ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สวดมนต์ ตอนเช้า ทำให้จิตใจผ่องใส  (อ่าน 12548 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สวดมนต์ ตอนเช้า ทำให้จิตใจผ่องใส
« เมื่อ: ตุลาคม 10, 2010, 07:02:05 am »
0
พิจารณาธรรม ไปด้วย

พุทธะโคตะโม พุทโธ สุสุทโธ กรุณามะหัณณะโว ,
พระพุทธเจ้า พระพุทธะโคตะมะ ผู้บริสุทธิ์
มีพระกรุณาดุจห้วงมหรรณพ ,
โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน ,
พระองค์ใดมีตา คือ ญาณอันประเสริฐหมดจดถึงที่สุด ,
โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะฆาตะโก ,
เป็นผู้ฆ่าเสียซึ่งบาป และอุปกิเลสของโลก ,
วันทามิ พุทธะโคตะมัง พุทธัง อะหะมาทะเรนะ ตัง ,
ขัาพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้า พระพุทธะโคตะมะ พระองค์นั้น
โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ ,
ธัมโม ปะทีโป วิยะ ตัสสะ พุทธะโคตะมัสสะ สัตถุโน ,
พระธรรมของพระศาสดา พระพุทธะโคตะมะ พระองค์นั้น
สว่างรุ่งเรืองเปรียบดวงประทีป ,
โย มัคคะปากามะตะเภทะภินนะโก ,
จำแนกประเภท คือ มรรค ผล นิพพาน ส่วนใด ,
โลกุตตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน ,
ซึ่งเป็นตัวโลกุตตระ , และส่วนใดที่ชี้แนวแห่งโลกุตตระนั้น ,
วันทามิ ธัมมัง อะหะมาทะเรนะ ตัง ,
ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ ,
พุทธะโคตะมัสสะ สังโฆ สุเขตตาภ๎ยะติเขตตะสัญญิโต ,
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธะโคตะมะ ,
เป็นนาบุญอันยิ่งใหญ่ กว่านาบุญอันดีทั้งหลาย ,
โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก ,
เป็นผู้เห็นนิพพาน ตรัสรู้ตามพระสุคต , หมู่ใด ,
โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส ,
เป็นผู้ละกิเลสเครื่องโลเล เป็นพระอริยเจ้า มีปัญญาดี ,
วันทามิ พุทธะโคตะมัสสะ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง ,
ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระพุทธะโคตะมะ หมู่นั้น , โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ ,
อิจเจวะเมกันตะภิปูชะเนยยะกัง , วัตถุตตะยัง วันทะยะตาภิสังขะตัง, ปุญญัง มะยา ยัง มะมะ สัพพุปัททะวา ,
มา โหนตุ เว ตัสสะ ปะภาวะสิทธิยา .
บุญอันใด ที่ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งรัตนสาม คือ พระรัตนตรัย
อันควรบูชาอย่างยิ่งโดยส่วนเดียว ได้กระทำแล้วเป็นอย่างยิ่งเช่นนี้นี้ ขออุปัททวะ ( ความชั่ว ) ทั้งหลาย จงอย่ามีแก่ข้าพเจ้าเลย
ด้วยอำนาจความสำเร็จอันเกิดจากบุญนั้น .
อิธะ พุทธะโคตะโม ตะถาคะโต โลเก อุปปันโน ,
พระตถาคตเจ้า พระพุทธะโคตะมะ เกิดขึ้นแล้ว ในโลกนี้ ,
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ,
เป็นผู้ไกลจากกิเลส , ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ,
พุทธะโคตะเมนะ ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก ,
และพระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธะโคตะมะ
ทรงแสดง , เป็นธรรมเครื่องออกจากทุกข์ ,
อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก ,
เป็นเครื่องสงบกิเลส เป็นไปเพื่อปรินิพพาน ,
สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต ,
เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม เป็นธรรมที่พระสุคตประกาศ ,
มะยันตัง ธัมมัง สุต๎วา เอวัง ชะนามะ ,
พวกเราเมื่อได้ฟังธรรมนั้นแล้ว , จึงได้รู้อย่างนี้ว่า ,
ชาติปิ ทุกขา , แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์ ,
ชะราปิ ทุกขา , แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์ ,
มะระณัมปิ ทุกขัง , แม้ความตายก็เป็นทุกข์ ,
โสกะปริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา ,
แม้ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย
ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์ ,
อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข ,
ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์ ,
ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข ,
ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์ ,
ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง ,
มีความปราถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้นนั่นก็เป็นทุกข์ ,
สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ,
ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์ ,
เสยยะถีทัง , ได้แก่สิ่งเหล่านี้ คือ
รูปูปาทานักขันโธ , ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ รูป ,
เวทะนูปาทานักขันโธ ,
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ เวทนา ,
สัญญูปาทานักขันโธ ,
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ สัญญา ,
สังขารูปาทานักขันโธ ,
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ สังขาร ,
วิญญาณูปาทานักขันโธ ,
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ วิญญาณ ,
เยสัง ปะริญญายะ ,
เพื่อให้สาวกกำหนดรอบรู้อุปาทานขันธ์เหล่านี้เอง ,
ธะระมาโน โส พุทธะโคตะโม ภะคะวา ,
พระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธะโคตะมะ นั้น
เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่ ,
เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ ,
ย่อมทรงแนะนำสาวกทั้งหลาย เช่นนี้เป็นส่วนมาก ,
เอวัง ภาคา จะ ปะนัสสะ พุทธะโคตะมัสสะ ภะคะวะโต
สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พะหุลา ปะวัตตะติ ,
อนึ่ง คำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธะโคตะมะ นั้น , ย่อมเป็นไปในสาวกทั้งหลาย , ส่วนมาก , มีส่วนคือ การจำแนก อย่างนี้ว่า ,
รูปัง อนิจจัง , รูปไม่เที่ยง ,
เวทะนา อนิจจา , เวทนาไม่เที่ยง ,
สัญญา อนิจจา , สัญญาไม่เที่ยง ,
สังขารา อนิจจา , สังขารไม่เที่ยง ,
วิญญาณัง อนิจจัง , วิญญาณไม่เที่ยง ,
รูปัง อนัตตา , รูปไม่ใช่ตัวตน ,
เวทะนา อนัตตา , เวทนาไม่ใช่ตัวตน ,
สัญญา อนัตตา , สัญญาไม่ใช่ตัวตน ,
สังขารา อนัตตา , สังขารไม่ใช่ตัวตน ,
วิญญาณัง อนัตตา , วิญญาณไม่ใช่ตัวตน ,
สัพเพ สังขารา อนิจจา , สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ,
สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ,
ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใช่ตัวตน ดังนี้ ,
เต (ตา *) มะยัง โอติณณามะหะ ,
เราทั้งหลาย เป็นผู้ถูกครอบงำแล้ว ,
ชาติยา , โดยความเกิด ,
ชะรามะระเณนะ , โดยความแก่ , และความตาย
โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ ,
โดยความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย
ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ทั้งหลาย ,
ทุกโขติณณา , เป็นผู้ถูกความทุกข์ หยั่งเอาแล้ว ,
ทุกขะปะเรตา , เป็นผู้มีความทุกข์ เบื้องหน้าแล้ว ,
อัปเปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยา
ปัญญา เยถาติ ,
ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะพึงปรากฏชัดแก่เราได้ ,

สำหรับภิกษุ สามเณร

จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง พุทธะโคตะมัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ
อะระหันตัง สัมมาสัมพุทธัง ,
เราทั้งหลายอุทิศเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธะโคตะมะ พระองค์นั้น , ผู้ไกลจากกิเลส , ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
แม้ปรินิพพานนานแล้ว ,
สัทธา อะคารัส๎มา อะนะคาริยัง ปัพพะชิตา ,
เป็นผู้มีศรัทธาออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว ,
ตัส๎มิง พุทธะโคตะเม ภะคะวะติ พ๎รัห๎มะจะริยัง จะรามะ ,
ประพฤติอยู่ซึ่งพรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระพุทธะโคตะมะ พระองค์นั้น ,
ภิกขูนัง สิกขาสาชีวะสะมาปันนา ,
ถึงพร้อมด้วยสิกขาและธรรมเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตของภิกษุทั้งหลาย ,
( สามเณรพึงเว้นประโยคนี้ หรือเปลี่ยนสวดว่าดังนี้ สามเณรานัง
สิกขาสาชีวะสะมาปันนา , ถึงพร้อมด้วยสิกขาและธรรม
เป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตของสามเณรทั้งหลาย )
ตัง โน พ๎รัห๎มะจะริยัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ
อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ ๑ .
ขอให้พรหมจรรย์ของเราทั้งหลายนั้น , จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุด ,
แห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ เทอญ .
หมายเหตุ: ๑ เมื่อสวดมนต์แปลให้สวดว่า สังวัตตะตุ ถ้าไม่สวดแปลให้สวดว่า สังวัตตะตูติ
* สำหรับสตรีสวด
สำหรับอุบาสกอุบาสิกาสวด

จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง พุทธะโคตะมัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา
เราทั้งหลาย ผู้ถึงแล้วซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธะโคตะมะ
แม้ปริพพานนานแล้ว พระองค์นั้น เป็นสรณะ ,
ธัมมัญจะ สังฆัญจะ ,
ถึงพระธรรมด้วย ถึงพระสงฆ์ด้วย ,
ตัสสะ พุทธะโคตะมัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง , ยะถาสะติ ,
ยะถาพะลัง , มะนะสิกะโรมะ อะนุปะฏิปัชชามะ ,
จักทำในใจอยู่ ปฏิบัติตามอยู่ ซึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระพุทธะโคตะมะ พระองค์นั้น , ตามสติกำลัง ,
สา สา โน ปะฏิปัตติ ,
ขอให้ความปฏิบัตินั้น ๆ ของเราทั้งหลาย ,
อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ .
จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ เทอญ .
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สวดมนต์ ตอนเช้า ทำให้จิตใจผ่องใส
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 11, 2010, 09:56:46 pm »
0
อย่าลืม สวดมนต์ ก่อนนอนนะคะ สมาชิกธรรม ทุกท่าน

  พระอาจารย์ เมล์มาดักคอ หมวยไว้ว่า

   "เดิมโลก ไม่มีเรื่อง คนโง่ หามาเอง "


  ภาวนากรรมฐาน มาก ๆ  นะคะ


 :25: :25: :88: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: สวดมนต์ ตอนเช้า ทำให้จิตใจผ่องใส
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 11, 2010, 10:26:35 pm »
0
เราไม่ควรตั้งหน้าตั้งตาเกลียดคนโง่

สังสารวัฏนี้ มันน่ากลัว ตรงที่เราจำอดีตชาติไม่ได้

ถ้าเราจำได้ เราคงโง่น้อยลง

และถ้าไม่มีคนโง่ พระโพธิสัตว์จะสร้างบารมีกับใครล่ะครับ

พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา ก็เพื่อที่จะพาคนโง่ข้ามสังสารวัฏไม่ใช่หรือ

เห็นไหมครับ คนโง่ก็มีประโยชน์เหมือนกัน


ไม่ได้แซวหมวยนีย์มานานแล้ว เหงาปากจริงๆ :08: :49: :) ;)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 11, 2010, 10:28:21 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สวดมนต์ ตอนเช้า ทำให้จิตใจผ่องใส
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2010, 12:15:40 am »
0
อ้างถึง
ไม่ได้แซวหมวยนีย์มานานแล้ว เหงาปากจริงๆ

แซวหมวยไม่เป็นไร จ้าเพราะหมวยเป็นผู้ประพฤติธรรม ตัวน้อย ๆ คร้า

และดีใจที่มีคนแซว ( แสดงออกถึงความคิดถึงกันอยู่ )



แต่ข้อความในที่นี้เป็นข้อความของพระอาจารย์ ไม่อยากให้ตีความผิดทางคร้า

 ในข้อความ นี้ไม่ได้มีข้อความให้เกลียดคนโง่ นะคร้า

 เดี๋ยวคนอื่นอ่านแล้ว จะตั้งกระทู้ ปรามาสพระอาจารย์กันอีก หมวยไม่อยากเป็นต้นเหตุคร้า..

 ในความหมายของคำพูดนี้ พระอาจารย์น่าจะเพียงกล่าวเตือนให้เราทราบว่า

   เดิมนั้นไม่มีเรา ไม่มีของเรา ไม่มีตัว ไม่มีตนของเรา แต่เพราะเราโง่จึึงถูก โลภะ โทสะ โมหะ ครอบงำ

   จึงเดือดร้อน เพราะเมื่อ หมวยจ้า ลองสัมปยุตธาตุตามที่พระอาจารย์สอนแล้วจึงทำให้รู้ว่า

   กายเราก็เป็นแต่เพียงสักว่าธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ และ ฝ่ายจิต ก็มี เวทนา สังขาร สัญญา วิญญาณ

   รวมกันจึงเกิดความหลงผิด ยึดว่ากายนี้ก็เป็นเรา

    เมื่อความแก่เข้ามาก็ทุกข์ใจ
   
    เมื่อความเจ็บเข้ามาก็ทุกข์ใจ

    เมื่อความตายเข้ามาก็ทุกข์ใจ
   
    และก็พยายามยึดว่ามันเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวเป็นตนของเรา

    ในเมลมีข้อความเอามาเป็นบางส่วน นะคร้า ( เพื่อมิให้คนอื่นสำคัญผิดอีก )



    แต่เพราะการฝึกกรรมฐาน เป็นสมาธิ จึงเห็นตอนสัมปยุตธาตุ ตามความเป็นจริงว่า

       กายนี้ก็สักว่ากาย เพียงธาตุทั้ง 4 ประชุมรวมกันครั้นมีอยู่ก็ไม่เที่ยง ครั้นตั้งอยู่ก็ไม่เที่ยง ครั้นดับไปก็ไม่

  เที่ยง ครั้นเกิดขึ้นก็เป็นทุกข์ ครั้นตั้งอยู่ก็เป็นทุกข์ ครั้นดับไปก็เป็นทุกข์ ครั้นเกิดขึ้นก็ไม่ใช่เราจริง ไม่ควรยึด

  มั่นถือมั่นว่าเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวเป็นตนของเรา ครั้นตั้งอยู่ก็ไม่ใช่เราจริง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นเรา

  เป็นของเรา เป็นตัวเป็นตนของเรา ครั้นดับไป ก็ไม่ใช่เราจริง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัว

  เป็นตนของเรา

   ( ข้อความของพระอาจารย์ )


บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

แมนแมน

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 86
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เว็บบอร์ด นี้มีจุดประสงค์อะไร ? เพื่ออะไร ?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2010, 11:16:37 am »
0
คือตอนนี้ กำลังเกิดข้อกังขาว่า เว็บบอร์ดนี้ มีจุดประสงค์อะไร? เพื่ออะไร?

ทำไมถึง เปิดโอกาส ให้คนต่างขั้วแสดงความเห็นในเว็บ ?

ผมสมมุติว่า แค่ 2 กลุ่ม คือ

   1. หินยาน เถรวาท มีพระไตรปิฏก อยู่ สูงสุด 91 เล่มฉบัับ มกุฏ จุฬา 45 เป็นต้น

   2. มหายาน มีพระไตรปิฏก แต่มีเรื่องที่ไม่ปรากฏ ในฉบับในหินยาน มากมาย เช่น เรื่อง พุทธเกษตร เป็นต้น นั้น

   ดังนั้น ความคิดย่อมต่างขั้ว แนวทางการภาวนา ก็ย่อมต่างกัน หลักการแบบเซ็น นิยมมากใน มหายาน

   ในขณะที่ ฝ่าย หินยาน นั้นยังคงยึดพระดำรัส คือ ธรรม และ วินัย เป็นพระศาสดา จึงไม่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ

     ความคิดกับเรื่อง พุทธบริษัท ก็ยังมีความต่างเพราะฝ่าย หินยาน ให้ความสำคัญกับ พระภิกษุ ภิกษุณี อย่างชัดเจน จัดเป็นเนื้อนาบุญด้วย มีความสูงส่งแตกต่างเรื่องเนกขัมมะ

                                             
     ฝ่ายมหายาน พุุทธบริษัท 4 เป็นสงฆ์ทั้งหมด เสมอภาค จึงไม่ได้ให้ความสำัคัญเฉพาะ ภิกษุ ภิกษุณี


      จะเห็นว่า เอาแค่ 2 พวกนี้ก็มีความเห็น ต่างขั้วกันไปแล้ว จะให้ปรับทิฏฐิรูปแบบ เป็นเหมือนกัน นั้น อยู่ที่ไหน อยู่ที่ผล หรือ ยิ่งไปกันใหญ่

      ยิ่งแสดงพระคัมภีร์ ก็ยิ่ง มีความขัดแย้ง เพราะฝ่ายมหายาน เชื่อเรื่องการบำเพ็ญกันยาวนาน สั่งสมกันมายาวนาน เชื่อเรื่องการช่วยสรรพสัตว์ ด้วยศักดานุภาพของปวงเทพ


       ฝ่ายหินยาน เชื่อมั่นในหลักภาวนา และรู้เห็น ตามความเป็นจริง ในปัจจุบัน ถึงแม้จะสร้างบุญกุศล ก็มุ่งมั่นที่จะดับทุกข์ ในปัจจุบันเป็นหลัก

       คนเข้ามาอ่านและตอบส่วนใหญ่ ผมเชื่อมั่นส่วนใหญ่ ไม่ได้เป็นศิษย์กรรมฐาน รวมทั้งผมด้วย

       เป็นแต่สมาชิกเว็บ


       ดังนั้นเชิญศิษย์ ตัวจริง หรือ พระอาจารย์ มาแจงวัตถุประสงค์ของเว็บ ได้หรือป่าวครับ

 :25: :25:
                           
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: สวดมนต์ ตอนเช้า ทำให้จิตใจผ่องใส
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2010, 11:43:00 am »
0
ธรรมจักรมีสัณฐานเป็นวงกลม การวิจัยธรรมะ (ธัมมวิจยะโพชฌงค์)

ควรมองให้รอบทิศ หรือให้เห็นในทุกด้าน

อย่างน้อยที่สุดก็ให้คิดว่า เหรียญมีสองด้าน

เราไม่ควรจะลืมด้านตรงข้าม ควรนำเสนอความเห็นทั้งสองด้าน

เหตุผลหนึ่งอาจฟังดูสวยงาม น่าเชื่อถือ แต่อาจตอบคำถามได้เพียงด้านเดียว



ดังนั้นเราควรอธิบายให้ชัดเจนว่า คำพูดนี้ตอบคำถามนั้น

ส่วนคำถามอื่นๆ คำพูดนี้ไม่สามารถนำมาเป็นคำตอบได้

กิเลสที่เคลือบใจเราอยู่ เป็นต้นเหตุที่ทำให้เราเห็นทุกข์

การเห็นทุกข์มากๆเข้า เราก็จะถึงนิพพาน

แล้วเราควรจะเกลียดกิเลสหรือรักกิเลสกันดี



เพื่อนๆที่เห็นต่างจากผม ขอให้วิจัยธรรมให้ดูบ้าง อย่าได้นิ่งเฉย

การปฏิบัติธรรม การฝึกกรรมฐาน เพื่อให้ถึงฝั่งนิพพาน แต่อย่างเดียว

โดยไม่แสดงความเห็นใดๆ สงสัยอะไรก็บอกแต่เพียงว่า

อย่าสงสัยเลย ปฏิบัติดีกว่า ความคิดนี้แม้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง

แต่เมื่อมองจุดประสงค์ของการตั้งเว็บไซต์ และเว็บบอร์ด(กระดานสนทนา)นี้แล้ว

จุดประสงค์นี้จะบรรลุไม่ได้เลย ถ้าไม่มีการความแสดงคิดเห็น



ขอให้ธรรมคุ้มครอง

 :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 12, 2010, 11:47:02 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ปอง

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 119
  • จิตที่ฝึกดีแ้ล้ว ย่อมนำสุขมาให้
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สวดมนต์ ตอนเช้า ทำให้จิตใจผ่องใส
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 01:38:03 pm »
0
อนุโมทนา จ้า

 :25: :25:
บันทึกการเข้า

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สวดมนต์ ตอนเช้า ทำให้จิตใจผ่องใส
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2010, 12:59:16 am »
0
อ้างถึง
แต่เมื่อมองจุดประสงค์ของการตั้งเว็บไซต์ และเว็บบอร์ด(กระดานสนทนา)นี้แล้ว

จุดประสงค์นี้จะบรรลุไม่ได้เลย ถ้าไม่มีการความแสดงคิดเห็น

 แต่เมื่อแสดงความเห็น ควรเป็นความเห็นในแนวปฏิบัติ นะคร้า

 เพราะถ้าแสดงแบบแนว ปรัชญา ก็เรื่อยเปื่อย อย่างที่เห็น....คร้า....

 :58:
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง