ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ -ปลัดมหาดไทย ประชุมขับเคลื่อนโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข  (อ่าน 97 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ -ปลัดมหาดไทย ประธานประชุมขับเคลื่อนโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข พร้อมบรรยายพิเศษ “ขอพระสงฆ์เป็นหลักชัย ทำให้ญาติโยมมีดวงตาเห็นธรรม”

วันที่ 21 มี.ค. 67 เวลา 09.00 น. ที่อาคารปฏิบัติธรรมพระธรรมรัตนาภรณ์ วัดสายสุวพรรณ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ พัดยศ และเกียรติบัตร วัดต้นแบบ ประจำปี 2566

โดยได้รับเมตตาจากพระมหาเถระ พระเถระ พระสังฆาธิการ ร่วมพิธี โดนมี นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พุทธศาสนิกชน และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ร่วมในงานเป็นจำนวนมาก

@@@@@@@

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวประทานโอวาทเปิดการประชุม ความว่า โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข เป็นหนึ่งในงานปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาโดยมุ่งพัฒนาวัดและชุมชนให้สะอาด ร่มรื่น เรียบร้อย สวยงาม เป็นสถานที่สัปปายะ เหมาะสมกับการเรียนรู้และการพัฒนาจิตใจของประชาชน โดยโครงการนี้ได้ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นวันพิเศษอีกวันหนึ่ง ที่คณะสงฆ์จะได้มาประชุมร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนทำให้สังคมเกิดความสงบสุข ร่มเย็น และมีความสุข ซึ่งมีภาคีเครือข่ายจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคศาสนา ภาคประชาชน

โดยโครงการนี้จะขับเคลื่อนไปได้ด้วยดีเพื่อก่อให้เกิดผลสำเร็จ ทำให้สังคมเกิดความสงบสุข ผู้คนไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เฉกเช่นเดียวกับโครงการหมู่บ้านศีลธรรมหรือหมู่บ้านรักษาศีล 5 ซึ่งคณะสงฆ์ได้มีโครงการขึ้นมาเพื่อยังผลให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ และเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนา มีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โดย

ทั้งหมดที่กล่าวนี้ล้วนเป็นงานหลักของคณะสงฆ์เพื่อตอบแทนบุญคุณพุทธศาสนิกชนที่ได้อุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา ทำให้คณะสงฆ์มีที่อยู่อาศัย มีความมั่นคงทางอาหาร ยา และเครื่องนุ่งห่ม คณะสงฆ์จึงดำริโครงการเหล่านี้เพื่อทดแทนบุญคุณที่ได้อุดหนุนค้ำชูพระพุทธศาสนา ผลความสุขจะได้สืบทอดไปสู่ความร่มเย็นเป็นสุขของประเทศชาติที่ทุกท่านอยู่ด้วยมิตรไมตรีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่สามัคคีกัน

และเราทุกท่านมุ่งหวังในการพัฒนาชาติด้วยหลักธรรมทางศาสนา หากทุกคนปฏิบัติและยึดถือศีล 5 หรือศีล 8 ได้อย่างแท้จริง สังคมและประเทศชาติจะเกิดความเจริญ สงบสุขร่มเย็น ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศที่น่าอยู่ของโลก โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข จึงเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนและดำเนินการมาตามลำดับร่วมกับภาคีเครือข่าย




“โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงมหาดไทย ที่เข้ามาช่วยกันทำหน้าที่ในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เป็นพันธกิจที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีของกระทรวงมหาดไทย ได้พระราชทานค่านิยมนี้สืบทอดต่อกันมา เช่นเดียวกับคณะสงฆ์ที่มีหน้าที่ต้องดูแลอบรมประชาชนให้ปฏิบัติตนเป็นคนดี ทุกท่านในที่นี้ก็มีหน้าที่เช่นเดียวกัน หากทุกคนทำหน้าที่ของเราอย่างสมบูรณ์ เราก็จะสร้างสังคมที่คนดีมีระเบียบวินัย เป็นที่ต้องการของสังคม และที่สำคัญกว่านั้นคือการเป็นคนดี ดังที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำรัสที่ต้องสร้างคนดีให้เพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น วัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้ คือ การสร้างคนดีนำไปสู่การมีสังคมที่เจริญและสงบสุข ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด ในการทำความดี ในฐานะพสกนิกรไทยของพระองค์จึงขอฝากทุกท่านในการทำความดี หากทุกภาคส่วนร่วมกันจะผลักดันให้โครงการนี้สำเร็จเรียบร้อยด้วยความดีงาม ขอให้คณะสงฆ์ทุกท่านเป็นกำลังสำคัญในการบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป ขอให้ทุกท่านมุ่งมั่นดำเนินการโครงการนี้ต่อไปเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาในฐานะพุทธศาสนิกชนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า




โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย บรรยายพิเศษ เรื่อง “ความร่วมมือภาครัฐกับคณะสงฆ์ในการขับเคลื่อนกิจการพระพุทธศาสนา” โดยกล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ร่วมสนองงานร่วมกับคณะสงฆ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้สนองงานร่วมกับเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคม มาโดยตลอด

ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่พวกเราจำเป็นต้องช่วยกัน ดังที่พระคุณท่านได้ประทานโอวาทไปตอนต้นแล้วนั้น คือ การที่ทุกคนจะช่วยกัน “สืบสาน รักษา และต่อยอด” แนวพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระผู้ทรงคุณอันประเสริฐยิ่ง และสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ดังพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2562 ความว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” และพระราชดำรัส “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”

ซึ่งเป้าหมายของการทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชนมีความสุขเป็นเรื่องเดียวกัน เป็นเรื่องที่เกื้อกูลกัน ปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสุขอันดับที่ 58 ของโลก และเป็นอันดับที่ 7 ของเอเชีย ซึ่งประเทศที่มีความสูงที่สุดอันดับ 1 ของโลก คือ ประเทศฟินแลนด์ ที่ทุกพื้นที่ของประเทศมีความมั่นคงทางอาหาร มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย ประชาชนก็มีความสุข อันสอดคล้องกับแนวทางของการดำเนินโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข โดยกระทรวงมหาดไทยเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันขับเคลื่อนร่วมกับมหาเถรสมาคม เพราะเรามีหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ตลอด 132 ปีที่ผ่านมา มีเป้าหมายสูงสุด คือ สนองพระราชปณิธานในการทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชนมีความสุข




“กระทรวงมหาดไทยมีกลไกในระดับพื้นที่ มีผู้นำใน 76 จังหวัด 878 อำเภอ 7,849 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เราขับเคลื่อนร่วมกับผู้นำภาคศาสนาในพื้นที่ ทำให้ฝ่ายบ้านเมืองได้จับคู่กับฝ่ายศาสนาด้วยการทำให้เกิด “ผู้นำภาคศาสนาประจำอำเภอ ประจำตำบล”

โดยล่าสุด เมื่อวานนี้ (20 มี.ค. 67) มหาเถรสมาคมได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 8/2567 รับทราบโครงการหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยขอความเมตตาจากพระสังฆาธิการให้มีพระผู้รับผิดชอบประจำตำบล 1 พระ 1 ตำบล ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาให้ทุกหมู่บ้าน/ชุมชน เป็น ”หมู่บ้านยั่งยืน” อันสอดคล้องกับโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุขนี้ ที่เราชาวมหาดไทยได้สนองงานร่วมกับมหาเถรสมาคม

เพื่อทำให้เกิดหมู่บ้าน 5 ส ด้วยการบริหารจัดการขยะ การจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน รวมถึงการจัดตั้งธนาคารขยะรีไซเคิล โดยให้ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนนำขยะรีไซเคิลมาขายเป็นเงินกองทุนสวัสดิการของชุมชน

ซึ่งสิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันว่างานจะสำเร็จได้ เราต้องทำงานตามหลักการทำงานที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง ตาม 4 กระบวนการสำคัญ คือ ร่วมพูดคุย ร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมรับประโยชน์ โดยใช้กลไก “บวร” บ้าน วัด ราชการ และ 7 ภาคีเครือข่าย ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันสู่พี่น้องประชาชน และทั้งหมดอยู่ในโครงการนี้” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว




นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวต่อไปอีกว่า กระทรวงมหาดไทยน้อมนำแนวทางการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ตลอดจนการขับเคลื่อนโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข โดยใช้กลไกผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคีเครือข่าย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ โดยเฉพาะผู้นำด้านศาสนา 3 โครงการสำคัญ คือ
    1) โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ร่วมกับ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคม
    2) บทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน ร่วมกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม และ
    3) โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล 5 ขยายผลสู่ หมู่บ้านศีลธรรม” ร่วมกับสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร

ซึ่งทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน คือ “ชีวิตของพี่น้องประชาชน” จึงคาดหวังอย่างยิ่งว่าคณะสงฆ์จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยฝ่ายบ้านเมืองอย่างจริงจัง ด้วยเมตตาทำให้เกิดพระสงฆ์ผู้รับผิดชอบประจำตำบล ในการไปร่วมมือขับเคลื่อนทำให้เกิดสิ่งที่ดีต่อสังคมและประเทศชาติได้ดียิ่งขึ้นไป ไปช่วยกันทำให้โครงการนี้ได้ขยายผลไปสู่ทุกครัวเรือนทุกหมู่บ้านเพิ่มมากยิ่งขึ้น และทำให้หมู่บ้านศีลธรรมเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ขยายผลไปสู่การขับเคลื่อนหมู่บ้านยั่งยืน ตามพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ตามที่มหาเถรสมาคมได้มีมติรับทราบแล้วเมื่อวานนี้




“หมู่บ้านยั่งยืน คือ มีความมั่นคงทางอาหาร มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย บ้านเรือนมีความสะอาดเรียบร้อย ถูกสุขลักษณะ ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคม มีการส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้พิการ ร่วมทำสิ่งที่ดี ด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม และสิ่งสำคัญคือการถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณีสิ่งดีงามไปสู่รุ่นลูกหลาน รู้จักเข้าวัดทำบุญประกอบศาสนกิจ ซึ่งสอดคล้องกับหมู่บ้านศีลธรรม และโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข

ซึ่งทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวกันดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร คือ การทำให้เกิดคนดีมากขึ้น และการส่งเสริมให้คนดีมาเป็นผู้นำของสังคม” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม




นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้ายว่า ประเทศชาติเรามีความหวัง ด้วยการที่คณะสงฆ์ทุกท่านมาเป็นหลักชัย ทำให้ญาติโยมมีดวงตาเห็นธรรม ผลักดันขับเคลื่อนให้ข้าราชการมีกำลังใจและภาคภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอฝากผู้นำของกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ไว้กับคณะสงฆ์และพระเถระทุกท่าน และได้โปรดเมตตาในการร่วมกันแก้ไขในสิ่งผิด สนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”

นอกจากนี้ ขอฝากไปยังฆราวาสทุกท่าน ช่วยกันขับเคลื่อนทำให้พระสงฆ์และฆราวาสได้ร่วมมือกันทำสิ่งที่ดี เป็นกำลังใจให้ฝ่ายบ้านเมือง ฝ่ายญาติโยม ประเทศชาติจะมีความมั่นคงและสงบสุขได้ ด้วยความรักและความสามัคคี ความตั้งใจ และที่สำคัญคือ “Passion” หรืออุดมการณ์ในการ Change for Good ทำให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นกับประเทศไทย ขอให้พวกเรานำเอากำลังใจและพรของเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ไปทำให้สำเร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน





ขอบคุณที่มา : https://thebuddh.com/?p=78417
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ