ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ  (อ่าน 4386 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1

ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ

 thk56
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 01, 2013, 09:36:46 am »
0


อรรถกถา สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค สฬายตนสังยุตต์ ฉันนวรรคที่ ๔
๕. ปุณณสูตร
(ยกมาแสดงบางส่วน)
               
     ลำดับนั้น เมื่อพระตถาคตทรงทราบเวลาแล้วส่งบริษัทไป เขาจึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคม นิมนต์เพื่อเสวยอาหารในวันรุ่งขึ้น ให้สร้างมณฑปในวันที่ ๒ ให้ปูอาสนะ ถวายมหาทานแก่สงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน บริโภคอาหารเช้าแล้ว อธิษฐานองค์อุโบสถ ให้เรียกผู้รักษาเรือนคลังมาสั่งว่า ทรัพย์มีประมาณเท่านี้เราสละแล้ว ทรัพย์มีประมาณเท่านี้ เราไม่พึงสละ จึงบอกเรื่องทั้งหมด กล่าวว่า ท่านจงให้สมบัตินี้แก่น้องชายของเราดังนี้ มอบทรัพย์ทั้งหมดให้แล้วบวชในสำนักของพระศาสดา บำเพ็ญกรรมฐานเป็นเบื้องหน้า.

    ลำดับนั้น เมื่อท่านมนสิการพระกรรมฐานอยู่ กรรมฐานไม่ปรากฏ.
    แต่นั้น ท่านคิดว่า ชนบทนี้ไม่เป็นที่สบายสำหรับเรา ถ้ากระไร เราพึงเรียนพระกรรมฐานในสำนักพระศาสดา จะพึงไปในสถานที่ของตนนั่นแล.

    ครั้นเวลาเช้า ท่านก็เที่ยวไปบิณฑบาต ตอนเย็นออกจากที่เร้น เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ให้ตรัสบอกพระกรรมฐาน บันลือสีหนาท ๗ ครั้งแล้วก็หลีกไป.
    ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า อถโข อายสฺมา ปุณฺโณ ฯลฯ วิหรติ.


    :25: :25: :25:

    ถามว่า ก็พระปุณณะนี้ อยู่ที่ไหน.
    ตอบว่า อยู่ในสถานที่ ๔ แห่ง.


    อันดับแรก ท่านเข้าไปยังแคว้นสุนาปรันตะ ถึงภูเขาชื่อว่าอัพพุหัตถะ แล้วเข้าไปบิณฑบาตยังวานิชคาม.
    ลำดับนั้น น้องชายจำท่านได้จึงถวายภิกษากล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอท่านอย่าไปในที่อื่น จงอยู่แต่ในที่นี้เท่านั้น ให้ท่านรับคำแล้ว ให้อยู่ในที่นั้นนั่งเอง.

    แต่นั้น ท่านก็ได้ไปวิหารชื่อสมุทคิรี ในที่นั้นมีที่จงกรมซึ่งสร้างกำหนดด้วยแผ่นหินตัดเหล็ก ไม่มีใครที่สามารถจะจงกรมที่จงกรมนั้นได้ในที่นั้น คลื่นในสมุทรมากระทบที่แผ่นหินตัดเหล็กกระทำเสียงดัง พระเถระคิดว่า ภิกษุทั้งหลายผู้มนสิการพระกรรมฐานอยู่ ขอจงมีความผาสุก จึงอฐิษฐานทำสมุทรให้เงียบเสียง.

    ต่อจากนั้น ก็ได้ไปยังมาตุลคิริ. ในที่นั้นมีฝูงนกหนาแน่น ทั้งเสียงก็ต่อเนื่องเป็นอันเดียวกันทั้งกลางคืนและกลางวัน. พระเถระคิดว่า ที่นี้ไม่เป็นที่ผาสุก จากนั้นจึงได้ไปยังวิหาร ชื่อว่าสมกุลการาม.
    วิหารนั้นไม่ไกลนักไม่ใกล้นักจากวานิชคาม สมบูรณ์ด้วยคมนาคม สงัดเงียบเสียง. พระเถระคิดว่า ที่นี้ผาสุกจึงได้สร้างที่พักกลางคืนที่พักกลางวัน และที่จงกรมเป็นต้นในที่นั้นแล้วเข้าจำพรรษา.
    ท่านได้อยู่ในที่ ๔ แห่งด้วยประการฉะนี้.





    ภายหลัง ณ วันหนึ่ง ในภายในพรรษานั้นนั่นเอง พวกพ่อค้า ๕๐๐ คนบรรทุกสินค้าลงในเรือด้วยหวังว่าจะไปสู่สมุทรโน้น.
    ในวันที่ลงเรือน้องชายของพระเถระให้พระเถระฉันแล้ว รับสิกขาบทในสำนักของพระเถระ ไหว้แล้วกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ขึ้นชื่อว่าสมุทรไว้ใจไม่ได้ ขอท่านทั้งหลายพึงนึกถึงเราดังนี้แล้วขึ้นเรือไป.
    เรือแล่นไปด้วยความเร็วสูง ถึงเกาะน้อยแห่งหนึ่ง.
    พวกมนุษย์คิดกันว่า พวกเราจะหาอาหารเช้ากินดังนี้แล้วลงที่เกาะ.
    ก็ในเกาะนั้นสิ่งอะไรๆ อื่นไม่มี มีแต่ป่าไม้จันทน์เท่านั้น.

     ลำดับนั้น คนๆ หนึ่งเอามีดเคาะต้นไม้ รู้ว่าเป็นจันทน์แดง จึงกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ พวกเราไปสู่สมุทรโน้นเพื่อต้องการลาภ ก็ขึ้นชื่อว่าลาภยิ่งไปกว่านี้ไม่มี ปุ่มประมาณ ๔ นิ้วได้ราคาตั้งแสน พวกเราบรรทุกสินค้าอันควรจะบรรทุกให้เต็มด้วยไม้จันทน์. คนเหล่านั้นได้กระทำเหมือนอย่างนั้นแล้ว.

     พวกอมนุษย์ผู้สิงอยู่ในป่าไม้จันทน์โกรธแล้วคิดว่า คนเหล่านี้ทำป่าไม้จันทน์ของพวกเราให้ฉิบหาย พวกเราจักฆ่าคนพวกนั้น ดังนี้แล้วกล่าวว่า เมื่อคนเหล่านั้นถูกฆ่าในที่นี้แล ซากศพแต่ละซากศพทั้งหมดก็จักปรากฏมีในภายนอก เราจักจมเรือของพวกมันเสียกลางสมุทร.

     ครั้นในเวลาที่คนเหล่านั้นลงเรือไปได้ครู่เดียวเท่านั้น พวกอมนุษย์เหล่านั้นทำอุปาติกรูป (รูปผุดเกิดฉับพลัน) ปรากฏขึ้นเองแล้วแสดงรูปที่น่าสะพึงกลัว.
     พวกมนุษย์กลัว นอบน้อมต่อเทวดาของตน.
    กุฏุมพีชื่อจุลลปุณณะ น้องชายของพระเถระ ได้ยืนนอบน้อมพระเถระด้วยระลึกว่า ขอพี่ชายจงเป็นที่พึงของเรา.





    ได้ยินว่า ฝ่ายพระเถระนึกถึงน้องชายในขณะนั้นเหมือนกัน รู้ว่าคนเหล่านั้นเกิดความย่อยยับจึงเหาะไปยืนอยู่ตรงหน้า.
    พวกอมนุษย์พอเห็นพระเถระ คิดว่า พระผู้เป็นเจ้าปุณณเถระมา ก็หลบไป. รูปที่ผุดขึ้นก็สงบไป.
    พระเถระปลอบใจคนเหล่านั้นว่า อย่ากลัวไปเลย ดังนี้แล้วถามว่าพวกนั้นประสงค์จะไปไหน.
    คนเหล่านั้นกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ พวกกระผมจะไปสถานที่ของพวกผมนั่นแหละ
    พระเถระเหยียบกราบเรือแล้วอธิษฐานว่า ขอเรือจงไปสู่ที่พวกเขาปรารถนา.

    พวกพ่อค้าไปถึงที่ของตนแล้ว บอกเรื่องนั้นแก่บุตรและภรรยา อธิษฐานว่า พวกเราขอถึงพระเถระนั้นว่าเป็นที่พึ่ง ทั้ง ๕๐๐ คนพร้อมด้วยภรรยา ๕๐๐ คนตั้งอยู่ในสรณะ ๓ รับปฏิบัติตนเป็นอุบาสก.

    แต่นั้นก็ขนสินค้าลงในเรือ จัดเป็นส่วนหนึ่งสำหรับพระเถระแล้วกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ นี้เป็นส่วนของท่าน. 
    พระเถระกล่าวว่า อาตมาไม่มีกิจในส่วนหนึ่ง ก็พระศาสดาพวกท่านเคยเห็นแล้วหรือ.
    ม. ไม่เคยเห็นขอรับ.
    ถ. ถ้าเช่นนั้นพวกท่านจงสร้างโรงกลม เพื่อพระศาสดาด้วยส่วนนี้ พวกท่านจงเฝ้าพระศาสดาด้วยอาการอย่างนี้.
    คนเหล่านั้นรับว่า ดีละขอรับ จึงเริ่มเพื่อจะสร้างโรงกลมด้วยส่วนนั้นและด้วยส่วนของตน.


    :25: :25: :25:

    ได้ยินว่า พระศาสดาได้ทรงกระทำโรงกลมนั้นให้เป็นโรงฉัน จำเดิมแต่กาลเริ่มทำมา.
    พวกมนุษย์ผู้รักษาเห็นรัศมีในกลางคืนได้ทำความสำคัญว่า เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่มีอยู่.
    อุบาสกทั้งหลายทำโรงกลมและเสนาสนะสำหรับสงฆ์เสร็จแล้ว ตระเตรียมเครื่องประกอบทานแล้วแจ้งแก่พระเถระว่า ท่านผู้เจริญ กิจของตนพวกผมทำแล้ว ขอท่านจงกราบทูลพระศาสดาเถิด.

    ในเวลาเย็นพระเถระไปยังกรุงสาวัตถีด้วยฤทธิ์ อ้อนวอนพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญพวกคนชาววานิชคามประสงค์จะเฝ้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดกระทำอนุเคราะห์ แก่คนเหล่านั้นเถิด.
    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับนิมนต์แล้ว. พระเถระกลับมาที่อยู่ของตนตามเดิม.





    ฝ่ายพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกพระอานันทเถระมาตรัสว่า อานนท์ พรุ่งนี้พวกเราจักเที่ยวบิณฑบาตในวานิชคาม แคว้นสุนาปรันตะ เธอจงให้สลากแก่ภิกษุ ๔๙๙ รูป.
    พระเถระรับพระดำรัสแล้ว จึงได้บอกความนั้นแก่ภิกษุสงฆ์แล้วกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ขอภิกษุผู้เดินทางไปทางอากาศจงจับฉลาก.
    วันนั้น พระกุณฑธานเถระได้จับฉลากเป็นที่หนึ่ง.

    ฝ่ายพวกคนชาววานิชคามคิดว่า ได้ยินว่าพรุ่งนี้พระศาสดาจักเสด็จมา จึงกระทำมณฑปที่กลางบ้าน แล้วตระเตรียมโรงทาน.

    :25: :25: :25:

     พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชำระพระวรกายแต่เช้าตรู่ เสด็จเข้าไปยังพระคันธกุฎี ทรงนั่งเข้าผลสมาบัติ.
     บัณฑุกัมพลสิลาอาสน์ของท้าวสักกะแสดงอาการร้อนแล้ว ท่านรำพึงว่านี้อะไรกัน จึงเห็นพระศาสดาเสด็จไปยังแคว้นสุนาปรันตะ จึงตรัสเรียกวิสสุกัมเทพบุตรมาสั่งว่า พ่อเอ้ย วันนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าจักเสด็จเที่ยวบิณฑบาต ประมาณ ๓๐๐ โยชน์ ท่านจงสร้างเรือนยอด ๕๐๐ หลัง จงประดิษฐานเตรียมไว้ยอดซุ้มประตูพระวิหารพระเชตวัน.

     วิสสุกรรมเทพบุตรก็ได้จัดตามเทวโองการ เรือนยอดของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้เป็น ๔ มุข.
     ของพระอัครสาวก ๒ มุข. นอกนั้นมีมุขเดียว.





   พระศาสดาเสด็จออกจากพระคันธกุฎี เสด็จเข้าไปเรือนยอดที่ใกล้ ในบรรดาเรือนยอดอันตั้งไว้ตามลำดับ.
   มีภิกษุ ๔๙๙ รูป นับตั้งแต่พระอัครสาวกเป็นต้นไป จึงได้เข้าไป ได้มีเรือนยอดว่างอยู่หลังหนึ่ง.
   เรือนยอดทั้ง ๕๐๐ หลังลอยละลิ่วไปในอากาศ.

   พระศาสดาเสด็จถึงสัจจพันธบรรพต ได้พักเรือนยอดไว้บนอากาศ
   ดาบสผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ชื่อว่าสัจจพันธ์ที่บรรพตนั้น ให้มหาชนถือมิจฉาทิฏฐิ เป็นผู้ถึงความเป็นเลิศด้วยลาภและเลิศด้วยยศอยู่. แต่ธรรมอันเป็นอุปนิสสัยแห่งพระอรหัตตผลในภายในของท่านย่อมรุ่งโรจน์เหมือนประทีปลุกโพลงในภายในฉะนั้น.

    พระศาสดาครั้นทรงเห็นดังนั้นแล้ว จึงคิดว่าเราจักแสดงธรรมแก่เขา ดังนี้แล้วจึงเสด็จไปแสดงธรรม.
    ในเวลาจบเทศนา พระดาบสบรรลุพระอรหัต. อภิญญามาถึงท่านพร้อมด้วยพระอรหัตที่บรรลุนั่นเอง.
    ท่านเป็นเอหิภิกษุ ทรงไว้ซึ่งบาตรและจีวรอันสำเร็จแล้วด้วยฤทธิ์ ก็เข้าไปเรือนยอด (หลังที่ว่าง)

     :25: :25: :25:

    พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยภิกษุ ๕๐๐ รูปผู้อยู่ที่เรือนยอด เสด็จไปวานิชคาม กระทำเรือนยอดไม่ให้มีใครเห็นแล้ว เสด็จเข้ายังวานิชคาม.
    พวกพ่อค้าถวายทานแด่สงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน แล้วนำพระศาสดาไปยังกุฏาคาร.
    พระศาสดาได้เสด็จเข้าไปยังโรงกลม.
    มหาชนบริโภคอาหารเช้าตราบเท่าที่คิดว่า พระศาสดาทรงสงบระงับความหิวอาหาร แล้วสมาทานองค์อุโบสถ ถือเอาของหอมและดอกไม้เป็นอันมาก กลับมายังอารามเพื่อต้องการฟังธรรม.
    พระศาสดาทรงแสดงธรรมเกิดเป็นประมุขที่ผูกเป็นหุ่นของมหาชน.
    โกลาหลเพราะพระพุทธองค์ได้มีเป็นอันมาก.

   พระศาสดาประทับอยู่ในที่นั้นนั่นเองตลอด ๗ วันเพื่อสงเคราะห์มหาชน.
    พออรุณขึ้นก็ได้ปรากฏอยู่ในมหาคันธกุฏีนั้นเอง. ในที่สุดแห่งพระธรรมเทศนา ๗ วัน การตรัสรู้ธรรมได้มีแก่สัตว์ ๘๔,๐๐๐. พระองค์ประทับอยู่ ณ ที่นั้น ทับรอยพระบาท๗ วัน เสด็จเที่ยวบิณฑบาตในวานิชคาม ให้พระปุณณเถระกลับด้วยตรัสสั่งว่า เธอจงอยู่ในที่นี้แล ได้เสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำนัมมทานทีอันมีอยู่โดยลำดับ.





ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1

ประทับรอยพระบาทที่แม่น้ำนัมมทา แคว้นสุนาปรันตะ

    พระยานาคนัมมทากระทำการต้อนรับพระศาสดา ให้เสด็จเข้าไปสู่ภพนาค ได้กระทำสักการะต่อพระรัตนตรัย.
    พระศาสดาแสดงธรรมแก่พระยานาคนั้น แล้วออกจากภพนาค.
    พระยานาคนั้นอ้อนวอนว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงประทานสิ่งที่ควรสละแก่ข้าพระองค์.
    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเจดีย์ คือ รอยพระบาทไว้ ณ ฝั่งแม่น้ำนัมมทานที
    เจดีย์คือ รอยพระบาทนั้น เมื่อคลื่นหลากมาๆ ย่อมปิด เมื่อคลื่นไปแล้วย่อมเปิดออก
    ความถึงพร้อมด้วยมหาสักการะได้มีแล้ว.



ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1

ประทับรอยพระบาทที่สัจจพันธบรรพต (ภูเขาสัจจพันธ์)

    พระศาสดาเสด็จออกจากที่นั้น แล้วเสด็จไปยังสัจจพันธบรรพต ตรัสกะสัจจพันธภิกษุว่า
    เธอทำให้มหาชนหยั่งลงไปในทางอบาย เธอจงอยู่ในที่นี้แหล่ะ ให้ชนเหล่านั้นสละลัทธิเสียแล้วให้ดำรงอยู่ในทางแห่งพระนิพพาน.

    ฝ่ายพระสัจจพันธภิกษุนั้นทูลขอข้อที่ควรประพฤติ.
    พระศาสดาแสดงพระเจดีย์ คือ รอยพระบาท ที่หลังแผ่นหินแท่งทึบ เหมือนรอยตราที่ก้อนดินเหนียวเปียก.
    แต่นั้นก็เสด็จ กลับพระวิหารเชตวันตามเดิม.
    ท่านหมายเอาข้อนั้น จึงกล่าวคำมีอาทิว่า เตเนว อนฺตรวสฺเสน เป็นต้น.


    บทว่า ปรินิพฺพายิ ได้แก่ ปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสปรินิพพานธาตุ.
    มหาชนกระทำการบูชาสรีระของพระเถระ ๗ วัน ให้รวบรวมไม้หอมเป็นอันมาก ให้ฌาปนกิจแล้วเก็บเอาธาตุทำพระเจดีย์.
    บทว่า สมฺพหุลา ภิกฺขู ได้แก่ เหล่าภิกษุผู้อยู่ในที่ใกล้พระเถระ.
    คำที่เหลือในบททั้งปวงง่ายทั้งนั้น.

    จบอรรถกถาปุณณสูตรที่ ๕     



ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=18&i=112
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=1444&Z=1548
ขอบคุณภาพจาก http://buddha.dmc.tv/ , http://gallery.palungjit.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 01, 2013, 10:07:41 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 01, 2013, 10:45:12 am »
0
ask1

ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ

 thk56


รอยพระพุทธบาทหินสลัก ภายในวิหารมหามายาเทวี (ใหม่)
ลุมพินีวัน พุทธสังเวชนียสถาน ตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล
ภาพจาก http://upload.wikimedia.org/


    ans1 ans1 ans1
   
    ตามความในอรรถกถาปุณณสูตร แสดงไว้ว่า พระพุทธเจ้าประทับรอยพระบาทเอาไว้ ๒ แห่ง คือ
        ๑. แม่น้ำนัมมทา
        ๒. ภูเขาสัจจพันธ์

    ถามว่า ปัจจุบันทั้งสองแห่งอยู่ที่ไหน
    ตอบว่า จากหนังสือ “พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์”  เขียนโดย พระราชกวี (อ่ำ ธมฺมทตฺโต) วัดโสมนัสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ ได้วินิจฉัยเรื่องนี้ไว้ว่า


    “เท่าที่ปรากฏรอยตีนพุทธนี้  ย่อมทรงแสดงให้เห็นหลักฐาน  พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระองค์ว่า ได้เสด็จตั้งแต่ใต้สุดถึงเหนือสุดของ ดินแดน “สุวัณณภูมิ”  จึงเสด็จเพื่อทรงเหยียบ แสดงรอยพระบาทเป็นประจักษ์พยานไว้  ณ สัจจพันธ์คีรี(จังหวัดสระบุรี) และที่ เกาะแก้ว(เกาะแก้วพิสดาร) หรือ “นิมมทานที” (ไทยว่า..นัมมะทา) ซึ่งเป็นที่เลื่องลือมานาน กระทั่งถึงต่างประเทศคือลังกาและชมพูทวีป  เพราะคำใน “อรรถกถา” ยืนยันอยู่"

________________________________________________________
ข้อมูลจาก http://www.tamroiphrabuddhabat.com/product/book%20tamroi/book%20tamroi_3.html


     ans1 ans1 ans1

    ดังนั้นหากยึดเอาหนังสือ“พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์” เป็นหลัก
    คงต้องบอกว่า รอยพระพุทธบาทที่อินเดียไม่มี มีแต่ในประเทศไทย

    แต่ช้าก่อน ข้อมูลจาก http://www.dhammathai.org/ กล่าวไว้ว่า
    นัมมทา แม่น้ำนัมมทาไหลผ่านแคว้นสุนาปรันตะ พระพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทา เมื่อพระพุทธเจ้าองค์เสด็จไปแสดงธรรมโปรดชาวสุนาปรันตะและนัมมทานาคราช นาคราชขอของที่ระลึกไว้บูชา จึงทรงประทับรอยพระบาทไว้นับเป็นรอยพระพุทธบาทที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
    สัจจพันธ์ ภูเขาสัจจพันธ์อยู่ในแคว้นสุนาปรันตะ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมายังแคว้นสุนาปรันตะพร้อมด้วย พระภิกษุสงฆ์สาวกจำนวนมากระหว่างทางทรงหยุดประทับโปรดสัจจพันธดาบสที่ภูเขาสัจจพันธ์ จากนั้นพระสัจจพันธ์ ซึ่งบรรลุพระอรหัตตผลแล้วมาในขบวนด้วย หลังจากทรงแสดงธรรมโปรดชาวสุนาปรันตะ และประทับรอยพระบาทรอยแรกไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทาแล้ว
    จากนั้นเสด็จต่อไปถึงภูเขาสัจจทันธ์ตรัสสั่งพระสัจจพัธ์ให้อยู่สั่งสอนประชาชน ณ ที่นั้น พระสัจจพันธ์ทูลขอสิ่งที่ระลึกไว้บูชา พระพุทธเจ้าทรงประทับรอบพระบาทไว้ที่ภูเขาสัจจพันธ์นั้น อันนับว่าเป็นประวัติการเกิดขึ้นของรอยพระพุทธบาทสองรอยแรก


   อีกข้อมูลหนึ่งจาก http://www.horolive.com/ กล่าวไว้ว่า
   แม่น้ำนัมมทานที ปัจจุบันคือแม่น้ำเนรบุตตา  หรือนรมทา ในประเทศอินเดีย

________________________________________
ข้อมูลจาก http://www.dhammathai.org/buddha/g49.php
http://www.dhammathai.org/buddha/g410.php
http://www.horolive.com/astrology/content06-02-2556-1.html#.UdDu9axYxGo


      ans1 ans1 ans1
     
      จากข้อมูลที่ขัดแย้งกัน จึงไม่อาจสรุปได้ว่า ที่อินเดียมีรอยพระพุทธบาทหรือไม่
      แต่หากจะมีรอยพระพุทธบาทแล้ว คงไม่พ้นที่ แม่น้ำนัมมทาและภูเขาสัจจพันธ์
      คุยเป็นเพื่อนเท่านี้ครับ

       :25: :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

VongoleX

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2013, 07:57:55 am »
0
สรุป แล้ว ก็คือ ที่ดินแดน พุทธภูมิ นั้น ไม่มีรอยพระพุทธบาท พระพุทธบาทในตำนาน นั้นปรากฏอยู่ที่ประเทศไทย น่าคิด น่าคิด

  thk56 :49: st12 st12
บันทึกการเข้า
ผู้พิทักษ์รุ่นที่ 10 แห่ง Vongole จับมือกับ แก็งค์ อ๊บ อ๊บ

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2013, 08:02:31 am »
0
จะมีได้อย่างไร แม้แต่ คัมภีร์ ทางพระพุทธศาสนา แท้ ๆ ยังไม่มีเเลย

  :coffee2: :49:
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ