวและลดลงต่อเนื่องไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคมปีหน้า

จากสภาพน้ำโขงที่ลดลงเช่นนี้ทำให้พระธาตุหล้าหนองหรือที่ชาวหนองคายเรียก ว่า พระธาตุกลางน้ำ เป็น พระธาตุเก่าแก่ที่เคยตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงแต่ถูกกระแซน้ำโขงกัดเซาะจนทำ ให้องค์พระธาตุล้มตะแคงอยู่กลางแม่น้ำโขง เมื่อถึงช่วงหน้าแล้ง ปริมาณน้ำโขงลดลงก็จะมองเห็นฐานพระธาตุ

ซึ่งปีนี้น้ำโขงลดระดับลงอย่างรวดเร็วทำให้มองเห็นฐานพระธาตุโผล่ขึ้น เหนือผืนน้ำชัดเจน ประมาณ 2 เมตร เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาที่สามารถมองเห็นฐานพระธาตุชัดเจนเช่นกัน

แต่ก็ล่วงเข้าเมษายน–พฤษภาคม ไปแล้ว จึงเห็นได้ชัดว่าปีนี้น้ำโขงลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว เพียงเดือนธันวาคมก็สามารถมองเห็นฐานองค์พระธาตุได้แล้ว
48  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฮือฮา น้ำตกใหม่ โผล่กลางป่าปิด ภูกระดึง เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 07:20:44 am
ฮือฮา น้ำตกใหม่ โผล่กลางป่าปิด ภูกระดึง

เมื่อ ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ นักท่องเที่ยวชาวไทยหลายคนที่เดินทางไปท่องเที่ยวยังภูกระดึง จังหวัดเลย อยู่ในตอนนี้ก็คงได้รับคำยืนยันจากทาง อุทยานแห่งชาติภูกระดึง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม แน่นอนแล้วว่า ได้มีการพบน้ำตกแห่งใหม่ใน อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย ซึ่งมีความสวยสดงดงามและมีความสง่างามเป็นอย่างมาก ซึ่งได้มีการตั้งชื่อให้ว่า “น้ำตกผาน้ำผ่า”

ซึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าสัมผัส สำหรับน้ำตกดังกล่าว ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือในเขตป่าปิด ซึ่งเป็นป่าธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ มีสัตว์ป่าชุกชุม และไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวตามลำพังด้วยตนเองได้ และหากดูจากแผนที่ภูกระดึงจะเห็นว่าตัวน้ำตกอยู่บริเวณรอยหยักรูปหัวใจ ตามสภาพภูมิประเทศของภูกระดึงที่เป็นเหมือนรูปใบบอนหรือรูปหัวใจ

แต่นั่นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติของน้ำตก “น้ำตกผาน้ำผ่า” เกิดขึ้นได้อย่างไรก็คงเป็นคำถามหลาย ๆ คน ซึ่งก็เชื่อได้ว่า เกิด จากลำธารน้ำผ่า มีความยาวประมาณ 3.1 กิโลเมตร ซึ่งไหลมาจากทิศตะวันออก บริเวณที่ราบส่วนเหนือของภูกระดึง ลักษณะน้ำตกไหลเป็นสายพลิ้ว คล้ายสายฝนตกลงมาจากหน้าผา ไหลลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ความสูงประมาณ 80 เมตร เป็นสายเดียวดิ่งลงถึงพื้นล่าง

แต่กระนั้น ความชันของน้ำตกนั้นเป็นแบบตั้งฉากจากด้านบนสู่ด้านล่าง 90 องศา หากอากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส เมื่อมีแสงอาทิตย์กระทบน้ำตกจะเกิดประกายรุ้งดูสวยงามมาก จนได้ชื่อว่า เป็นราชาแห่งป่าดิบชื้น ขณะที่บริเวณใกล้เคียงมีต้นเมเปิ้ลสีแดงสวยงามล้อมรอบ และจากการตรวจสอบพบว่าน้ำตกผาน้ำผ่า มีความสูงกว่า “น้ำตกเหวนรก” ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมา

แต่อันที่จริง แล้วนั้น “น้ำตกผาน้ำผ่า” ทางเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ ได้ค้นพบมาระยะหนึ่ง แต่เป็นที่รับรู้กันในกลุ่มชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวและนักท่องเที่ยวกลุ่ม เล็ก ๆ เท่านั้น ยังไม่แพร่หลายและเป็นที่รู้จักมากนัก เพราะการเดินทางเข้าไปชมความงามค่อนข้างลำบาก การเดินทางเข้าไปชมน้ำตกต้องใช้เวลาเดินเท้าไปกลับประมาณ 15 ชั่วโมง ซึ่งต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่พอสมควร ซ้ำเส้นทางเป็นป่ารกชัฏมาก ประกอบกับเป็นป่าปิดไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมกว่า 20 ปีแล้ว จึงทำให้น้ำตกผาน้ำผ่าและป่าบริเวณดังกล่าวมีความดิบตามธรรมชาติโดยขณะนี้ อุทยานฯ

ซึ่งขณะนี้ทางอุทยานฯ ก็กำลังพิจารณาว่าจะเปิดอย่างเป็นทางการ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมความงามของน้ำตกดังกล่าวได้ทันฤดูกาลท่อง เที่ยวของปีนี้หรือไม่ แหล่ะหากเป็นจริงขึ้นมาเชื่อได้ว่าความสวยสดของธรรมชาติที่เราจะได้ยลโฉม นั้น คงสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่พบเห็นไม่น้อย

ขอบคุณ mthai

 :smiley_confused1:
49  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อุปสรรคของวิปัสสนา ที่ควรทราบมีอะไรบ้างคะ เมื่อ: ธันวาคม 09, 2010, 09:10:42 am
คือได้ทราบว่า ต้องปฏิบัิติวิปัสสนา แต่อุปสรรคของวิปัสสนา นั้นมีอะไรบ้างคะ

ขอพระอาจารย์ช่วยอธิบายด้วยคะ

 :25:
50  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ทิ้งลูก1ขวบป้ายรถเมล์หน้าวัดท่าตำหนักนครปฐม เมื่อ: ธันวาคม 09, 2010, 09:00:17 am
    พ.ต.ท.ไชยศ มุกดาหาญ รอง ผกก.ป.สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รับแจ้งเหตุมีผู้พบเด็กชายวัยประมาณ 1 ขวบถูกนำมาทิ้งบริเวณศาลาที่พักโดยสารหน้าวัดท่าตำหนัก ม.4 ต.ท่าตำหนัก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ที่เกิดเหตุบริเวณท่ารถจยย.รับจ้างปากทางเข้าวัดท่าตำหนัก ริมถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้าจ.นครปฐม เจ้าหน้าที่หนูน้อยเพศชายวัย 1 ขวบ ถูกห่อด้วยผ้าห่มกำมะหยี่สีน้ำตาลลายดอก ใส่อยู่ในตระกร้าพลาสติกสีเขียว ภายในตระกร้าพบขวดนม,ผ้าอ้อมและเสื้อผ้า 3 ชุด นอกนั้นไม่พบหลักฐานอื่นแต่อย่างใด
    นายสุจินต์ คำนวณสิงห์ อายุ 41 ปี อาชีพขับรถจยย.รับจ้าง ซึ่งเป็นผู้พบเด็กเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนขับรถจยย.มาที่ท่ารถจยย.รับจ้างดังกล่าวก็สังเกตเห็น ตระกร้าผ้าวางอยู่บนที่นั่งรอรถผู้โดยสาร จึงเดินเข้าไปดูเพราะคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งของที่มีคนมาลืมทิ้งไว้ แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าเป็นเด็กนอนอยู่ในตระกร้า เมื่อเอามือจับดูก็พบว่ายังมีชีวิตอยู่ จึงได้หิ้วตระกร้าดังกล่าวมาที่ท่ารถจยย.รับจ้างเพรคาะเกรงว่าจะถูกยุงกัด ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่
    พ.ต.ท.ไชยศ กล่าวว่า จากการสังเกตพบว่าเด็กมีฟันยื่นออกมา 2 ซี่และนอนนิ่งเฉยไม่กระดุกกระดิกและร้องแต่อย่างใด แม้แต่เอามือไปจับก็ยังไม่ร้องและไม่กระดุกกระดิกเลย เพียงแต่ลืมตาเฉย ๆ เบื้องต้น คาดว่าเด็กจะมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ก็น่าจะมีพัฒนาการที่ช้า แม่ใจร้ายจึงได้นำมาทิ้งทั้ง ๆ ที่ก็เลี้ยงมาจนถึง 1 ขวบแล้ว หรือไม่ก็อาจจะเลี้ยงไม่ไหวจึงได้นำมาทิ้งไว้ เพื่อให้คนที่พบเจอนำไปเลี้ยง ซึ่งตนได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเพื่อสืบสวนหาพ่อแม่ใจร้ายที่นำ เด็กมาทิ้งแล้ว ก่อนที่จะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

ที่มาข่าว
http://www.komchadluek.net/column ( ข่าวด่วน )




วันนี้รักหนอ ได้นำข่าวมาให้ อ่านกัน เพื่อให้เพื่อนสมาชิก ช่วยกัน ธรรมวิจยะ ทั้งหมดนี้เกิดจากอะไร

กรรม ใช่หรือไม่ แล้วเรายังประมาท ดำเนินตามรอยกรรม เพลิดเพลินกับโลกนี้อีกอยู่อีกหรือ ?

51  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นิสิตสาวม.เกษตรฯโดดตึกสถาปัตย์ดับ เมื่อ: ธันวาคม 09, 2010, 08:50:15 am
เหตุนิสิตสาวโดดตึกรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 ธันวาคม ร.ต.อ.สมพร สะตะ พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.บางเขน รับแจ้งเหตุ นิสิตหญิงกระโดดตึกภาย ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถ.งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมฝ่ายสืบสวน หน่วยกู้ชีพ

 ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณอาคารคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ บนพื้นสนามหญ้าด้านข้างอาคารติดลานจอดรถ พบร่างหญิงสาวไม่ทราบชื่อ นอนหายใจรวยรินจมกองเลือดอยู่ในชุดนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เจ้าหน้าที่จึงรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาลวิภาวดี แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 ขณะเดียวกัน ตำรวจได้ขึ้นไปตรวจสอบบนชั้น 4 ของอาคารคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ พบรองเท้าคัตชูสีดำ วางอยู่บนพื้น 1 คู่ ที่ขอบหน้าต่างมีรอยเท้าในลักษณะปีนขึ้นไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะกระโดดลงมาจากชั้น 4 โดยขณะเกิดเหตุ มีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยได้ยินเสียงคล้ายวัตถุ หนักตกลงมาบนพื้น เมื่อวิ่งไปดูก็พบร่างผู้ตายนอนจมกองเลือดในที่เกิดเหตุ

 อย่างไรก็ตาม ช่วงก่อนเกิดเหตุมีผู้พบเห็นผู้ตายนั่งร้องไห้อยู่บริเวณตึก สาเหตุน่าจะมาจากทะเลาะกับแฟนหนุ่ม ซึ่งคาดว่าเรียนอยู่คณะสถาปัตย์ ทั้งนี้ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงข่าวลือที่ว่า เหตุที่เกิดขึ้นนี้มาจากความอาถรรพณ์ เนื่องจากในช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ก็เกิดเหตุนิสิตคณะสถาปัตย์ พลัดตกจากอาคารนี้เช่นกัน

 ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. ญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งระบุว่า เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผู้ตาย เดินทางไปดูศพที่โรงพยาบาล เปิดเผยเพียงสั้นๆ ด้วยอาการเศร้าโศกว่า ผู้ตายชื่อ น.ส.พัชญา แซ่เกา อายุ 20 ปี เป็นนิสิตชั้นปีที่ 2 คณะสังคมศาสตร์ สาขาวิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ (บริหารรัฐกิจ) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบสาเหตุของการกระโดดตึกครั้งนี้มาจากอะไร

ที่มา
http://www.komchadluek.net/detail/20101209/82216/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A1.%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AF%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A.html


ตึกสถาปัตย์ เหมือนตึกอาถรรพ์ เลยนะนี่

52  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ผู้เชี่ยวชาญ จัดอันดับให้ ความเกียจคร้าน เป็นโรคชนิดหนึ่ง เมื่อ: ธันวาคม 09, 2010, 08:47:42 am


ผู้เชี่ยวชาญพากันให้ความเห็นว่า ความเกียจคร้านโดยตัวเอง ก็น่าจะจัดชั้นให้เป็นโรคอย่างหนึ่งได้

สอง แพทย์ผู้มีชื่อเสียงของอังกฤษ หมอริชาร์ด เวลเลอร์ และหมอเอมมานวลล์ สตามาตาคิส กล่าวว่า โดยพิจารณาจากอัตราภาวะการตายและภาวะการเจ็บป่วย เราเห็นว่าบางทีการไม่ออกกำลัง โดยตัวของมันเองควรจะถือได้ว่าเท่ากับเป็นโรค"

หมอเวลเลอร์ ผู้เป็นนายทะเบียนผู้เชี่ยวชาญในการกีฬา และการออกกำลังของบริการดูแลสุขภาพอิมพีเรียลคอลเลจชี้ว่า องค์การอนามัยโลกยังถือว่าความอ้วนเป็นโรคอย่างหนึ่งไปแล้ว ทั้งๆที่ความจริงความอ้วนเกินอย่างน้อยอาจมีสาเหตุที่ลึกซึ้งกว่านั้น ไม่ใช่แต่ขาดการออกกำลังอย่างเพียงพออย่างเดียว "เราได้ทุ่มเทเงินทองในการรักษาโรคภัยอันเนื่องมาจากการไม่ออกกำลัง ตั้งแต่โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิต โรคหัวใจ โดยไม่ได้แตะต้องสาเหตุ"

เขาสรุปว่า "จากหลักฐานได้แสดงว่าการขาดความสมบูรณ์แข็งแรง เป็นรากเหง้าของโรคต่างๆยิ่งเสียกว่าความอ้วน".

ที่มา

http://www.thairath.co.th/


 :25:

ความเกียจคร้าน เกิดจากการขาดเป้าหมายในความพยายาม
53  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฟังเพลง ไม่อยากให้พ่อเหนื่อย กันหน่อยนะคะ เืทิดพระเกียรติ เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 08:08:44 pm
อยากให้ฟังเพลงนี้ กันหน่อยเพื่อรำลึกถึง ภาระกิจของ ในหลวง


54  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / เด็กไอที ม.รังสิต สร้างเกม เณรสิขา นิวรณ์ 5 ฝึกสมาธิ ผ่านเกมคอมพิวเตอร์ เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 06:01:12 pm
เด็กไอที ม.รังสิต สร้างเกม เณรสิขา นิวรณ์ 5 ฝึกสมาธิ ผ่านเกมคอมพิวเตอร์

สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ร่วมกับ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดทำสื่อประเภทเกมเนื้อหาส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยการนำเอาเนื้อหาหลักคำสอนพระพุทธศาสนามาประยุกต์ในเรื่องหลักการนั่ง สมาธิ ในรูปแบบคอมพิวเตอร์เกมในชื่อ "เณรสิขา ฝึกนั่งสมาธิกำจัดนิวรณ์ 5" เน้นให้เด็กไทยซึมซับคำสอนทางพระพุทธศาสนา ไม่มั่วสุมเล่นเกมที่มีเนื้อหารุนแรงและแสดงพฤติกรรมที่เป็นปัญหาสังคม

เณรสิขา, มหาวิทยาลัยรังสิต, พระพุทธศาสนา, เกมคอมพิวเตอร์
อาจารย์ภณสุทธิ์ สุทธิประการ อาจารย์ประจำสาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมมัลติมีเดีย คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงความเป็นมาของการสร้างเกม เณรสิขา ฝึกนั่งสมาธิกำจัดนิวรณ์ 5" ว่า จากที่เราทำ เกมเณรสิขา พิชิต 5 มาร ภาคแรก ถวายสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทางสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช มีความประสงค์ให้เราทำตัวเกมต่อเนื่อง คือ เกมเณรสิขา ภาค 2 โดยหยิบยกเรื่อง อิทธิบาท 4 มาเป็นธีมในการทำเกม เนื่องจากเราต้องการให้เกมเณรสิขาเป็นสัญลักษณ์ในการสื่อสารในรูปแบบของเกม ที่นำข้อมูลทางศาสนามาเผยแพร่ เนื้อหาเกมทั้งหมดได้นำมาจาก พระดำรัสสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริ-นายก และยังได้ถวายในวโรกาสเทิดพระเกียรติฉลองพระชันษา 96 ปี ทั้งนี้ เนื้อหาของเกมจะเป็นกาัยฝ่าด่านต่างๆ เพื่อพิสูจน์ความสามารถ ความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำภาระกิจให้สำเร็จลุล่วงผ่านตัวละคร คือ เณรสิขา ที่จะเป็นผู้รับหน้าที่ในการบอกให้เด็กรู้ว่าการฝ่าฟันงานต้องเป็นไปตาม ลำดับขั้นตอน ตามคำสอนของพระพุทธศาสนา ในเรื่องอิทธิบาท 4 คือ อิทธิ บาท 4 เป็นแนวทางการทำงานที่พระพุทธองค์ได้ทรงสดับไว้อย่างแยบคลาย ซึ่งเป็นบาทฐานแห่งความสำเร็จ หมายถึง สิ่งซึ่งมีคุณธรรม เครื่องให้บรรลุถึงความสำเร็จตามที่ตนประสงค์ ประกอบด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ก็เหมือนกับการเล่นเกมที่ผู้เล่นมีใจจดจ่อกับการเล่นเกมให้ชนะอุปสรรคต่างๆ ดังนั้น ผู้เล่นจะได้เรียนรู้ว่าการทำงานหรือการทำงานที่ตนรักให้สำเร็จลุล่วง ต้องมีความอุตสาหะอดทน เพื่อฝึกฝนพัฒนาความสามารถของตนเอง ปัจจุบันเกมเณรสิขา ภาค 2 อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมงาน แต่มีมินิเกมที่ออกมาก่อน ซึ่งเกมนี้จะเป็นตัวดึง ผู้เล่นเข้ามา เพื่อรวบรวมฐานข้อมูลคนที่สนใจจะรับเกม สำหรับเกมสิขานิวรณ์ทั้ง 5 เป็นเกมฝึกนั่งสมาธิ จะฝึกให้รู้จักวิธีการนั่งสมาธิ รู้จักสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการนั่งสมาธิ หรือ นิวรณ์ทั้ง 5 คือ สิ่งที่ขวางกั้นจิตทำให้สมาธิไม่อาจเกิดขึ้นได้ โดย ผู้สร้างเกมสิขานิวรณ์ 5 ประกอบไปด้วย นายสุริยา ทวีศรี นายกฤติน ดลภักนิยมกุล นายธวัช อิทำจร นายวรรณนะ เจริญโชคทวี นายภูวิศ ทิพย์อาภากุล นายอนุชิต เจริญสิทธิ์ นักศึกษาสาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมมัลติมีเดีย คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต สำหรับการเล่นจะเป็นการกดคีย์บอร์ดเพื่อควบคุมดอกบัวให้อยู่ตรงกลาง เพื่อให้เกิดสมาธิ ระหว่างที่ควบคุมจะมีการสุ่มสถานการณ์เกิดขึ้น เสมือนตอนที่เรากำลังนั่งสมาธิอยู่ต้องมีสิ่งมารบกวน แล้วลักษณะการควบคุมก็จะเปลี่ยนไป ผู้เล่นต้องควบคุมเอง เป็นลักษณะของการฝึกสมาธิ เพราะผู้เล่นต้องเพ่งที่จุดๆ หนึ่ง ซึ่งเราอยากให้ผู้เล่นฝึกการนั่งสมาธิตนเองผ่านตัวเกมนี้ ผู้เล่นจะได้รู้จักข้อขัดขวางการทำสมาธิทั้ง 5 ข้อ และจะสามารถตัดใจการสิ่งที่เป็นอุปสรรคได้ อาจารย์ภณสุทธิ์ กล่าวเพิ่มเติม ทั้งนี้ ผู้ที่สนในเล่นเกม เณรสิขา ฝึกนั่งสมาธิกำจัดนิวรณ์ 5" สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์มหาวิทยาลัยรังสิต

www.rsu.ac.th และวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

www.watbowon.com ในเร็วๆ นี้





ที่มา
http://campus.sanook.com/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B5-%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1-%E0%B9%80%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%82%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C-5-%E0%B8%9D%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4-%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4-911476.html
55  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ขอคำแนะนำ กับกับการปฏิบัติ กรรมฐาน ที่ควรทำทุกวันด้วยคะ เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 07:56:50 am
ในรูปแบบ ของกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำัดับ

มีธรรมเนียมอย่างไร ในการปฏิบัติทุกวันคะ

  คือทุกครั้งโยม จะนั่งกรรมฐาน เลย คะ ( ผิดหรือป่าวคะ )

  :25:
56  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / สอบถามเรื่อง นิวรณ์ ขอให้พระอาจารย์ อธิบายคำว่า นิวรณ์ ด้วยคะ เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 07:53:19 am
คำว่า นิวรณ์ ยังจำไม่ได้ และ บางนิวรณ์ ก็ไม่เข้าใจ ต้องการให้พระอาจารย์ แนะนำ เรื่อง นิวรณ์ ด้วยคะ

 :25:
57  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / สมถะ และ วิปัสสนา ถ้าปฏิบัติคู่ักันไปทำอย่างไร คะ เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 07:47:06 am
ถ้าเราจะปฏิบัติ ทั้งสมถะ และ วิปัสสนา คู่กันไป มีหลักปฏิบัติอย่างไร จึงจะทราบว่าไม่ผิด

จากหลักการของพระพุทธศาสนา หรือ วิชา กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ คะ


 :25:
58  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ความสำคัญและคุณค่าของครอบครัว เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2010, 08:39:35 am
   



ความสำคัญและคุณค่าของครอบครัว

พลัง แห่งครอบครัวนั้นสามารถสร้างสรรค์ให้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้มากมายใน สังคม ทั้งในสิ่งที่เราเห็นเป็นรูปธรรมต่างๆก็ล้วนแปรรูปมาจากพลังงานแห่ง ครอบครัว ที่สำคัญคือสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นนั้น แม้สัมผัสไม่ได้แต่เราก็สามารถ สัมผัสได้ด้วยความรู้สึกว่าพลังจากครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้

“จงแผ่ขยายความรักสู่ทุกหนแห่ง
โดยเริ่มต้นแบ่งปันไปภายในบ้าน
จงรักลูก-ภรรยา-สามีให้แสนนาน
แล้วเจือจานสู่เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง”

ขั้น แรกต้องสร้างความสำเร็จของการอยู่ร่วมกันให้มีความสุข การมาอยู่อาศัยร่วม กันเป็นการเริ่มต้นของชีวิตครอบครัวที่ต่างคนต่างต้องศึกษา หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เกี่ยวข้องมาก มาย ปัจจุบันบางอย่างเป็นตัวเสริมชีวิตครอบครัวให้มีความราบรื่น แต่ปัจจัย บางอย่างเป็นตัวทำลายชีวิตครอบครัว  ซึ่งแน่นอนว่าการอยู่ร่วมกันของคนสองคนที่มาจากต่างบิดามารดา ต่างครอบครัว  ต่างการเลี้ยงดู และต่างสิ่งแวดล้อม ย่อมต้องมีปัญหาไม่มากก็น้อย

ใน ครอบครัวที่มีลูก ความสำเร็จของครอบครัวส่วนหนึ่งสามารถประเมินได้จากตัวลูก ซึ่งมิได้หมาย ความว่าครอบครัวที่มีสุขจะต้องมีลูกที่เรียนดี เรียนสูง เรียนเก่งเช่น ต้อง เรียนวิศวะหรือแพทย์ตามสมัยนิยม ซึ่งโอกาสเช่นนี้เป็นไปไม่ได้กับเด็กทุก คน และไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นกับเด็กทุกคน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสนใจและ ความพอใจในการเลือกเรียนของเด็ก หากประสบความสำเร็จได้ก็นับได้ว่าเป็น อภิชาตบุตรเช่นกัน เป็นเรื่องที่ควรแก่การภูมิใจ แต่หากเด็กจะเรียนด้อยหรือ ไม่ได้เรียนด้วยข้อจำกัดหลายประการเช่น พิการ เจ็บป่วย ก็มิใช่ความผิดของครอบครัว

การดูแลลูกให้เรียนได้สูงสุดตามความ สามารถและศักยภาพของลูกเป็นคนดี มีมนุษยสัมพันธ์ ไม่ติดเหล้าและยาเสพ ติด ไม่ติดการพนัน ไม่เป็นนักเลงหัวไม้ ถ้าครอบครัวใดทำได้เช่นนี้นับว่า เป็นความสำเร็จของลูกนั้นเป็นที่สุดของครอบครัวแล้ว การเลี้ยงลูกให้สามารถ ช่วยแบ่งเบาภารกิจของครอบครัว ตั้งใจเรียนเขียนอ่าน ดูแลพ่อแม่ ไม่สร้าง สิ่งทุกข์ใจแก่ครอบครัว และเป็นผู้ที่มีความภาคภูมิใจในครอบครัวแห่งตนได้ นั้น จะต้องมาจากความรักใคร่ปรองดองกันในครอบครัว ลูกที่มีความสุขสมบูรณ์ และสุขภาพจิตดีเท่านั้นจึงจะไปสู่ความสำเร็จดังกล่าวนี้ได้

ครอบครัว ดีมีสุขเท่านั้นจึงจะประสบความสำเร็จของครอบครัว การสร้างชีวิตครอบครัวให้ เป็นไปอย่างราบรื่นเป็นสิ่งไม่ยากหากบุคคลในครอบครัวให้การยอมรับกันและ กัน มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมกันอย่างใจจริง ใช้ความรู้ของการอยู่อย่างเอื้อ อาทรเป็นฐานของการสร้างความสำเร็จให้กับชีวิตครอบครัว

(ข้อมูล จาก : นายแพทย์เกษม  ตันติผลาชีวะ ดร. กุลยา ตันติผลาชีวะ  จากหนังสือการพัฒนาครอบครัวโดยคณะอนุกรรมการด้านครอบครัว  สำนักงานคณะกรรมส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติสำนักงานปลัดสำนักนายก รัฐมนตรี)
59  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ขุดพบพุทธรูปปางไสยยาสน์บามิยัน ในอัฟกานิสถาน เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2010, 08:31:41 am
ขุดพบพุทธรูปปางไสยยาสน์บามิยัน ในอัฟกานิสถาน

ระทึก!ขุดพบพระพุทธรูปถูกฝังใต้ซากบริเวณกลุ่มตาลิบันทำลายพระพุทธรูปยืนในจังหวัดบามิยัน พร้อมโบราณวัตถุอื่น ๆ อีกเพียบ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ว่า คณะนักโบราณคดีได้ขุดพบพระพุทธรูปปางไสยยาสน์ยาวขนนาด 19 เมตร ในจังหวัดบามิยัน ในบริเวณที่กลุ่มตาลิบันได้ทำลายพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ เมื่อ 7 ปีก่อน พร้อมทั้งโบราณวัตถุอื่น ๆ เช่น เหรียญ และเซรามิก อีก 89 ชิ้น โดยพระพุทธรูปดังกล่าวอยู่ในสภาพเสียหายอย่างมาก โดยการค้นพบนี้มีขึ้นหลังจากที่กลุ่มนักโบราณคดี กำลังขุดค้นหาพระพุทธรูปปางไสยยาสน์ขนาดใหญ่ ที่เชิ่อว่าจะเคยถูกพบเห็นโดยนักแสวงบุญชาวจีนเมื่อหลายศตวรรษก่อน ขณะที่โบราณวัตถุอื่นๆ เชื่อว่ามีอายุในช่วงยุคบัคเตรียน และช่วงยุคอารยธรรมอิสลามและอารยธรรมพุทธ


ทั้งนี้ สำหรับเมืองบามิยัน เคยอยู่บนเส้นทางสายไหม เชื่อมระหว่างตะวันตกและตะวันออก ครั้งหนึ่งเคยเป็นแหล่งพุทธเฟื่องฟูที่พระสงฆ์เคยอาศัยอยู่ในถ้ำ และในปี 2001 กลุ่มตาลิบันได้ระเบิดทำลายพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ในเมืองบามิยัน อ้างว่าขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม ท่ามกลางเสียงวิงวอนจากทั่วโลก

http://www.matichon.co.th/news_detai...id=03&catid=06
60  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ลือ จระเข้ ประหลาดแสนรู้ กินเพียงข้าวก้นบาตรประทังชีวิต ไม่แตะเนื้อสัตว์ เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2010, 08:29:32 am
จระเข้ แสนรู้ กินข้าวก้นบาตร ไม่กินเนื้อสัตว์

ลือ !! จระเข้ แสนรู้ กินข้าวก้นบาตร ไม่กินเนื้อสัตว์

ลือ จระเข้ ประหลาดแสนรู้ กินเพียงข้าวก้นบาตรประทังชีวิต ไม่แตะเนื้อสัตว์ พบที่ วัดเต่าใหญ่ บ้านหลวงศิริ อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ

พระครูสังฆรักษ์ รักจิตธัมโม เจ้าอาวาสวัดเต่าใหญ่ กล่าวว่า จระเข้ ประหลาดตัวนี้ ชื่อว่า เจ้าค้ำคูณ อายุประมาณ 2 ปี สิ่งที่ผิดแปลกจากจระเข้สายพันธุ์เดียวกันคือ มันไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ประเภทใดก็ตาม อาหารที่โปรดปรานของเจ้าค้ำคูณ คือข้าวก้นบาตร ซึ่งเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน มีคนนำจระเข้มาถวายให้พระช่วยรับเลี้ยงไว้ แต่ก็บอกกับมันว่ามาอยู่วัดจะให้หาเนื้อ หาไก่มาให้กินคงไม่ไหว อยู่ที่นี่เลือกไม่ได้ จากนั้นก็ปล่อยให้มันอยู่ในสระโดยไม่ได้กักขัง และให้พระลูกวัด ช่วยนำข้าวก้นบาตรไปให้กินทุกวัน แม้บางครั้งจะมีญาติโยมนำเนื้อไก่มาโยนให้ แต่เจ้าค้ำคูณก็ไม่ยอมขึ้นมากิน


61  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระบารมี มากล้น มิ่งขวัญชาวไทย เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2010, 08:27:06 am
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน สำนักพระราชวัง แจ้งหมายกำหนดการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ และทรงเปิดสะพานภูมิพล 1 ภูมิพล 2 ที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ในวันที่ 24 พฤศจิกายน เวลา 16.30 น. ถือเป็นการเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคครั้งแรกในรอบ 4 ปี หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคเพื่อทรงทอดผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2549 ทั้งนี้ โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจจะมีการถ่ายทอดสดการเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดประตู ระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ตั้งแต่เวลา 17.30 น.


สำนักพระราชวังแจ้งหมายกำหนดการ ความว่า ในวันที่ 24 พฤศจิกายน เวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน โดยรถยนต์พระที่นั่งพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าคณะแพทยศาสตร์ศิริราช โรงพยาบาลศิริราช พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถวายรายงานตัว และถวายเรืออังสนาเป็นเรือพระที่นั่งแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์เสด็จพระราชดำเนินประทับเรือพระที่นั่งอังสนาออกจากท่าเทียบเรือโรง พยาบาลศิริราช เสด็จพระราชดำเนินยังคลองลัดโพธิ์ ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ


จนกระทั่งเวลา 18.00 น. เรือพระที่นั่งอังสนาถึงบริเวณปากคลองประตูระบายน้ำ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กราบบังคมทูลเกล้าถวายรายงาน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรวีดิทัศน์ความเป็นมาของโครงการบนเรือพระที่นั่ง จากนั้นพระองค์ทรงวางพระหัตถ์บนแท่นที่ฉายภาพแผนที่ เพื่อทรงเปิดประตูระบายน้ำและสะพานภูมิพล 1 สะพานภูมิพล 2


หลังจากนั้นพระองค์ทอดพระเนตรวีดิทัศน์เทคนิคพิเศษ เล่าเรื่องประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ โดยการแสดง PYRO TECHNIC บริเวณด้านหลังประตูระบายน้ำ ทอดพระเนตรเทคนิคพิเศษสะพานภูมิพล 1 ภูมิพล 2 โดยการแสดง PYRO TECHNIC ที่จัดแสดงบนสะพานภูมิพล


จนกระทั่งเวลา 18.35 น. เรือพระที่นั่งอังสนา จะออกจากปากคลองประตูระบายน้ำ และในเวลา 19.35 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินถึงท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่า คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช โดยเรือพระที่นั่งอังสนา ก่อนจะเสด็จพระราชดำเนินยังอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช

 
62  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / “ยูเนสโก” แก้เกณฑ์ขึ้นทะเบียนมรดกโลก เน้นต้องเป็นสากล เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2010, 08:23:45 am
อธิบดีกรมศิลปากร เผย “ยูเนสโก” แก้เกณฑ์ขึ้นทะเบียนมรดกโลก เน้นต้องเป็นสากล

วันนี้ (24 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะคณะกรรมการมรดกโลก เปิดเผยว่า จากการเข้าร่วมประชุมคณะทำงานการปรับปรุงแก้ไขแนวทางปฏิบัติการขึ้นทะเบียน แหล่งมรดกตามอนุสัญญามรดกโลก ที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งการประชุมเป็นการแก้ไขแนวปฏิบัติฯต่อจากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ ที่ประเทศบราซิล เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยแก้ไขในส่วนภาคผนวก 5 ข้อ 3 ว่าด้วยเรื่องรูปแบบและความสำคัญของการนำเสนอข้อมูลของแหล่งมรดกทางธรรมชาติ และวัฒนธรรม เพื่อขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกโลก รวมทั้งยังมีการแก้ไขข้อบัญญัติอื่นๆด้วย เช่น ข้อ 119 เรื่องการใช้แหล่งมรดกอย่างยั่งยืน ข้อ 137 เรื่องการเสนอแหล่งมรดกต่อเนื่องกัน และข้อ 163, 164, 165, 166 และ 167 เป็นต้น

“ที่ประชุมยังได้หารือเรื่องแหล่งมรดกที่ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว ว่า ควรต้องปรับปรุงเส้นเขตแดนให้ชัดเจนมากขึ้น และการปรับปรุงคุณสมบัติของแหล่งมรดกนั้น ๆ รวมทั้งชื่อของแหล่งมรดกโลกด้วย ส่วน ภาคผนวก 5 ข้อ 3 ที่แก้ไข ได้เน้นถึงความสำคัญของแหล่งมรดกที่ควรจะได้รับการขึ้นทะเบียน โดยเนื้อหาจะคล้ายของเดิม แต่ปรับข้อความให้กระชับขึ้น ซึ่งที่ประชุมย้ำให้ประเทศที่จะเสนอขึ้นทะเบียนต้องเขียนรายละเอียดให้ ชัดเจน และแสดงให้เห็นว่าทำไมแหล่งมรดกแห่งนี้จึงมีความสำคัญโดดเด่นเป็นสากล และต้องเขียนอย่างระมัดระวังให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก” นางโสมสุดา กล่าว

อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้หารือเรื่องความสำคัญของการปกป้องรักษาและการบริหาร จัดการแหล่งมรดก ซึ่งประเทศสมาชิกจะต้องระบุให้ชัดเจนถึงแผนดังกล่าวว่าจะมีการบริหารจัดการ ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวมถึงวิเคราะห์เปรียบเทียบแหล่งที่จะขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกว่า มีแหล่งมรดกอื่นที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกันหรือไม่ โดยให้เน้นความสำคัญของแหล่งมรดกว่ามีความสำคัญในระดับชาติและระดับนานาชาติ อย่างไร เพื่อแสดงให้เห็นว่าจะไม่มีการเสนอแหล่งมรดกโลกในลักษณะเดียวกันในอนาคต อย่างไรก็ตามผลสรุปจากการประชุมครั้งนี้ประธานคณะทำงานจะเสนอให้คณะกรรมการ มรดกโลกทั้ง 21 ประเทศ ลงมติเห็นชอบในประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 35 เดือนมิถุนายน 2554 ที่ประเทศบาห์เรน
63  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / “หลวงพ่อโต” วัดสี่ร้อย มีเลือดไหลออกเป็นสายทั่วองค์ เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2010, 08:20:49 am
ชาวบ้านสี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ ผวาลางร้าย “หลวงพ่อโต” วัดสี่ร้อย มีเลือดไหลออกเป็นสายทั่วองค์
[/img]
วันนี้ (24 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบยังบริเวณวัดสี่ร้อย หมู่ 4 ต.สี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง หลังรับแจ้งว่า มีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปดูหลวงพ่อโต วัดสี่ร้อย พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ สูง 21 เมตร หน้าตักกว้าง 6 เมตรเศษ ซึ่งเกิดปรากฏการณ์ประหลาด มีเลือดไหลออกตามร่างกาย พบประชาชนจำนวนมากต่างจับกุมยื่นวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้น บางกลุ่มต่างนำกล้องมาถ่ายภาพ บางกลุ่มได้เข้าไปกราบไหว้

ผู้สื่อข่าวจึงตรวจสอบบริเวณองค์หลวงพ่อโต พบบริเวณจมูกด้านซ้าย มีรอยลักษณะคล้ายเลือดไหลออกมาเป็นทางยาวถึงริมฝีปาก เช่นเดียวกับบริเวณหน้าอก ส่วนบริเวณหัวไหล่ด้านหลังพบรอยคล้ายเลือดไหลลงมาจนเกือบถึงบริเวณเอว

จากการสอบถาม นายจำนง ถนอมศิลป์ อายุ 63 ปี ผู้ดูแลองค์หลวงพ่อโต กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา

ขณะตนเองได้ขึ้นไปเปลี่ยนผ้าให้กับหลวงพ่อโต ยังไม่ได้พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด กระทั่งวานนี้ มีคนเห็นเลือดไหลออกมาทางจมูกของหลวงพ่อ แต่วันนี้ปรากฏว่าพบรอยเลือดออกมาจากหน้าอก และด้านหลังอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าว เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2530

สำหรับวัดสี่ร้อย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน้อย หมู่ 4 ต.สี่ร้อย สันนิษฐานว่า ตั้งขึ้นเป็นอนุสรณ์แก่ ขุนรองปลัดชู และชาวบ้านวิเศษชัยชาญ 400 คน ที่เสียชีวิตในสงคราม ระหว่างไทยกับพม่า ที่เมืองกุย ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ แห่งกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.2302 ส่วนองค์หลวงพ่อโตนั้น ได้สร้างขึ้นมาพร้อมกับวัด และอยู่คู่กับชาววิเศษชัยชาญมาจนถึงปัจจุบัน.

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
64  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / รางวัลเสาเสมาธรรมจักร คืออะไร เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2010, 08:04:24 am
   

รางวัลเสาเสมาธรรมจักร เป็นรางวัลเกียรติยศที่มอบให้แก่บุคคล หรือหน่วยงานที่ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา และมีสิทธิ์ได้รับเพียงครั้งเดียวเพราะถือว่าสูงสุดในชีวิต



ทั้งนี้ มีแนวคิดว่าพระธรรมจักรเป็นเครื่องหมายแห่งการประกาศพระพุทธศาสนา และผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการ ช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนา ช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ไพศาลยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วย

รางวัลเสาเสมาธรรมจักร สร้างจากวัสดุธรรมดาทั่วไป เช่น หล่อด้วยเรซินแล้วปิดทอง โดยจะมีพิธีมอบรางวัลแด่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ในงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขะบูชา ของทุก ๆ ปี

ความเป็นมาของการมอบรางวัลเสาเสมาธรรมจักร

การคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา เริ่มในปี ๒๕๒๕ ซึ่งเป็นปีแรกของการคัดเลือก และได้เว้นว่างไป ๑ ปี จนถึงปี ๒๕๒๗ ซึ่งเป็นปีที่มีการก่อตั้งศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กรมการศาสนาร่วมกับศูนย์ส่งเสริม ฯ จึงได้นำโครงการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาขึ้นมาพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง จากการคัดเลือกผู้ทำคุณต่อพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ปี ๒๕๒๕ – ปัจจุบัน มีผู้ได้ผ่านการคัดเลือกทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ จำนวน ๒,๗๕๘ รูป/คน


การพิจารณามอบรางวัลเสาเสมาธรรมจักร

รางวัลเสาเสมาธรรมจักร จึงเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดที่คณะกรรมการฝ่ายคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อ พระพุทธศาสนา พิจารณามอบให้แก่ผู้ที่ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา เพื่อส่งเสริมยกย่องคุณความดีและประกาศเกียรติคุณแด่บุคคล องค์กร และหน่วยงาน ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาให้ปรากฏแก่พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป เป็นแบบอย่างแก่สังคมและเยาวชนของชาติ เป็นเกียรติ เป็นกำลังใจในการเผยแผ่ พระพุทธศาสนา ซึ่งได้ผ่านการเสนอชื่อการพิจารณาคัดเลือกกลั่นกรองจากคณะอนุกรรมการ และการอนุมัติจากคณะกรรมการฝ่ายคัดเลือกในโครงการสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธ ศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา

ผู้ควรแก่รางวัลจะได้รับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักร พร้อมด้วยประกาศเกียรติคุณจากสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเสด็จ ฯ เป็นองค์ประธานเปิดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาล วิสาขบูชา ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงเป็นประจำทุกปี

หน่อยงานที่รับผิดชอบการพิจารณามอบรางวัลเสาเสมาธรรมจักร ปัจจุบันอยู่ที่กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม โดยจะมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิเศษเพื่อพิจารณาผู้สมควรได้รับรางวัลขึ้น ใหม่ทุกปี โดยแบ่งพิจารณาเป็น ๑๐ สาขา เช่น สาขาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศ  สาขาการแต่งหนังสือทางพระพุทธศาสนา เป็นต้น การคัดเลือกผู้สมควรได้รับรางวัลมีสองวิธีการคือ พิจารณาจากผู้ทำประโยชน์ผู้ที่มีชื่อเสียง และคัดเลือกจากเอกสารที่ผู้เสนอขอตามลำดับชั้นจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ขึ้นมา โดยแบ่งเป็นจังหวัดละ ๑ หรือ ๒ รางวัล ตามแต่ขนาดของประชากรในจังหวัด โดยไม่มีการแยกฆราวาสหรือพระภิกษุ ทำให้บางครั้งการได้รับรางวัลของฆราวาสหรือพระภิกษุในบางปี ในบางจังหวัด จะตกอยู่ที่ผู้ใกล้ชิดกับการ

ประเภทส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
สาขาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศ
ปกครอง คณะสงฆ์หรือข้าราชการฝ่ายปกครองระดับจังหวัด เพราะการพิจารณาจากคณะกรรมการที่จังหวัดแต่งตั้ง สามารถเสนอได้เพียง ๑ หรือ ๒ รางวัล ตามแต่เกณฑ์ที่กำหนดไว้ จึงทำให้พระสงฆ์หรือฆราวาสที่ส่งเอกสารหรือไม่ทราบความเคลื่อนไหวการเสนอขอ หรือพระสงฆ์หรือฆราวาสที่ตั้งใจทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาที่ไม่สนใจทำเรื่อง เสนอขอรางวัล ไม่ได้รับเลือกให้ได้รับรางวัลเสาเสมาธรรมจักร อย่างที่ควรจะเป็น


 ประเภทของการคัดเลือกผู้สมควรได้รับรางวัลเสาเสมาธรรมจักร

สืบเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ – ปัจจุบัน มีการปรับเพิ่มประเภทตามที่คณะกรรมการ ฯ กำหนด ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ คณะกรรมการฝ่ายคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ได้แบ่งประเภทการคัดเลือกออกเป็น ๑๐ ประเภท คือ

ประเภทส่งเสริมการศึกษาพระพุทธศาสนา
ประเภทการศึกษาสงเคราะห์
ประเภทส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ประเภทส่งเสริมการปฏิบัติธรรม
ประเภทส่งเสริมกิจการคณะสงฆ์
ประเภทสงเคราะห์ประชาชนและส่งเสริมการพัฒนาชุมชนโดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
ประเภทส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมมรดกไทยทางพระพุทธศาสนา
ประเภทสื่อมวลชนที่ส่งเสริมพระพุทธศาสนา
ประเภทสมาคม องค์กร มูลนิธิ สถาบัน และหน่วยงานที่มีกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา
ประเภทผู้ประกอบอาชีพที่มีคุณธรรมและส่งเสริมพระพุทธศาสนา


ที่มา
ข้อมูลจาก มจร. วัดมหาธาตุ
65  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ที่มา ของ ขนมจีน ( ปล. ไม่ใช่ดารานักร้อง....นะจ๊ะ ) เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2010, 09:57:09 am

ขนมจีน เป็นอาหารคาวอย่างหนึ่งของไทย ประกอบด้วยเส้นเรียกว่า เส้นขนมจีน และน้ำยา หรือน้ำยาขนมจีน เป็นที่นิยมทุกท้องถิ่นของไทย แต่มีการปรุงน้ำยาแตกต่างกัน.....

แม้ว่า ขนมจีน จะมีคำว่า "ขนม" แต่ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับขนมใดๆ ขณะเดียวกัน แม้จะมีคำว่า "จีน" แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาหารของจีน ภาษาเหนือเรียก ขนมเส้น ภาษาอิสาน เรียก ข้าวปุ้น จะมีขนมจีนชนิดหนึ่งซึ่งใกล้เคียงกับขนม คือ ขนมจีนซาวน้ำ เพราะมีรสหวาน
ประวัติ
คำว่า "ขนมจีน" ไม่ใช่อาหารจีน แต่คำว่า "จีน" ที่ต่อท้ายขนมนี้สันนิษฐานกันว่าน่าจะมาจากมอญซึ่งเรียกขนมจีนว่า "คนอมจิน" หมายถึง "สุก 2 ครั้ง" พิศาล บุญปลูก ชาวไทยเชื้อสายรามัญผู้สนใจศึกษาอาหารและวัฒนธรรมมอญกล่าวว่า " จริง ๆ แล้ว ขนมจีนเป็นอาหารของคนมอญหรือรามัญ คนมอญเรียกขนมจีนว่า คนอมจิน คนอม หมายความว่าจับกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน จินแปลว่าทำให้สุก
 
" นอกจากนี้ "คนอม" นั้นสันนิษฐานว่าน่าจะใกล้เคียงกับคำไทย "เข้าหนม" แปลว่าข้าวที่นำมานวดให้เป็นแป้งเสียก่อน ซึ่งภายหลังกร่อนเป็น "ขนม" จริง ๆ แล้ว ขนม ในความหมายดั้งเดิมจึงมิใช่ของหวานอย่างที่เข้าใจในปัจจุบัน ขนม หรือ หนม ในภาษาเขมร หรือ คนอม ในภาษามอญหมายถึงอาหารที่ทำจากแป้ง ดังนั้นขนมจีน จึงน่าจะเพี้ยนมาจาก คนอมจิน ซึ่งทำให้เกิดสมมุติฐานตามมาอีกว่า ดั้งเดิมทีเดียวขนมจีนเป็นอาหารมอญ แล้วจึงแพร่หลายไปสู่ชนชาติอื่น ๆ ในสุวรรณภูมิตั้งแต่โบราณกาล จนเป็นอาหารที่ทำงานและมีความนิยมสูง สามารถหาทานได้ทั่วไป

ที่มา wikipedia
66  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วันแรกของวันที่เหลือ เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2010, 09:53:04 am

วันแรกของวันที่เหลือ
ปรัชญาเต๋า; บอกว่า "คนเราไม่เคยนึกถึงตีนเมื่อรองเท้าไม่กัด"

คนเรามักมองไม่เห็นของดีที่ตนมีอยู่จนเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว

ไม่เห็นคุณค่าของสองแขน จนกระทั่งมันอยู่ในเฝือก

ไม่เห็นคุณค่าของงาน (ที่เราว่าแย่ๆ) จนกระทั่งตกงาน

ไม่เห็นคุณค่าคนรัก (ที่เราว่าไม่เพอร์เฟ็กท์)

จนกระทั่งเธอหรือเขาไปแต่งงานกับคนอื่น

ไม่เห็นคุณค่าของพ่อแม่ (ที่เราว่าขี้บ่น) จนกระทั่งไปงานศพของท่าน

สิ่งที่คนจำนวนมากเลือกทำคือ บ่นว่าตนเองไม่มีความสุข ไม่ประสบความสำเร็จ

ไม่รวย ไม่ได้เป็นเจ้าของสิ่งนั้นสิ่งนี้ และเอ่ยประโยคยอดฮิตว่า

"มันไม่แฟร์เลย"

บางที ทุกครั้งที่เรารู้สึกว่าโลกไม่มีความยุติธรรม ก่อนที่เราจะบ่น

ลองมองตัวเราเองดูดีๆ เราจะพบว่า เรามีอะไรดีๆ หลายอย่างที่คนอื่นไม่มี

เราสามารถทำ "หนึ่งวันเดียวกัน" ของเราให้มีความหมายได้

ก็ต่อเมื่อเราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี และใช้วันนี้

วันแรกของวันที่เหลืออย่างคุ้มค่าที่สุด

เพราะวันแรกของชีวิตที่เหลือนี้ช่างสั้นเหลือเกิน

และเพราะเราไม่มีทางรู้ว่าเรามี "วันแรกของวันที่เหลือ" อยู่อีกสักกี่วัน
67  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ปฏิบัติธรรมแบบนับหนึ่ง คะ เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2010, 09:52:22 am
***หัดคิดแต่ด้านบวก ***
แล้วจะรู้ว่ามีแต่สิ่งที่เป็นไปได้

*** หัดฝัน ***
แล้วจะรู้ว่าโลกนี้น่าอยู่

*** หัดพูดแต่ด้านบวก ***
แล้วจะรู้ว่ามีคนอีกมากมายที่รักเรา

*** หัดยิ้ม ***
แล้วจะรู้ว่าเราคือคนที่น่ารัก

*** หัดฟาดฟันกับอุปสรรค ***
แล้วจะรู้ว่าเราคือคนที่เข้มแข็ง

***ลองทน ***
แล้วจะรู้ว่าเรามีความอดทนยิ่งกว่าใคร

*** ลองออกกำลังกายทุกวัน***
แล้วจะรู้ว่าเราคือมนุษย์เจ้าพลังคนหนึ่ง

*** ลองคิดเอาชนะ ***
แล้วจะรู้ว่าเราสามารถเอาชนะ ตัวเองได้ไม่ยาก

*** ลองคิดให้ใหญ่ ***
แล้วจะรู้ว่าเรามีความสามารถอย่างน่าแปลกใจ
68  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ทำไมจึงมีปีอธิกสุรทิน เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2010, 09:50:34 am

ทำไมจึงมีปีอธิกสุรทิน
โดยปกติแล้วในหนึ่งปีนั้นโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลา 365 วัน ซึ่งเป็นการคำนวณอย่างคร่าวๆ

แต่ความจริงแล้ว ในแต่ละวันโลกเราจะใช้เวลาหมุนรอบตัวเอง เป็นเวลามากกว่า 24 ชั่วโมง คือเพิ่มขึ้นวันละ 15 นาที ดังนั้นในเวลา 1 ปี

เมื่อเราคำนวณจริงๆ แล้ว จะเป็นเวลา 365 วันกับเศษหนึ่งส่วนสี่วัน เวลาหนึ่งส่วนสี่วันนี้ในทุกๆ สี่ปี มันจะรวมกันเป็น 1 วันพอดี

ดังนั้นถ้าปีไหนก็ตามซึ่งเป็นปีที่เวลาเศษหนึ่งส่วนสี่วันรวมกันครบ 1 วัน พอดี เราเรียกปีนั้นว่า ปีอธิกสุรทิน ซึ่งเป็นปีที่มี 366 วัน

วันที่เพิ่มขึ้น จะเอาไปไว้ในเดือนกุมภาพันธ์จึงทำให้เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน (ปกติจะมี 28 วัน)
69  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / มีอาการ ร่างกายขยับ เคลื่อนไหวไปเองคะ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:11:25 am
มีอยู่วันหนึ่ง รักหนอ ได้ภาวนากรรมฐานตามปกติเช่นทุกวัน แต่คืนนั้นปรากฏว่า

มือของรักหนอออกท่าทาง เหมือนนางรำ แต่ตัวนั่ง เป็นอยู่ครั้่งเดียว ขณะจิตก็รู้ว่า

แขนวาดรำไปเรื่อย ๆ แต่ใจจริงอยากให้หยุด แต่แขนก็ยังรำ ไม่ทราบว่าเพราะอะไร

จึงควบคุมกายไม่ได้ หรือ เป็นภาวะที่ถูกวิญญาณ (ผี) เข้าควบคุมร่างกาย เป็นเพียง

ครั้งเดียวคะ ก็ไม่เป็นอีกจนถึงปัจจุบัน อยากทราบว่าถ้ามีอาการอย่างนั้นอีก ควรทำ

อย่างไรดีคะ

 :25:
70  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ภาวนากรรมฐาน แล้ว มีอาการกึ่งหลับ กึ่งตื่น เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:07:47 am
คือมีความรู้สึกว่าพอภาวนาไป เหมือนหลับ แต่ก็ได้ยินเสียง รอบข้างอย่างชัดเจนมาก ๆ คะ

อันนี้เป็นสมาธิ หรือ ภวังคจิต คะ ควรแก้ไขอย่างไรคะ

 :25:
71  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เมื่อนั่งกรรมฐาน แล้ว เห็นพระแก้วมรกต ในฐานจิตที่ 5 พระผรณาปีติ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:05:49 am
รักหนอ ได้ภาวนากรรมฐาน ถึงพระผรณาปีติ ปรากฏ มีพระพุทธรูปปรากฏในฐานจิต คือพระแก้วมรกต

มีรัศมีโชติช่วง สว่างมาก ๆ ซึ่งไม่เคยเกิดมาก่อน ก็มีความยินดีอยู่ จากนั้นพระแก้วมรกต ก็ปรากฏบ้าง

หายไปบ้าง บางครั้งก็รู้สึกว่าเกิด เลือน ๆ ลาง ๆ บางครั้งก็มีลักษณะใหญ่จนเต็มหน้า แต่บางครั้งก็ปรากฏ

เห็นเป็นองค์เล็ก ๆ ที่ฐานจิต ยังคงปรากฏบ้าง ไม่ปรากฏบ้าง พึงทำอย่างไรดีคะ

 :25:
72  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ธรรมะ...ธรรมชาติ (ก็มันคือความจริงของชีวิต) เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2010, 07:47:33 am
คุณหมอก้อยค่ะ



ธรรมะ...ธรรมชาติ (ก็มันคือความจริงของชีวิต)
posted on 01 May 2010 23:26 by koymoo

ยิ่งพยายามเหวี่ยงชีวิตให้โลดแล่นไปตามความสนุกของสังคมเท่าไร ยิ่งรู้สึกว่าในใจกลับยิ่งเปล่าเปลี่ยวมากขึ้นเท่านั้น


สุดท้ายก็ต้องกลับมานั่ง พิจารณา ความเป็นจริงของชีวิตตามเดิม นั่นก็คือ "ชีวิตที่มีธรรมะ" หรือเป็นความจริงของธรรมชาติที่เกี่ยวกับชีวิต...

เพราะความจริงแล้ว คำตอบมันก็อยู่แทบเท้าเรานี่เอง...


ความสุขที่เราคิดว่าต้องถูกปรนนิบัติจากอามิสวัตถุภายนอกหรือกิเลสตัณหาต่างๆที่เรารับมาจากประสาทสัมผัสทั้งห้าหรือแม้แต่ "ทางใจ"...

อยากให้ทุกคนได้ลองหยุดคิดและพิจารณาสำรวจภาย ในตนสักนิด... ว่าตอนนี้เราเอง ใช้ชีวิตและมีจิตใจห่างไกลจากสิ่งที่เป็น ดั้งเดิม มากน้อยแค่ไหน...

....เข่นฆ่า... อาฆาต พยาบาทง... อิจฉาริษยากัน เพื่ออะไร
ในเมื่อทุกคน ต่างก็เคยเป็นญาติกันมาทั้งสิ้น

คนเราไม่เหมือนกัน ตั้งแต่ชาติกำเนิด...ดังนั้นการกระทำและความคิดจึงต่างกัน
ไม่มีใครอยากเป็นคนเลวในสายตาคนอื่น...

เพียงแต่การที่เราจะมองใครออกจากใจของเรา ให้เรามองใจของเราดูก่อนดีกว่า
ตนเอง ยังพิจารณาไม่ถี่ถ้วน ... แล้วควรแล้วหรือที่เอาตาและใจไปคอยมองแต่สิ่งที่อยู่ภายนอกจิตใจตนเอง...

ถ้าเร่าไม่อยากให้ใครทำแบบไหนกับเรา ก็อย่าทำกับเค้าแบบนั้น แม้กระทั่ง "กรรมทางความคิด" หรือ มโนกรรม ก็ส่งผล หมอพิสูจน์มาแล้ว...และเห็นประจักษ์ 100% เลยว่า ฟ้ามีตา เวรกรรมมีจริง ... ผลแห่งความคิดและการกระทำมีจริง

ทุกอย่างในโลกล้วนเคลื่อนไหวและดึงดูดสรรพสิ่งด้วยพลังงาน...ดังนั้น แค่ความคิด ก็อย่าคิดว่า จะไม่มีผล!

                       

ตัวหมอ่น่ะ...ไม่ได้อยากจะปรัชญงปรัชญาหรือมธรรมะอะไรมากมาย...

แต่จะหมอทำอย่างไรล่ะ...
ก็ ในเมื่อ ทุกอย่างในธรรมะ มันคือ "ความจริงทั้งสิ้น"...

การมีชีวิตอยู่ด้วยปรัชญาแห่งการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง มีคนต้นแบบที่ดีงาม และมีธรรมะในจิตใจนั้น

หมอคิดว่า เป็นชีวิตที่มีความสุข เพราะสิ่งเหล่านี้จะไม่ดึงเราไปจากความเป็นจริง และจะทำให้ใจของเรา ปล่อยวางเรื่องบางเรื่องได้อย่างสบาย

แต่อย่าลืมว่า การกระทำทุกการกระทำ ต้องเดินทางสายกลาง และมีสติปัญญาประคองไปด้วยเสมอ...
หมายถึงว่า สิ่งไหนพิจารณาแล้ว ว่า ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์ ก็ควรละสิ่งนั้น... และหันมาใช้ชีวิตในทางที่เจริญและดีงาม...

โลกใบนี้มีความจริงรอให้ค้นพบอีกมากมาย
โลกที่เราเหยียบ...เรามองมันแค่สามมิติ ทั้งๆที่มีอีก สิบมิติ ให้เราได้ค้นหา...

อย่าใช้ชีวิตไปวันๆ...
อย่าเสียเวลาไปกับเรื่องไม่สมควรและไร้สาระ

ให้ธรรมะนำทาง...
มีชีวิตอยู่โดยคิดจะให้... ไม่ใช่คิดแต่จะเอา...

From: หมอก้อย

ที่มา

http://koymoo.exteen.com/20100501/entry
73  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หมื่นตา ตอน ช่างมันเถิด เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2010, 07:42:40 am














ที่มา
http://www.athingbook.com/detail-fair.php?dd=16
74  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หมื่นตา หนังสือดี ที่แนะนำ ( โปรดอ่านตัวอย่างหนังสือ ) เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2010, 07:37:39 am

















ที่มา
http://www.athingbook.com/detail-fair.php?dd=16
75  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การพิจารณาหาอุบายให้เกิดปัญญา เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2010, 07:22:46 am
การพิจารณาหาอุบายให้เกิดปัญญา
โดย สมเกียรติ ฟุ้งเกียรติ on Sunday 23 August 2009
ส่วนที่ยากที่สุดและใช้เวลาอีกมากกว่าจะทำสำเร็จได้ ไม่ใช่การนั่งจับลมหายใจ ไม่ใช่การตามดูจิต ไม่ใช่การรู้ให้เห็นสภาวะของของเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แต่เป็นการพิจารณาให้เกิดปัญญายิ่งขึ้นไปอีก

ปัญญาที่ใช้พิจารณาต้องเริ่มจากปัญญาความคิดของเรานี่แหละ แล้วจะมีปัญญาอีกประเภทหนึ่งเกิดขึ้นตามมา แม้ผมได้ผ่านการฝึกสมาธิปฏิบัติธรรมมานาน แต่ยังรู้ตัวว่าตัวเองยังโง่อีกมาก เพราะเท่าที่ผ่านมาผมยังขาดปัญญาประเภทที่ช่วยให้รอดจากการติดภพติดชาตินี้ อยู่อีกมาก

น่าดีใจที่ทุกวันนี้มีผู้สนใจฝึกสมาธิกันมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยสนใจสมาธิมาก่อนหรือเคยเบื่อหน่ายกับศัพท์แสงทางธรรมะ ก็มีโอกาสได้ฝึกปฏิบัติธรรมกันมากขึ้น เพราะรู้ว่าการฝึกปฏิบัติธรรมไม่ได้ทำยากอย่างที่เคยเข้าใจ แค่ฝึกตามรู้ให้มีสติ แค่ฝึกให้เห็นอนิจจังทุกขังอนัตตา เพียงปฏิบัติธรรมให้ได้ตามนี้ก็จะช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น กว่าแต่ก่อน

นี่แหละคือรสของพระธรรม ผู้ที่เข้าถึงธรรมะได้แม้เพียงน้อยนิดก็จะพบกับความสุขที่ตัวเองไม่เคยนึกถึง

การฝึกตัวให้มีสติสามารถตามรู้ดูจิตดูกายของตัวเองเป็นขั้น ตอนแรกที่ทุกคนทำได้ เพียงพยายามเตือนตัวเอง ระวังตัวเอง ให้ทำในสิ่งที่ตั้งใจทำ ให้ตามดูให้รู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงทั้งที่อยู่ภายในและภายนอกกายใจ ของตัวเอง พอเราตามดูไปก็จะเรียนรู้ว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา พอมองเห็นเช่นนี้แล้วก็จะเกิดการละวาง ไม่ยึดถือ เพราะในไม่ช้าความทุกข์หรือความโลภโกรธหลงที่เกิดขึ้นก็จะผ่านไป

การฝึกถึงขั้นนี้ถือเป็นขั้นเริ่มต้นเท่านั้น ถ้าคุณกำลังโกรธใครอย่างมาก และคนที่ทำให้คุณโกรธก็ยังคงยืนอยู่ตรงหน้า ด่าว่า หรือตะโกนเสียงดังให้ร้ายคุณ คุณจะใช้วิธีตามดูความโกรธของคุณไปก็ได้ แต่คงหยุดความโกรธไม่ได้ในทันทีนั้นหรอก

การฝึกปฏิบัติธรรมไม่ได้ฝึกไว้ใช้แค่เรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า เราต้องหาเวลาพิจารณาความโกรธจนเกิดความเข้าใจถ่องแท้ว่าธรรมชาติของความ โกรธเป็นเช่นไร ความเข้าใจอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งนี่แหละถือเป็นการเตรียมพร้อมไว้ก่อน จิตจะมีความระมัดระวังตัวไว้ก่อนตลอดเวลา พอจะเกิดความโกรธ ก็จะรู้ตัวตั้งแต่มันจะเริ่มโกรธ แล้วเมื่อนำความเข้าใจมาใช้ก็จะไม่เห็นประโยชน์ที่จะโกรธ ตัวโกรธมันก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น

เราต้องหาเวลาสำหรับใช้กับการพิจารณา ถ้าคุณฝึกสมาธิมามากจิตมีกำลังดี ก็จะใช้เวลาในการพิจารณาน้อยหน่อย อย่างเรื่องโกรธก็ต้องถามตัวเองก่อนว่า ที่ผ่านมาตอนที่ตัวโกรธมันจะโผล่หัวขึ้นมานั้นมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ถ้าคุณตอบว่า ตอนนั้นเจ้าคนที่เกลี่ยดคุณเขาตะโกนด่านั่นไง การตอบเช่นนี้ถูกต้องในทางโลก แต่ในทางธรรมต้องหาต้นตอที่อยู่ภายในจิตใจของตัวคุณเองต่างหาก และการค้นหานี้ต้องทำให้เสร็จสิ้นในช่วงเวลาแพล้บเดียวด้วย

ขอยกตัวอย่างที่พวกเราน่าจะเข้าใจเรื่องเวลาแพล้บเดียวได้ดีขึ้น ลองนึกถึงตอนที่คุณฟังข่าวทางวิทยุหรือกำลังเปิดเทปธรรมะ ถามว่าคุณฟังเสียงที่ผ่านเข้ามาทางหูแล้วเข้าใจเรื่องราวได้ในทันทีใช่ไหม เช่น ข่าวบอกว่า พายุกำลังมา แค่ได้ยินคำว่าพายุ คุณก็เข้าใจแล้วใช่ไหมว่า พายุคืออะไร จิตของเรามันทำงานได้เร็วอย่างนี้แหละ และการพิจารณาธรรมก็ต้องทำให้เร็วกว่านั้นอีกจึงจะเข้าใจแต่ละสภาวะธรรมได้

คนที่เพิ่งเริ่มฝึกสมาธิหรือพูดตามสมัยนิยมก็ต้องว่าฝึกวิปัสสนา ยากที่จะเข้าใจว่าเราจะตามรู้สภาวะในช่วงเวลาแพล้บเดียวได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่แค่เสียง แต่มีทั้งรูปรสกลิ่นเสียงประดังเข้ามาพร้อมกัน เราจะแยกแยะแต่ละเรื่องและหยุดอารมณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาได้อย่างไรในพริบตา ... ไม่ง่ายเลยใช่ไหม

ถ้าคุณสงสัยว่าเรื่องที่เขียนมานี้จริงหรือเท็จ ก็ขอให้ลองฟังพระธรรมเทศนาของพระอริยเจ้าทั้งหลายแล้วลองเปรียบเทียบดูให้ ละเอียดว่า ที่ท่านกล่าวไว้ในคำเทศน์นั้นมีเรื่องที่เล่าให้ฟังนี้อยู่ตลอดเลยใช่ไหม เพียงแต่ว่าท่านจะไม่อธิบายเปรียบเทียบให้เห็นแต่ละส่วน ตัวอย่างที่ยกขึ้นเพื่อใช้เปรียบเทียบให้เห็นธรรมะของแต่ละรูปก็ต่างกันไป สักแต่ว่าท่านถนัดหรือเห็นว่าเหมาะกับตัวอย่างใด

คุณอาจโต้แย้งว่าไม่เห็นอย่างที่ว่ามาสักนิด ก็เป็นเพราะคนยุคนี้เริ่มมีการศึกษามากขึ้นก็ย่อมมีความสงสัยเกิดมากขึ้นตาม จึงไม่ค่อยเชื่อคำสอนที่ดูธรรมด๊าธรรมดาของท่านว่าจะวิเศษวิโสอย่างไร คนยุคนี้ต่างจากคนยุคก่อนที่ว่าง่ายกว่า พอพระท่านสอนให้ทำอย่างไรก็จะทำตามโดยไม่สงสัย พอทำตามไปแล้วก็จะพบผลสำเร็จได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจในที่มาและเหตุผลว่าทำไมต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้หรือ ทำไปเพื่ออะไร ทำตามท่านไปเถิดแล้วจะเข้าใจเอง

เราต้องเตือนตัวเองไว้ด้วยว่า พระบางรูปยึดหลักว่าท่านจะเทศน์ให้คำสั่งสอนถึงขั้นเฉพาะเท่าที่ท่านทำได้ แล้วเท่านั้น พอเราถามท่านถึงขั้นที่เกินกว่าที่ท่านทำเป็นทำถึง ท่านก็จะอ้างจากคำกล่าวของผู้อื่นแทนว่าจากนี้ไม่ใช่ความรู้ความเห็นของท่าน นะ

เราควรคิดแบบนักวิทยาศาสตร์หรือคิดง่ายกว่านั้นจะเอาแค่คิดถึงนักเรียน ประถมมัธยมก็ได้ ก่อนที่จะลงสนามมาทำงานใช้ชีวิตจริง เราต้องผ่านการเรียนหนังสือ พอเรียนทางทฤษฎีแล้วก็มีการทำการทดลอง ซึ่งการฝึกปฏิบัติธรรมก็มีขั้นตอนแบบเดียวกัน ก่อนจะลงสนามจริงต้องผ่านการทดลองมาก่อนซ้ำแล้วซ้ำอีกจนรู้ซึ้งถึงสภาวะความ เป็นจริง พอสิ่งใดกำลังจะเกิดขึ้น แค่รู้สภาวะแว้บเดียวก็เทียบกับปัญญาความรู้ที่เคยทดลองมาก่อน ว่า อ้อ อย่างนี้เอง อีกแล้ว หรือแค่ อ้อ เฉยๆ เรื่องที่จะเกิดก็ไม่เกิด

พอเขียนถึงคำว่าเกิด เชื่อว่าเราท่านทั้งหลายที่มุ่งปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ล้วนไม่มีความต้องการกลับมาเกิดอีกใช่ไหม แล้วคุณเข้าใจในรูปกายของตัวเองดีมากน้อยแค่ไหน เห็นชัดรู้ซึ้งหรือยังว่าร่างกายประกอบด้วยอะไร แค่รู้ชัดแค่นั้นยังไม่พอ คุณต้องเห็นแจ้งในโทษ คุณรู้สึกเบื่อหน่ายสะอิดสะเอียนกับการมาอาศัยอยู่ในร่างกายนี้แล้วหรือยัง ถ้าชีวิตนี้สิ้นไปแล้วจิตของคุณยังหวนหาร่างกายอันเป็นมนุษย์สัตว์ตัวตนเรา เขาอยู่อีก คิดอยากแค่แว้บเดียว จิตก็จะพาคุณกลับมาเกิดอีกนั่นแหละ

ขอให้พยายามใช้ปัญญาพิจารณากันเยอะๆจะได้เกิดปัญญาที่ไม่ต้องมาเกิดภพ เกิดชาติกันต่อไปอีก ต้องทำให้ถึงขั้นใจเป็นกลางไม่ยินดียินร้าย ไม่วอกแวกไปทางอื่น เว้นแต่มุ่งสู่นิพพานเท่านั้น
76  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อยากได้ธรรมะ ต้องทำเอาเอง เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2010, 07:20:58 am
อยากได้ธรรมะ ต้องทำเอาเอง
โดย สมเกียรติ ฟุ้งเกียรติ on Monday 24 August 2009 | Permalink

เดี๋ยวนี้คนรอบตัวของผมทั้งภรรยาญาติมิตรล้วนสนใจธรรมะ ต่างหาเวลาไปเข้าหลักสูตรวิปัสสนาตามที่จัดกัน 8 วัน 7 คืนกันบ่อยครั้งขึ้น มีแต่ผมนี่แหละที่ไม่เคยเข้าอบรมหลักสูตรวิปัสสนากับใคร อย่างเก่งผมก็ไปนอนวัดค้างคืนระหว่างวันที่มีพิธีทอดกฐินทอดผ้าป่าเท่านั้น เพราะผมได้รับคำสอนจากหลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ จังหวัดลพบุรี ซึ่งท่านสอนว่า "อยากได้ธรรมะ ต้องทำเอาเอง" แม้หลังจากนั้นหลวงปู่บุญตามาพักที่บ้านผมอยู่คืนหนึ่ง ทั้งๆที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับท่าน ผมก็ไม่เอ่ยปากถามธรรมะจากท่านสักคำ เพราะรู้ตัวแล้วว่า ของดีเช่นธรรมะนี้ ไม่มีใครสร้างให้ได้ นอกจากตัวเราต้องหาทางสร้างขึ้นมาเอง คราวใดที่ติดขัดไม่เข้าใจธรรมะเรื่องใด นานทีก็จะโทรศัพท์ไปกราบเรียนถามข้อสงสัยจากพระท่านเป็นเรื่องๆไป

ทุกวันนี้ผมสร้างวัดเอาไว้บ้าน สร้างไว้ในห้องพระห้องนอนในบ้านของผมเอง ก่อนนอนถ้าไม่เหนื่อยนักก็จะนั่งสมาธิ ตอนเช้าถ้าไม่ติดต้องออกไปสอน Excel ก็จะนั่งสมาธิ นั่งไปเรื่อยๆโดยไม่ได้ใส่ใจว่าจะใช้เวลานานเพียงใด

หลวงน้าสายหยุด วัดสะแก จังหวัดอยุธยา ท่านสอนว่า "ให้กลับไปฝึกสมาธิที่บ้าน แล้วหลวงปู่หลวงตาจะไปสอนเอง" ผมสงสัยว่าหลวงปู่หลวงตาที่ท่านว่าจะไปสอนผมที่บ้านนั้นเป็นใคร หลวงน้าสายหยุดก็อธิบายว่า "ก้อหลวงปู่หลวงตาที่แก่ๆๆๆตายๆๆๆๆแล้วนั่นแหละ เดี๋ยวหลวงปู่หลวงตาท่านจะไปสอนที่บ้านให้เอง กลับบ้านไป้"

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา ท่านกล่าวไว้ว่า เมื่อติดขัดสงสัยปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสมาธินี้ไม่ต้องถามใคร ขอให้ตั้งคำถามที่สงสัยไว้ก่อน จากนั้นให้นั่งสมาธิโดยไม่ต้องคิดถึงปัญหานั้นอีก แล้วพอออกจากสมาธิ จิตจะแว้บได้คำตอบออกมาเอง

ในตู้หนังสือที่บ้านผมมีหนังสือธรรมเต็มไปหมด หลายปีก่อนตอนเริ่มสนใจเรื่องสมาธิ ผมหาซื้อหนังสือสมาธิทุกเล่มมาอ่าน ไม่เว้นแม่แต่หนังสือภาษาฝรั่ง อ่านจนหมดร้านหนังสือ จากนั้นก็อ่านจากหนังสือเก่าๆที่แจกในงานศพต่อไปอีก (โชคดีที่บางเล่มเป็น หนังสือที่แจกงานศพของพระอริยเจ้า) สมัยนั้นต้องคุยเรื่องสมาธิกับฝรั่ง เพราะเว็บคนไทยยังไม่มีฟอรัมให้ถามตอบปัญหาธรรม ยุคนั้นพอใช้ชื่อผมค้นหาจากอินเตอร์เน็ตก็จะพบชื่อผมกับข้อความที่คุยเรื่อง สมาธิในหน้าแรกๆที่ค้นเจอทีเดียว เวลาพูดภาษาธรรมก็ใช้ศัพท์แสงตามหนังสือพระไตรปิฏกได้ชัดเจน ผมกลายเป็นตู้พระไตรปิฎกเคลื่อนที่ เข้าใจว่าตัวเองเข้าใจธรรมะอย่างแตกฉาน เวลาสอน Excel ก็จะแอบแจกแฟ้มธรรมที่ผมบรรจงเขียนเองให้ผู้เข้าอบรมติดพร้อมกับแฟ้ม ตัวอย่างที่ใช้อบรมไปด้วย ผมชอบพูดเรื่องธรรมะตลอดเวลาที่ทำได้ อยากชวนทุกคนที่พบให้หันมาสนใจเรื่องสมาธิ เพราะตัวเองพบแล้วว่าสมาธิส่งผลดีกับตัวเองอย่างไร จึงอยากให้ผู้อื่นได้รับผลนั้นตามไปด้วย

พฤติกรรมเหล่านี้อยู่ได้ไม่นานหลังจากที่ผมพบว่า สิ่งที่รู้ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจธรรมะถูกต้องตามที่ตัวเองเข้าใจแม้แต่น้อย ความเข้าใจมันต่างจากการทำให้เป็น ความเข้าใจกับการทำให้เป็นนั้นมันไม่เหมือนกัน และแล้วผมก็ทิ้งตำราหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาฝึกสมาธิ

ขอให้คุณทดสอบตัวเองดูก็ได้ เมื่อใดที่เกิดความทุกข์ ถามว่าคุณต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการดับทุกข์ที่เกิดกับคุณ ถ้าต้องเสียเวลาย้อนกลับไปอ่านตำราธรรมะ หรือนั่งคิดหาที่ไปที่มานานเป็นวันกว่าจะดับทุกข์ได้ หรือใช้สติตามดูทุกข์นั้นให้เห็นว่ามันเกิดขึ้นแล้วกว่าจะดับไปก็ใช้เวลา เป็นวันๆ ก็แสดงว่าคุณสอบตก

ทุกวันนี้เมื่อผมย้อนกลับไปหยิบหนังสือธรรมเล่มเดิมมาอ่านอีกครั้ง ธรรมที่ผมเข้าใจในวันนี้มันต่างจากความเข้าใจสมัยก่อนอย่างมาก แค่ตัวหนังสือบางตัวที่เมื่อก่อนใช้สายตาอ่านผ่านๆไป เดี๋ยวนี้กลับเห็นเป็นเรื่องสำคัญที่ตัวเองเคยมองข้าม ข้อความเดียวกันกลับให้ความหมายต่างจากเดิม

นี่คือเส้นทางของผม แล้วเส้นทางของคุณล่ะ อยากได้ธรรมะ ต้องทำเอาเองหรือปล่าว



77  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แจกหนังสือ ต้มยำธรรมะ ( อยากรู้ต้องอ่าน ) เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2010, 07:18:56 am
แจกชุดหนังสือธรรมะต้มยำ สูตร 1-3


ชุดหนังสือธรรมะต้มยำ สูตร 1-3


ว.วชิรเมธี ชวนผู้อ่านปรุงชีวิตให้กลมกล่อมด้วยธรรมะ
เพียงแค่แกะซองก็พร้อมเสิร์ฟธรรมะอ่านง่าย

สำนัก พิมพ์อมรินทร์ธรรมะ สำนักพิมพ์คุณภาพในเครืออมรินทร์ฯ ขอชวนอ่านหนังสือชุดธรรมะต้มยำ 3 เล่ม ใหม่ล่าสุดจากว.วชิรเมธี ที่ครั้งนี้จะขอแปลงโฉมเป็นเชฟธรรมะ พาผู้อ่านเรียนรู้ศิลปะการใช้ชีวิตแบบชาวพุทธ ยุคใหม่

เชิญลิ้มชิม รสสามเมนูเด็ด รับประกันความเผ็ดถึงใจ ชาวพุทธทุกคนไม่ควรพลาด!! ภายในบรรจุหลากหลายกลเม็ดเคล็ดลับในการปรุงชีวิตให้มีคุณค่า แต่ไม่ขาดรสชาติ จากพระนักพัฒนาชีวิตผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีรสมือดีและมีเสน่ห์ปลาย จวักในการปรุงธรรมะให้มีรสชาติถูกปากผู้คนทุกเพศทุกวัย

สูตรที่ 1 สูตรเด็ดสู่ความเป็นเลิศ แนะส่วนประกอบเด็ด เพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศในการเป็นมนุษย์ ทั้งเรียนรู้ขั้นตอนค้นหาศักยภาพที่แท้จริง การใช้ชีวิตอย่างมีสติ และการทำงานแบบ ‘คนสำราญ งานสำเร็จ’

สูตรที่ 2 สูตรลับดับความร้อน แนะสูตรคลายทุกข์ให้แก่ชาวพุทธทั่วราชอาณาจักร รู้จักการดับร้อนหรือไฟกิเลสที่แท้จริงด้วยการ ‘จับความโลภขึ้นเขียง – ย่างความอหังการให้สิ้นซาก - สับความเห็นผิดให้แหลก’

สูตรที่ 3 สูตรสำเร็จของชีวิต ไขวิธีใช้ชีวิตวิถีพุทธ ให้เปี่ยมสุขและประสบความสำเร็จในทุกสถานการณ์ พบบันได 5 ขั้นสู่การเป็นชาวพุทธที่แท้ และที่สำคัญจะได้ทราบว่านิพพานไม่ใช่เรื่องไกลเกินสำหรับชาวพุทธ

ชุด ธรรมะต้มยำ เพิ่มความพิเศษสำหรับหนังสือชุดนี้ด้วยไอเดียซองซิปล็อคสำหรับหนังสือแต่ละ เล่ม เพื่อสื่อถึงความสดใส ทันสมัย เหมือนหลักธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ไม่มีวันตกยุค

ร่วมพิสูจน์เคล็ด ลับที่จะปรุงชีวิตให้กลมกล่อมเพื่อก้าวสู่ความสุขและความสำเร็จในการเป็น มนุษย์ ได้แล้ววันนี้ที่ร้านนายอินทร์และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ

ที่มา
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=webmaster&month=08-2010&date=03&group=6&gblog=410
78  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ความตายที่ท่านยังไม่รู้จัก เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2010, 01:36:49 pm

ความตายที่ท่านยังไม่รู้จัก


คัดลอกมาจากหนังสือ "ความตายที่ท่านยังไม่รู้จัก พระธรรมเทศนาของพระธรรมาจารย์ " จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา

พระพุทธองค์ตรัสว่า มรณธมฺโมมฺ มรณํ อนตีโต เรามีความตายเป็นธรรมดา หนีความตายไปไม่พ้น

การที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนอย่างนี้ ไม่ได้สอนให้เราทั้งหลายเกิดความกลัวตายหรือเกิดความหวาดหวั่นพรั่นพรึงคิด ที่จะหลบหนี

หากแต่ที่ท่านได้ทรงตรัสสอนไว้นั้น เป็นการเตือนให้เราท่านทั้งหลายได้สำนึกแก่ใจอยู่เสมอๆในเรื่องของความตาย จะได้หมดกังวลจากอันตรายทั้งปวงของชีวิตันมีอยู่อย่างมากมาย ทั้ง ภายใจและภายนอก ซึ่งไม่บอกเวลาตายเป็นเครื่องหมายให้เราได้รู้ล่วงหน้าได้เลย เปรียบเหมือนกับการที่เราโดยสารรถ พอรถหมดระยะทางจึงควรเตรียมตัวละวางจากที่นั่งและลงจากรถทันที

ขณะ นี้กรรมส่งให้เรามาโดยสารอยู่ในวิถีชีวิตของมนุษย์ ไม่มีตั๋วหรือไม่มีเครื่องหมายว่าจะสิ้นสุดระยะทางเมื่อไร ที่ไหน เราจึงควรเตรียมตัวของเราให้มีความพร้อมอยู่เสมอ โดยการเจริญมรณัสสติกัมมัฏฐาน นึกถึงความตายไว้บ้าง เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนที่ความตายจะมาถึง

จะให้ดีที่สุด คือให้ท่านได้หัดตายเสียก่อนตาย กับทั้งมาดำเนินชีวิตของเราให้อยู่แต่ในทางก่อประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ไม่ก่อความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น ด้วยการให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เมื่อ ถึงเวลาสิ้นสุดระยะทางเมื่อใด เราท่านทั้งหลายที่ได้ปฏิบัติดังกล่าวมาแล้วนี้ ก็จักลงได้ด้วยความพร้อม ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีกต่อไป

ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัวสำหรับทุกคน แต่สิ่งที่น่ากลัวและจะต้องระวังให้มากที่สุดคือระยะเวลาของการเดินทาง ระหว่างที่ยังไม่ตาย ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร จึงจะสมฐานะแห่งความเป็นมนุษย์ที่จะแสดงถึงคุณค่าแห่งชีวิตของเรา เมื่อระยะเวลาแห่งชีวิตของเราได้เดินทางมาถึงที่สิ้นสุดแล้ว

ความตาย

โดย สมเด็จพระฐาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ

ทุกคนเกิดมาแล้วล้วนต้องตาย "ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนพาล ทั้งบัณฑิต ล้วนไปสู่อำนาจแห่งความตาย ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า"

แทบ ทุกคนเคยได้รับรู้ความหมายของข้อความข้างต้นนี้อยู่แล้ว แทบทุกคนเคยพูดออกจากปากคนเองมาแล้ว แม้จะไม่ต้องเป็นคำๆ แต่ก็มีความหมายตรงกันกับข้อความข้างต้นนี้ ทั้งยังเป็นการพูดชนิดที่เรียกว่าติดปากอีกด้วย คือพูดอยู่เสมอ ได้รู้ได้เห็นการตายของผู้ใดทีไร ก็มักจะอุทานเป็นการปลงด้วยความหมายดังกล่าวแทบทั้งนั้น

นี่เป็นเพราะทุกคนมีความรู้อยู่แก่ใจว่า ทุกคนเกิดมาต้องตาย ไม่มีสักคนเดียวที่จะหนีความตายพ้น นับ ว่าทุกคนมีความได้เปรียบอยู่ประการหนึ่งที่มีความรู้นี้ติดตัวติดใจอยู่ แต่แทบทุกคนก็มีความเสียเปรียบอยู่ประการหนึ่ง ที่ไม่เห็นค่าไม่เห็นประโยชน์ของความรู้นี้ จึงมิได้ใส่ใจเท่าที่ควร ปล่อยปละละเลย รู้จึงเหมือนไม่รู้ สิ่งที่เป็นคุณเป็นประโยชน์จึงเหมือนเป็นสิ่งไม่มีค่า

ควรหัดตายก่อนตายไว้เสมอ

ความ รู้ว่าทุกคนเกิดมาแล้วต้องตายเป็นสิ่งที่เป็นคุณเป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่ แม้ใส่ใจในความรู้นี้ให้เท่าที่ควร ก็จะสามรถนำให้เกิดคุณเกิดประโยชน์แก่ตนเองได้มหาศาล ไม่มีคุณไม่มีประโยชน์ใดอาจะเปรียบปานได้

เพื่อเสริมส่งความรู้นี้ให้บังเกิดคุณประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่ตนเองและแก่ส่วน รวม ปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาทั้งหลาย ท่านจึงคงสอนให้ หัดตายเสียก่อนถึงเวลาตายจริง ท่านสอนให้หัดตายไว้เสมอ อย่างน้อยก็ควรวันละหนึ่งครั้ง ครั้งละ 5 นาที 10 นาทีเป็นอย่างน้อย

พิจารณาความกลัวตายช่วยให้จิตใจเกิดเมตตา

การหัดตายนั้นบางคนบางพวก น่าจะเริ่มด้วยหัดคิดถึงสภาพ เมื่อตนกำลังจะถูกประหัตประหารให้ถึงตายจนได้ แม้จะกลัวแสนกลัว แม้จะพยายามกระเสือกกระสนช่วยตนเองให้รอดพ้นได้อย่างไร ก็หารอดพ้นไม่ด้วยความทรมานทั้งกายทั้งใจ

การหัดตายด้วยเริ่มตั้งแต่ ความกลัวตายแบบทารุณโหดร้าย เช่นนี้ มีคุณเป็นพิเศษแก่จิตใจ จักสามารถอบรมบ่มนิสัย ที่แม้เหี้ยมโหดอำมหิตปราศจากเมตตากรุณาต่อชีวิตร่างกายผู้อื่นให้เปลี่ยน แปลงได้

ความ คิดที่จะประหัตประหารเขาเพื่อผลได้ของตนจักเกิดได้ยาก หรือจักเกิดไม่ได้เลย เพราะความการพยายามหัดให้รู้สึกหวาดกลัวการถูกประหัตประหารผลาญชีวิตนั้น เมื่อทำเสมอๆ ก็จะมีผลเป็นความเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้อื่นที่จะต้องหวาดกลัวเช่นเดียว กัน ความเมตตาปรานีชีวิตผู้อื่นสัตว์อื่นก็จะเกิดขึ้นได้ แม้จะไม่เคยเกิดมาก่อน ซึ่งก็เป็นการเมตตาปรานีชีวิตตนเองไปพร้อมกันด้วยอย่างแน่นอน

ผู้ประหัตประหารเขา แม้ จะได้สิ่งที่มุ่ง แต่ผลที่แท้จริงอันจะเกิดจากกรรมคือการประหัตประหารที่ได้ประกิบกระทำลงไป นั้น จักเป็นทุกข์โทษแก่ผู้กระทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กรรมนั้นให้ผลสัตย์ซื่อนัก เหมือนผลของยาพิษร้าย กรรมนั้นเมื่อทำแล้วก็เหมือนดื่มยากพิษร้ายแรงเข้าไปแล้ว จักไม่เกิดผลแก่ชีวิตและร่างกายย่อมไม่มี ย่อมเป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นกรรมดีก็จักให้ผลดี ถ้าเป็นกรรมชั่วก็จักให้ผลชั่ว เราเป็นพุทธศาสนิกชน นับถือพระพุทธศาสนา พึงมีปัญญาเชื่อให้จริงจังถูกต้อง ในเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรมเถิด จักเป็นสิริมงคล เป็นความสวัสดีแก่ตนเอง
79  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ค้นหาทุกอย่าง...เพื่อหยุดทุกสิ่ง.. เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2010, 06:23:25 am

พอเริ่มต้นของชีวิตน้อย ๆ บนโลกใบนี้..
เราทุกคน..ต่างพยายามที่จะค้นหา..
หรือแสวงหาทุก ๆ อย่าง...
เพื่อให้ได้มา..ให้ได้มาก..ที่สุด..
เท่าที่จะทำได้..

การแสวงหาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
…จากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง..
…จากร้อยเป็นพัน..จากพันเป็นหมื่น..จนนับไม่ถ้วน..
…ก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการ..
…ของคนเราได้...จบสิ้น

เพราะทุก ๆ สิ่งที่เรากำลังพยายามแสวงหาอยู่..
บางคน..อาจต้องใช้เวลาชั่วชีวิต..จึงจะพบเจอ..
หรือบางคน..อาจพบเจอ..
ในบางช่วงจังหวะของชีวิตที่เริ่มต้น..
บางคน...อาจพบเจอ..ช่วงกลาง ๆ ของชีวิต..
บางคน...อาจพบเจอ..ช่วงท้าย ๆ ของชีวิต..

แม้ว่าจะค้นหาหรือแสวงหามากเท่าไร ???
ถ้าใจ..ยังไม่หยุดพักเสียบ้างก็คงจะยากที่จะค้นพบ
… "สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต" ...ได้...


บทความ...โดย..ชายน้อย..
80  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / "ปริญญาวิชาชีพกับปริญญาชีวิต" เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2010, 06:18:43 am
"ปริญญาวิชาชีพกับปริญญาชีวิต"

อยากให้ทุกคนได้อ่านบทความดีๆ เสี้ยวหนึ่งจาก ท่าน ว.วชิรเมธี

ที่เมืองไทยปีที่แล้วมีข่าวเกรียวกราวมาก
คือมีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมาก
เป็นคนดำเนินรายการคนค้นคน
ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร

มาเรียนที่อเมริกา
เป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิส
ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุดแม้กระทั้งล้างจาน
ล้างเสร็จแล้วแกต้องเอามาดมดู
ว่าสะอาดจริงมั้ย

กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
มีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลย
ต้องให้ดีที่สุด
เวลาแกไปเสนองานอะไรต่าง ๆ
เขียนไว้สามแผน
แผนที่หนึ่งลูกค้าไม่ซื้อ
แกเสนอแผนที่สอง
แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อแกเสนอแผนที่สาม
ใครไปดีลงานกับแกติดทุกราย

แกมีบ้าน มีรถ มีลูก มีภรรยา
มีธุรกิจ
มีชื่อเสียงทุกอย่าง
แกมีทุกอย่าง

วันหนึ่งแกพักผ่อน
หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย
ลุกเมียไปขอพบ
บอกไปเจอพ่อที่ออฟฟิต

วันหนึ่งแกไปพักที่ปากช่อง
ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟุ๊บลงไป
ภรรยาพาเข้าโรงบาล
ตรวจพบมะเร็ง
พอพบปุ๊บเป็นระยะสุดท้ายเลย
จริง ๆ เค้าก็เตือนตลอด
แต่พอไม่มีเวลาไปตรวจมันก็แก้ไม่ได้
แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล



แล้วก็สารภาพให้รายการคนค้นคน
บันทึกชีวิตแก

ก่อนจะเสียชีวิต
แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว
แกก็บอกว่าสังเวชตัวเองมากแทนที่ลูกจะได้ดูแลพ่อแม่
กลับมาเป็นว่าพ่อแม่ต้องมาดูแลลูก


ก่อนจะเสียชีวิตแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า
พ่อผมเคยบอกว่า
เกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ

ปริญญาใบที่หนึ่ง
"ปริญญาวิชาชีพ"
เราจะต้องทำมาหากินเป็น
กินอิ่ม นอนอุ่น พูดง่าย ๆ
ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้
อยากจะนอนมีบ้านเป็นของตัวเอง
แค่นี้คือปริญญาวิชาชีพ


แต่"ปริญญาวิชาชีวิต"
ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สองที่พ่อแกบอกไว้
แกบอกว่าผมสอบตกโดยสิ้นเชิง
ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ปริญญาวิชาชีพ
แต่ปริญญาวิชาชีวิตสอบตก
เพราะอะไร
เพราะทำงานจนป่วยตาย

ก่อนที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่าผมได้เตรียมทุกอย่าง
บ้าน รถ
มอบมันให้กับลูกและภรรยา

แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง
ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่างให้กับลูกและภรรยา
สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้
สิ่งที่ว่านี้คือผมลืมมอบตัวเองเป็นของขวัญให้กับลูกและเมีย
เพราะทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตาย

นี่คือปริญญาวิชาชีวิต

ธรรมะเราจะต้องมี
ถ้าเราไม่มีธรรมะ เราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง
ที่ทำงานแทบล้มประดาตายแล้วสุขภาพไม่ดี
ดังนั้นเมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว
อย่าลืมชั่วโมงสุขภาพของตัวเองในแต่ละวันนะ
แต่ละวันควรจะมี
ให้ดูแลตัวเอง ดูจิต
ดูใจตัวเอง
ว่าเราเอ๊ะมันทุกข์
มันทุกข์มากเกินไปรึเปล่า
แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้
เกินไปหรือเปล่า
พยายามลดลงในแต่ละวัน ๆ
เพื่อที่ว่าอะไร
เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิต
หนึ่งปริญญาวิชาชีพ
เราทำมาหากินจนประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง
มีเงินมีทองใช้มีบ้านอยู่
แต่ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง
คือวิชาธรรมะ

สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง
ไม่ทุกข์เกินไปไม่เดือนร้อนเกินไป
ทำอะไรให้พอดี
พอดีอยู่ดีมีสุข
อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว
อยากพักให้ได้พัก
อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ
ลูกหลานมาหาก็ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง
อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด ขวาสุด
และมารู้สึกตัวอีกทำจนล้มเจ็บใหญ่ไม่ดี
เพราะอะไร
เพราะว่าสิ่งสูงค่าทีสุดในชีวิตของเรา

เคยมีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้า
ว่าอะไรคือสิ่งสูงค่าที่สุด
บางคนก็ตอบเงิน
บางคนก็ตอบเพชร
บางคนก็ตอบทอง
บางคนก็ตอบอำนาจ
บางคนก็ตอบราชบัลลังก์

พระพุทธเจ้าบอกไม่ใช่
สิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิตของพวกเธอคือสุขภาพและชีวิต
สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
คนที่สุขภาพดีดื่มน้ำธรรมดาก็อร่อยนะ
และก็ชีวิตของเรา

FW
หน้า: 1 [2] 3