๙. วิธุรชาดก
[๘๙๓] เธอมีผิวพรรณเหลือง ซูบผอม ถอยกำลัง เมื่อก่อนรูปพรรณ
ของเธอมิได้เป็นเช่นนี้เลย ดูกรพระน้องวิมลา พี่ถามแล้ว
ขอเธอจงบอก เวทนาในร่างกายของเธอเป็นเช่นไร ฯ
[๘๙๔] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมหมู่นาค ชื่อว่าความอยากได้โน่น
อยากได้นี่ เขาเรียกกันว่าเป็นธรรมดาของหญิงทั้งหลายใน
หมู่มนุษย์ ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐสุดในหมู่นาค หม่อมฉัน
ปรารถนาดวงหทัยของวิธุรบัณฑิต ที่บุคคลนำมาได้โดยชอบ
เพคะ ฯ
[๘๙๕] ดูกรพระน้องวิมลา เธอปรารถนาหทัยของวิธุรบัณฑิต ดังจะ
ปรารถนาพระจันทร์ พระอาทิตย์ หรือลม เพราะว่าวิธุร-
บัณฑิตยากที่บุคคลจะเห็นได้ ใครจักนำวิธุรบัณฑิตมาใน
นาคพิภพนี้ได้ ฯ
[๘๙๖] ข้าแต่สมเด็จพระบิดา เหตุไรหนอสมเด็จพระบิดาจึงทรง
ซบเซา พระพักตร์ของสมเด็จพระบิดา เป็นเหมือน
ดอกปทุมที่ถูกขยำด้วยมือ ข้าแต่สมเด็จพระบิดาผู้เป็นใหญ่
เป็นที่เกรงขามของศัตรู เหตุไรหนอสมเด็จพระบิดาจึงทรง
เป็นทุกข์พระหฤทัย อย่าทรงเศร้าโศกไปเลย เพคะ ฯ
[๘๙๗] อิรันทดีลูกรัก ก็พระมารดาของเจ้า ปรารถนาดวงหทัยของวิธุรบัณฑิต
เพราะวิธูรบัณฑิต ยากที่บุคคลจะเห็นได้ ใครจักนำวิธูรบัณฑิต มาใน
นาคพิภพนี้ได้.
[๘๙๘] เจ้าจงไปเที่ยวแสวงหาสามี ซึ่งสามารถนำวิธูรบัณฑิตมาในนาคพิภพนี้
ก็นางนาคมาณวิกานั้นได้สดับพระดำรัสของพระบิดาดังนี้แล้ว เป็นผู้มี
จิตชุ่มด้วยกิเลส ออกเที่ยวแสวงหาสามีในคืนนั้น.
[๘๙๙] คนธรรพ์ รากษส นาค กินนร หรือมนุษย์ผู้ฉลาดสามารถ จะให้
สิ่งที่น่าใคร่ทั้งปวงได้ คนไหนก็ตามที่จักเป็นสามีของเราตลอดกาลนาน.
[๙๐๐] ดูกรนางผู้มีนัยน์ตาหาที่ติมิได้ เธอจงเบาใจเถิด เราจักเป็นสามีของเธอ
จักเป็นผู้เลี้ยงดูเธอ เพราะปัญญาของเราอันสามารถจะนำเนื้อดวงใจของ
วิธูรบัณฑิตมาให้ จงเบาใจเถิด เธอจักเป็นภรรยาของเรา.
[๙๐๑] นางอิรันทดีผู้มีใจกำหนัดรักใคร่ เพราะเคยร่วมอภิรมย์กันมาในภพก่อน
ได้กล่าวกับปุณณกยักษ์ว่า มาเถิดท่าน เราจักไปในสำนักพระบิดาของ
ดิฉัน พระบิดาของดิฉันจักตรัสบอกเนื้อความนั้นแก่ท่าน.
[๙๐๒] นางอิรันทดีประดับประดานุ่งผ้าเรียบร้อย ทัดทรงดอกไม้ประพรมด้วย
จุรณแก่นจันทน์ จูงมือปุณณกยักษ์เข้าไปสู่สำนักแห่งพระบิดา.
[๙๐๓] ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐกว่าหมู่นาค ขอพระองค์ได้ทรงโปรดสดับถ้อย
คำของข้าพระองค์ ขอพระองค์จงทรงรับสินสอดตามสมควร ข้าพระองค์
ปรารถนาพระนางอิรันทดี ขอพระองค์ ได้ทรงพระกรุณาให้ข้าพระองค์
ได้อยู่ร่วมกับพระนางอิรันทดีเถิด ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ขอได้
ทรงพระกรุณารับสินสอดนั้น คือ ช้าง ๑๐๐ ม้า ๑๐๐ รถเทียมม้า ๑๐๐
เกวียนบรรทุกของเต็ม ล้วนแก้วต่างๆ ๑๐๐ ขอได้โปรดพระราชทาน
พระราชธิดาอิรันทดีแก่ข้าพระองค์เถิด พระเจ้าข้า.
[๙๐๔] ขอท่านจงรออยู่จนเราได้ปรึกษาหารือกับบรรดาญาติ มิตร และเพื่อนที่
สนิทเสียก่อน กรรมที่กระทำด้วยการไม่ปรึกษาหารือ ย่อมเดือดร้อน
ในภายหลัง.
[๙๐๕] ลำดับนั้น ท้าววรุณนาคราชเสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ ตรัสปรึกษากับพระชายา
เป็นพระคาถา ความว่า ปุณณกยักษ์ มาขอลูกอิรันทดีกะเรา เราจะให้
ลูกอิรันทดี ซึ่งเป็นที่รักของเรา แก่ปุณณกยักษ์นั้น เพราะได้ทรัพย์เป็น
จำนวนมากหรือ.
[๙๐๖] ปุณณกยักษ์ไม่พึงได้ลูกอิรันทดีของเราเพราะทรัพย์ เพราะสิ่งที่ปลื้มใจ
แต่ถ้าปุณณกยักษ์ ได้หทัยของวิธูรบัณฑิตนำมาในนาคพิภพนี้โดยชอบ
ธรรม เพราะความชอบนั่นแลเขาจะพึงได้ลูกสาวของเรา หม่อมฉัน-
ปรารถนาทรัพย์อื่นยิ่งไปกว่าหทัยของวิธูรบัณฑิตหามิได้.
[๙๐๗] ลำดับนั้น ท้าววรุณนาคราชเสด็จออกจากนิเวศน์ แล้วตรัสเรียกปุณณ-
กยักษ์มาตรัสว่า ท่านไม่พึงได้ลูกอิรันทดีของเราเพราะทรัพย์ เพราะ
สิ่งปลื้มใจ ถ้าท่านได้หทัยของวิธูรบัณฑิตนำมา ในนาคพิภพนี้โดย
ชอบธรรม ท่านจะพึงได้ลูกสาวของเรา เราปรารถนาทรัพย์อื่นยิ่งไปกว่า
หทัยของวิธูรบัณฑิตหามิได้.
[๙๐๘] ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ในโลกนี้ คนบางพวกย่อมเรียกคนใดว่า
เป็นบัณฑิต คนพวกอื่นกลับเรียกคนนั้นนั่นแลว่าเป็นพาล ในเรื่องนี้
คนทั้งหลายยังกล่าวแย้งกันอยู่ ขอได้ตรัสบอกแก่ข้าพระองค์ พระองค์
ทรงเรียกใครว่าเป็นบัณฑิต.
[๙๐๙] บัณฑิตชื่อว่าวิธูระ ผู้ทำการสั่งสอนอรรถธรรมแก่พระเจ้าธนญชัย-
โกรพยราช ถ้าท่านได้ฟังได้ยินมาแล้ว ท่านจงไปนำบัณฑิตนั้นมา
ครั้นท่านได้มาโดยธรรมแล้ว อิรันทดีธิดาของเราจงเป็นภรรยาของท่าน
เถิด.
[๙๑๐] ฝ่ายปุณณกยักษ์ ได้สดับพระดำรัสของท้าววรุณนาคราชดังนี้แล้ว ยินดี
ยิ่งนัก ลุกขึ้นแล้ว ไปสั่งบุรุษคนใช้ของตนผู้อยู่ในที่นั้นว่า เจ้าจงนำ
ม้าอาชาไนยที่ประกอบไว้แล้วมา ณ ที่นี้ ม้าสินธพอาชาไนยนั้น มีหู
ทั้งสองประดับด้วยทองคำ กีบหุ้มด้วยแก้วแดง มีเครื่องประดับอกล้วน
แล้วด้วยทองชมพูนุทอันสุกใส.
[๙๑๑] ปุณณกยักษ์ผู้ประดับประดาแล้ว แต่งผมและหนวดดีแล้วขึ้นม้าอันเป็น
ยานพาหนะของเทวดา เหาะไปในอากาศกลางหาว ปุณณกยักษ์นั้น
กำหนัดแล้วด้วยกามราคะ ปรารถนา
นางอิรันทดีนาคกัญญา ไปทูลท้าวกุเวรเวสสวัณผู้เรืองยศ
ซึ่งเป็นใหญ่แห่งหมู่ยักษ์ว่า ภพนาคนั้นเขาเรียกชื่อว่าโภควดี
นครบ้าง วาสนครบ้าง หิรัญญวดีนครบ้าง เป็นเมืองที่
บุญญกรรมนิรมิต ล้วนแต่ทองคำ สำเร็จแก่พระยานาคผู้
บริบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ทุกอย่าง ป้อมและเชิงเทิน สร้างโดย
สัณฐานคออูฐ ล้วนแล้วด้วยแก้วแดงและแก้วลาย ในนาค
พิภพนั้น มีปราสาทล้วนแล้วด้วยหิน มุงด้วยกระเบื้องทอง
ในนาคพิภพนั้น มีไม้มะม่วง ไม้หมากเม่า ไม้หว้า ไม้
ตีนเป็ด ไม้จิก ไม้การะเกต ไม้ประยงค์ ไม้ราชพฤกษ์
ไม้มะม่วงหอม ไม้ชะบา ไม้ยางทราย ไม้จำปา ไม้
กากระทิง มะลิซ้อน มะลิลา และไม้กะเบา ต้นไม้ใน
นาคพิภพเหล่านี้มีกิ่งติดต่อกันและกัน งามยิ่งนัก ในนาค-
พิภพนั้น มีต้นอินทผาลัม อันสำเร็จด้วยแก้วอินทนิล
มีดอกและผลล้วนไปด้วยทองเนืองนิตย์ ท้าววรุณนาคราชผู้มี
ฤทธิ์มาก เป็นผู้ผลุดขึ้นเกิดอยู่ในนาคพิภพนั้น มเหสีของ
พระยานาคราชนั้น กำลังรุ่นสาว ทรงพระนามว่าวิมลา
มีพระรูปพระโฉมอันประกอบด้วย ศิริงดงามดังก้อนทองคำ
สะโอดสะองดังหน่อเถาจิงจ้อดำ พระถันทั้งคู่มีสัณฐานดัง
ผลมะพลับ น่าดูยิ่งนัก พระฉวีวรรณแดงดังน้ำครั่ง เปรียบ
เหมือนดอกกรรณีการ์อันแย้มบาน เปรียบดังนางอัปสรผู้อยู่
ในสวรรค์ชั้นไตรทศ หรือเปรียบเหมือนสายฟ้าอันแลบ
ออกจากกลีบเมฆ ข้าพระองค์ผู้เป็นใหญ่ พระนางวิมลานั้น
ทรงแพ้พระครรภ์ ทรงปรารถนาดวงหทัยของวิธุรบัณฑิต
ข้าพระองค์ จะถวายดวงหทัยของวิธุรบัณฑิต แก่ท้าววรุณ-
นาคราชและพระนางวิมลา เพราะการนำดวงหทัยของวิธุร-
บัณฑิตไปถวายแล้ว ท้าววรุณนาคราชและพระนางวิมลา
จะพระราชทาน พระนางอิรันทดีราชธิดาแก่ข้าพระองค์ ฯ
[๙๑๒] ปุณณกยักษ์นั้น ทูลลาท้าวกุเวรเวสสวัณผู้เรืองยศ เป็นใหญ่
ในหมู่ยักษ์ แล้วไปสั่งบุรุษคนใช้ของตนผู้อยู่ในที่นั้นว่า
เจ้าจงนำม้าอาชาไนยที่ประกอบแล้วมา ณ ที่นี้ ม้าสินธพ
นั้นมีหูทั้งสองประดับด้วยทองคำ กีบหุ้มด้วยแก้วแดง เครื่อง
ประดับอกล้วนด้วยทองคำชมพูนุทอันสุกใส ปุณณกยักษ์
ผู้ประดับประดาแล้ว แต่งผมและหนวดดีแล้ว ขึ้นม้าอันเป็น
ยานพาหนะของเทวดา เหาะไปในอากาศกลางหาว ฯ
[๙๑๓] ปุณณกยักษ์นั้น ได้เหาะไปสู่กรุงราชคฤห์อันน่ารื่นรมย์ยิ่งนัก
เป็นนครของพระเจ้าอังคราช อันพวกข้าศึกไม่กล้าเข้าใกล้
มีภักษาหาร และข้าวน้ำมากมาย ดังมสักกสารภพของท้าว
วาสวะ เป็นนครกึกก้องด้วยหมู่นกยูงและนกกระเรียน
อื้ออึงด้วยฝูงนกต่างๆ ชนิด เป็นที่เสพอาศัยของฝูงทิชาชาติ
มีนกต่างๆ ส่งเสียงร้องอยู่อึงมี่ ภูมิภาคราบเรียบ ดารดาษ
ไปด้วยบุปผชาติดังขุนเขาหิมวันต์ ปุณณกยักษ์นั้น ขึ้นสู่
วิบุลบรรพตอันเป็นภูเขาศิลาล้วน เป็นที่อาศัยอยู่ของหมู่
กินนรเที่ยวแสวงหาแก้วมณีดวงประเสริฐอยู่ ได้เห็นดวง
แก้วมณีนั้น ณ ท่ามกลางยอดภูเขา ฯ
[๙๑๔] ปุณณกยักษ์ ครั้นเห็นดวงแก้วมณีมีรัศมีอันผุดผ่อง เป็น
แก้วมณีอันประเสริฐสุด สามารถจะนำทรัพย์มาให้ได้ดังใจ
ปรารถนา รุ่งโรจน์ชัชวาลย์ด้วยหมู่แก้วบริวารเป็นอันมาก
สว่างไสวดังสายฟ้าในอากาศ ปุณณกยักษ์ได้ถือเอาแก้วมณี
ชื่อมโนหรจินดาอันมีค่ามาก มีอานุภาพมาก เป็นผู้มีวรรณะ
ไม่ทราม ขึ้นหลังม้าสินธพอาชาไนยเหาะไปในอากาศกลาง
หาว ฯ
[๙๑๕] ปุณณกยักษ์ได้เหาะไปยังอินทปัตตนคร ลงจากหลังม้าแล้ว
เข้าไปสู่ที่ประชุมของชาวกุรุรัฐ ไม่กลัวเกรงพระราชา ๑๐๑
พระองค์ ที่ประชุมพร้อมเพรียงกันอยู่ ณ ที่นั้น กล่าว
ท้าทายด้วยสะกาว่า บรรดาพระราชาในราชสมาคมนี้ พระองค์
ไหนหนอจะทรงชิงเอาแก้วอันประเสริฐ ของข้าพระองค์ได้
หรือว่าข้าพระองค์จะพึงชนะพระราชาพระองค์ไหน ด้วย
ทรัพย์อันประเสริฐ อนึ่ง ข้าพระองค์จะชิงเอาแก้วอัน
ประเสริฐยิ่ง กะพระราชาพระองค์ไหน หรือพระราชา
พระองค์ไหน จะทรงชนะข้าพระองค์ด้วยทรัพย์อันประเสริฐ ฯ
[๙๑๖] ชาติภูมิของท่านอยู่ในแว่นแคว้นไหน ถ้อยคำของท่านนี้
ไม่ใช่ถ้อยคำของชาวกุรุรัฐเลย ท่านมิได้กลัวเกรงเราทั้งปวง
ด้วยรัศมีแห่งผิวพรรณ ท่านจงบอกชื่อและพวกพ้องของท่านแก่เรา ฯ
[๙๑๗] ข้าแต่พระราชา ข้าพระองค์เป็นมาณพกัจจายนโคตร ชื่อว่าปุณณกะ
ญาติและพวกพ้องของข้าพระองค์ อยู่ในนครกาลจัมปาก์ แคว้นอังคะ
ย่อมเรียกข้าพระองค์อย่างนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ข้าพระองค์มา
ถึงในเมืองนี้ด้วยต้องการจะเล่นพนันสะกา.
[๙๑๘] พระราชาผู้ทรงชำนาญการเล่นสะกา เมื่อชนะท่าน จะพึงนำเอาแก้วเหล่า
ใดไป แก้วเหล่านั้นของมาณพมีอยู่หรือ แก้วของพระราชามีอยู่เป็น
จำนวนมาก ท่านเป็นคนเข็ญใจจะมาพนันกะพระราชาเหล่านั้นได้อย่างไร.
[๙๑๙] แก้วมณีของพระองค์ดวงนี้ ชื่อว่าสามารถ นำทรัพย์มาให้ได้ดังใจ
ปรารถนา นักเลงเล่นสะกาชนะข้าพระองค์แล้ว พึงนำแก้วมณีดวง
ประเสริฐสามารถนำทรัพย์มาให้ได้ดังใจปรารถนา และม้าอาชาไนยเป็น
ที่เกรงขามของศัตรูนี้ไป.
[๙๒๐] ดูกรมาณพ แก้วมณีดวงเดียวจักทำอะไรได้ อนึ่ง ม้าอาชาไนยตัวเดียว
จักทำอะไรได้ แก้วของพระราชามีเป็นอันมาก ม้าอาชาไนยที่มีกำลัง
รวดเร็วดังลมของพระราชามีมิใช่น้อย.
(นี้) ชื่อโทหฬกัณฑ์
[๙๒๑] ข้าแต่พระองค์ผู้สูงสุดกว่าประชาชน ขอพระองค์ทรงทอดพระเนตร
ดูแก้วมณีของข้าพระองค์ดวงนี้ รูปหญิงและรูปชาย รูปเนื้อและรูปนก
ปรากฏเป็นหมู่ๆ อยู่ในแก้วมณีดวงนี้ พระยานาคและพระยาครุฑ
ก็ปรากฏอยู่ในแก้วมณีดวงนี้ เชิญพระองค์ทอดพระเนตรสิ่งที่น่าอัศจรรย์
อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ พระเจ้าข้า.
[๙๒๒] ขอเชิญทอดพระเนตรจตุรงคินีเสนา คือ กองช้าง กองม้า กองรถ
และกองเดินเท้าอันสวมเกราะ อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้
เชิญทอดพระเนตรพลทหารที่จัดไว้เป็นกรมๆ คือกรมช้าง กรมม้า
กรมรถ กรมราบ อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้.
[๙๒๓] ขอเชิญทอดพระเนตรพระนครอันสมบูรณ์ด้วยป้อม มีกำแพง และค่าย
เป็นอันมาก มีถนนสามแพร่ง สี่แพร่ง มีพื้นราบเรียบ อันธรรมดา
สร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรเสาระเนียด เสา-
เขื่อน กลอน ประตู ซุ้มประตู และประตู อันธรรมดาสร้างสรรค์ไว้
ในแก้วมณีดวงนี้.
[๙๒๔] ขอเชิญทอดพระเนตรฝูงนกนานาชนิดมากมาย ที่เสาค่าย และหนทาง
คือ ฝูงหงษ์ นกกระเรียน นกยูง นกจากพราก และนกเขา อันธรรมดา
สร้างสรรค์ไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรพระนครอันเกลื่อน
กล่นไปด้วยฝูงนกต่างๆ คือ นกดุเหว่าดำ ดุเหว่าลาย ไก่ฟ้า นกโพระดก
เป็นจำนวนมาก อันธรรมดาสร้างสรรค์ไว้ในแก้วมณีดวงนี้.
[๙๒๕] ขอเชิญทอดพระเนตรพระนครอันแวดล้อมไปด้วยกำแพงทอง เป็นนคร
น่าอัศจรรย์ขนพองสยองเกล้า เขาชักธงขึ้นประจำลาดด้วยทรายทอง
น่ารื่นรมย์ อันธรรมดาสร้างสรรค์ไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระ-
เนตรร้านตลาดอันบริบูรณ์ด้วยสินค้าต่างๆ เรือน สิ่งของในเรือน
ถนนซอย ถนนใหญ่ อันธรรมดาสร้างสรรค์จัดไว้เป็นส่วนๆ ในแก้ว
มณีดวงนี้.
[๙๒๖] ขอเชิญทอดพระเนตรโรงขายสุรา นักเลงสุรา พ่อครัว โรงครัว พ่อค้า
และหญิงแพศยา อันธรรมดาสร้างสรรค์ไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญ
ทอดพระเนตรช่างดอกไม้ ช่างย้อม ช่างปรุงของหอม ช่างทอผ้า
ช่างทอง และช่างแก้ว อันธรรมดาสร้างสรรค์ไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอ
เชิญทอดพระเนตรช่างของหวาน ช่างของคราว นักมหรสพ บางพวก
ฟ้อนรำขับร้อง บางพวกปรบมือ บางพวกตีฉิ่ง อันธรรมดาสร้างสรรค์
ไว้ในแก้วมณีดวงนี้.
[๙๒๗] ขอเชิญทอดพระเนตรกลอง ตะโพน สังข์ บัณเฑาะว์ มโหรทึก และ
เครื่องดนตรีทุกอย่าง อันธรรมดาสร้างสรรค์ไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญ
ทอดพระเนตรเปิงมาง กังสดาล พิณ การฟ้อนรำขับร้อง เครื่องดนตรี
ดีดสีตีเป่า อันเขาประโคมครึกครื้น อันธรรมดาสร้างสรรค์ไว้ในแก้วมณี
ดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรนักกระโดด นักมวยปล้ำ นักเล่นกล
หญิงงาม ชายงาม คนเฝ้ายาม และช่างตัดผม อันธรรมดาสร้างสรรค์
ไว้ในแก้วมณีดวงนี้.
[๙๒๘] แท้จริง ในแก้วมณีดวงนี้ มีงานมหรสพอันเกลื่อนกล่น
ไปด้วยชายหญิง ขอเชิญทอดพระเนตรพื้นที่เป็นที่เล่น
มหรสพบนเตียงที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ อันธรรมดาสร้างสรรไว้
ในแก้วมณีดวงนี้ เชิญทอดพระเนตรเถิด ขอเชิญทอด
พระเนตรพวกนักมวยซึ่งกำลังต่อยกันในสนามมวย ทั้งผู้ชนะ
และผู้แพ้ อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ฯ
[๙๒๙] ขอเชิญทอดพระเนตรฝูงเนื้อต่างๆ เป็นอันมากที่เชิงภูเขา คือ
ราชสีห์ เสือโคร่ง ช้าง หมี หมาใน เสือดาว แรด
โคลาน กระบือ ละมั่ง กวาง เนื้อทราย ระมาศ วัว
สุกรบ้าน ชะมด แมวป่า กระต่าย และกระแต ซึ่งมีอยู่
มากมายหลายหลาก ขอเชิญทอดพระเนตรฝูงเนื้อต่างๆ ซึ่ง
มีอยู่เกลื่อนกลาด อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ฯ
[๙๓๐] ในแก้วมณีดวงนี้ มีแม่น้ำอันมีท่าอันรายเรียบลาดด้วยทราย
ทอง มีน้ำใสสะอาดไหลไปไม่ขาดสาย เป็นที่อยู่อาศัยแห่ง
ฝูงปลา อนึ่ง ในแม่น้ำนี้ มีฝูงจระเข้ มังกร ปลาฉลาม
เต่า ปลาสลาด ปลากระบอก ปลากด ปลาเค้า ปลา
ตะเพียน ท่องเที่ยวไปมา ขอเชิญทอดพระเนตรขอบ
สระโบกขรณี อันก่อสร้างด้วยแผ่นแก้วไพฑูรย์ เกลื่อน
กล่นไปด้วยฝูงนกต่างๆ ดารดาษไปด้วยหมู่ไม้นานาชนิด
อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ฯ
[๙๓๑] ขอเชิญทอดพระเนตร สระโบกขรณีในแก้วมณีดวงนี้ อัน
ธรรมดาจัดสรรไว้เรียบร้อยดีทั้ง ๔ ทิศ เกลื่อนกล่นด้วยฝูง
นกต่างชนิด เป็นที่อยู่อาศัยของปลาใหญ่ๆ ขอเชิญทอด
พระเนตรแผ่นดินอันมีน้ำล้อมโดยรอบ เป็นกุณฑลแห่ง
สาคร ประกอบด้วยทิวป่า (เขียวขจี) อันธรรมดาสร้างสรร
ไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ฯ
[๙๓๒] เชิญทอดพระเนตรบุรพวิเทหทวีป อมรโคยานทวีป อุตตรกุรุ
ทวีป และชมพูทวีป ขอเชิญทอดพระเนตรสิ่งอัศจรรย์ อัน
ธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ พระเจ้าข้า ขอเชิญทอด
พระเนตรพระจันทร์และพระอาทิตย์ อันเวียนรอบสิเนรุ-
บรรพต ส่องสว่างไปทั่วทิศ ๔ ทิศ ขอเชิญทอดพระเนตร
สิ่งอัศจรรย์ อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอ
เชิญทอดพระเนตรสิเนรุบรรพต หิมวันตบรรพต สมุทร-
สาคร พื้นแผ่นดินใหญ่ และท้าวมหาราชทั้ง ๔ อันธรรมดา
สร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรพุ่มไม้ใน
สวนแผ่นหินและเนินหินอันน่ารื่นรมย์ เกลื่อนกล่นไปด้วย
พวกกินนร อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญ
ทอดพระเนตรสวนสวรรค์ คือ ปารุสกวัน จิตตลดาวัน
มิสสกวัน และนันทนวัน ทั้งเวชยันปราสาท อันธรรมดา
สร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรสุธรรม
เทวสภา ต้นปาริจฉัตตกพฤกษ์อันมีดอกแย้มบาน และพระยา
ช้างเอราวัณซึ่งมีอยู่ในดาวดึงส์พิภพ อันธรรมดาสร้างสรรไว้
ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรเถิดพระเจ้าข้า ขอ
เชิญทอดพระเนตรดูเหล่านางเทพกัญญาอันทรงโฉมล้ำเลิศ ดัง
สายฟ้าแลบออกจากกลีบเมฆ เที่ยวเล่นอยู่ในนันทนวันนั้น
อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระ
เนตรเถิดพระเจ้าข้า ขอเชิญทอดพระเนตรเหล่าเทพกัญญา
ผู้ประเล้าประโลมเทพบุตรอภิรมย์เหล่าเทพกัญญาอยู่ในนันทน
วันนั้น อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ พระเจ้าข้า ฯ
[๙๓๓] ขอเชิญทอดพระเนตรปราสาทมากกว่าพันในดาวดึงส์พิภพ
พื้นลาดด้วยแผ่นแก้วไพฑูรย์ มีรัศมีรุ่งเรือง อันธรรมดา
สร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้ ขอเชิญทอดพระเนตรสวรรค์
ชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี และชั้น
ปรนิมมิตวสวัสดี อันธรรมดาสร้างสรรไว้ในแก้วมณีดวงนี้
ขอเชิญทอดพระเนตรสระโบกขรณีในสวรรค์ชั้นนั้นๆ อันมี
น้ำใสสะอาด ดารดาษไปด้วยมณฑาลกะ ดอกปทุมและ
อุบล ฯ
[๙๓๔] ลายขาว ๑๐ แห่งอันน่าดูน่ารื่นรมย์ใจ ลายเหลืองอ่อน ๒๑
แห่ง ลายเหลืองขมิ้น ๑๔ แห่ง ลายสีทอง ๒๐ แห่ง ลาย
สีน้ำเงิน ๒๐ แห่ง ลายสีแมลงค่อมทอง ๓๐ แห่ง มีปรากฏ
อยู่ในแก้วมณีดวงนี้ ในแก้วมณีดวงนี้มีลายดำ ๑๖ แห่ง
และลายแดง ๒๕ แห่ง อันเจือด้วยดอกชะบา วิจิตรด้วย
นิลุบล ข้าแต่พระมหาราชาผู้สูงสุดกว่าปวงชน ขอเชิญทอด
พระเนตรแก้วมณีดวงนี้ อันสมบูรณ์ด้วยองค์ทั้งปวง มีรัศมี
รุ่งเรืองผุดผ่องอย่างนี้ ผู้ใดจักชนะข้าพระองค์ด้วยการเล่นสะกา แก้ว
มณีดวงนี้ ชื่อมณีกัณฑ์ จักเป็นส่วนค่าพนันของผู้นั้น.
(นี้) ชื่อมณิกัณฑ์
[๙๓๕] ข้าแต่พระราชา กรรมในโรงเล่นสะกาสำเร็จแล้ว เชิญพระองค์เสด็จไป
ทรงเล่นสะกา แก้วมณีเช่นนี้ของพระองค์ไม่มี เราพึงชนะกันโดยธรรม
อย่าชนะกันโดยไม่ชอบธรรม ถ้าข้าพระองค์จักชนะพระองค์ไซร้ ขอ
พระองค์อย่าได้ทรงทำให้เนิ่นช้า.
[๙๓๖] ข้าแต่พระเจ้าสุรเสนปัญจาลราชผู้ปรากฏ พระเจ้ามัจฉราช และพระ-
เจ้ามัททราช ทั้งพระเจ้าเกกกราช พร้อมด้วยชาวชนบท ขอจงทรง
ทอดพระเนตรดูข้าพเจ้าทั้งสองจะสู้กันด้วยสะกา กษัตริย์ก็ดี พราหมณ์
ก็ดี ไม่ได้ทำสักขีพยานไว้แล้วย่อมไม่ทำกิจอะไรๆ ในที่ประชุม.
[๙๓๗] พระราชาของชาวกุรุรัฐ และปุณณกยักษ์ผู้มัวเมาในการเล่นสะกา เข้าไป
สู่โรงเล่นสะกาแล้ว พระราชาทรงเลือกได้ลูกบาศก์ที่มีโทษ ทรงปราชัย
ส่วนปุณณกยักษ์ชนะ พระราชาและปุณณกยักษ์ทั้งสองนั้น เมื่อเจ้า
พนักงานเอาสะกามารวมพร้อมแล้ว ได้เล่นสะกากันอยู่ในโรงสะกานั้น
ปุณณกยักษ์ได้ชัยชนะพระราชาผู้แกล้วกล้าประเสริฐกว่านรชน ท่าม
กลางพระราชา ๑๐๑ พระองค์และพยานที่เหลือ เสียงบันลือลั่นได้มีขึ้น
ในสนามสะกานั้น ๓ ครั้ง.