สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะสาระ => สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน => ข้อความที่เริ่มโดย: เมตตา ที่ สิงหาคม 21, 2011, 12:23:24 pm



หัวข้อ: การทำสมาธิ ( แนวหลวงพ่อวิริยังค์ )
เริ่มหัวข้อโดย: เมตตา ที่ สิงหาคม 21, 2011, 12:23:24 pm
(http://www.madchima.net/images/607_66783433.jpg)
คำแนะนำการฝึกสมาธิจากหลวงพ่อวิริยังค์ เจ้าของหลักสูตรครูสมาธิ...แนะนำให้เดินจงกรมครึ่งชม.และนั่งสมาธิครึ่งชม.จะได้ผลเร็วขึ้น 

วัตถุประสงค์ของการทำ สมาธิ  คือการสร้างพลังจิต พลังจิตที่ได้จากการทำสมาธิมี ๒ ประเภท คือพลังหลัก และพลังเฉลี่ย
พลัง หลัก - จะถูกเก็บสะสมไว้ในจิต ไม่มีการแตกสลายตามกายเนื้อแต่สะสมข้ามภพ-ชาติ พลังเฉลี่ย - จะถูกใช้ไปในชีวิตประจำวัน การทำสมาธิ เริ่มจากการบริกรรม กำจัดความคิดและอารมณ์ต่าง ๆ ออกไป จนกว่าจิตจะสงบเบา   สมาธิต้องอยู่บนพื้นฐานที่ไม่มีอารมณ์ กำจัดได้มากเท่าไรก็เป็นสมาธิได้ลึกเท่านั้น เพราะ การทำสมาธิเป็นการกะเทาะอารมณ์ออกจากจิต เปรียบดังกะเทาะสนิมออกจากเนื้อเหล็ก ความนึกคิด การเคร่งเครียดต่อการงานทุกวัน ทำให้สมองต้องทำงานตลอดเวลาไม่มีเวลาพัก   ยิ่งคิดหรือ  เคร่งเครียด มากก็ยิ่งเป็นเหตุให้สมองมีความเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่ากำหนด   การว่างจากความคิดเสียบ้าง จึงเป็นวิธีที่ทำให้สมองได้รับการพักผ่อน การทำสมาธิจึงเป็นการหยุดพักที่มีประสิทธิภาพ เปรียบเหมือนคนเดินทางไกลหลังจากการหยุดพักสักวัน ชั่วโมงหรือไม่กี่นาที ก็ย่อมได้เรี่ยวแรงกลับมา

การทำสมาธิ มี   ๒  แบบคือ สมถะ และวิปัสสนา
สมถะ ต้องการให้ทรงสติสัมปชัญญะ ได้ความสงบ สุขสบาย
วิปัสสนา เพื่อการรู้แจ้งเห็นจริง ใช้ปัญญาเป็นเครื่องภาวนาตามความเป็นจริงของขันธ์ ๕
การ ทำสมาธิเบื้องต้นจำต้องมีสมถะ คือ ควบคุมอารมณ์จิตให้ทรงอยู่   ถ้าอารมณ์ไม่ทรงตัว วิปัสสนาจะไม่มีผล เป็นวิปัสสนาตะครุบเงา หรือวิปัสสนาตกน้ำ

วิปัสสนา ตกน้ำ                    คำพังเพย
เหมือนเงาเพชรใต้น้ำเอย        บอกให้
งมเอาเพชรเลย                   งมเปล่า    แลนา
วิปัสสนาขาดสมาธิไซร้          ผิดแล้ว    ทางกลาง   
         
   
การ ทำสมาธิต้องมีขั้นตอน การทำสมาธิขั้นต้นจึงต้องปูรากฐานด้วยความระมัดระวัง ควรจะมีผู้รู้คอยแนะนำ เปรียบเหมือนขั้นตอนของหมอรักษาโรคภัยไข้เจ็บ คนที่ไม่ไปหาหมอ แต่ซื้อยามารับประทานเองตามคำแนะนำ ของบางคน อาจจะเป็นอันตรายหรือไม่ปลอดภัย เช่นเดียวกับผู้ฝึกสมาธิที่ไม่มีครูอาจารย์แนะนำ คลำ ๆ ทำไป ก็คงจะได้ผลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่แน่นอน เหมือนกับคนไข้รับประทานยากลางบ้านไม่มีหมอสั่งให้
สมาธิมีคุณสมบัติ : ซึมซาบ อ่อนละมุน นุ่มนวลแต่เหนียวแน่น เหมือนลมละเอียดชนิดหนึ่งที่ถูกกลั่นกรองแล้วคล้ายปุยนุน เพียงแต่ปุยนุ่นไม่แกร่ง แต่สมาธิแกร่ง

ขั้นตอนของ การเดินจงกรม
๑. กำหนดเส้นทางจงกรม
๒. ยืนตรงจุดเริ่มต้นทางเดินจงกรม พนมมือระหว่างอกแล้ว หลับตากล่าว คำอธิษฐานเดินจงกรม ว่า
" เมตตา  กรุณา  มุทิตา  อุเบกขา "
ขอให้ใจของข้าพเจ้าาจงสงบเป็นสมาธิ
ยกมือที่พนมสูงขึ้นระหว่างคิ้ว กล่าวในใจว่า "สาธุ"
๓. เอามือลง ใช้มือขวาจับมือซ้าย ห้อยมือพอสบายไม่เกร็ง
๔. กำหนดจิตไว้ที่หน้าผาก ไม่ต้องหลับตา ตามองทางเดินจงกรมไกลว่าตัวประมาณ ๑.๕ - ๒ เมตร
๕. เริ่มบริกรรมคำว่า " พุทโธ ๆ " อยู่ในใจ พร้อมก้าวเท้าขวาเดินตามด้วยเท้าซ้าย ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป เดินในลักษณะเดินปกติ
๖. เมื่อเดินสุดทางจงกรม ให้ค่อย ๆ หมุนตัวกลับทางขวา ยืนทรงตัวตรง แล้วจึงเริ่มก้าวด้วยเท้าขวาเหมือนตอนเริ่มต้น
๗. เมื่อครบตามเวลาทำกำหนด ให้ยืนตรงจุดเริ่มต้นเดิน พนมมือระหว่างอก กล่าวในใจว่า
" สัพเพ  สัตตา  สุขิตา  โหนตุ "
ขอให้สัตว์ทั้งหลายจงเป็นสุข  ๆ  เถิด
แล้วยกมือที่พนมขึ้นระหว่างคิ้วแล้วกล่าวในใจว่า  " สาธุ " เป็นอันจบพิธีการเดินจงกรม


วิธีนั่งสมาธิ
นั่งขัดสมาธิ ขาขวาทับขาซ้าย ตั้งกายตรง ยกมือพนมระหว่างอก กล่าวคำอธิษฐานสมาธิ
" ข้าพเจ้า ระลึกถึง คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดา มารดา คุณครูบาอาจารย์ จงมาดลบันดาล ให้เจ้าของข้าพเจ้า จงรวมลงเป็นสมาธิ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ... พุทโธ ธัมโม สังโฆ ... พุทโธ ธัมโม สังโฆ ... พุทโธ ๆ  ๆ
เอามือลง วางบนตัก  มือขวาทับมือซ้าย  หลับตาเบา ๆ บริกรรม พุทโธ ๆ ๆ   ........ ในใจจนกว่าจะเลิก ตามเวลาที่กำหนด
หลังจากนั้นให้ตั้งใจสวดแผ่เมตตาพิเศษ  ดังนี้

สัพเพ  สัตตา  สะทา โหนตุ,  อะเวรา  สุขะชีวิโน
ขอให้สัตว์ทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่มีเวรต่อกันและกัน จงเป็นผู้ดำรงชีพอยู่เป็นสุขทุกเมื่อเถิด
กะตัง ปุญญัง ผะลัง มัยหัง, สัพเพ ภาคี ภะวันตุ เต
ขอให้สัตว์ทั้งสิ้นนั้น จงเป็นผู้มีส่วนได้เสวยผลบุญ อันที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้วนั้นเทอญ

หมั่นศึกษาเพิ่มเติมฟังธรรม หา พระอาจารย์บ้างตามสมควร แล้วท่านจะประสบความสำเร็จครับ
ขออนุโทสาธุด้วยครับ

จากคุณ    : มันตรัย2009


หัวข้อ: Re: การทำสมาธิ ( แนวหลวงพ่อวิริยังค์ )
เริ่มหัวข้อโดย: จตุพร ที่ สิงหาคม 21, 2011, 12:32:02 pm
(http://www.klongdigital.com/images_webboard3/id_33221_34.gif)

เป็นวิธีที่ ปฏิบัติ แบบง่าย ๆ ดีครับ ไม่เยิ่นเย้อ มากเรื่อง มากความครับ

 :c017: :c017: :c017: