ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่ต้องชวนผม เข้าร่วมการเมือง การศาสนา การปกครอง การวัด ใด ๆ ทั้งสิ้น  (อ่าน 1332 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ขออนุโมทนา กับพระคุณเจ้า ทุกรูปทุกท่าน ที่ต้งใจทำงานช่วยเหลือสังคม ด้วยการเสียสละในรูปแบบต่าง ๆ
อันที่จริงผมนั้นก็ไม่ได้ มีความสำคัญอะไรมากนัก ในระบบการปกครองสงฆ์ การชักชวนลงสนามการเมือง การศาสนา ตลอดถึงการวัด มันจะทำให้อึดอัดขัดใจไปกับผมได้ เพราะผมไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ ผมสนใจแต่การภาวนาละกิเลสตามแนวทางกรรมฐานเท่านั้น
ดังนั้นท่านจะชวนไปแสดงความเห็น เรื่องการเมือง การปกครอง ตลอดถึงร่วมต่อต้าน ศาสนาอื่น ๆ ที่เข้ามาเบียดเบียนนั้น ผมขอบอกว่า ผมทำมานานแล้วแต่วันนี้เห็น ความเป็นจริงว่า โลกเราทุกวันนี้ มีแต่คนเอาตัวรอด ถึงสถานการณ์จริง ก็เอาตัวรอด และถีบส่งผมไปแนวหน้า ให้ผมไปตายก่อน ทุกครั้ง และก็รอรับผลประโยชน์กัน
สภาวะหัวเดียวกระเทียมลีบ ผมเข้าใจดี เพราะไม่ว่าผมจะดีขนาดไหนก็ตาม สงฆ์ทุกวันนี้ก็จะเลือกคนมียศ เลือกพวกก่อนเสมอ ไม่ได้เลือกที่คุณธรรม
ปัจจุบันผมไม่มองโลกสวย ไม่เชื่อว่า ทุกคนจะเป็นคนดี มีเหตุผลกันทุกคน แต่มองโลกตามความเป็นจริง ว่า คนที่อยู่กับกิเลสก็มี อยู่กับการละจากกิเลสมีน้อย หาได้ยากอย่างยิ่ง ดังนั้นปัจจุบันผมไม่เคยรู้สึกว่า พระสงฆ์ทั้งประเทศสามัคคีกันจริง ยิ่งเห็นพระสงฆ์ไปรวมตัวเดินขบวน การเมืองการปกครองผมรู้สึกว่า ทุกวันนี้พระเราเดินไกลจากพระพุทธเจ้าออกไปมากกันแล้ว
พระพุทธเจ้าสอนให้สันโดษ เป็นอยู่แต่พอเพียง แต่ทุกวันนี้ พระคุณเจ้าอยู่กันสุขสบาย นอนติดแอร์ มีรถหรู มีคนรับใช้ ที่นอนปูพรหม กุฏิราคาเรือนแสน เรือนล้าน อาหารกินทิ้งกินขว้างผมเดินทางทั่วประเทศ ผมรู้ผมเห็นแต่ละที่เป็นอย่างไร ที่ไม่มีก็ไม่มีเลย ที่อดก็อดไป จัดการอย่างไร จึงไม่มีความศรัทธาในการปกครองของสงฆ์ในปัจจุบัน ที่อวยยศ หลงลาภสักการะ ไม่สนับสนุนผู้ภาวนาธรรมจริง ๆ กุฏิเรือนว่าง ศาลาว่างมากมาย จะถูกใช้ประโยชน์ ก็เมื่อต้องมีผลประโยชน์เข้ามา ในขณะที่ผู้มีจิตศรัทธาทำบุญ ฐานะยากจนกินมื้ออดมื้อก็มี แต่พระสงฆ์ส่วนใหญ่ อยู่ดีกินดี มีสุข ทะเลาะเบาะแว้งเรื่องผลประโยชน์ทางโลกธรรม มัวแต่ประจบคฤหัสถ์ ประทุษร้ายตระกูล จึงทำให้เกิดการแตกแยก ทางการปกครองมากขึ้น
ผมจึงเลือกทำงานปิดทองหลังพระ มุ่งเน้นคนที่มีความปรารถนา ในโพธิญาณ ไปสู่เป้าหมายคือ พระนิพพาน ในปัจจุบันเป็นหลัก ใครมีบุญร่วมกัน ก็มาเรียนธรรม นำกรรมฐานไปภาวนา จะมากจะน้อยตามความเข้าใจ ซึ่งตรงนี้เป็นกิจที่ผมพอจะช่วยพระพุทธศาสนา ได้นิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งคนที่มีแนวคิดเห็นธรรมอย่างนี้ไม่ได้มีมาก
ดังนั้นผมจึงไม่อยากเข้าไปยุ่ง เรือ่งการเมือง การศาสนา การสงฆ์ การวัด การปกครอง เพราะว่ารู้ดีแล้วว่า มันเป็นชะตาของคนไทยทั้งชาติ ที่จะต้องรับผลแห่งกรรมนี้ด้วยกัน สิ่งใดจะเกิดย่อมเกิดตามนั้น สิ่งใดจะดับก็ย่อมดับตามนั้น
ไม่มีใครทำให้ใครถูกใจได้ นอกจากจะเห็นสัจธรรมด้วยตนเองว่า ในวัฏฏะสงสาร มีทุกข์ เท่านั้นที่รออยู่ ถ้าไม่อยากวุ่นวาย เรื่อง ดี เรือ่ง ชัว ก็ไม่ควรอยู่ในวัฏฏะสงสาร นี้ต่อไป ควรเดินตามอริยะมรรค ที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ จะดีกว่า




อ่านเรื่องสันโดษ
สันโดษ กับ อยู่ เฉยๆ ไม่ยุ่งอะไร ใช่ความหมายเดียวกันหรือไม่ ^_^
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=6405.0
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ